Featured
รีวิว realme Buds Air 2 และ Buds Air 2 Neo หูฟัง TWS ตัดเสียงเทพ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,299 บาท
realme เปิดตัว realme Buds Air 2 และ realme Buds Air 2 Neo มาเสริมทัพหูฟัง TWS ของแบรนด์ แต่ที่น่าสนใจก็คือ 2 รุ่นนี้มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ในราคาเป็นมิตรมาก ๆ เริ่มต้นเพียง 1,299 บาทเท่านั้น แถมดีไซน์ยังโดดเด่นและฟีเจอร์การใช้งานเพียบ ๆ อีกด้วย
วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net เลยขอมารีวิวหูฟัง 2 รุ่นใหม่ realme Buds Air 2 Neo และ realme Buds Air 2 ให้ชมกันสักหน่อย น่าสนใจแค่ไหนมาติดตามกันเลยครับ
realme Buds Air 2 Neo
เริ่มต้นที่ realme Buds Air 2 Neo กันก่อนเลย รุ่นนี้มาพร้อมกล่องสีเหลืองมาตรฐานของ realme ที่หน้ากล่องจะมีชื่อรุ่นพร้อมภาพประกอบตัวหูฟังโชว์อยู่เด่น ๆ แต่…ภาพที่หน้ากล่องจะโชว์เป็นสีดำทั้งหมด ไม่ว่าตัวหูฟังภายในจะเป็นสีอะไรก็ตามนะครับ
วิธีสังเกตสีที่อยู่ภายในกล่องจริง ๆ ให้ดูจากที่สติกเกอร์ด้านหลังกล่องจะมีระบุไว้ครับ realme Buds Air 2 Neo จะมีให้เลือก 2 สีคือ Active Black และ Calm Gray ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวคือสี Calm Gray ครับผม
อุปกรณ์ภายในกล่องของ realme Buds Air 2 Neo จะให้มา 4 อย่างประกอบด้วย
- ตัวหูฟัง realme Buds Air 2 Neo
- สายชาร์จ USB type-C
- เอกสารคู่มือและใบรับประกัน
- จุกหูฟังไซส์ S และ L
ดีไซน์ Futuristic
แกะกล่องเรียบร้อยทีนี้เรามาดูดีไซน์ของ realme Buds Air 2 Neo กันหน่อย รุ่นนี้ใช้ดีไซน์แบบ Futuristic หรือความเป็นโลกอนาคต ให้ความรู้สึกที่ทันสมัย ตัวเคสชาร์จมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดคล้ายก้อนหินทรงอนาคต พกพาได้สะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 45 กรัม
เปิดฝาออกมาเราจะเจอกับตัวหูฟังที่มีดีไซน์ล้ำเข้าไปอีกใช้ผิวสัมผัสตัดกันโดยตัวหูฟังจะเป็น Matte Process ผิวด้านสัมผัสได้ดี และส่วนบนจะมีความแวววาวใช้เทคนิค Lamination Process ใช้ฟิล์มพลาสติกที่ผ่านกระบวนการลามิเนตหลาย ๆ ชั้นมาเคลือบติดเข้าด้วยกันเป็นฟิล์มแผ่นเดียว
ตัว Buds ก็ยังมีความโค้งมน ช่วยให้จับถือหรือสวมใส่ได้อย่างสะดวกสบาย โดยบริเวณด้านบนของตัว Buds จะมีความโค้ง 48 องศา และบริเวณส่วนล่างของตัว Buds มีความโค้ง 72 องศา Buds 1 ข้างนั้น จะมีน้ำหนักเพียง 4.5 กรัมสวมใส่ได้สบายไม่หนักหูครับ
การสวมใส่ถือว่าทำได้ดีครับ แม้จะเป็นแบบ In-Ear แต่ตัวจุกหูฟังนั้นนุ่มกำลังดีไม่อึดอัด แต่อาจจะต้องเลือกไซส์ของจุกหูฟังให้เหมาะกับหูของเราด้วย ตอนแกะกล่องหูฟังจะใส่ไซส์ M มาให้ ซึ่งถ้าลองใส่แล้วไม่แน่นมากนักหรือหลุดง่ายก็อาจจะลองเปลี่ยนดูครับ ถ้าได้ไซส์ที่พอดีกับหูแล้วจะแน่นหนามากใส่ใช้งานยังไงก็ไม่หลุดเลยล่ะครับ
ที่ตัวเคสของ realme Buds Air 2 Neo จะใช้พอร์ต USB type-C ในการชาร์จ ก็ถือว่ามาตรฐานดีไม่ต้องหาสายชาร์จเพิ่มเติมเนาะ
การเชื่อมต่อและฟีเจอร์การใช้งาน
ได้เวลาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้ว realme Buds Air 2 Neo สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นได้ผ่านระบบ Bluetooth แต่ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนของทาง realme หรือสมาร์ทโฟน Android เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไปก็จะง่ายหน่อยเพียงแค่เปิดฝาเคสแล้วนำมาใกล้ ๆ กับสมาร์ทโฟนก็จะมี Pop Up แจ้งเตือนขึ้นมาให้เราเชื่อมต่อได้ทันทีเลยครับ
realme Buds Air 2 Neo จะทำงานร่วมกับแอป realme Link เพื่อการตั้งค่าเพิ่มเติม ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดบน Play Store ครับ แต่ถ้าใช้สมาร์ทโฟนของ realme ก็จะมีติดเครื่องอยู่แล้วสามารถกดเข้าไปเชื่อมต่อกันได้เลย
ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อกันแล้วในแอปก็จะมีตัวเลือกการตั้งค่าให้เราปรับหลายอย่างเลย ทั้งระบบ Noise Control ที่เราสามารถเลือกได้จากตรงนี้ 3 โหมด
- Noise Cancelling (ยกเลิกเสียงรบกวน)
- Normal (ปกติ)
- Transparency (ความโปร่งใส)
รวมถึง Sound Effect เราก็ยังเลือกปรับได้จากตรงนี้เลยมีให้เลือก 3 แบบเช่นกันประกอบด้วย
- Bass Boost+
- Dynamic
- Bright (สดใส)
นอกจากนี้เรายังสามารถตั้งค่าเรื่องการควบคุมด้วยการสัมผัสได้จากในแอป realme Link นี้ด้วย โดยเราสามารถควบคุมได้ 3 แบบคือ แตะ 2 ครั้ง, แตะ 3 ครั้ง, แตะแล้วกดค้าง ซึ่งสามารถเลือกการควบคุมได้หลากหลายดังนี้ครับ
- เล่น/หยุด
- เพลงถัดไป
- เพลงก่อนหน้า
- ระบบสั่งการด้วยเสียง
- สลับโหมด
- โหมดเกม
เซ็ตค่าทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้เวลามาทดลองฟังกันแล้วครับ realme Buds Air 2 Neo มาพร้อมไดรเวอร์ Bass Boost ขนาด 10 มม. พร้อมด้วยอัลกอริธึมคอมโพสิตใหม่กับ realme เบส ที่จะช่วยปรับเสียงเบส ทำให้เสียงเบสมีความลึกและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AAC HightQuality Audio ซึ่งเป็นอัลกอริธึมการเข้ารหัสที่มีอัตราการบีบอัดสูงซึ่งมีการพัฒนาโดย Dolby Laboratories อีกด้วย
realme Buds Air 2 Neo มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation อย่างที่บอกไป ช่วยตัดเสียงรบกวนได้อย่างดี สูงสุดถึง 25 dB และตรวจสอบเสียงรบกวนภายนอกผ่านไมโครโฟนฟีดฟอร์เวิร์ดทำให้เอียร์บัดส่งเสียงป้องกันเสียงรบกวนย้อนกลับเพื่อยกเลิกเสียงรบกวนดังกล่าวออก เท่าที่ลองฟังมาจริง ๆ คือให้เสียงที่ดีมาก เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนภายนอกเลย ใช้เดินทางผ่านรถไฟฟ้านี่เงียบกริบไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนเลยจริง ๆ ครับ
นอกจากนี้ยังรองรับโหมด Transparency หรือโหมดฟังเสียงภายนอกด้วย ช่วยให้เราใช้งานหูฟังได้ตลอดเวลาไม่จำเป็นต้องเอาหูฟังออกเวลาจะสนทนาเพราะตัวไมโครโฟนจะเก็บเสียงภายนอกเข้ามาให้เราได้ยินอย่างชัดเจนครับ
Dual Mic Noise Cancellation ส่วนเรื่องการคุยโทรศัพท์ realme Buds Air 2 Neo ก็มีไมโครโฟนคู่ พร้อมกับอัลกอริธึมการตัดเสียงรบกวนสภาพแวดล้อมภายนอก จะช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมากในระหว่างการโทร ใช้คุยโทรศัพท์ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
มี Game mode ลดความหน่วงด้วย realme Buds Air 2 Neo นั้นมี Game mode ที่เราสามารถเปิดได้จากแอป realme Link ตรงนี้จะช่วยให้ความหน่วงต่ำมากเพียง 88ms เท่านั้นเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมแล้วก็ว่าได้ ทำให้เราสามารถใส่หูฟังตัวนี้เล่นเกมได้อย่างไม่ติดขัด เสียงกับภาพนั้นตามกันมาติด ๆ
แบตเตอรี่และการชาร์จ
ปิดท้ายที่แบตเตอรี่ realme Buds Air 2 Neo สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 28 ชม. เมื่อปิดโหมด ANC และชาร์จผ่านเคสชาร์จ หรือหากเปิดโหมด ANC ก็ยังใช้ได้กว่า 20 ชม. ถือว่าใช้งานได้ยาวนานเลยล่ะ ถ้าวันหนึ่งเราใช้งานราว ๆ 4 ชม. ก็จะได้ 5 วันพอดี แถมรุ่นนี้ยังมีระบบชาร์จไว ชาร์จเพียงแค่ 10 นาทีก็สามารถฟังต่อเนื่องได้กว่า 3 ชม. แล้วครับ
สรุปแล้ว realme Buds Air 2 Neo
สรุปแล้ว realme Buds Air 2 Neo ก็ถือว่าเป็นหูฟัง TWS ราคาเบา ๆ ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะมาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามดูดี การสวมใส่และพกพาที่พอเหมาะพอเจาะ คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม เบสแน่น Latency ต่ำ และทีเด็ดคือลูกเล่นอย่าง Active Noise Cancellation ที่หาได้ยากในหูฟังราคานี้ รวม ๆ แล้วลงตัวมาก จะมีจุดสังเกตอยู่บ้างก็ตรงที่ตัวเคสนั้นมีรูปทรงโค้งไปหน่อยวางบนพื้นราบแล้วจะไม่นิ่งกับเรื่องเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่ไม่ได้ให้มาด้วย ถ้าไม่ติด 2 เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ในราคาพันนิด ๆ แบบนี้ครับ
realme Buds Air 2 Neo ราคา 1,299 บาท
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ E-Commerce เท่านั้น
realme Buds Air 2
มาต่อกันที่รุ่นพี่อย่าง realme Buds Air 2 รุ่นนี้จะอัปเกรดความสามารถขึ้นมาอีก มาในกล่องสีเหลืองเหมือนกันที่หน้ากล่องมีชื่อรุ่นและภาพประกอบชัดเจน และเช่นกันครับภาพประกอบด้านหน้าจะโชว์สีดำอย่างเดียว โดยรุ่นนี้จะมีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ Closer Black และสีขาว Closer White ครับ
ตัวสีจะระบุอยู่ที่ด้านล่างของตัวกล่องและสีที่เราได้มารีวิวเป็นสีขาว Closer White นั่นเองครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องของ realme Buds Air 2 จะให้มาทั้งหมด 4 อย่างประกอบด้วย
- ตัวหูฟัง realme Buds Air 2
- สายชาร์จ USB type-C
- เอกสารคู่มือและใบรับประกัน
- จุกหูฟังไซส์ S และ L
ดีไซน์นำเทรนด์
ดีไซน์ของ realme Buds Air 2 จะมาในทรงเรียบหรู ตัวเคสใส่ผิวสัมผัสแบบมันวาวขนาดกำลังเหมาะมือ รวมตัวหูฟังภายในด้วยแล้วก็จะหนักแค่ 42.7 กรัมเท่านั้น ใครที่เน้นการพกพาที่สะดวกน่าจะชอบครับ ตัวนี้พกพาได้ง่ายดี แต่แอบมีจุดสังเกตอยู่บ้างตรงตัวเคสชาร์จนั้นเป็นรอยค่อนข้างง่าย ต้องใช้งานระมัดระวังกันหน่อยเนาะ
ตัวเคสนั้นสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกตัวฝาเคสเปิดออกได้ง่าย แม้จะใช้งานมือเดียวก็เปิดได้ แม่เหล็กของฝาก็แข็งแรงเปิดและปิดได้อย่างมั่นคง
ดีไซน์ของหูฟังก็ออกแบบมาได้น่าสนใจ เป็นทรง In-Ear ที่มีก้านยาวออกมากำลังดี ใช้ดีไซน์แบบ Two-Tone เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์และพรีเมี่ยม โดยสีขาว Closer ที่ตัวหูฟังจะเป็นสีขาวแต่ก้านจะเป็นสีเงิน โดยด้านบนของชุดหูฟัง ได้ออกแบบให้มีความเปล่งประกายคล้ายอัญมณีและนำไดอะแฟรมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ จะช่วยให้สวมใส่ได้อย่างมีสไตล์มากยิ่งขึ้น
ในเรื่องการสวมใส่หูฟังสวมใส่ได้ง่ายและจับถือได้อย่างดีเพราะมีก้านให้เราได้จับตอนสวมก็ใส่เข้าไปแบบปกติ ความแน่นทำได้ดี จะสะบัดหัวแรง ๆ ก็ไม่หลุด น้ำหนักของตัวหูฟังก็เบาข้างละ 4.1 มม. เท่านั้น ทำให้เราใส่ฟังเพลงได้นาน ๆ โดยไม่ปวดหูครับ
ที่ตัวเคสชาร์จจะมีปุ่มกดเพื่อรีเซ็ตสัญญาณให้ด้วย เผื่อเราอยากเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นก็สามารถกดค้างที่ปุ่มด้านข้างนี้ได้เลย ไฟสถานะด้านหน้าจะเป็นสีขาวกระพริบ ๆ ครับ
ส่วนพอร์ตชาร์จของ realme Buds Air 2 ก็เป็นแบบ USB type-C เหมือนกัน ง่ายต่อการชาร์จเพราะใช้ของสมาร์ทโฟนได้เลย
การเชื่อมต่อและฟีเจอร์การใช้งาน
ในเรื่องการเชื่อมต่อเหมือนกันครับเราสามารถเปิดฝาเคสและนำมาใกล้ ๆ กับสมาร์ทโฟนเพื่อเชื่อมต่อผ่านฟีเจอร์ Google Fast Pair ได้เลย จะมี Pop-Up แสดงขึ้นมาถามให้เราเชื่อมต่อได้อย่างทันที ง่ายและสะดวกมาก นอกจากนี้ realme Buds Air 2 ยังมาพร้อมกับ R2 Chip ผสานประสิทธิภาพอันทรงพลังเข้ากับการใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษเพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียรและประสบการณ์ไร้สายแบบใหม่
ในการตั้งค่าเพิ่มเติมเราใช้แอป realme Link ได้เลยภายในนี้จะมีเรื่องการตั้งค่าพวกโหมด Noise Control ได้ 3 แบบ
- Noise Cancelling (ยกเลิกเสียงรบกวน)
- Normal (ปกติ)
- Transparency (ความโปร่งใส)
Sound Effect อีก 3 แบบ
- Bass Boost+
- Dynamic
- Bright (สดใส)
แต่จุดที่ realme Buds Air 2 มีเพิ่มจาก realme Buds Air 2 Neo คือระบบการตรวจจับหูฟัง ช่วยให้เวลาเราเอาหูฟังออกจากหูแล้วคอนเทนต์ที่เราดูอยู่นั้นหยุดชั่วคราวได้ครับ
ในเรื่องการควบคุมผ่านตัวหูฟัง realme Buds Air 2 ทำได้เช่นกัน ควบคุมที่ตัวก้านหูฟังทำงานได้ 3 แบบคือ แตะ 2 ครั้ง, แตะ 3 ครั้ง, แตะแล้วกดค้าง การควบคุมก็ปรับได้หลากหลายเช่นกันผ่านแอป realme Link เลยครับ
ในเรื่องเสียง realme Buds Air 2 นั้นทได้ยอดเยี่ยม รุ่นนี้ได้ The Chainsmokers มาช่วยปรับเสียงให้ด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงในการฟังเพลงเลย ตัวหูฟังมาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 10 มม. พร้อมเคลือบสารคาร์บอนคล้ายเพชร ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับฟังของเสียง เหมือนคุณได้รับฟังในสตูดิโอ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการอัปเกรดโหมด Bass Boost + แบบใหม่ โดยได้รับการออกแบบร่วมกันระหว่าง realme Music Studio และ The Chainsmokers เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ใช้พลังของไดนามิกคอยล์ขนาดใหญ่และไดอะแฟรม DLC อย่างเต็มที่ ให้ได้รับเสียงเบสที่มีชีวิตชีวา แต่กับ realme Buds Air 2 คุณสามารถเพิ่มเสียงเบสสำหรับการบันทึกดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ร็อคและเสียงอื่น ๆ ที่ชื่นชอบได้
ระบบตัดเสียงรบกวนก็ขั้นเทพด้วย Active Noise Cancellation ที่ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 25dB สามารถกรองเสียงรบกวนความถี่ต่ำ แม้กระทั่งเสียงเครื่องบิน เสียงรถไฟใต้ดินและเครื่องมือการขนส่งอื่น ๆ นอกจากนี้ยังช่วยตัดเสียงของสิ่งรบกวนภายในบ้าน เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับเพลงหรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
realme Buds Air 2 ยังรองรับ Transparency Mode หรือโหมดฟังเสียงภายนอกโดยเมื่อเปิดใช้งาน เราจะยังได้ยินการสนทนารอบตัวผ่านไมโครโฟน ทำให้เราสามารถสนทนากับคนอื่นได้แบบที่ไม่ต้องถอดหูฟังออกมาเลยล่ะครับ
realme Buds Air 2 ได้รับอัปเกรดโหมดเกม ที่มีความหน่วงต่ำเพียง 88ms ซึ่งเป็นระดับความหน่วงที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม โดยลดลงถึง 35% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แน่นอนว่าใช้เล่นเกมนี่ไม่มีหน่วงเลย เสียงกับภาพนี่ตรงกันเล่นเกมได้คุณภาพเสียงเทพ ๆ เลยล่ะครับ
แบตเตอรี่และการชาร์จ
ปิดท้ายที่แบตเตอรี่เหมือนกัน realme Buds Air 2 สามารถใช้งานได้ยาวนาน 25 ชม. เมื่อปิดโหมด ANC และ 22.5 ชม. เมื่อปิดโหมด ANC ส่วนเรื่องการชาร์จก็ชาร์จเต็มได้ในเวลาเพียง 1 ชม. เท่านั้น หรือถ้ามีเวลาไม่เยอะชาร์จ 10 นาทีเราก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้กว่า 2 ชม. ด้วยครับ
สรุป realme Buds Air 2
สรุปแล้ว realme Buds Air 2 ก็เป็นอีกหนึ่งหูฟัง TWS ที่น่าสนใจมาก เพราะได้ฟีเจอร์หลายอย่างมาครบไม่ต่างจากหูฟัง TWS ระดับพรีเมี่ยม ได้ The Chainsmokers มาปรับเสียงให้ ทั้งโหมด ANC ตัดเสียงรบกวนอย่างเทพ ระบบเสียง Bass Boost+ ที่เก่งขึ้นมอบประสบการณ์การฟังเพลงระดับสตูดิโอ ทั้งหมดนี้อยู่ในกลุ่มราคาไม่ถึง 2,500 บาท เรียกว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ จุดสังเกตที่เราเจอก็มีอยู่บ้างคือเรื่องรอยขีดข่วนที่พบได้ง่ายบนตัวเคส แต่ถ้าไม่ได้ติดใจตรงนั้นก็ไม่อยากให้พลาดหูฟังตัวนี้ realme Buds Air 2 เลยล่ะครับ สุดคุ้มจริง ๆ
realme Buds Air 2 ราคา 2,499 บาท
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ realme Brand Shop และร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ
สรุปแล้ว “นี่คือหูฟัง TWS ตัดเสียงเทพ ในราคาที่เป็นเจ้าของได้”
สรุปรวมให้อีกที หูฟัง realme Buds Air 2 Neo และ realme Buds Air 2 ก็ถือเป็นหูฟัง TWS ราคาดีที่ไม่อยากให้พลาดเลยล่ะครับ ราคาเริ่มต้นแค่ 1,299 บาท แต่ได้ฟีเจอร์ตัดเสียง ANC และคุณภาพเสียงยอดเยี่ยมขนาดนี้ หาได้ยากนะ ใครที่กำลังมองหาหูฟัง TWS ดี ๆ สักตัวมาใช้งานแบบที่งบสบายกระเป๋า เราว่า 2 รุ่นนี้คือตัวเลือกแรก ๆ ที่ควรมองเลยล่ะ