Featured
รีวิว realme 3 Pro ขุมพลัง Snapdragon 710 ชาร์จไว VOOC 3.0 และถ่ายกลางคืนสวยด้วย Super Nightscape
realme 3 Pro สมาร์ทโฟนตัวท็อปใหม่ล่าสุดจาก realme มาพร้อมขุมพลัง Snapdragon 710 ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ตัวเครื่องชาร์จไว VOOC 3.0 และถ่ายกลางคืนสวยด้วย Super Nightscape
สรุปข้อมูลและสเปค realme 3 Pro
- ราคาเปิดตัว 6,999 บาท สำหรับรุ่นแรม 4GB+64GB และ 8,999 สำหรับรุ่นแรม 6GB+128GB (พฤษภาคม 2019)
- ขนาดตัวเครื่อง 156.8 x 74.2 x 8.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 172 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว หน้าจอแบบหยดน้ำ ความละเอียดระดับ FullHD+ อัตราส่วน 19.5:9
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 (Android 9.0 Pie)
- ชิพเซ็ต Qualcomm SDM710 Snapdragon 710 (10 nm)
- จีพียู Adreno 616
- แรม 4GB+64GB หรือ 6GB+128GB ใส่เมมเพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 256GB
- กล้องหลังเลนส์คู่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 และ 5 ล้านพิกเซล Depth sensor รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB, Wi-Fi , Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ 4,045mAh รองรับชาร์จ VOOC 3.0 กำลังไฟ 20W
- ปุ่มสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
realme 3 Pro มาในกล่องสีเทาแบบเรียบ โดยฝากล่องจะมีเพียงชื่อแบรนด์และชื่อรุ่นเป็นโทนสีเหลือง และอุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง ได้แก่
- ตัวเครื่อง realme 3 Pro และแบตเตอรี่ในตัว
- อะแดปเตอร์ VOOC 3.0
- สาย microUSB รองรับ VOOC 3.0 สำหรับชาร์จไฟหรือถ่ายโอนข้อมูล
- ใบรับประกันและคู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- เคส
ด้านการดีไซน์ของ realme ถือเป็นแบรนด์ที่มีการสร้างสรรความโดดเด่นในทุกๆ รุ่นจริงๆ โดยในรุ่น realme 3 Pro ได้รับการดีไซน์แบบ Speedway ที่มีลายเส้นด้านหลัง S Curve ซึ่งได้รับแรงบัลดาลใจจากการแข่งรถระดับตำนานอย่าง Le-Mans โดยแพทเทิร์นเส้นแสงคู่ขนานที่อยู่ด้านหลังงตัวเครื่องนี้มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “แสงแรกพบ”
ตัวเครื่องที่ใช้ในรีวิวนี้เป็นสี Nitro Blue เป็นการไล่เฉดสีระหว่างสีม่วงและสีน้ำเงิน โดยมีลายของเส้น Speedway ที่ทำให้มองเห็นเป็นรูปตัว S และเห็นการวิ่งของแสงเมื่อถือเครื่องขยับไปมา
พื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องเต็มไปด้วยพื้นที่ของหน้าจอแสดงผลที่ขยายให้ชิดขอบทุกด้าน และมาพร้อมหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ Waterdrop ซึ่งเป็นพื้นที่รอยบากเล็กๆ สำหรับติดตั้งเลนส์กล้องหน้า ทำให้ได้พื้นที่หน้าจอแสดงผลเพิ่มขึ้น
realme 3 Pro มีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าและคมชัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับ realme 3 น้องเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว โดยอัตราส่วนหน้าจอของรุ่น Pro เป็นหน้าจอแบบยาวที่ให้มุมมองกว้าง 19.5:9 แสดงคอนเทนท์และวิดีโอได้แบบเต็มตา
การดีไซน์หน้าจอให้ชิดขอบทุกด้านจนแทบไม่เหลือขอบ ทำให้ได้หน้าจอที่ใหญ่มากขึ้น และลดขนาดตัวเครื่องไม่ให้ใหญ่จนเกินไปได้ด้วย ยังคงจับใช้งานถนัดในมือเดียว และครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ขอบโค้งมน 2.5D จับถนัดมือ ขอบไม่คม
นอกจากนี้แล้วจะเห็นด้านหน้าดูสะอาดตามากๆ ด้วยการซ่อนเซ็นเซอร์ต่างๆ และนำลำโพงไปซ่อนไว้ในช่องว่างระหว่างหน้าจอและกรอบตัวเครื่อง อีกทั้งยังดูเนียนเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมดด้วยการเคลือบผิวให้มีสีดำสนิทกลืมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน
ขอบด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องหูฟัง, ไมโครโฟน, พอร์ต microUSB และลำโพง
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และช่องใส่ซิมแบบ 3 Slot รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง และใส่ microSD card เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับตัวเครื่องได้สูงสุด 256GB
ขอบด้านขวามีปุ่ม Power
ขอบด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่สอง
ด้านหลังมีเลนส์กล้องคู่จัดวางในแนวตั้ง โดยเลนส์หลักมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (RGB) พร้อมดีไซน์กรอบเลนส์สีเหลือง ดูสวยงามมากขึ้น และอีกเลนส์ 5 ล้านพิกเซล (Depth Sensor) สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Portrait Mode โดยมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านหลังด้วย
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
realme 3 Pro รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 ซึ่งครอบทับอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie เวอร์ชั่นล่าสุด โดยได้รับการดีไซน์อินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด เน้นเฉดสีขาวเป็นพื้นหลังและไล่เฉดสีในโทนสีอ่อน เพื่อให้ดูเรียบง่าย นุ่มนวล และสบายตามากยิ่งขึ้น
ไอคอนแอพพลิเคชั่นระบบได้รับการดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกัน โดยมีสีสันที่สดใสและเป็นไอคอนแบบวงกลม ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมอีกต่อไปแล้ว ทำให้หน้าจอดูเป็นอิสระและมีความสวยงาม รวมไปถึงการเพิ่ม App Drawer สำหรับเรียกดูรายการแอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่ติดตั้งบนตัวเครื่อง โดยไม่ต้องจัดเรียงไว้ในหน้าโฮมทั้งหมด
สำหรับภาพวอลเปเปอร์ที่มาในตัวเครื่องเป็นชุดใหม่ที่เป็นภาพแนวศิลปะสมัยใหม่ ซึ่งมีสีสันสดใส และภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่ดูมีชีวิตชีวาคล้ายการเคลื่อนไหว
หน้าจอแสดงผลของ realme 3 Pro รองรับการเล่นวิดีโอ HDR ด้วย ซึ่งจากการทดสอบเล่นคลิปบน YouTube ที่ความละเอียด 1080p HDR ความเร็ว 60pfs ได้ภาพที่ลื่นไหลและคมชัดมากๆ
ColorOS 6 ได้ปรับปรุงในส่วนของอนิเมชั่นภาพเคลื่อนไหวในเมนูต่างๆ ด้วย เช่น เอฟเฟ็กต์ลูกเล่นสวยๆ ในหน้าจอแนะนำระบบ Face Unlock และขณะชาร์จแบตเตอรี่จะมีเอฟเฟ็กต์ไอคอนวงกลมที่เหมือนการไหลของพลังงานเข้าสู่ศูนย์กลางของวงกลม
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม และรองรับ VoLTE การโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงสนทนามีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันได้ และยังรองรับ VoWi-Fi ที่สามารถโทรผ่านไวไฟได้อีกด้วย
Riding Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การขับขี่ไม่ถูกรบกวน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยระบบจะใช้ตัวอักษรและปุ่มขนาดใหญ่ที่สามารถรับหรือปฏิเสธได้เท่านั้น และถ้าเลือกปฏิเสธสายโทรเข้า ระบบจะส่ง SMS กลับอัตโนมัติไปยังสายที่โทรเข้า หรือจะเลือกกำหนดเบอร์โทรศัพท์ที่อนุญาตในการรับสายได้ เพื่อไม่ให้พลาดสายที่สำคัญ
Smart Bar นอกจากใช้งานในแนวนอน ตอนนี้สามารถใช้งานในแนวตั้งได้แล้ว ช่วยสลับการใช้งานแอพ ส่งไฟล์ ตอบแชท จับภาพหน้าจอขณะดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการแสดงไอคอนแอพ แบบลอยอยู่ด้านข้างหน้าจอ และสามารถเพิ่ม/ลด แอพพลิเคชั่นที่ต้องการใช้งานมาไว้ในส่วนนี้ได้ด้วย
ความฉลาดของแอพพลิเคชั่นรูปภาพ มีความสามารถตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย โดยแอพรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น
ในเรื่องของความปลอดภัย realme 3 Pro สามารถแตะสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และใช้ใบหน้าจอในการปลดล็อคหน้าจอได้ ซึ่งการจำแนกใบหน้าจอถือว่าทำได้ดีมาก ปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
realme 3 Pro มีแอปพลิเคชั่นสำหรับจัดการโทรศัพท์ (Phone Manager) ที่คอยตรวจสอบการทำงานและแก้ไขให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมเพียงคลิกเดียว ไม่ต้องกดหาหรือไล่ลบแอปให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
realme 3 Pro ใช้ชิพประมวลผล Qualcomm SDM710 Snapdragon 710 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 10 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับตามการใช้งาน คือ Dual-core 2.2GHz Kryo 360 Gold และ Hexa-core 1.7GHz Kryo 360 Silver พร้อมกราฟิกหรือจีพียู Adreno 616 และรุ่นที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นที่มีแรม 6GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu ป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 154,444 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ realme 3 Pro ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,493 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 5,881 คะแนน
ในการเล่นเกมสามารถเปิดโหมดการเร่งความเร็ว เพื่อเรียกใช้งานซีพียูและปรับจีพียูให้จัดลำดับความสำคัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกม และไม่ให้มีการรบกวนระหว่างเล่นเกมได้ อีกทั้งตัวจีพียู Adreno 616 ยังช่วยให้การประมวลผลในการมองเห็นชัดยิ่งขึ้น รองรับภาพเกมแบบสามมิติ และเอฟเฟ็กต์กราฟิกต่างๆ ได้อย่างคมชัด ซึ่งเป็นการประมวลผลกราฟิกที่ดีที่สุดในเรทราคาระดับเดียวกัน
สำหรับ Game Space ได้รับการอัพเดทใหม่ใน ColorOS 6.0 ที่มีหน้าตาและโทนสีที่สื่อถึงพลังในการประมวลผล ซึ่งฟีเจอร์นี้สำหรับใช้ในการจัดการเกมเอาไว้ในที่เดียว สามารถเลือกโหมดการจัดการเกมได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดประสิทธิภาพสูงสุด โหมดสมดุล และโหมดการใช้พลังงานต่ำ
Game Assistant ตัวช่วยในการเล่นเกมสำหรับเรียกใช้งานเมนูลัดระหว่างการเล่นเกมได้ง่ายๆ เช่น ปิดการแจ้งเตือน การจับภาพหน้าจอ การบันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอ เป็นต้น ซึ่งเป็นเมนูที่เลือกใช้งานได้โดยไม่บดบังการเล่นเกม
สำหรับเกม RoV ตัวเครื่องรองรับโหมดเฟรมเรตสูง ภาพระดับ HD สามารถได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหา เฟรมเรทนิ่งมากระหว่าง 58-60 fps อีกทั้งหน้าจอที่กว้างยังช่วยให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ขอบจอได้ดีมากขึ้น โอกาสมองเห็นศัตรูก็อยู่ขอบจอก็มีมากขึ้นด้วย
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้ เล็งเป้าได้นิ่งๆ
ทดสอบเล่นเกม Asphalt 9 : Legends เกมแข่งรถจาก Gameloft ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์เกมคอนโซลที่สมจริงและภาพกราฟิกที่สวยงามมากขึ้นด้วยเทคนิค HDR พร้อมรถจากหลายค่ายดัง ก็สามารถเล่นบน realme 3 Pro ได้ลื่นไหล ภาพแทบไม่มีกระตุกเลย
แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 4045mAh จากการทดสอบใช้งานเปิดกล้องถ่ายรูปไปราว 200 กว่ารูป, เล่นเกมต่อเนื่องชั่วโมงกว่าๆ และเข้าเล่นโซเชียลทั่วไป พบว่าแบตเตอรี่อยู่ได้นานทั้งวันตั้งออกจากบ้านในตอนเช้าไปทำงานจนถึงตอนค่ำๆ โดยไม่ต้องใช้ Power Bank ระหว่างวัน
นอกจากนี้แล้ว realme 3 Pro ยังรองรับการชาร์จ VOOC 3.0 ด้วยกำลังไฟสูงสุด 20W เพียงใช้หัวอะแดปเตอร์และสายชาร์จที่มาในกล่อง ซึ่งจากการทดสอบชาร์จแบตที่ 10% จน 66% ใช้เวลาเพียง 36 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากๆ ถ้าเทียบกับระดับราคาของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้แล้วก็ถือว่าให้ฟีเจอร์ด้านการชาร์จแบตมาเต็มที่แล้ว
ความเร็วในการชาร์จด้วย VOOC 3.0 ตอบโจทย์มากๆ สำหรับใครที่ใช้งานหนักๆ อย่างการเล่นเกมต่อเนื่อง เพราะว่าจากการทดสอบชาร์จไปด้วยและเล่นเกม RoV ไปด้วย เปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ลดหรือหยุดนิ่ง
กล้องถ่ายรูป
realme 3 Pro มีกล้องหลังเป็นเลนส์คู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 ซึ่งเป็นเลนส์ Sony IMX519 และอีกเลนส์เป็น Depth sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4 สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Portrait
โหมด Portrait ถ่ายภาพคนให้โดดเด่นแบบหน้าชัดหลังเบลอ
โหมด Portrait ของ realme 3 Pro มีระบบตรวจจับใบหน้าเพื่อทำการโฟกัสให้อัตโนมัติด้วย และระบบโฟกัสถือว่าทำงานได้รวดเร็วมาก
จะเห็นว่าการตัดขอบตัวบุคคลนั้นทำได้เนียน เส้นผมเห็นเป็นเส้นๆ โดยที่ไม่ถูกเบลอออกไป ทำเอฟเฟ็กต์ละลายฉากหลังได้สวยเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นการทำงานของกล้องหลักที่มีรูรับแสงกว้าง และกล้อง Depth Sensor ที่ช่วยเก็บระยะความลึกของภาพ รวมไปถึงการมีชิพประมวลผลที่มี AI Engine ที่ช่วยให้การถ่ายภาพออกมาสวยและง่ายมากขึ้น
Chroma Boost สีสันสดใส โดดเด่นมากขึ้น
Chroma Boost เป็นโหมดการถ่ายภาพที่ช่วยเพิ่มความสดของสีภาพเหมือนกับ Vivid ซึ่งก็ได้ AI ที่มีความฉลาดเข้ามาตรวจจับฉากที่กำลังถ่าย แล้วปรับความสดของภาพตามวัตถุที่กำลังถ่าย
AI Scene Recognition ถ่ายสวยทุกฉาก ไม่ต้องตั้งค่ากล้อง
ในโหมดอัตโนมัติหรือ Auto Mode มี AI Scene Recognition ที่ช่วยระบุฉากที่กำลังถ่าย เช่น ดอกไม้ ต้นไม้ วิว ดวงอาทิตย์กำลังตก เป็นต้น แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพนั้นๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก
จะเห็นว่าภาพที่ถ่าย Auto Mode แล้วเปิดใช้งาน AI Scene Recognition ภาพแต่ละฉากจะมีความสวยงาม และสีสันโดดเด่นไม่เหมือนกัน โดยเป็นการปรับค่าต่างๆ ให้เหมาะกับการถ่ายภาพแต่ละฉากนั่นเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากๆ ทำให้ทุกคนสามารถถ่ายภาพออกมาสวยได้ทันที
โหมด Ultra HD 64 ล้านพิกเซล
สำหรับการถ่ายภาพความละเอียดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล ให้เข้าไปที่โหมดผู้เชี่ยวชาญ (Expert Mode) แล้วแตะที่ไอคอน Ultra HD ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ ให้เป็นสีเหลืองตามภาพ เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงได้แล้ว
กล้องของ realme 3 Pro สามารถถ่ายภาพที่มีขนาดความละเอียดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซลด้วยโหมด Ultra HD ที่เป็นการใช้กล้องหลังรวมภาพ 4 ช็อตเข้าด้วยกัน ทำให้เห็นรายละเอียดของภาพที่คมชัดมากขึ้น
โหมด Super Nightscape ถ่ายกลางคืน ไม่ต้องใช้ขาตั้ง
Super Nightscape การถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน ต้องยอมรับว่ากล้องของ realme 3 Pro ถ่ายภาพออกมาได้สว่างคมชัดมากๆ และยังสามารถลดนอยซ์ของภาพได้ดีอีกด้วย ซึ่งในโหมดนี้ไม่ต้องใช้ขาตั้งช่วย โดยเป็นการอัพเกรดความสามารถของ Qualcomm Spectra 250 ISP ตัวใหม่ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น พร้อมรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวและความสามารถของระบบ Auto Focus ที่รวดเร็ว
สำหรับการถ่ายวิดีโอ realme 3 Pro มีโหมด Super slo-mo 960fps ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนเพียงรุ่นเดียวในระดับราคานี้ที่สามารถถ่ายวิดีโอแบบนี้ได้ ซึ่งจะได้ภาพที่ช้ากว่าปกติถึง 32 เท่า
กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล คมชัดด้วยพิกเซลขนาดใหญ่
กล้องหน้าเซลฟี่ 25 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี 4-in-1 ที่เป็นการรวมพิกเซลเข้าด้วยกัน ทำให้มีพิกเซลมีขนาดใหญ่มากขึ้น เก็บแสงได้สว่างและคมชัด พร้อมเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยทำให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ
กล้องหน้าจะมีเพียงเลนส์เดียว แต่ก็ฟีเจอร์การถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ ทำให้ภาพเซลฟี่ออกมาโดดเด่น และละลายฉากหลังได้ค่อนข้างเนียนมากๆ
สรุปจุดเด่น
- realme 3 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงาม โดยด้านหลังมีความโดดเด่นด้านการดีไซน์ระดับพรีเมียม
- หน้าจอขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ให้มุมมองที่กว้างมากขึ้น ดูหนัง เล่นเกม เห็นภาพได้เต็มตา
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 ได้ใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่ต้องรออัพเดท
- ใช้ชิพ Snapdragon 710 แรม 6GB ทำงานได้ลื่นไหลดี สลับแอปไปมาได้รวดเร็ว และเล่นเกมกราฟิกสวยๆ ได้สบายๆ
- กล้องหลังเลนส์คู่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 ถ่ายภาพสวยทั้งกลางวันและกลางคืน
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เซลฟี่ได้คมชัดด้วยเทคโนโลยีรวมพิกเซล 4-in-1
- แบตเตอรี่ 4045mAh รองรับชาร์จ VOOC 3.0 กำลังไฟ 20W (มีให้ในกล่อง)
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่แถมหูฟังในกล่อง