realme Number Series รุ่นใหม่เตรียมเปิดตัวในไทยอีกครั้ง รอบนี้จัดเต็มกว่าที่เคยเพราะมากับรุ่น + ทั้ง 2 รุ่นกับ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ที่มาพร้อมสโลแกน “Be a Portrait Master” ยกระดับเรื่องกล้องให้เหนือกว่าคู่แข่งในราคาเดียวกันเป็นไหน ๆ

อ๊ะ…เกริ่นมาขนาดนี้แล้วก็ไม่อยากให้ต้องรอนาน วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net เอาเครื่องจริงมาแกะกล่องให้ชมดีไซน์ พร้อมสรุปไฮไลท์ที่น่าสนใจของ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G มาฝากก่อนเปิดตัวเหมือนเคย ติดตามครับ!
แกะกล่อง realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G
มาเลย! เริ่มแกะกล่องทั้งคู่เลยดีกว่า ที่หน้ากล่องเราจะเห็นชื่อรุ่นชัดเจนด้วยตัวหนังสือสีดำบนกล่องสีเหลืองที่เป็นสีของแบรนด์ realme ครับ

ที่ด้านหลังก็จะมีไฮไลท์สเปคของแต่ละรุ่นระบุไว้ครบ สร้างความตื่นเต้นให้ตั้งแต่ก่อนเจอตัวจริงเลยล่ะ

เปิดกล่องออกมาชั้นแรกเราจะเห็นกล่องสีเหลืองชั้นแรกพร้อมสโลแกนใหม่ของแบรนด์ realme ในปีนี้ Make it real ภายในกล่องนี้จะมีเข็มจิ้มถาดซิม, เอกสารคู่มือ และเคสซิลิโคนใสครับ


ถัดลงไปก็จะเจอกับตัวเครื่องที่อยู่ในซองเหมือนกัน เดี๋ยวไว้เรามาดูกันชัด ๆ อีกทีเนาะว่าได้สีอะไรมาในรอบนี้

อุปกรณ์เสริมชุดล่างสุดก็จะเป็นสายชาร์จแบบ USB-C to USB-A และอะแดปเตอร์ชาร์จไวครับ ซึ่งทั้ง realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G จะรองรับชาร์จไวสูงสุด 67W SUPERVOOC เหมือนกันครับ

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ก็จะมีทั้งหมด 6 อย่างเท่ากันประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง realme 12+ 5G | 12 Pro+ 5G
- เคสซิลิโคน
- สายชาร์จ USB-C to USB-A
- อะแดปเตอร์ 67W SUPERVOOC
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เอกสารคู่มือ

ดีไซน์ realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G
เอาล่ะ! ได้เวลายลโฉมดีไซน์ของ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G แล้วครับ ต้องบอกว่าทั้งคู่ใช้ Design Language แบบเดียวกัน คือดีไซน์กล้องวงกลมอันโดดเด่นและมีรายละเอียดเสริมเรื่องราวไปทั่วฝาหลัง

เริ่มที่ดีไซน์กล้องจากนาฬิกาสุดหรูก่อนเลย ตรงนี้ถูกออกแบบโดย realme Design Studio จับมือกับ Ollivier Savéo (โอลิวิเยร์ ซาเวโอ) ผู้ผลิตนาฬิกาหรูชื่อดังของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร่วมมือกับแบรนด์นาฬิกาสวิสหรู เช่น Rolex, Roger Dolby, Piaget, Breitling และ Quentin ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้นำเสนอความหรูหรา งานฝีมือ และความใส่ใจอย่างพิถีพิถัน

ตัวกระจกเลนส์ของทั้งคู่จะเหมือนหน้าปัด Sunburst ที่ถูกขัดเงาสร้างพื้นผิวยูวีไล่ระดับแสงที่น่าหลงใหล การเคลือบออปติคอลผสมผสานเงาและแสงได้อย่างลงตัว สะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแน่นอนครับ

ตรงกลางเครื่องเราจะเห็นแถบสีทองคาดผ่านไปจนถึงสุดตัวเครื่อง ตรงนี้ realme ผสมผสานเทคนิคการออกแบบรูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 3D พิเศษ เพื่อให้มีรูปลักษณ์คล้ายกำไลหรูแบบเมทัลลิก เพิ่มความพรีเมี่ยมให้ตัวเครื่องได้อีกเยอะจริง ๆ ครับ

แค่อะไรทอง ๆ คงยังไม่พอเพราะ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ยังมาพร้อมฝาหลังหนังวีแกนพรีเมี่ยมที่ผลิตจากวัสดุซิลิโคนคุณภาพสูงที่ทนทานต่อสิ่งสกปรก ให้ความรู้สึกนุ่มนวลที่ผสมผสานทั้งความหรูหราและการใช้งานจริงได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

นอกจากเรื่องงานออกแบบและวัสดุแล้ว Savéo ยังช่วยออกแบบสีอันเป็นเอกลักษณ์จากโลกแห่งนาฬิกาสุดหรูที่ส่งต่อมาถึง 2 รุ่นนี้ได้แบบลงตัวสุด ๆ อย่าง realme 12+ 5G นั้นจะมาพร้อมกับสี Pioneer Green และ Navigator Beige ทั้งสองสีสื่อถึงความสง่างามและความรู้สึกเงียบสงบและการผจญภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสี Pioneer Green ที่เป็นสีแห่งความสง่างามและความหรูหราแบบเรียบง่าย ซึ่งมักพบในหน้าปัดของนาฬิกาหรู

ส่วน realme 12 Pro+ 5G ก็มาพร้อมสีไฮไลท์สี Submarine Blue ที่สื่อถึงความสง่างามอันเงียบสงบ และสี Navigator Beige เพื่อความประณีตเช่นเดียวกับ realme 12+ 5G ด้วย อย่างที่บอกว่าสีเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์นาฬิกาสุดหรูอันทรงเกียรติ ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งดูหรูหราอย่างจริงจังเลยล่ะครับ

เห็นจุดที่ใช้เหมือนกันไปแล้ว ทีนี้เราลองพลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันหน่อย ตรงนี้เราจะเห็นความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้ขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะครับ โดยความต่างคือรูปแบบหน้าจอที่ realme 12+ 5G จะใช้หน้าจอแบบ Flat ในขณะที่ realme 12 Pro+ 5G จะใช้หน้าจอโค้งนั่นเองครับ

ซึ่งตรงนี้เราว่าทำได้ดีทั้งคู่เนาะ บางคนก็ชอบหน้าจอแบบ Flat ที่แสดงผลได้เต็มที่เวลามองตรง ๆ บางคนก็ชอบความเป็นจอโค้งเพราะรู้สึกว่าได้ความพรีเมี่ยมที่มากกว่า ใช้งานร่วมกับพวก Navigation Gesture ได้อย่างลื่นไหล

ในเรื่องการแสดงผล realme 12+ 5G กับ realme 12 Pro+ 5G จะได้จอ AMOLED ความละเอียด FHD+ มี Refresh rate สูง 120Hz มอบความสวยงามและลื่นไหลเหมือนกันทั้งคู่ แต่ขนาดหน้าจอจะแตกต่างกันนิดหน่อยคือ 6.67″ กับ 6.7″ ตามลำกับครับ

นอกจากหน้าจอ Flat หน้าจอโค้งแล้ว ทั้งคู่ยังมีดีไซน์กรอบเครื่องที่ต่างกันด้วย โดย realme 12+ 5G จะมาพร้อมกรอบเครื่องแบบเหลี่ยมทำให้จับได้เต็มไม้เต็มมือ มาพร้อมความบางแค่ 7.87 มม.และเบาเพียง 190 กรัมเท่านั้น

ในขณะที่ realme 12 Pro+ 5G จะมาพร้อมดีไซน์กรอบโค้งรับกับหน้าจอและฝาหลังที่โค้งเข้ามาได้อย่างลงตัว จึงทำให้รู้สึกว่าตัวเครื่องมีความบางมากกว่า แต่ถ้าดูกันจากตัวเลขรุ่นนี้จะมีความหนาอยู่ที่ 8.75 มม. ส่วนน้ำหนักก็ยังเบาอยู่ที่ 196 กรัมเท่านั้นครับ

รอบ ๆ ตัวเครื่องก็วางตำแหน่งไว้คล้ายกัน มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงพร้อมกับปุ่ม Power อยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ตำแหน่งกดได้ง่าย

ด้านล่างของตัวเครื่องก็จะมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ไมโครโฟนสนทนา ลำโพงหลักตัวเครื่องและช่องใส่ซิมตรงนี้เหมือนกันอีก

ส่วนด้านบนตรงนี้จะแตกต่างกันิดนหน่อยตรงที่ realme 12+ 5G จะมีช่องหูฟัง 3.5 มม. IR Infrared ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ในขณะที่ realme 12 Pro+ 5G จะเป็นช่องลำโพงตัวที่ 2 แทน ไม่มีช่องหูฟังมาให้ใช้งานครับ

โดยรวมเรื่องดีไซน์ของ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็น realme Number Series ทั้งการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาหรู ฝาหลังแบบหนังวีแกน หรือจะเป็นสีสันที่เพิ่มความพรีเมี่ยมให้ตัวเครื่องอย่างชัดเจน เป็นดีไซน์มองปุ๊บก็ถูกใจได้ในทันที เรื่องดีไซน์ชวนตื่นตาตื่นใจคงต้องยกให้ realme จริง ๆ ครับ ไม่ผิดหวังเลย

สเปค realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G
สเปคของทั้งคู่นั้นได้ชิป 5G ประสิทธิภาพสูงมาทั้งคู่ แต่จะใช้กันคนละค่ายพร้อมความจุที่มีให้เลือกก็ต่างกันนิดหน่อยดังนี้
- realme 12+ 5G ใช้ชิป Dimensity 7050 Octa-Core 2.6GHz (6nm) | ความจุ 8GB + 256GB
- realme 12 Pro+ 5G ใช้ชิป Snapdragon 7s Gen 2 Octa-Core 2.4GHz (4nm) | ความจุ 8GB + 256GB/12GB + 512GB

ส่วนแบตเตอรี่และระบบชาร์จไวทั้ง realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ให้มาเหมือนกันคือแบตเตอรี่ 5000mAh ระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOC ถือว่าน่าสนใจเลย เพราะได้แบตฯเยอะกับชาร์จไวระดับนี้ แต่ตัวเครื่องยังบางเฉียบอยู่มาก ๆ

กล้อง realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G
มาถึงเรื่องกล้องที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ realme 2 รุ่นนี้กันเลยดีกว่า ทั้งคู่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวและสเปคที่น่าสนใจมาก ๆ อย่างที่บอกว่ารอบนี้เขามากับสโลแกน Be a Portrait Master จึงได้กล้องที่ถ่ายคนได้อย่างยอดเยี่ยม แบ่งสเปคของแต่ละรุ่นดังนี้ครับ

สเปคกล้อง realme 12+ 5G
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-600) f/1.88
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 2MP กล้อง Macro f/2.4
- 16MP กล้องหน้า f/2.45

สเปคกล้อง realme 12 Pro+ 5G
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ IMX890) f/1.8 OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 64MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์ OV64B) f/2.6 OIS
- 32MP กล้องหน้า f/2.4

ซึ่งไฮไลท์ของรอบนี้ก็อย่างที่บอกว่า realme 12 Pro+ 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นแรกที่มาพร้อมกล้อง Periscope 3x แถมไม่ใช่ความละเอียดระดับธรรมดาเพราะจัดเต็ม 64MP เลยด้วย ทำให้เราถ่ายภาพในมุมมองที่แตกต่างได้อย่างคมชัดและมีคุณภาพ ส่วน realme 12+ 5G ก็ได้ใช้เซ็นเซอร์กล้องหลักตัวใหม่อย่าง Sony LYT-600 ที่ประมวลผลได้ยอดเยี่ยมสามารถซูมแบบ In-Sensor ได้ที่ระดับ 2x อย่างคมชัดด้วยเช่นกัน

และด้วยความที่สร้างจุดยืนมาเป็น Portrait Master ทั้งคู่เลยมีโหมด Portrait ชั้นยอดที่สามารถถ่ายได้ 2 ระยะคือ 12+ 5G ได้ 1x/2x และ 12 Pro+ 5G ได้ 1x/3x ช่วยมอบภาพบุคคลที่เนียนตาทั้งระยะเต็มตัวหรือครึ่งตัว แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะ realme ยังจับมือกับ Claudio Miranda ผู้ชนะรางวัลออสการ์สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Cinematography) พัฒนาฟิลเตอร์พิเศษมาให้ 3 แบบ พร้อมอัตราส่วนแบบ Cinematic 2.39:1 มาให้เราใช้ถ่าย Portrait แบบงาม ๆ อีกด้วยครับ

สรุปสเปค realme 12+ 5G
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.67″
- ความละเอียด : FHD+ (2400×1080 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 2000nits
- Refresh rate : 120Hz, Touch Sampling rate 240Hz
- ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 7050 Octa-Core 2.6GHz (6nm)
- RAM : 8GB
- Storage : 256GB
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 67W SUPERVOOC
- กล้องหน้า : 16MP f/2.45
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก (LYT-600) f/1.88
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 2MP กล้อง Macro f/2.4
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (realme UI 5.0)
- สีสัน : Pioneer Green, Navigator Beige

สรุปสเปค realme 12 Pro+ 5G
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.7″
- ความละเอียด : FHD+ (2412×1080 พิกเซล), แสดงผลสีสัน 10bit (1.07 พันล้านสี)
- Refresh rate : 120Hz, Touch Sampling rate 240Hz
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 7s Gen 2 Octa-Core 2.4GHz (4nm)
- RAM : 8GB/12GB
- Storage : 256GB/512GB
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 67W SUPERVOOC
- กล้องหน้า : 32MP f/2.4
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก (IMX890) f/1.8, OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
- 64MP กล้อง Periscope 3x f/2.6, OIS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (realme UI 5.0)
- สีสัน : Submarine Blue, Navigator Beige

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงพรีวิวคร่าว ๆ หลังจากแกะกล่องของ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ให้ได้เห็นดีไซน์และฟีเจอร์น่าสนใจของรุ่นนี้เท่านั้นเนาะ แต่แค่นี้ก็เชื่อว่าหลายคนสนใจ อยากรู้ประสบการณ์การใช้งานจริงแล้วล่ะสิ ยังไงรอติดตามรีวิวฉบับเต็มของรุ่นนี้ได้หลังงานเปิดตัววันที่ 21 มีนาคมนี้ได้เลย แอบบอกก่อนเลยว่า 2 รุ่นนี้จะมาเขย่าวงการสมาร์ทโฟนรุ่นกลางสาย Portrait อีกครั้งแน่นอนครับ!
