Featured
รีวิว realme C33 สมาร์ทโฟนสไตล์อันโดดเด่นที่สุดในระดับเดียวกัน และ realme Buds T100 เอียร์บัดดีไซน์สวย สวมใส่สบาย
วันนี้เรามาพร้อมกับรีวิว realme C33 สมาร์ทโฟนที่มอบสไตล์อันโดดเด่นที่สุดในระดับเซกเมนต์เดียวกัน พร้อมสเปคที่ใช้งานได้เต็มที่ และ realme Buds T100 หูฟังไร้สายดีไซน์สวยงามในราคาประหยัด โดยเราจะพามาชมรีวิวของ realme C33 กันก่อนเลย
สรุปสเปค realme C33
- ขนาดตัวเครื่อง : 164.2 x 75.7 x 8.3 มม.
- น้ำหนัก : 187 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Mini Drop Full Screen Display แบบ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600 x 720 พิกเซล) สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 88.7%, Touch Sampling Rate 120Hz และความสว่างสูงสุด 400 นิต
- หน่วยประมวลผล : Unisoc T612 Octa-core ความเร็ว 1.82GHz
- GPU : ARM Mali-G57
- RAM : 3/4GB LPDDR4X
- ROM : 32/64GB UFS 2.2 เพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 1TB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- เลนส์ Portrait
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI S Edition
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต Micro USB
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ชาร์จ 10W
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง realme C33 พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ 10W
- สาย Micro USB
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์ไร้แผงกล้องสะดุดตาพร้อมเสมือนการไหลของน้ำ
ความโดดเด่นของดีไซน์เป็นหนึ่งในเรื่องชูโรงของ realme C33 เลยทีเดียวครับ มีความโดดเด่นด้วยการใช้แบบไร้แผงกล้อง มีความสะดุดตา เรียบง่ายแต่สวยงาม ทั้งยังมีการเล่นแสงที่ฝาหลัง พร้อมลวดลายกริตเตอร์เบาๆ เพิ่มมิติความสวยงามเข้าไปอีกขั้น
สำหรับที่ฝาหลังนั้นใช้วัสดุแบบ 2 มิติจาก PC และ PMMA ที่มีความแข็งแรงและดูพรีเมียมมากขึ้นกว่าพลาสติกฝาหลังทั่วไป
โดยสีที่เห็นในรีวิวนี้จะเป็นสีดำ “Night Sea” ที่มาในโทนสีดำๆ เทาๆ คล้ายท้องทะเลในช่วงกลางคืนที่มีความสงบนิ่งและดูคมเข้มในตัว
และหนึ่งในสิ่งที่ชอบของดีไซน์ realme C33 คือความบางเฉียบเพียง 8.3 มม. แม้มีแบตถึง 5000mAh ทำให้ได้รับความสะดวกในการใช้งานไปนานๆ
หน้าจอ Mini Drop Full Screen จอใหญ่เต็มตา 6.5 นิ้ว
realme C33 ให้หน้าจอแสดงผลที่ให้รับชสมได้แบบเต็มตาแบบ Mini Drop Full Screen Display เป็นพาเนลแบบ LCD ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ HD+ และมีขอบหน้าจอที่ค่อนข้างบาง ทำให้มีสัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจออยู่ที่ 88.7% แถมยังแสดงผลสีได้ 16.7 ล้านสีที่ยังคงได้ความสดใสและมีความสีสดอยู่เหมือนกัน
ทั้งนี้ ใครที่ใช้เล่นเกมก็ยังคงตอบสนองได้ไวด้วยอัตรา Touch Sampling Rate สูง 120Hzครับ
พาชมรอบเครื่อง
บริเวณเหนือหน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้าในหยดน้ำ พร้อมลำโพงสำหรับการสนทนาเท่านั้น
ฝั่งซ้ายจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดและ MicroSD Card มาให้แบบครบ 3 ช่องเลยครับ แบ่งเป็นซิม 2 ช่อง + MicroSD อีก 1 ช่อง ให้งานกันได้เต็มที่ ไม่ต้องมาเลือกตัดอะไรออกไป
ส่วนด้านขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มและลดเสียง และปุ่ม Power ที่ให้ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วยครับ
ฝั่งด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1 ตามด้วยพอร์ต Micro USB และลำโพงตัวหลัก
และสุดท้ายที่ฝาหลังจะให้กล้องมา 2 เลนส์ จัดเรียงในแนวตั้งอย่างสวยงาม และไร้กรอบเลนส์อย่างที่บอกไปตอนต้นครับ ส่วนไฟแฟลช LED ก็มีมาให้ 1 ดวง
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
realme C33 แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย realme UI S Edition ที่เป็น UI สำหรับรุ่นเล็กที่ยังคงมีฟีเจอร์ที่สำคัญให้ใช้งานกันอยู่ครับ แต่หลักๆ จะเน้นไปที่เรื่องความไหลลื่นของระบบ
สแกนลายนิ้วมือด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว
อีกหนึ่งรุ่นเล็กแต่ให้ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ของ realme ก็คือรุ่นนี้ราคาสุดประหยัด การใช้งานจริงทำได้รวดเร็วมาก ไม่ถึง 1 วินาที และมีการตอบสนองได้อย่างแม่นยำและมีความปลอดภัยแน่นอนเวลาใช้งาน
ใช้งานธีมมืดเพิ่มความสบายตา
ใครที่ชอบใช้งานในตอนกลางคืนหรือห้องที่ปิดไฟก็จะมีฟีเจอร์ธีมมืดมาให้เช่นเคยครับ โดยจะสามารถกดเปิดได้ทันทีหรือเลือกเปิดได้ตามกำหนดเวลาที่เราตั้งไว้เองได้เลย
ถนอมสายตาด้วยแสงกลางคืน
ในฟีเจอร์นี้จะเป็นการตัดแสงสีฟ้าออกไปเพื่อให้ใช้งานได้สบายตาและไม่เมื่อยล้าดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน และเราก็สามารถปรับความเข้มในการตัดแสงสีฟ้าออกไปได้เช่นกันตามความชอบของแต่ละคนครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ในรุ่นนี้ได้หน่วยประมวลผล Unisoc T612 เข้ามาขับเคลื่อนในการใช้งานครับ โดยจะเป็นชิปแบบ Octa Core ความเร็ว Clock สูงสุด 1.82GHz ซึ่งใช้งานได้อย่างประหยัดพลังงานแต่ใช้งานทั่วไปได้ไหลลื่นเลยทีเดียวหากไม่ได้เล่นเกมหนักๆ เกินไปครับ ทั้งนี้ สิ่งที่ให้มายังมี GPU เป็น ARM Mali-G57 พร้อมด้วย RPM แบบ UFS 2.2 ที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้เร็วกว่า eMMC5.1 ถึง 300%
ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 9.4.4 ได้มาที่ 217,837 คะแนน
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
เกม ROV ที่เป็นเกมที่หลายคนยังคงเล่นอยู่ก็สามารถปรับภาพการแสดงผลได้ที่ระดับสูง, ภาพ HD ระดับสูงมาก และเฟรมเรทสูงครับ โดยการเล่นจริงๆ ก็ทำได้ไหลลื่น เฟรมเรทแทบไม่มีดรอป ไม่ว่าจะตอนปกติหรือตอนใส่สกิลกันรัวๆ กลางแมป และหน้าจอก็ตอบสนองได้ไว ไม่เจออาการดีเลย์มากเกินไปครับ
PUBG Mobile
หรับเกม PUBG Mobile ก็สามารถเปิดกราฟิกได้ที่ HD และเฟรมเรทสูงครับ โดยเราลองในโหมดปกติในแผนที่ใหญ่สุด ก็เล่นได้แบบไหลลื่น หน้าจอตอบสนองได้ไว ไม่ดีเลย์เท่าไหร่และไม่เจออาการสะดุดหรือค้างอะไร แถมเล่นได้แบบเครื่องไม่ร้อนมากอีกด้วย
พร้อมใช้งานได้เต็มวันด้วยแบตใหญ่ 5000mAh
realme C33 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุถึง 5000mAh หากใครที่ใช้งานทั่วไป อย่างเล่น Facebook, ดู YouTube หรือเข้าเว็บเบราว์เซอร์ทั่วไป ไม่ได้เล่นเกมเลย ก็สามารถอยู่ได้แบบเต็มๆ วันแน่นอนจากการที่ชาร์จในตอนเช้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้นครับ โดยการใช้งานแบบเต็มที่ในแบบต่างๆ จะมีดังนี้
- ใช้งานในโหมดสแตนด์บายนานสุด 37 วัน
- โทรอย่างต่อเนื่องภายใต้การใช้งานทั่วไปได้นานสุด 36.7 ชั่วโมง
- ฟังเพลงภายใต้การใช้งานทั่วไปได้นานสุด 84.7 ชั่วโมง
- เล่นวิดีโอภายใต้การใช้งานทั่วไปได้นานสุด 14 ชั่วโมง
แบตเหลือ 5% ก็ใช้ต่อได้เป็นชั่วโมงด้วย Ultra Saving Mode
realme C33 มาพร้อมกับ Ultra Saving Mode หรือโหมดประหยัดไฟระดับสูง ที่จะจำกัดการใช้งานแอปให้เหลือสูงสุดเพียง 6 แอปตามที่เราเลือกเท่านั้นครับ ทำให้การใช้งานทั่วไปในโหมดนี้จะแทบไม่กินพลังงานเลยครับ แมะแม้ว่าเราจะเหลือแบต 5% ก็ยังคงสแตนด์บายเครื่องได้อีกกว่า 43.6 ชั่วโมง
กล้องคมชัดระดับ 50MP พร้อมอัลกอริทึ่มสุดฉลาด
แม้ว่าจะเป็นตระกูล realme C Series ที่เป็นตระกูลสุดประหยัด แต่กล้องหลังของ realme C33 จัดมาให้ที่ความคมชัดถึง 50 ล้านพิกเซล พร้อมอัลกอริทึ่ม CHDR ช่วยให้การทำงานเมื่อถ่ายในที่แสงจ้าจะลดไฮไลท์ลงอย่างเหมาะสมเพื่อให้เห็นแสงเท่ากันทั้งภาพครับ หรือก็คือจะช่วยในเรื่องการถ่าย HDR ได้ดีขึ้นนั่นเอง
โหมด 50MP ถ่ายคมชัดเหนือระดับ
realme C33 เป็นเพียงสมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นในเซกเมนต์นี้ที่ให้กล้องคมชัดมาถึง 50 ล้านพิกเซลครับ ช่วยให้เราถ่ายภาพได้ในความละเอียดที่สูง สามารถซูมหรือครอปภาพได้โดยไม่เสียรายละเอียดในภาพมากเกินไปครับ
มาพร้อม AI และรับบ Auto HDR
ในเรื่องความฉลาดในการแยกแยะวัตถุต่างๆ ของ realme C33 ก็ยังมีมาให้เช่นกันในโหมดปกติครับ โ AI สามารถตรวจพบได้ว่าเรากำลังถ่ายวัตถุที่เป็นอะไรอยู่ และมีสัญลักษณ์เด้งขึ้นมาบอกที่ส่วนล่างหน้าจอ เช่น ถ่ายดอกไม้จะเป็นรูปดอกไม้ หรือถ่ายภาพอาหารก็จะเป็นรูปช้อนส้อม เป็นต้น และที่สำคัญคือการมาพร้อมเทคโนโลยี Auto HDR ที่ทำงานได้ดีมากๆ ครับ บริเวณที่ย้อนแสงก็จะมีการปรับให้มองเห็นทุกส่วนให้ชัดเจนแบบพอดีมากๆ เลยทีเดียวครับ
โหมด Portrait ถ่ายได้เนียน เบลอหลังอย่างเป็นธรรมชาติ
ในโหมดถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait บอกเลยว่าทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้เยอะเลยครับ การตัดขอบต่างๆ รอบตัวหรือตรงเส้นผมทำได้ค่อนข้างเนียนเลยครับ แถมการเบลอฉากหลังก็ทำได้ดี ไม่มีดูภาพลอยๆ เกินไปครับ อย่างไรก็ตาม การปรับความบิวตี้ใบหน้ายังไม่รองรับครับ
Super Night Mode ถ่ายภาพกลางคืนได้สวยงามขึ้น
realme C33 ก็มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพกลางคืนที่ช่วยให้เราถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นกว่าโหมดปกติอย่างเห็นได้ชัด แต่อาจต้องใช้แสงที่มีอยู่รอบๆ ในการช่วยอยู่ครับ
Exif_JPEG_420
เซลฟี่ได้สวยงามพร้อมปรับบิวตี้ได้เต็มที่
ใครที่ชอบเซลฟี่ รอบนี้ realme C33 สามารถปรับความบิวตี้ได้ด้วยในโหมดการถ่ายปกติครับ สามารถปรับได้ทั้งความเนียน, สิว, ดวงตา, ความเพรียวของใบหน้า หรือสีสันสดใสครับ โดยการปรับแต่งก็ยังมีความธรรมชาติอยู่ครับ ทั้งนี้ หากใครที่ถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมด Portrait จะยังไม่รองรับการปรับบิวตี้ แต่แลกด้วยความมีมิติของภาพที่ไม่ต่างจากกล้องหลังเลยครับ
สรุปการใช้งาน realme C33
realme C33 นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นประหยัดที่มีราคาคุ้มค่า ด้วยฟีเจอร์ที่ให้มาใช้งานทั่วไปได้ครบถ้วนเลยครับ ตั้งแต่กล้องหลัง 50 ล้านพิกเซลที่หาได้ยากมากๆ กับสมาร์ทโฟนราคาระดับเดียวกัน ทั้งยังได้หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว และแบตสุดอึด 5000mAh ที่พร้อมให้ใช้งานเต็มที่ตลอดวัน
realme Buds T100
มาต่อกันด้วย realme Buds T100 หูฟัง Earbuds น้ำหนักเบา สวมใส่สบายได้ตลอดวัน พร้อมดีไซน์ที่ทันสมัยอีกด้วย
สรุปสเปค realme Buds T100
- ขนาดตัวเคส : 61.16 x 48.29 x 28.16 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเคส : 33.7 กรัม
- น้ำหนักหูฟัง (ข้างละ) : 4.1 กรัม
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
- ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
- ขนาดไดเวอร์ไดนามิก : 10 มม.
- กันน้ำ/ฝุ่น (หูฟัง) : IPX5
- การชาร์จ (เคส) : USB Type-C
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- หูฟัง realme Buds T100
- เคสชาร์จพอร์ต USB Type-C
- สาย USB Type-C
- จุกหูฟัง 3 ขนาด (S/M/L, ขนาด M ติดตั้งมาให้อยู่แล้ว)
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์เคสขนาดเล็ก พกพาไปได้ทุกที่
ตัวเคสของ realme Buds T100 มาในรูปแบบที่กลมมนในทุกด้านครับ ทำให้เวลาพกพาจะไม่เกะกะจนเกินไปครับ
สีที่เราได้มาเป็นสีขาว Pop White ครับ ซึ่งอีกสีจะเป็นสีดำ Punk Black ที่หลักๆ จะเป็นการออกแบบสีสัน Two Tone ที่มีการตัดกันอย่างลงตัว อย่างสี Pop White รอบนอกจะเป็นสีขาวนวลๆ ส่วนด้านในจะออกมาเป็นสีเทาๆ ที่ตัดกันเบาๆ แต่ถ้าเป็นสี Punk Black จะมีสีดำด้านนอกและสีเหลืองที่ด้านในครับ
สำหรับตัวเคสจะมีพอร์ต USB Type-C เพื่อเอาไว้ชาร์จที่ด้านล่าง และมีไฟ LED บอกสถานะแบตเตอรี่ที่ด้านหน้าครับ
สวมใส่สบายจากการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์
น้ำหนักของตัวหูฟังของ realme Buds T100 ถือว่าเบามากๆ ครับ อยู่ที่ 4.1 กรัมต่อข้างเท่านั้น เวลาใช้งานจริงๆ ไม่รู้สึกหนักหูจนเกินไป ช่วยตัดปัญหาเวลาใส่นานและรู้สึกปวดหูไปได้ดีเลยทีเดียวครับ
กันน้ำระดับ IPX5
และที่ตัวหูฟังยังให้พร้อมใช้ทุกสถาการณ์ด้วยการรองรับมาตรฐานกันน้ำ IPX5 ทำให้ใช้งานตอนออกกำลังกายเวลาโดนเหงื่อ หรือใช้ตอนที่ฝนตกอยู่ก็ได้ทั้งหมดครับ
เชื่อมต่อง่ายผ่าน realme Link
ในการใช้งานครั้งแรก หากเราใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน realme จะมีการติดตั้งแอปพลิเคชั่น realme Link มาให้อยู่แล้วครับ เมื่อเปิดเคสมาปุ๊บ Pop-Up เชื่อมต่อก็จะแสดงขึ้นทันทีครับ ทั้งนี้ หากเราจะใช้งานครั้งต่อไป เพียงแค่เปิดเคสออกมาก็จะมีการเชื่อมต่อให้อัตโนมัติเหมือนกัน
และสิ่งที่ชอบเลยคือเวลาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Pop-Up ที่แสดงขึ้นมาจะเป็นสีของ realme Buds T100 ตามที่เราใช้งานอยู่ครับ เช่น เราใช้สีขาวอยู่ ใน Pop-Up ก็จะแสดงเป็นเคสสีขาว เป็นต้น
เชื่อมต่อได้ไกลแม้อยู่ในระยะ 10 เมตร
สำหรับ realme Buds T100 ได้ใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.3 ที่มีความเร็วในการเชื่อมต่อและมีความเสถียรของสัญญาณที่สูงเลยครับ ทำให้ไม่มีคลื่นรบกวนมากเกินไปเวลาใช้งานจริง ทั้งยังมีระยะเวลาในการส่งไกลแม้ไม่มีสมาร์ทโฟนอยู่ใกล้ๆ ถึง 10 เมตร
ควบคุมหูฟังได้ง่ายๆ ผ่านก้านสัมผัส
ในการควบคุมเบื้องต้น เราสามารถสัมผัสที่ก้านของ realme Buds T100 ได้เลย ดังนี้
- แตะ 2 ครั้ง (ข้างไหนก็ได้) : เล่น/หยุดเพลง หรือรับสาย/วางสายโทรศัพท์
- แตะ 3 ครั้ง (ข้างไหนก็ได้) : ข้ามไปยังเพลงต่อไป
- แตะค้าง : ปฏิเสธการรับสาย
- แตะค้าง (ข้างซ้าย) : ลดเสียง
- แตะค้าง (ข้างขวา) : เพิ่มเสียง
ไดรเวอร์ไดนามิกขนาดใหญ่ 10 มม. ฟังเพลงได้กระหึ่ม
realme Buds T100 จัดไดรเวอร์ไดนามิกมาให้ที่ขนาด 10 มม. ทำให้คุณภาพของเสียงมีความกระหึ่ม เบสค่อนข้างหนัก (แต่ไม่ได้หนักมากเกินไป) และเสียงที่ได้ก็มีมิติอีกด้วยครับ ใครที่ชอบฟังเพลงทั่วไปจะต้องหลงรักเสียงเพลงในหูฟังรุ่นนี้แน่นอน ที่สำคัญยังรองรับคุณภาพเสียง AAC ที่มีการเข้ารหัสการบีบอัดเพื่อให้เสียงมีสมจริงมากขึ้น
ปรับ Equalizer ได้ถึง 3 รูปแบบตามการใช้งาน
สำหรับใครที่ต้องการให้คุณภาพเสียงปรับเปลี่ยนไปตามที่เราต้องการ ก็สาามารถปรับ Equalizer (EQ) ได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Bass Boost+ ที่จะได้เบสที่หนักยิ่งขึ้น, สมดุลที่จะได้เสียงที่สดใสแต่ยังคงมีเบสอยู่ และสดใสที่จะได้เสียงเบสน้อยๆ แต่ได้ความชัดเจนของเสียงที่มาแทนที่ครับ
เบสไม่หนักพอก็เปิดโหมดเร่งเสียได้ด้วย
หากใครที่ชอบฟังเพลงแบบจริงจัง ก็สามารถเปิดโหมดเร่งเสียงหรือ Volume Boost Mode เพื่อเพิ่มเสียงของหูฟังให้มากกว่าปกติ จากเดิมอยู่ที่ 97dB ขึ้นมาเป็น 102dB แถมยังได้เสียงเบสที่หนักขึ้นและเสียงร้องเพลงก็จะดังขึ้นตามไปด้วย
ตัดเสียงรบกวนเวลาโทรได้ด้วยเทคโนโลยี AI ENC Noise Cancellation
แม้ว่า realme Buds T100 จะมีไมโครโฟนมาให้เพียง 1 ตัวที่ด้านล่างของก้าน ที่รับเสียงของผู้พูดได้ดีพร้อมเพิ่มเสียงของเราให้ดังขึ้น และสามารถตัดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกันเลยครับ ซึ่งจุดนี้จะเป็นการใช้งานเทคโนโลยี AI ENC เข้ามาช่วยครับ อย่างเสียงของรถยนต์หรือเสียงลมที่ไม่แรงเกินไปถือว่าเอาอยู่ครับ
เล่นเกมได้สบายด้วยโหมด Super Low Latency
นอกจากฟังเพลงหรือใช้คุยโทรศัพท์แล้ว ก็ยังมีโหมดเกมเพื่อให้สำหรับผู้ที่เล่นเกมด้วยครับ ซึ่งจะเป็นการลดค่าความหน่วงให้อยู่ที่ 88 มิลลิวินาที ทำให้เราได้รับเสียงที่ตรงกับภาพของเกมที่เล่นอยู่มากที่สุด โดยเฉพาะคนที่เล่นเกม FPS เช่น PUBG Mobile หรือ Call of Duty Mobile ครับ
แบตเตอรี่สุดอึดใช้งานต่อเนื่องนานสุด 28 ชั่วโมง
ใครที่ชอบหูฟังไร้สายที่ใช้งานได้ยาวนานแบบหลายชั่วโมงเพื่อไม่ให้สะดุด realme Buds T100 ก็เป็นอีกตัวลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ โดยหากเราชาร์จเคสและหูฟังให้เต็มสามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่องนานสุดถึง 28 ชั่วโมงเลยครับ ขณะที่หูฟัง 1 ข้างอยู่ได้นานสุดแบบไม่ต้องชาร์จถึง 6 ชั่วโมง และใช้คุยโทรศัพท์ได้นานสุด 5 ชั่วโมงครับ
และหากใครอยู่ข้างนอกและไม่ได้ชาร์จหูฟังมาแบบเต็มๆ ก็ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเพื่อชาร์จเร็ว ก็สามารถฟังเพลงต่อได้นานสุดอีก 2 ชั่วโมงเลยครับ
นอกจากนี้ สถานะไฟ LED ของตัวเคสก็ยังบ่งบอกสถานะแบตเตอรี่ของแต่ละส่วนได้อีกด้วย ตามด้านล่างนี้เลยครับ
ไฟแสดงสถานะขณะเคสขชาร์จ
- แบตเตอรี่ 100% : ไฟสีเขียว
- แบตเตอรี่มากกว่า 20% : ไฟสีเขียวแบบกระพริบ
- แบตเตอรี่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20% : ไฟสีแดงแบบกระพริบ
ไฟแสดงสถานะขณะชาร์จหูฟัง
หลังจากเปิดเคส
- แบตเตอรี่มากกว่า 20% : ไฟสีเขียวเป็นเวลา 10 วินาที
- แบตเตอรี่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20% : ไฟสีแดงเป็นเวลา 10 วินาที
เมื่อปิดฝาเคส
- แบตเตอรี่มากกว่า 20% : ไฟสีเขียวเป็นเวลา 3 วินาที และไฟแสดงสถานะจะดับลง
- แบตเตอรี่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20% : ไฟสีแดงเป็นเวลา 3 วินาที และไฟแสดงสถานะจะดับลง
สรุปการใช้งาน realme Buds T100
และสำหรับหูฟังไร้สาย realme Buds T100 ก็เป็นหูฟังไร้สายที่เหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่มองหาหูฟังเสียงดีๆ คมชัด และได้ Latency ที่ค่อนข้างต่ำมากๆ ในราคาที่จับต้องได้ ที่สำคัญดีไซน์ที่ออกแบบมาก็ใส่ได้กระชับกับหูและไม่หลุดง่ายเลยครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
สำหรับ realme C33 (4+64GB) พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคาเพียง 4,499 บาท ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ, realme Brand Shop และช่องทางออนไลน์ ดังนี้
- Shopee : https://bit.ly/3SlwGCs
- Lazada : https://bit.ly/3CLCtuZ
- JD : https://bit.ly/3gaolnv
ส่วน realme Buds T100 สนนราคาอยู่ที่ 699 บาท เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ พร้อมโปรโมชั่น Exclusive ที่ Shopee เท่านั้น โดยมีราคาพิเศษเพียง 499 บาท (จากปกติ 699 บาท) เฉพาะวันที่ 28 ต.ค. – 1 พ.ย. 65