Featured
รีวิวผลิตภัณฑ์ realme AIoT สู่ยุคใหม่ ยกระดับไลฟ์สไตล์ ทั้งสมาร์ทวอทช์ Watch S, หูฟัง Buds Air Pro, กล้อง Smart Cam 360° และเครื่องชั่ง Smart Scale
เข้าสู่ยุคที่อุปกรณ์ AIoT เข้ามาเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น realme แบรนด์สมาร์ทโฟนที่ถูกขนานนามว่าเติบโตเร็วที่สุดก็พร้อมให้เราได้เข้าถึง AIoT ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ทั้ง 4 อุปกรณ์ ได้แก่ realme Smart Cam 360°, realme Smart Scale, realme Watch S และ realme Buds Pro โดยแต่ละอุปกรณ์จะฉลาดและฟีเจอร์จัดเต็มขนาดไหน เราจะมารีวิวให้ชมกันแบบรวดเดียวเลย
realme Watch S
มาดูกันที่อุปกรณ์ AIoT ชิ้นแรกที่หลายคนกำลังรอคอยอย่างนาฬิกาอัจฉริยะ realme Watch S ที่ยังคงมีฟีเจอร์ครบครันทั้งการออกกำลังกาย, การดูแลสุขภาพ และรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
สรุปสเปค realme Watch S
- ขนาดตัวเครื่อง : 259.5 x 47.0 x 12.0 มม. (กว้าง x ยาว x สูง)
- น้ำหนัก : 48 กรัม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล, 278 PPI และความสว่างสูงสุด 600 นิต
- ระบบเซ็นเซอร์
- ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดการเร่งความเร็ว 3-axis acceleration Sensor
- ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- มอเตอร์สั่น Rotor Vibration
- ระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- กันน้ำระดับ IP68
- แบตเตอรี่ความจุ 390mAh
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเรือน realme Watch S
- แท่นชาร์จ
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
realme Watch S มาในดีไซน์ทรงกลมที่มีขนาดพอดีกับข้อมือครับ ใช้งานได้เหมาะกับทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่มีความคลาสสิกด้วยสีดำสวยงามตามที่เราได้มารีวิวครับ โดยวัสดุใช้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยเกรด 6063 แข็งแรงและน้ำหนักเบามากๆ
ที่สำคัญสายแบบซิลิโคนทำให้มีน้ำหนักเบาสวมใส่ได้สบาย ไม่รู้หนักจนเกินไป ทั้งยังมีอีก 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีส้ม และสีเขียว
realme Watch S มาพร้อมมาตรฐานน้ำและฝุ่น IP68 กันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร สามารถใส่ว่ายน้ำได้แบบไม่ต้องกังวลครับ
หน้าจอแสดงผลทำออกมาได้สวยงามมากๆ ด้วยขนาดใหญ่ 1.3 นิ้ว รองรับฟีเจอร์ปรับแสงหน้าจอแบบอัตโนมัติเพราะมีเซนเซอร์การจับแสงรอบทิศทาง หรือใครจะปรับแสงจอเองก็ทำได้ตั้งแต่ 1 – 5 ระดับ
ทั้งนี้ หน้าจอใช้กระจก Gorilla Glass ที่มีความโค้ง 2.5D สามารถสัมผัสได้สบายมากขึ้น
รอบเครื่องของ realme Watch S จะมีปุ่มด้านข้าง 2 ปุ่ม โดยที่ด้านบนจะเป็นปุ่มเรียกเมนูหรือย้อนกลับ ขณะที่ด้านล่างจะเป็นปุ่มเรียกเมนูออกกำลังกาย
ส่วนด้านหลังเครื่องจะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด
เชื่อมต่อง่าย ดูสถานะต่างๆ ได้สบาย
การเชื่อมต่อสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านแอปแพลิเคชั่น realme Link เมื่อเชื่อมต่อแล้วเราสามารถปรับแต่งการทำงานต่างๆ รวมถึงชมการแจ้งเตือนได้ด้วย
หน้าปัดมีให้เลือกหลากหลาย
สำหรับหน้าปัดมีให้เลือกหลายหลายในตัวครับ โดยสามารถกดค้างที่หน้าจอแล้วเลือกประมาณ 7 แบบ
โหมดออกกำลังกายมีถึง 16 โหมด
ใครชอบออกกำลังกายก็มีถึง 16 โหมด ได้แก่ การวิ่งกลางแจ้ง การเดินเร็ว, วิ่งในร่ม, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง, แอโรบิค, การฝึกกล้ามเนื้อ, ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, เทเบิลเทนนิส, แบตมินตัน, การปั่นจักรยานในร่ม, เครื่องเดินวงรี, โยคะ, คริกเกต, ปั่นจักรยาน และเครื่องออกกำลังกายกรรเชียงบก โดยหลักๆ จะสามารถดูอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์ และข้อมูลของแต่ละชนิดกีฬาครับ
วัดคุณภาพการนอน
realme Watch S สามาถตรวจจับคุณภาพการนอนได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยเราสามารถดูรายละเอียดต่างๆ ได้ทั้งในตัวนาฬิกาหรือแอป realme Link โดยจะบอกเวลาในการนอน ที่แบ่งช่วงการนอนเป็น 4 แบบ ได้แก่ หลับลึก, หลับตื้น, REM (หลับฝัน) และตื่น
วัดอัตราเต้นหัวใจเรียลไทม์ และออกซิเจนในเลือด
realme Watch S ยังคงมีเซ็นเซอร์ทั้ง 2 แบบมาให้เหมือนเดิม โดยการวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นใช้เซ็นเซอร์คุณภาพสูง PPG จาก Goodix ที่มีความแม่นยำอย่างมากและวัดได้รวดเร็ว
ทั้งนี้เราสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อมีอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงหรือต่ำเกินไปได้ผ่านแอป realme Link ครับ
ส่วนการวัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยหากอยู่ในระดับมากกว่า 94% ขึ้นไปคือปกติ, 88-93% ต่ำกว่าปกติ และน้อยกว่า 88% คือภาวะพร่องออกซิเจน
แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องหลายวัน
สำหรับ realme Watch S ก็มีแบตเตอรี่มาให้ถึง 390mAh ซึ่งไม่จำเป็นต้องชาร์จแบบวันต่อวันครับ เพราะใช้งานทั่วไปได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 15 วัน แต่ถ้าใครเน้นออกกำลังกายก็อาจจะได้ชาร์จช่วง 3-4 วันแรกครับ ทั้งยังใช้เวลาในการชาร์จถึง 100% เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ราคาและวันวางจำหน่าย
realme Watch S สนนราคาอยู่ที่ 2,999 บาท โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้
realme Buds Air Pro
มาต่อกันที่ realme Buds Air Pro หูฟัง True Wireless รุ่นใหม่ ฟีเจอร์จัดเต็ม ดีไซน์สวยงาม และสวมใส่ได้สะดวก ทั้งการใช้งานเล่นเกมหรือฟังเพลงครับ
สรุปสเปค realme Buds Air Pro
- ขนาดตัวเคส : 60.5 x 56 x 24 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเคส : 39.5 กรัม
- น้ำหนักหูฟังต่อข้าง : 5 กรัม
- หน่วยประมวลผล S1
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
- ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
- กันน้ำ : IPX4
- การชาร์จ (เคส) : พอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ : ใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 20 ชั่วโมง (เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ)
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เคสพร้อมหูฟัง realme Buds Air Pro พร้อมจุกยางขนาด L
- จุกยาง 6 ชิ้น (3 ขนาด ได้แก่ S, M และ XL)
- คู่มือการใช้งาน
- สายสำหรับชาร์จตัวเคสพอร์ต USB Type-C
ดีไซน์ของเคสชาร์จมาในรูปทรงที่มีความรีและมีความโค้งที่ทุกสัดส่วนครับ โดยฝาเคสก็เปิดได้ง่ายๆ ครับ
ที่ด้านหน้าเคสมีไฟ LED เพื่อบอกสถานะต่างๆ ส่วนทางด้านล่างมีพอร์ต USB Type-C เพื่อชาร์จเคส และทางขวาเป็นปุ่ม Paring เพื่อเชื่อมต่อในครั้งแรก
realme Buds Air Pro มีดีไซน์ของหูฟังแบบ In-Ear ทำให้เหมาะสำหรับการใส่ฟังเพลงอย่างมาก สวมใส่ได้ค่อนข้างสะดวกซึ่งต้องใช้ขนาดจุกยางที่เหมาะสำหรับหูของแต่ละคนครับ และมีน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 5 กรัมเท่านั้น
ตัวหูฟังรองรับมาตรฐานกันน้ำ IPX4 ที่ป้องกันละอองน้ำหรือเหงื่อได้แบบสบายๆ
รอบตัวหูฟังมีบอกฝั่งซ้ายหรือขวาที่ด้านล่าง โดยที่ด้านบนจะมีไมโครโฟนตัวที่ 2
ส่วนด้านหลังของตัวหูฟังจะมีระบบสัมผัสเพื่อใช้ในการควบคุมต่างๆ ถัดลงมาจะเป็นไมโครโฟนตัวหลักครับ
การเชื่อมต่อง่ายๆ
realme Buds Air Pro รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยแอป realme Link ผ่าน Bluetooth 5.0 ที่มีความเสถียรและรับส่งข้อมูลได้ไกลถึง 10 เมตร ทั้งนี้ ความสะดวกในการเชื่อมต่อก็ง่ายมากเพียงแค่เปิดเคสก็จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ล่าสุดทันทีเพราะรองรับ Google Fast Pair
การควบคุม
- กด 1 ครั้ง : วางสาย-ปฏิเสธการรับสาย
- กด 2 ครั้งติดกัน : เล่น-หยุดเพลง
- กด 3 ครั้งติดกัน : ข้ามไปเพลงต่อไป
- แตะค้างที่ Buds ทั้ง 2 ข้างเป็นเวลา 2 วินาที : เข้า / ออก Gaming Mode (เมื่อเข้า Gaming Mode จะเป็นเสียงเร่งเครื่อง)
หากใครที่อยากปรับเปลี่ยนการควบคุมต่างๆ ข้างต้นก็สามารถทำได้ผ่านแอป realme Link ครับ
การตัดเสียงรบกวนขั้นสุด
realme Buds Air Pro มาพร้อมกับชิป S1 ที่รองรับการตัดเสียงรบกวนภายนอก (Active Noise Cancellation) ที่เราทดสอบแล้วใช้งานได้ดีมากๆ ครับ ตัดเสียงภายนอกออกไปได้เยอะเลยทีเดียว โดยลดเสียงรบกวนสูงสุดถึง 35dB ใครที่ชอบฟังเพลงจะต้องชอบเพราะไม่มีเสียงอื่นๆ มากวนแน่นอน
แต่ถ้าเราอยู่ข้างนอกหรือกำลังข้ามถนนที่ต้องฟังเสียงรอบข้างบ้าง ก็สามารถปรับเป็นโหมดความโปร่งใส (Transparency Mode) เพื่อฟังเสียงภายนอกได้แบบปกติ
การฟังเพลง
ใน realme Buds Air Pro จะมีไดรเวอร์เบสขนาด 10 มม. มาให้ ช่วยให้เราฟังเพลงได้เต็มอรรถรส โดยเบสก็ถือว่าแน่นและหนักพอสมควร โดยยังมีฟีเจอร์ Bass Boost+ เพื่อเพิ่มระดับเสียงเบสได้หนักขึ้นไปอีกขั้น รวมถึงเสียงเพลงโดยภาพรวมก็ทำได้สดใสและเสียงร้องก็ชัดเจน ไม่แหลมจนเกินไป
ทั้งนี้เมื่อถอดหูฟังออกแล้ว ระบบก็จะหยุดเล่นเพลงทันที และเมื่อใส่กลับเข้าไปใหม่ก็จะเล่นต่อโดยอัตโนมัติ
การโทรปลายสายก็ได้ยินชัดเจน
หูฟังรุ่นนี้มามีไมโครโฟน 2 ตัวตามที่เราบอกไปครับ โดยจะเป็นตัวรับเสียงและการตัดเสียงรบกวนภายนอกหรือ ENC (Environmental-Noise Cancellation) ที่รู้ว่าควรตัดเสียงอะไรที่ผ่านเข้าไมค์มา เพื่อให้ปลายสายได้ยินเสียงเราได้ชัดเจน
โหมดเกม (Gaming Mode)
ในโหมดเกมก็สามารถเปิดเพื่อลดค่า Latency ได้ต่ำสุดถึง 94ms ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 21% ซึ่งจากที่ทดสอบด้วยเกม PUBG Mobile ความล่าช้าระหว่างการกดยิงและได้ยินเสียงปืนใกล้เคียงกับมากๆ แถมแยกเสียงฝั่งซ้ายและขวาได้อย่างชัดเจน
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานหลายชั่วโมง
จากการที่ realme Buds Air Pro ใช้ชิป S1 ที่ช่วยให้ใช้พลังงานต่ำและมีแบตถึง 486mAh ในตัวเคส ทำให้ใช้งานได้นานสูงสุด 25 ชั่วโมงครับ หรือถ้าเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนจะใช้ได้ 20 ชั่วโมง
แต่ถ้าใครมีเวลาไม่มากก็ชาร์จได้ไวเพียง 10 นาที ใช้ฟังเพลงได้นานอีก 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว หรือถ้าจะให้เต็ม 100% ก็ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ราคาและวันวางจำหน่าย
realme Buds Air Pro สนนราคาอยู่ที่ 2,999 บาท โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้
realme Smart Cam 360°
ต่อกับชิ้นที่ 3 สำหรับ realme Smart Cam 360° หรือกล้องวงจรปิดที่ให้ความปลอดภัยครบตลอด 24 ชั่วโมง มองเห็นทุกด้านแบบ 360 องศา
ดีไซน์ของ realme Smart Cam 360° มาในแนวตั้งขนาดเล็ก วางได้ทุกทีในบ้านอย่างสะดวก โดยที่รอบตัวกล้องจะมีความมนดูสบายตาสุดๆ
ด้านหลังจะเป็นลำโพง
ขณะที่ด้านล่างจะเป็นฐานวางที่ยึดติดกับวัตถุต่างๆ ได้อย่างแน่นหนาครับ
ความพิเศษของ realme Smart Cam 360° แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องกล้องที่สามารถบันทึกสิ่งต่างๆ ได้ที่ความละเอียดถึงระดับ Full HD 1080p ตัวภาพมีความคมชัดทั้งในที่สว่างหรือแสงน้อยครับ แถมยังบันทึกภาพได้ยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วัน ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
สำหรับในที่แสงน้อยหรือในกลางคืน realme Smart Cam 360° จะได้เทคโนโลยี WDR อัจฉริยะที่ปรับตัวกล้องให้บันทึกในตอนกลางคืนได้คมชัดและเห็นสีสันต่างๆ ได้ไม่ต่างจากในตอนกลางวัน ซึ่งจะมีระยะการมองในที่แสงน้อยถึง 10 เมตร รวมถึงจะมีแสงอินฟราเรด 940 นาโนเมตรในตัวเพื่อช่วยบันทึกภาพในที่มืด โดยผู้ใช้งานจะมองไม่เห็นแสงครับ ทำให้ไม่รบกวนเวลาใช้งานด้วย
realme Smart Cam 360° สามารถหมุนในแนวนอนได้ถึง 360 องศาเพื่อดูสิ่งต่างๆ รอบตัว หรือจะเป็นแนวตั้งในระดับ 110 องศาได้เช่นกัน ซึ่งการใช้งานก็ทำได้ง่ายๆ และระหว่างหมุนก็มีเสียงมอเตอร์รบกวนที่เบามากๆ จนแทบไม่ได้ยินครับ
การเชื่อมต่อ
สำหรับการเชื่อมต่อก็สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟน realme ที่ใช้แอปพลิเคชั่น realme Link ก็สามารถเชื่อมต่อกันได้อัตโนมัติเพียงแค่ค้นหาอุปกรณ์ใกล้เคียง โดยเมื่อเชื่อมต่อแล้วเราก็สามารถชมการบันทึกผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที รวมถึงการบันทึกวิดีโอที่เกิดขึ้นได้ผ่านสมาร์ทโฟนและเก็บไว้ในแกลเลอรี่แบบเรียลไทม์เลยด้วย
ทั้งนี้ realme Smart Cam 360° สามารถเพิ่ม SD Card ได้สูงสุดถึง 128GB ซึ่งภาพจะแสดงเฉพาะเมื่อเข้าไปดูในแอป realme Link หรือกลับบ้านมาดูเท่านั้นครับ
อัจฉริยะด้วยการแจ้งเตือน
ความอัจฉริยะที่สมเป็น AIoT สำหรับ realme Smart Cam 360° เป็นการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เมื่อมีวัตถุที่ผิดปกติเคลื่อนไหวผ่านกล้อง ระบบก็จะส่งข้อความมาที่สมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อผ่าน realme Link เอาไว้ทันที ทำให้เราทราบความเคลื่อนไหวได้แบบเรียลไทม์
ใช้งานได้ตอบกลับได้สุดสบาย
นอกจากที่ realme Smart Cam 360° จะเป็นกล้องวงจรปิดแล้ว ก็ยังรองรับการพูดคุยผ่านตัวกล้องได้ด้วยเหมือนกันแทบไม่ต่างจากคุยปกติ ซึ่งตัวกล้องจะมีลำโพงที่ด้านหลัง เสียงที่ปล่อยออกมามีความดังชัดเจนมากๆ ในระยะประมาณ 4 เมตรครับ
สำหรับ realme Smart camera 360° วางจำหน่ายในราคาเพียง 1,499 บาทเท่านั้น
realme Smart Scale
และสุดท้ายกับอุปกรณ์ AIoT อย่างสุดท้ายกับเครื่องชั่งน้ำหนัก realme Smart Scale ครับ ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องชั่ง แต่ยังตรวจวัดสุขภาพของเราได้อีกด้วย
realme Smart Scale มาในดีไซน์ที่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้วางไว้ที่บ้านได้ทุกมุมอย่างไม่เกะกะ ซึ่งตัวเครื่องมีความบางเพียง 23.2 มม. เท่านั้นเอง แต่ก็มีความแข็งแรงมากๆ ด้วยการรองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัม โดย realme Smart Scale ที่เราได้มาเป็นสีขาวซึ่งถือเป็นสีคลาสิกของ realme Smart Scale เหมาะกับการวางได้ทุกที่อย่างสวยงาม ส่วนอีกสีที่มีให้เลือกจะเป็นสีน้ำเงินครับ
อย่างที่บอกไปครับว่า realme Smart Scale เป็น AIoT ที่มีความฉลาดในตัว โดยรองรับด้านการตรวจข้อมูลของสุขภาพเรามากถึง 16 รายการ ได้แก่ น้ำหนัก, สัดส่วนไขมัน, รูปร่าง, BMI, อัตราความชื้น, สัดส่วนกล้ามเนื้อ, ระดับไขมันในช่องท้อง, กล้ามเนื้อลาย, ความหนาแน่นมวลกระดูก, โปรตีน, มวลไขมัน, มวลกล้ามเนื้อ, อายุร่างกาย, อัตราการเผาผลาญ, น้ำหนักร่างกายไม่รวมไขมัน และการวัดอัตราการเต้นหัวใจได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
ข้อมูลต่างๆ ของร่างกายเราที่เราชั่งไปก็สามารถดูได้ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชั่น realme Link อย่างง่ายๆ ที่สำคัญ เจ้าเครื่องนี้ยังเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ถึง 4 เครื่อง เรียกว่าคนในครอบครัวก็ใช้งานกันได้ครบทุกคนแน่นอน
ที่สำคัญ realme Smart Scale มีเซ็นเซอร์ BIA ที่ตรวจจับได้เลยว่าน้ำหนักของเรามีการเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เช่น การดื่มน้ำ โดยสามารถตรวจจับแม้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยสุดเพียง 50 กรัม
ชั่งน้ำหนักได้แม่นแม้จะเบาไม่กี่กรัม
realme Smart Scale มีเทคโนโลยี “Light Weight Mode” ช่วยให้เราชั่งสิ่งของที่มีน้ำหนักระหว่าง 0.05 ถึง 9.99 กิโลกรัมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะเหมาะสำหรับการวัดผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ที่ต้องแม่นในการชั่งตวงครับ
แบตเตอรี่ใช้ได้นานนับปี
realme Smart Scale มาพร้อมแบตเตอรี่ AA 4 ก้อน ทำให้ใช้งานได้นานเป็นพิเศษแน่นอนรับ ซึ่งทำงานนานสูงสุดถึง 365 วัน หรือ 1 ปีเต็มๆ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเลยด้วย
สำหรับ realme Smart Scale เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ วางจำหน่ายในราคาเพียง 999 บาทเท่านั้น