Featured
รีวิว realme 5 สมาร์ทโฟน 4 กล้องคุ้มสุดในราคาเรทเดียวกัน ใช้ขุมพลัง Snapdragon 665 AIE และแบตสุดอึด 5,000mAh
เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ realme 5 สมาร์ทโฟนกล้อง 4 เลนส์รุ่นแรกในเรทราคาเดียวกัน พร้อมพลังแบตฯ สุดอึดถึง 5,000 mAh และดีไซน์ลายคริสตัลสวยงามเปล่งประกายแบบ Holographic Diamond
สรุปสเปค realme 5
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.4 x 75.6 x 9.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 198 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ IPS กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9 ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3+
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 665 AIE Octa Core ความเร็ว 2.0 GHz
- GPU : Adreno 610
- RAM 3/4 GB
- ROM 64/128 GB รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD สูงสุด 256GB
- ระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
- กล้องถ่ายรูปหลัง 4 เลนส์ แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Super wide-angle 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต Micro USB 2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ชาร์จไฟ 10W
[แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล]
ตัวกล่องของ realme 5 จะมาเป็นสีขาวสะอาดตา คล้ายกับของ realme 5 Pro ซึ่งจะต่างกันแค่สเปครอบกล่องเท่านั้น โดยอุปกรณ์ภายในมีดังนี้
- ตัวเครื่อง realme 5 พร้อมฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W
- สายชาร์จ Micro USB 2.0
- เคสใสกันกระแทก
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือ
- ใบรับประกันสินค้า
บริเวณฝาหลังของ realme 5 ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษในนาม “Holographic Diamond” ทำให้ฝาหลังดูเป็นประกายคริสตัลเมื่อแสงตกกระทบในมุมต่างๆ แถมยังให้เครื่องยังดูหรูหราเป็นอย่างมาก โดยสีที่เราใช้ในการรีวิวครั้งนี้คือสี Crystal purple แต่ก็มีอีกสีให้เลือกที่สวยไม่แพ้กัน คือสีฟ้า (Crystal Blue)
นอกจากนี้ การดีไซน์ของ realme 5 ยังมีความพิเศษในการการป้องกันละอองน้ำจากการซีลเครื่องแบบ Airtight Waterproof ไม่ว่าจะโดนละอองน้ำที่หน้าจอ, ด้านหลัง หรือด้านข้างก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
หน้าจอแสดงผลของ realme 5 มาพร้อมกับดีไซน์หน้าจอทรงหยดน้ำที่มีขนาดจิ๋วมากๆ เล็กลงถึง 30.9% เมื่อเทียบกับ realme 3 ทำให้ได้หน้าจอขนาดกว้างขึ้นเป็น 6.5 นิ้ว แถมมีพื้นที่ในการใช้งานถึง 89% เลยทีเดียว ไม่ว่าจะดูรับชมอะไรก็ทำได้แบบตามากขึ้นแน่นอน
นอกจากนี้ แม้จะเป็นรุ่นเล็กแต่กระจกหน้าจอยังครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 3+ เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
บริเวณเหนือนหน้าจอจะมีรอยบากทรงหยดน้ำขนาดเล็กมาก โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซลฝังอยู่ ควบคู่กับระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ และถัดขึ้นไปก็จะมีลำโพงสำหรับสนทนา
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง และ MicroSD อีก1 ช่อง ถัดลงมามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงตามปกติ
ส่วนฝั่งขวามีเพียงปุ่มล็อคเครื่องเท่านั้น
ที่ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ต Micro USB 2.0 และลำโพงตัวหลัก ส่วนที่ด้านบนไม่มีอะไร
ด้านหลังมีกล้อง 4 เลนส์เรียงเป็นแนวตั้งที่มุมซ้ายบน มีความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล โดยมีตัวอักษร “F1.8” อยู่ ซึ่งจะแตกต่างกับ realme 5 Pro ที่ใช้คำว่า “48MP” เพื่อให้ดูแตกต่าง โดยถัดออกไปทางขวาจะมีไฟแฟลช LED และตรงกลางเครื่องจะมีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
[ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน]
ระบบปฎิบัติการ
realme 5 แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของตัวเองรุ่นล่าสุดอย่าง ColorOS 6.0 บนพื้นฐาน Android 9 Pie โดยดีไซน์ของ UI จะเน้นความสะอาดตาและเรียบง่ายเพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น
หน้าตา UI : ColorOS 6.0
เมื่อพูดถึง ColorOS 6.0 แน่นอนว่าเราต้องนึกถึงดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย ใช้งานสะดวก และดูสบายตาเป็นหลัก สามารถปัดลงหรือขึ้นที่หน้าจอได้เพื่อดูแผงตั้งค่าด่วนและแอพพลิเคชั่นทั้งหมดได้ตามลำดับ
พื้นที่คงเหลือหลังแกะกล่อง
ด้วยหน่วยความจำภายในให้มาถึง 128GB ทำให้มีพื้นที่ใช้งานคงเหลือเยอะมากที่ประมาณ 112GB สามารถโหลดแอพพลิเคชั่น, เกม หรือถ่ายรูปได้มากขึ้นด้วย
ระบบความปลอดภัย
realme 5 มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ใช้งานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากทั้งระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (สามารถดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ) และการสแกนใบหน้า
ปุ่มนำทางเลื่อนได้
หากใครที่เบื่อกับการใช้งานปุ่มนำทางแบบปกติด้านล่างหน้าจอ ก็สามารถเข้าไปเปลี่ยนได้เช่นกัน โดยจะมีทั้งแบบการลากนิ้วขึ้น (ใช้งานเหมือนปุ่มนำทางปกติแต่เปลี่ยนเป็นเลื่อนขึ้นจากล่างหน้าจอ) และลักษณะท่าทางลากนิ้วจากทั้ง 2 ด้าน (ปัดซ้าย/ขวาเพื่อย้อนกลับ, ปัดขึ้นไปหน้าโฮม และปัดขึ้นแล้วค้างไว้เพื่อดูแอพฯ ล่าสุด)
ลูกบอลช่วยเหลือ
ลูกบอลช่วยเหลือก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกเช่นกัน โดยจะทำหน้าที่ดำเนินการต่างๆ ตามที่เราตั้งค่าโดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มอื่นๆ เลย
แถบด้านข้างอัจฉริยะ
สำหรับแถบด้านข้างอัจฉริยะจะอยู่ในส่วนด้านข้างหน้าจอแสดงผลเพื่อให้เข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยเราสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบเลย
ใช้งาน 2 หน้าจอ
ด้วยหน้าจอที่หยดน้ำเล็กลงแล้วทำให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้น การใช้งาน 2 แอป ในจอเดียวก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไรอีกต่อไป เพราะเราสามารถใช้งานทั้ง 2 แอพที่เราเลือกได้อย่างชัดเจน แถมสามารถปรับสัดส่วนของแต่ละแอพว่าจะให้จอไหนใหญ่หรือจอไหนเล็กได้อีกด้วย
[ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่]
แม้จะมีราคาสุดคุ้มแต่ realme 5 ก็จัดหนักเรื่องหน่วยประมวลผลระดับกลางมาให้เช่นกันด้วย Qualcomm Snapdragon 665 AIE Octa-core ความเร็ว 2.0GHz เสริมด้วยสถาปัตยกรรมขนาดเพียง 11 นาโนเมตร ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 660 ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 20% เนื่องด้วยชิปประมวลผลกราฟิกรุ่น Adreno 610 ที่รองรับ Vulkan 1.1 อีกด้วย โดยผลทดสอบ Benchmark มีดังนี้
สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทาง realme 5 ทำคะได้ไปได้ที่ คะแนน 139,153
ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 1,523 และคะแนน Multi-Core ที่ 5,515
ทดสอบการเล่นเกม
เราลองทดสอบการเล่นเกม 3 เกมที่ใช้กราฟิกค่อนข้างสูงอย่าง PUBG Mobile, ROV และ Speed Drifters โดยต้องบอกก่อนว่า realme 5 มาพร้อมเทคโนโลยี Hyper Boost 2.0 เพื่อช่วยให้การเล่นเกมนั้นไหลลื่นยิ่งขึ้น และฟีเจอร์ Game Space ที่นอกจากจะรวมเกมไว้ในที่เดียวแล้วยังสามารถปรับโหมดประสิทธิภาพของเกมได้อีก 3 ระดับ ได้แก่ โหมดประสิทธิภาพ, โหมดสมดุล และโหมดใช้พลังงานต่ำ
ฟีเจอร์ขนาดนี้ ผลทดสอบก็ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจเช่นเดียวกัน ดังนี้
PUBG Mobile
มากันที่เกม PUBG Mobile (ไม่ใช่ตัว Lite) เริ่มแรกตัวของระบบเกมจะตั้งค่ากราฟิกให้เราในระดับต่ำ พร้อมเฟรมเรทระดับกลาง แต่ในเมื่อเราใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 665 AIE เราก็ขอลองปรับขึ้นมาเป็นระดับสมดุลกันดู โดยผลที่ออกมาทำได้อย่างน่าประทับใจมาก เพราะเล่นได้ไหลลื่น เฟรมเรทแทบไม่เหวี่ยง และการสัมผัสของหน้าจอก็ไปตามนิ้วได้ดี ไม่มีความล่าช้าเกิดขึ้นให้เห็นเท่าไหร่
ROV
สำหรับ ROV ก็สามารถเปิดภาพและเฟรมเรทระดับสูงสุดได้ทั้งหมด แถมไม่มีกระตุก เล่นได้ลื่นๆ โดยตัวของเฟรมเรทจะวิ่งที่ประมาณ 58-60fps ตลอดทั้งเกมไม่ว่าจะตอนบวก 5 VS 5 กันหรือกำลังตีป้อมอยู่ก็ตาม
Garena : Speed Drifters
มาถึงเกมเบาๆ อย่างเกมแข่งรถ Garena : Speed Drifters กันบ้าง เราสามารถเปิดกราฟิกระดับสูงสุดได้ทั้งหมด และเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีปัญหาใดๆ
แบตเตอรี่อึดขั้นสุดพร้อมความปลอดภัยแบบหายห่วง
และด้วยแบตเตอรี่ที่อึดถึง 5,000 mAh ควบคู่กับความปลอดภัยพิเศษที่มากถึง 3 ชั้น ตั้งแต่การป้องกันไฟไหม้, ป้องกันการ Overload และฟิวส์ของตัวแบตเตอรี่ ก็ทำให้เราใช้งานได้อย่างยาวนานมากๆ หากใครใช้เล่นโซเชียลทั่วไปก็เล่นได้ตลอดทั้งวันแน่นอน ส่วนใครสายเกมก็ได้หลายชั่วโมงติดต่อกัน
นอกจากนี้ realme 5 ยังมีเทคโนโลยี AI cooling ทำให้เวลาเล่นเกมหรือใช้งานหนักแล้วเครื่องจะเกิดอาการร้อนน้อยลงมาก ซึ่งจะสังเกตได้ทันทีเมื่อเล่นเกมไปสักระยะหนึ่ง
[กล้องถ่ายรูป]
ด้านกล้องถ่ายรูป realme 5 ก็จัดเต็มมากๆ ด้วยการให้กล้องหลังมาถึง 4 เลนส์ โดยเรียงจากบนลงล่างจะมีดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Super wide-angle 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
สำหรับ realme 5 แม้ว่าจะไม่มีกล้องความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล แต่ก็เพรียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เพียบ ดังนี้
ฉลาดล้ำ แยกแยะหมวดหมู่อัตโนมัติด้วย AI Scene Recognition
เรื่องของความฉลาดด้วยกล้องหลัง 4 เลนส์ของ realme 5 ถือว่าทำออกได้ยอดเยี่ยม เพราะมีทั้งความรวดเร็วในการประมวลผล แม่นยำตรงตามหมวดหมู่ และมีการปรับสีสันได้เหมาะสมกับแต่ละวัตถุได้เป็นอย่างดี
เมื่อดูภาพตัวอย่างเราจะเห็นว่าภาพแต่ละภาพถูกปรับอย่างเหมาะ เช่น ภาพอาหารก็ปรับให้ดูสดขึ้นและดูน่าทานกว่าเดิม ส่วนท้องฟ้าก็ทำให้มีความสดใสมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน หรือแม้บุคคลก็จะปรับให้ใบหน้าสวยคมชัดอีกด้วย
เลนส์มุมกว้าง Super wide-angle ถ่ายอะไรก็เก็บได้ครบ
ด้วยเลนส์ Super wide-angle ที่ให้ความกว้างได้มากถึง 119 องศา ช่วยให้เราสามารถเก็บภาพได้ครบและเต็มตามากขึ้นแม้ว่าเราจะยืนอยู่ใกล้กับวัตถุก็ตาม
เราจะเห็นว่าภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ปกติจะเก็บส่วนต่างๆ ได้แบบขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่หากใช้เลนส์ Super wide-angle เข้ามาช่วยแล้ว ปัญหาภาพขาดก็จะหมดไปทันที
โหมดปกติ และโหมด Super wide-angle
โหมดปกติ และโหมด Super wide-angle
Super Nightscape เปลี่ยนกลางคืนให้สว่างขึ้น
เวลาไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แน่นอนว่าความสวยงามต้องเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนเพราะจะมีทั้งแสงและสีที่โดดเด่นขึ้นมา ซึ่ง realme 5 ก็สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้เช่นกัน เพราะสามารถให้ภาพในช่วงสภาวะแสงน้อยหรือกลางคืนมีความสว่างมากขึ้น แถมยังคงเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ หากคิดว่าถ่ายภาพกลางคืนด้วยเลนส์ปกติยังเก็บได้ไม่ครบ เราจะเปิดเลนส์ Super wide-angle มาทำงานร่วมด้วยก็ยังได้เช่นเดียวกัน ถือว่าได้แบบ 2 in 1 เลยทีเดียว ทั้งมุมกว้างและ Super Nightscape
Super Nightscape + Super wide-angle
Super Nightscape + Super wide-angle
Super Nightscape + Super wide-angle
ถ่ายได้ใกล้พร้อมเก็บรายละเอียดผ่านเลนส์ Macro
เมื่อมีถ่ายมุมกว้างไปแล้ว เรามาลองถ่ายในระยะใกล้ๆ กันบ้างด้วยเลนส์ Macro ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพได้ใกล้สุดถึง 4 เซนติเมตร โดยไม่เกิดอาการเบลอ โดยภาพที่ได้ออกมาจะมีความคมชัดและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราแทบมองไม่เห็นอยู่ด้วย
แต่งเติมให้สีสดใสยิ่งกว่าเดิมด้วย Chroma Boost
สำหรับ Chroma Boost จะเป็นการเพิ่มเฉดและเลเยอร์สีให้กับวัตถุที่อยู่ในเฟรมทั้งหมดด้วย AI เพื่อให้มีความเป็นธรรมชาติกว่าโหมด Vivid ปกติ
กล้องหน้าสวยคมชัด เบลอหลังได้เนียนตา
จบกล้องหลังไปแล้ว มากันที่กล้องหน้าของ realme 5 กับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 กันบ้างที่สามารถถ่ายภาพบุคคลได้อย่างสวยงามมากๆ มีการปรับความสวยงามของใบหน้าได้แบบอัตโนมัติด้วยความฉลาดของ AI แต่ใครจะปรับเพิ่มก็ทำได้ตามสไตล์เลยครับ
นอกจากนี้ในเรื่องการเบลอหลังก็ทำได้ยอดเยี่ยม (เบลอได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง) เพราะมีการตัดขอบรอบตัวของคนได้เป็นอย่างดี ไม่มีส่วนที่ขาดหรือเกิน
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามด้วยลวดลายของคริสตัลแบบ Holographic Diamond
- แบตเตอรี่อึดถึง 5,000 mAh พร้อมใช้งานได้ตลอดวัน
- มีกล้องหลัง 4 เลนส์รุ่นแรกในราคาเรทเดียวกัน และมีเลนส์ Super Wide-Angle อีกด้วย
- กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม AI Beauty
- ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 665 AIE ที่ทำงานได้ไหลลื่น
- หน้าจอใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว พร้อมหยดน้ำที่เล็กลง
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีหูฟังภายในกล่อง
- ยังใช้พอร์ต Micro USB 2.0 อยู่
ด้านราคาก็เอื้อมถึงได้ง่ายๆ สำหรับ realme 5 ที่เริ่มต้นเพียงแค่ 4,599 บาทสำหรับรุ่น RAM 3GB + ROM 64GB และราคา 5,999 บาทสำหรับรุ่น RAM 4GB + ROM 128GB โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 กันยายนนี้
แต่พิเศษ! ในวันที่ 19 กันยายนนี้ realme 5 มีจัด Flash Sale ที่ LAZADA วันเดียวเท่านั้นสำหรับรุ่น RAM 3GB + ROM 64GB จากเดิม 4,599 บาท จะลดเหลือเพียง 4,299 บาทเท่านั้น