Featured
รีวิว realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition สมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษสำหรับสาวก Free Fire “Dare to BOOYAH!”
รีวิว realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition สมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง realme และเกมยอดฮิตอย่าง Free Fire พร้อมสโลแกนสุดเท่อย่าง “Dare to BOOYAH!” ซึ่งความพิเศษของรุ่นนี้มีมากมายตั้งแต่แพ็กเกจ ดีไซน์ตัวเครื่องและซอฟต์แวร์ภายในอีกด้วย เชื่อว่าแฟน ๆ Free Fire ที่ได้เห็นต้องอยากได้แน่นอน
วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ไม่พลาดแกะกล่องรีวิว realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition เครื่องนี้ให้ชมพร้อม ๆ กัน ติดตามครับ!
สรุปสเปค realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.2 x 73.3 x 7.99 มม.
- น้ำหนัก : 182 กรัม
- หน้าจอ : Super AMOLED Display 6.4″ ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล)
- refresh rate : 90Hz, Touch sampling rate 360Hz
- CPU : MediaTek Dimensity 920 5G Octa-core 2.5GHz (6nm)
- GPU : ARM Mali-G68
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB
- แบตเตอรี่ : 4500mAh
- ระบบชาร์จไว : 60W SuperDart Charge
- กล้องหน้า : In-display Selfie 16MP f/2.4
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX 766 f/1.8 พร้อมระบบกันสั่น OIS+EIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide Angle f/2.2 มุมกว้าง 119º
- 2MP กล้อง Macro f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
- รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G+5G Dual Mode
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax (Wi-Fi 6), Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
แพ็กเกจพิเศษสมเป็น Free Fire Limited Edition
เริ่มต้นด้วยการแกะกล่องกันก่อนเลย อย่างที่บอกว่า realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition นั้นมีความพิเศษตั้งแต่ตัวแพ็กเกจที่ให้มาเลย กล่องของรุ่นนี้จะเป็นแบบหลายชั้น ชั้นแรกจะเป็นโทนสีเหลืองชัดเจน พร้อมชื่อ Free Fire เด่น ๆ ตรงกลางกล่อง ด้านบนจะมีกิมมิคเล็ก ๆ เหมือนตำแหน่งเข็มทิศในเกมด้วย
ซึ่งตัวกล่องชั้นนอกนี้ไม่ใช่กล่องหุ้มธรรมดาเพราะเมื่อแกะออกมาจริง ๆ ที่ด้านหลังของกล่องตัวนี้จะเป็นแผ่นที่ ในเกม Free Fire นั้นเองครับ ตรงมุมล่างของกล่องจะมีโลโก้ realme กับ Free Fire ด้วยเพื่อเป็นการประกาศว่านี่คือการร่วมมือกันอย่างยิ่งใหญ่ทีเดียวครับ
ในนี้จะเจอกับกล่องอีก 2 กล่อง กล่องสีดำบาง ๆ นี้ ด้านในจะมีสติกเกอร์ Free Fire มาให้ 2 ชุด ทั้งตัวละครในเกม, โลโก้ Free Fire, ปืน, หรือ BOOYAH! เป็นต้น เรียกว่าเท่เข้ากับธีมมากจริง ๆ
ส่วนตัวกล่องของสมาร์ทโฟนก็ออกแบบมาพิเศษเช่นกันมาในกล่องทรงยาว ๆ สีเหลืองที่ด้านหน้ามีลวดลายของตัวละครในเกม Free Fire พร้อมกับชื่อรุ่นชัดเจน realme 9 Pro+ ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง พร้อมกันนี้ที่ด้านบนยังมีคำว่า BOOYAH! ที่สื่อถึงตัวเกม Free Fire ได้ดีมากอีกด้วย
ด้านหลังก็จะมีระบุจุดเด่นของ realme 9 Pro+ รุ่นนี้เอาไว้ครบถ้วนเช่นกันประกอบด้วย กล้องหลัก Sony IMX766 OIS, ชิปเซ็ต Dimensity 920 5G, ระบบชาร์จไว 60W SuperDart, หน้าจอ Super AMOLED 90Hz
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับแผ่นต้อนรับที่มีโลโก้ของ realme และ Free Fire อยู่เช่นกัน พร้อมคำเปรยเล็ก ๆ ตรงมุมว่า Dare to Fight! ในกล่องเล็กนี้ภายในจะมีเอกสารคู่มือและเข็มจิ้มถาดซิมอยู่ครับ ซึ่งความเป็นรุ่นพิเศษ เข็มจิ้มถาดซิมก็ไม่ธรรมดา เพราะใช้เป็นทรง FF Knife พร้อมคำว่า BOOYAH! อยู่ภายในด้วย อย่างเท่บอกเลย
ลึกลงไปอีกชั้นจะเจอกับตัวเครื่องที่อยู่ในซองเรียบร้อย ซึ่งดีไซน์ของตัวเครื่องก็มีความพิเศษมาก ๆ เช่นกัน เดี๋ยวไว้ดูกันเต็ม ๆ อีกทีในหัวข้อถัดไปเนาะ
ส่วนอุปกรณ์เสริมชั้นถัดไปก็จะให้มาเหมือนกับ realme 9 Pro+ รุ่นปกติ ตรงนี้จะไม่ได้มีลวดลายพิเศษใด ๆ ครับ ประกอบด้วย เคสซิลิโคน, สายชาร์จ USB-C to USB-A สีขาว, อะแดปเตอร์ชาร์จไว 60W SuperDart Charge ครับ
อะ…เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition จะมีให้ทั้งหมด 7 อย่างดังนี้เลยครับ
- ตัวเครื่อง realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition
- สติกเกอร์ Free Fire
- เข็มจิ้มถาดซิมแบบพิเศษ
- เคสซิลิโคนขุ่น
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว 60W SuperDart Charge
- สายชาร์จ
- เอกสารคู่มือ
ดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก FF Knife
ได้เวลายลโฉมตัวเครื่อง realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition กันแบบชัด ๆ แล้วครับ ด้วยความที่เป็นรุ่นพิเศษแบบนี้จะให้มาในดีไซน์แบบเดิมก็คงไม่ได้ รุ่นนี้ใช้การออกแบบใหม่ที่สะท้อนถึงเกม Free Fire อย่างแท้จริง ด้วยแรงบันดาลใจจากมีดในเกม Free Fire หรือ FF Knife ที่ด้านข้างซ้าย-ขวาเข้ามาบนพื้นฝาหลังมันวาวสีเทาเข้มได้อย่างลงตัว
แต่ความพิเศษของฝาหลังยังไม่หมดเท่านั้นเพราะด้วยเทคนิคพิเศษ ฝาหลังของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ยังมีความสะท้อนแสงเป็นสีรุ้ง ๆ เมื่อเครื่องกระทบกับแสงด้วย เพิ่มความเป็นเกมมิ่งโฟนเข้าไปได้อย่างกลมกลืน
ที่มุมซ้ายบนข้างโมดูลกล้องของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ยังมีแทรกคำว่า BOOYAH! ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกม Free Fire เพื่อย้ำความเป็นรุ่นพิเศษเข้าไปอีกด้วย เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่แฝงถึงความใส่ใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ส่วนที่มุมล่างของฝาหลังเราจะเห็นโลโก้ Free Fire แบบเด่น ๆ วางไว้ด้วย ทำให้แค่มองแว้บแรกก็รู้เลยว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่ร่วมมือกับทาง Free Fire แน่นอน!
หน้าจอ Super AMOLED แสดงผลสวย พร้อม UI ที่ปรับแต่งเฉพาะ
พลิกกลับมาดูหน้าจอด้านหน้ากันบ้าง realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition นี้มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4″ ความละเอียด FHD+ แสดงผลได้สวยงาม ให้เราได้ดูคอนเทนต์ เล่นเกมได้อย่างสะใจ และด้วยความที่เป็นรุ่นพิเศษ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition นี้จะมีการปรับแต่ง UI มาพิเศษด้วย Wallpaper และชุดไอคอนของ Free Fire ด้วย ให้เข้ากับตัวเครื่องที่ออกแบบมาอย่างปราณีต
ในเรื่องการตอบสนอง realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition มาพร้อม refresh rate 90Hz พร้อม Touch Sampling rate ที่สูงถึง 360Hz ช่วยให้เราสัมผัสหน้าจอได้อย่างลื่นไหล ทั้งการทำงานทั่วไปรวมถึงการเล่นเกมสมกับที่เป็นรุ่น Free Fire จริง ๆ ครับ
รอบเครื่องวางตำแหน่งดี สัมผัสยอดเยี่ยม
รอบ ๆ ตัวเครื่องของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่อง ปุ่ม Power อยู่ที่ฝั่งขวามือ แตะกดได้ง่ายและวางตำแหน่งได้ดี ไม่ต้องเอื้อมกดให้ยาก
พอร์ตการเชื่อมต่อครบ
พอร์ตการเชื่อมต่อของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ให้มาครบถ้วน ด้านล่างมีพอร์ตการเชื่อมต่อหลัก USB-C รอบ ๆ เป็นช่องหูฟัง 3.5 มม. ไมโครโฟนสำหรับสนทนาและลำโพงหลักของตัวเครื่อง ส่วนด้านบนตัวเครื่องจะเป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ลำโพงของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ให้มาแบบลำโพงคู่ Stereo เมื่อเทียบกับลาโพงเดี่ยว เสียงท่ีได้จะดังกว่าและระดับพรีเมียมกว่า มอบประสบการณ์การเล่นเกมและการรับชมภาพยนตร์ท่ีดีย่ิงข้ึนอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ
ถาดใส่ซิมของ realme Pro+ Free Fire Limited Edition จะเป็นแบบ Dual-SIM ใส่ได้ 2 ซิม เป็น 5G Dual-mode ซะด้วยนะ ส่วนการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่สามารถทำได้บนรุ่นนี้ แต่ในเครื่องก็ให้มามากถึง 128GB เพียงพอต่อการใช้งานครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ออกแบบมาได้น่าประทับใจ ทั้งภายนอกและภายในเลย ดีไซน์ฝาหลังที่ได้แรงบันดาลใจจาก FF Knife แถมยังมีการปรับแต่ง UI มาเป็นพิเศษให้เข้ากับตัวเครื่องได้อย่างลงตัวเปลี่ยนดีไซน์หลักไปจากรุ่นปกติจนรู้สึกพิเศษจริง ๆ ล่ะครับรุ่นนี้
ประสิทธิภาพขั้นสูงด้วยชิปประมวลผล Dimensity 920 5G
ในเรื่องประสิทธิภาพ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G ที่ใช้สถาปัตยกรรม 6nm ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานยอดเยี่ยม มีความเร็วอยู่ที่ 2.5GHz ส่วน GPU ใช้ Mali- G68 MC4 ช่วยให้เราใช้งานได้อย่างลื่นไหล ทั้งการทำงานทั่วไปจนถึงการเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ด้วยเช่นกัน
มีฟีเจอร์ Virtual RAM ขยายความจุได้อีก 5GB
นอกจากชิปเซ็ตที่เร็วแรงอย่าง Dimensity 920 5G แล้ว ในเรื่องความจุในตัวเครื่อง realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ก็ยังให้มา 8GB + 128GB ใช้งานได้ลื่นไหลเพียงพอแล้ว แต่ก็ยังมีฟีเจอร์ Virtual RAM ที่เข้ามาขยายแรมภายในให้อีก เพิ่มได้มากสุดถึง 5GB รวมกับแรมจริง ๆ อีก 8GB ทำให้เรามีมากถึง 13GB เลยทีเดียว ลื่นไหลใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุดแน่นอน
ผลทดสอบสูงตามสเปค
ซึ่งผลทดสอบของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ก็ได้สูงสมกับที่เป็นรุ่นสำหรับเกมมิ่งไม่มีผิดครับ ได้คะแนนจาก AnTuTu Benchmark ไปสูงถึง 497,112 คะแนนเลยทีเดียว
ส่วนทางฝั่ง Geekbench 5 ก็ได้คะแนน Single-Core ไปที่ 814 คะแนน และคะแนน Multi-Core ไปที่ 2326 คะแนนครับ
เล่นเกมได้ดี Free Fire สะใจ!
ไหน ๆ ก็ทดสอบประสิทธิภาพกันไปแล้ว เห็นทีต้องลงสนามจริงด้วยการเล่นเกมกันสักหน่อย เกมที่เราจะใช้ทดสอบจะเป็นเกมอะไรไปไม่ได้นอกจาก Free Fire นั่นเอง และอีกเกมที่ใช้ทดสอบในรอบนี้ก็มี ROV มาด้วยครับ ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาดังนี้เลย
เล่น Free Fire บน realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition
แน่นอนว่าเป็นรุ่นที่ Free Fire เฉพาะแบบนี้ ตัวเกมก็ถูกพรีโหลดมาให้พร้อมเล่นตั้งแต่แกะกล่องเลย ในเรื่องการตั้งค่าเราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับ Ultra, High Res ระดับ High, เปิด Shadow ได้ รวมถึง High FPS ก็เปิดได้เช่นกัน เรียกว่าเปิดได้ทุกอย่างที่ตัวเกมสามารถทำได้ เท่าที่เราลองเล่นจริงจังก็ให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ลื่นไหล ภาพกราฟิกสวยบนหน้าจอ Super AMOLED
มุมมองที่ได้จากหน้าจอขนาดใหญ่ก็กว้างและเต็มตาเอามาก ๆ อีกจุดที่เราชอบก็คือการควบคุมที่พอได้หน้าจอ Touch Sampling rate สูงถึง 360Hz อีก เวลาเล่นเกมแนวยิงแบบนี้ การตอบสนองการสัมผัสถือว่าสำคัญมาก แต่จอของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ก็ตอบรับได้ดี จะเลื่อน เล็ง ซูม ยิง ทันนิ้วไปหมด เล่นได้อย่างสะใจมากครับ
เล่น ROV บน realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition
ส่วนเกมแนว Moba อย่าง ROV ก็สามารถเปิด ภาพ HD ได้ที่ระดับ สูงมาก, การแสดงผล ที่ระดับ สูง, พาร์ทิเคิล ได้ที่ระดับ สูงมาก และ FPS ก็เปิดได้ถึงระดับ สูง เลยล่ะครับ เรียกว่าเปิดได้เกือบสุดในทุกเมนู จัดเต็มเอามาก ๆ เท่าที่เราลองเล่นก็ถือว่าทำได้ดีเลย เฟรมเรตในเกมทำได้ที่ระดับ 59fps ตลอดทั้งเกม ไม่เจออาการเฟรมดรอปหรือกระตุกให้เห็นเลยล่ะครับ
ในเรื่องความร้อนแน่นอนว่าการเล่นเกมหนัก ๆ แบบต่อเนื่องจะพบความร้อนที่หลังเครื่องอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มาก แค่อุ่น ๆ เพราะ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition นั้นมาพร้อม ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling พื้นที่แผงระบายความร้อนขนาดใหญ่พิเศษ สามารถครอบคลุม แหล่งความร้อนหลักได้ 100% โดยที่พื้นที่รวม มากกว่า 13029 มม. ช่วยลดอุณหภูมิได้และทำให้ประสิทธิภาพตัวเครื่องอยู่ในระดับสูงสุดพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด realme UI 3.0
มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ใช้ซอฟต์แวร์ตัวล่าสุดของ realme อย่าง realme UI 3.0 ที่ครอบทับอยู่บน Android 12 ทำงานได้อย่างลื่นไหล และมีการปรับแต่ง UI มาเป็นพิเศษอย่างที่บอกไปข้างต้นด้วย
ส่วนในเรื่องการปรับแต่งเพิ่มเติมก็มีหลากหลายทั้งรูปแบบ Theme, Always-On Display, ชุดไอคอน, โทนสีของระบบ, ฟอนต์รวมถึงอนิเมชั่นต่าง ๆ ด้วยครับ
ระบบสั่นที่นุ่มนวลด้วย Tactile Engine
ในส่วนของการตอบสนองด้วยการสั่นหรือ Haptic บน realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition นี้ก็จะมีระบบ )-Haptic ที่ช่วยตอบสนองการสั่นในทุกการสัมผัสได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ X-axis Linear Motor อัปเกรดจากมอเตอร์แนวราบแกน Z ปกติเป็นมอเตอร์แนวราบสัมผัสแกน X เพื่อมอบประสบการณ์การสั่นสะเทือนที่คมชัดยิ่งขึ้นไปอีก
แบตเตอรี่ 4500mAh พร้อมระบบชาร์จไว 60W SuperDart Charge
realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4500mAh ถือว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ เท่าที่เราลองใช้งานจริง ไม่ว่าจะเล่นเกมถ่ายรูป หรือโซเชี่ยลแบตเตอรี่เท่านี้สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลมากนัก แถมรุ่นนี้ยังได้ระบบชาร์จไว 60W SuperDart Charge มาให้ด้วย เราสามารถชาร์จแบตฯจาก 10 – 100% ได้ในเวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น สบายใจได้เรื่องแบตเตอรี่และระบบชาร์จครับ
กล้องหลัง 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ระดับเรือธง
ปิดท้ายที่เรื่องกล้อง realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว สเปคกล้องระดับเรือธงเลยประกอบด้วย
- 50MP กล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX 766 f/1.8 พร้อมระบบกันสั่น OIS+EIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide Angle f/2.2 มุมกว้าง 119º
- 2MP กล้อง Macro f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
อย่างที่เห็นว่ากล้องหลักของ realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition นี้ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ตัวเดียวกับที่เรือธงหลายรุ่นเลือกใช้กันเลย คุณภาพเรียกว่าสุดยอดอยู่แล้ว แถมยังมีกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8MP มาให้เก็บภาพมุมกว้างได้ถึง 119º อีก และตัวสุดท้ายก็เป็นกล้อง Macro ที่ให้เราถ่ายภาพระยะใกล้ 4 ซม.เลยครับ
AI เก่งประมวลผลภาพสวยทุกสถานการณ์
ในเรื่องซอฟต์แวร์ realme 9 Pro+ นี้มาพร้อมฟีเจอร์ AI Scene Recognition ที่ช่วยตรวจจับภาพที่เราจะถ่ายและเลือกซีนปรับแต่งโทนสีให้ภาพได้อย่างสวยงาม รวมถึงจัดการ Dynamic Range ของภาพได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย Auto HDR อีกต่างหาก เท่าที่เราทดสอบ ต้องบอกเลยว่ากล้องของรุ่นนี้ทำได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ทั้งโทนสีที่สวยถูกใจ การจัดการของ AI ที่ฉลาดและรวดเร็ว ทำให้เราได้ภาพสวยได้ง่ายโดยไม่ต้องปรับแต่งค่าอะไรให้ยุ่งยาก แค่เล็งจัดองค์ประกอบภาพดี ๆ ก็ออกมาสวยแล้วครับ
Ultra Wide Angle มุมกว้าง 119º เก็บภาพครบ
ใครที่ชอบถ่ายภาพมุมกว้างแบบครบ ๆ ถ่ายวิวถ่ายคนแบบขายาวตัวสูง ถูกใจกล้อง Ultra Wide ที่ให้มาบน realme 9 Pro+ แน่นอนครับ เพราะได้มุมกว้างถึง 119º แถมได้ฟีเจอร์ AI และ Auto HDR มาใช้งานคู่กันเช่นเดียวกับกล้องหลัก ทำให้สีสันและมิติของภาพออกมาสวยงามดีทีเดียว
Macro ถ่ายวัตถุใกล้ ๆ ได้ถึง 4 ซม.
และกล้องตัวสุดท้ายกับ Macro ตัวนี้ให้เราได้ถ่ายวัตถุได้ใกล้ถึง 4 ซม.เลยล่ะครับ แต่ความละเอียดของกล้องที่ให้มาน้อยไปนิด แค่ 2MP เวลาถ่ายก็อาจจะต้องพึ่งแสงสว่างที่เพียงพอสักหน่อยครับ
Street mode ถ่ายภาพแนวสตรีทได้ง่าย มีฟิลเตอร์ให้ใช้เพียบ
อีกหนึ่งโหมดที่มีให้ใช้บน realme 9 Pro+ ก็คือ Street mode ให้เราได้ถ่ายภาพแนวสตรีทได้ง่ายและสนุกยิ่งขึ้น ตัว UI ของกล้องจะตัวเลขระยะเป็นเหมือนเลนส์ระยะต่าง ๆ ตั้งแต่ 16มม./24มม./50มม. ทำให้เวลาเราจะเล็งถ่ายให้อารมณ์เหมือนกล้องใหญ่มากขึ้น แถมยังมีฟิลเตอร์เท่ ๆ ให้เราเลือกใช้ หรือจะเป็นฟีเจอร์อย่าง Long Exposure, Light trail Portrait, Rush Hour, Light painting ก็มีมาให้ปรับใช้กันหลากหลาย ใครที่ชอบถ่ายภาพแนวแปลกตา เลือกมาที่โหมดนี้ได้เลย สนุกแน่นอนครับ
Portrait สวยเนียน ฟิลเตอร์เพิ่มเติมเพียบ
สำหรับโหมด Portrait บน realme 9 Pro+ นั้นใช้งานได้ดีมาก สามารถเลือกปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้สมจริงเหมือนกล้อง DSLR เลย พร้อมกับยังมีฟิลเตอร์ให้เราใช้งานเพิ่มเติมอีกเพียบ ทั้ง Bokeh Flare Portrait, AI Color Portrait, Dynamic Bokeh ช่วยให้เราถ่ายภาพบุคคลได้สนุกและแปลกใหม่ยิ่งขึ้น
Super Night Scape โหมดกลางคืนอย่างเก่ง พร้อมฟิลเตอร์หลากหลาย
สำหรับการถ่ายภาพกลางคืน realme 9 Pro+ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ด้วยความที่ใช้กล้องหลักระดับเรือธงแถมยังมีระบบกันสั่น OIS ที่เข้ามาช่วยในเรื่องความนิ่งของการถ่ายได้ดีขึ้น ทำให้การเก็บภาพและประมวลผลทำได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์ให้เราได้เลือกปรับโทนสีของภาพกลางคืนได้อย่างหลากหลายช่วยให้เราสร้างสรรค์ภาพ Night Scape ได้อย่างน่าทึ่งจริง ๆ ครับ
เซลฟี่สวยด้วยความละเอียด 16MP
กล้องหน้าเซลฟี่ของ realme 9 Pro+ มาในความละเอียด 16MP ถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามเป็นธรรมชาติ พร้อมฟีเจอร์เสริมแต่งใบหน้ามากมายทั้ง Portrait Retouching รวมถึง Portrait ที่เก่งพอตัว ให้เราได้ภาพเซลฟี่ได้อย่างน่าประทับใจเลยครับ
วิดีโอยอดเยี่ยมความละเอียด 4K พร้อม OIS+EIS
ปิดท้ายด้วยเรื่องวิดีโอ realme 9 Pro+ สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K/30fps ในเรื่องการกันสั่นก็ยอดเยี่ยมด้วยระบบกันสั่นทั้ง OIS ที่อยู่บนกล้องและ EIS ซอฟต์แวร์ด้วย ช่วยให้เราถ่ายวิดีโอได้อย่างไหลลื่น พร้อมความคมชัดสูงอีกต่างหากครับ
บน realme 9 Pro+ ก็มีฟีเจอร์ AI Highlight Video ที่ช่วยจัดการวิดีโอให้สวยทุกสภาพแสง ไม่ว่าแสงน้อยหรือย้อนแสงก็เอาอยู่ รหรือจะเป็นลูกเล่นเจ๋ง ๆ อย่าง Bokeh Flare Portrait Video ที่ช่วยละลายฉากหลังเก๋ ๆ ชวนฝันก็ทำได้หมดบน realme 9 Pro+ เครื่องนี้ครับ
วางจำหน่ายแบบจำกัดราคาเพียง 12,499 บาท
realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition เปิดราคามาเพียง 12,499 บาท แต่พิเศษเฉพาะช่องทางออนไลน์ผ่าน Shopee เหลือเพียง 11,999 บาท และความพิเศษอีกต่อลูกค้า 600 ท่านแรกรับรับ realme Fan Gift มูลค่า 3,000 บาทอีกด้วย เปิดให้ซื้อตั้งแต่วันที่ 20 – 30 เมษายนนี้ครับผม
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษสำหรับแฟน Free Fire ที่ครบเครื่องตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายใน”
สรุปแล้ว realme 9 Pro+ Free Fire Limited Edition ก็เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับแฟน Free Fire อย่างแท้จริง ด้วยแพ็กเกจที่น่าสนใจ ดีไซน์ภายนอกที่ออกแบบมาพิเศษพร้อมการปรับแต่ง UI ภายในให้เข้ากับชุดพิเศษได้อย่างลงตัว แค่นี้ก็เพียงพอต่อการที่แฟน ๆ แล้วว่าไหมล่ะครับ แต่เอาเข้าจริงในเรื่องสเปคที่ให้ของ realme 9 Pro+ เดิมน่าสนใจมากอยู่แล้ว เพราะมีทั้งหน้าจอ 90Hz Super AMOLED ชิปเซ็ตตัวแรง Dimensity 920 5G ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานทั่วไปจนถึงการเล่นเกมแบบจัดหนัก มีแบตเตอรี่เยอะ 4500mAh รองรับชาร์จไว 60W SuperDart Charge และยังมีกล้องหลังระดับเรือธงที่ใช้งานได้อย่างดีมากอีกด้วย เรียกว่าเป็นรุ่นที่แฟน Free Fire ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจริง ๆ ครับ!
จุดเด่น
- ดีไซน์ที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับแฟน Free Fire โดยเฉพาะ
- แพ็กเกจน่าสนใจ รวมถึงของแถมที่ให้มาในธีม Free Fire เน้น ๆ
- สเปคตัวเครื่องเร็วแรง ตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมและใช้งานหนัก ๆ
- กล้องหลังสเปคระดับเรือธง ถ่ายภาพยอดเยี่ยม ฟีเจอร์ล้นเหลือ
- หน้าจอ Super AMOLED 90Hz ลื่นไหลตอบโจทย์ทุกฟีเจอร์
- แบตเตอรี่ 4500mAh พร้อมชาร์จไว 60W SuperDart Charge
- ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด realme UI 3.0 บน Android 12 และการปรับแต่ง UI มาสำหรับเกม Free Fire
จุดสังเกต
- ไม่รองรับการเพิ่ม micro-SD (แต่ในเครื่องให้มา 128GB แล้ว)