Connect with us

Featured

รีวิว realme C63 น้องเล็ก ดีไซน์หนังวีแกนพรีเมี่ยม | ชิป Octa-Core | ชาร์จไว 45W | ประสบการณ์ AI ระดับเรือธง!

Published

on

รีวิว realme C63 สมาร์ตโฟนน้องเล็กรุ่นล่าสุดของ realme C-Series ที่มาพร้อมจุดเด่นในเรื่องดีไซน์ด้วยฝาหลังหนังวีแกนสุดพรีเมี่ยม สเปคที่ครอบคลุมทั้ง หน้าจอ 90Hz สบายตา, ชิปประมวลผล Octa-Core พร้อม Dynamic RAM, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่และชาร์จไว 45W อีกด้วย ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในสมาร์ตโฟนราคาเบา ๆ ไม่ถึง 5,500 บาทนี้แล้ว ส่วนการใช้งานเป็นยังไง ติดตามได้ใน รีวิว realme C63 นี้เลยครับ!

สรุปสเปค realme C63

  • ขนาดตัวเครื่อง : 167.26 x 76.67 x 7.74 มม.
  • น้ำหนัก : 191 กรัม (สี Leather Blue) | 189 กรัม (สี Jade Green)
  • หน้าจอ : LCD ขนาด 6.67″
  • ความละเอียด : HD+ (1600×720 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 560nits
  • Refresh rate : 90Hz, Touch Sampling rate 180Hz
  • ชิปเซ็ต : UNISOC T612 Octa-Core 1.8GHz (12nm)
  • RAM : 8GB (LPDDR4X)
  • Storage : 128GB (รองรับ microSD สูงสุด 2TB)
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ระบบชาร์​จ : ชาร์จไว 45W Fast Charge
  • กล้องหน้า : 8MP f/2.0
  • กล้องหลัง : 50MP กล้องหลัก f/1.8
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (realme UI 5.0)
  • สีสัน : Leather Blue, Jade Green

ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม ฝาหลังวีแกนครั้งแรกของ C-Series

มาชมดีไซน์ที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้กันก่อนเลย realme C63 เครื่องที่เราได้มาเป็นสี Leather Blue มาพร้อมฝาหลังหนังวีแกนสุดพรีเมี่ยม ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกของ C-Series เลยที่ใช้วัสดุแบบนี้ครับ มอบรูปลักษณ์ที่แตกต่างได้อย่างชัดเจน

ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกต้องบอกเลยว่าหรูหราเกินราคาหลักพันจริง ๆ ครับ ถ้าไม่บอกว่านี่คือรุ่นประหยัดก็คงคิดว่ารุ่นนี้ราคาหลักหมื่นแน่นอน สีน้ำเงินจะมีความลงตัวแบบที่ไม่จัดจ้านจนเกินไปและยังได้ความสุขุมที่ลงตัวกำลังดีอีกด้วย

นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว การที่ realme เลือกใช้วัสดุแบบหนังวีแกนก็ช่วยให้การจับถือนั้นดีเยี่ยม เพราะเพิ่มการยึดเกาะเวลาถือไว้บนมือ ไม่ลื่นหลุดมือได้ง่าย และยังไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือรวมถึงทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีอีกด้วย เรียกว่าสวยทั้งตอนมองและยังดีงามเมื่อยามสัมผัสอีกต่างหาก

กรอบเลนส์อลูมิเนียมแข็งแกร่ง และเข้ากันได้ดี

นอกจากฝาหลังจะมีวัสดุพรีเมี่ยมแล้ว ที่กรอบเลนส์ของ realme C63 ก็ยังอัปเกรดด้วยวัสดุอลูมิเนียมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ค่อยได้เห็นกันในสมาร์ตโฟนราคาประหยัด ทั้งแข็งแรงกว่า และมีพื้นผิวที่ยอดเยี่ยมกว่า แถมสีฟ้าอโนไดซ์ที่อ่อนกว่าหนังวีแกน ก็ให้กลมกลืนช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับฝาหลังได้อีกเยอะเลยทีเดียว

ตัวเครื่องบางเฉียบ Ultra Slim แค่ 7.74 มม.

อีกจุดที่ realme C63 ทำได้ดีก็คือเรื่องความบางเฉียบ รุ่นนี้ได้ความบางมาแค่ 7.74 มม.เท่านั้นครับ ซึ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งกลุ่มเดียวกันแล้ว C63 จะบางกว่าความหนาเฉลี่ยถึง 5% เลยล่ะครับ

ถึงแม้ตัวเลขจะดูบางมาก ๆ แต่ในการถือใช้งานจริง เราจะรู้สึกว่าเป็นความบางที่กำลังดี ไม่ได้บางจนเกินไปจนถึงลำบาก เพราะด้วยกรอบเครื่องที่ออกแบบมาแบบเหลี่ยม ทำให้เวลาเราจับถือนั้นเต็มไม้เต็มมือ แถมผิวสัมผัสยังเป็นแบบด้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องคราบรอยนิ้วมือถ้าเราใช้งานแบบไม่ใส่เคสด้วยนะ

หน้าจอถนอมสายตา 90Hz ทรงหยดน้ำ

พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง realme C63 นั้นมาพร้อมหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ ขนาด 6.74″ ถือว่าใหญ่เต็มตาเลยล่ะ ตัวรอยบากด้านบนถ้าพูดตรง ๆ อาจจะไม่ได้ทันสมัยเหมือนจอเจาะรู แต่ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ ในการใช้งานจริง ก็ไม่ได้กวนใจอะไรครับ

ในเรื่องการแสดงผลก็ได้ความละเอียดระดับ HD+ ดูวิดีโอหรืออ่านตัวหนังสือกำลังพอเหมาะ แต่ไม่ถึงขั้นคมเป๊ะ มีตัวหนังสือหยาบไปบ้าง ถ้าเพ่งกันจริง ๆ แต่จุดเด่นของรุ่นนี้จริง ๆ คือเรื่องความสว่างหน้าจอที่เร่งได้สูงสุด 560nits และถ้าหรี่สุดก็เหลือแค่ 1nits ได้เลยด้วย แถมรุ่นนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดแสงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตรงนี้ realme เลยให้ชื่อเรียกว่า Eye Comfort Display เลยครับ ถนอมสายตาได้ดีมาก

ส่วนการตอบสนองหน้าจอก็ทำได้ลื่นไหลที่ระดับ 90Hz ช่วยให้เราเลื่อนหน้าจอไป-มา เบราว์เว็บไซต์ ไถฟีดบนโซเชี่ยลมีเดียได้ดี ไม่ติดขัด ช่วยให้การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ดูราบรื่นขึ้นครับ

ตำแหน่งปุ่มกดมาตรฐานใช้งานได้ดี

รอบ ๆ ตัวเครื่องก็วางตำแหน่งไว้คล้ายกับรุ่นก่อน ๆ ของ realme C Series ครับ มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power อยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง ตำแหน่งกดได้ง่ายที่ปุ่ม Power จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้ใช้งานด้วย ซึ่ง realme C63 ก็มีฟีเจอร์ Dynamic Button ที่สามารถแตะสั่งงานคำสั่งอื่น ๆ ได้ด้วย

ส่วนด้านซ้ายมือจะมีช่องใส่ซิม ตัวถาดซิมซึ่ง ถาดซิมของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Triple-Slot เลย หมายความว่าเราสามารถใส่ 2 ซิมพร้อมกับ microSD ได้แบบที่ไม่ต้องสละช่องใดช่องหนึ่งครับ

ด้านล่างของตัวเครื่องก็จะมีช่องหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C และลำโพงหลักตัวเครื่องครับ

ลำโพงอัปเกรดเป็น Ultra-linear พร้อม UltraBoom 200%

ลำโพงของ realme C63 จะได้รับอัปเกรดมาเป็นลำโพง Ultra-linear คุณภาพฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้น คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีฟีเจอร์ UltraBoom ช่วยเร่งเสียงให้ดังขึ้นเป็น 200% และประสิทธิภาพความถี่ต่ำที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้การเล่นเพลงและการรับชมวิดีโอน่าดื่มด่ำยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

กันน้ำ IP54 พร้อม Rainwater Smart Touch

realme C63 มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IP54 ที่ป้องกันของเหลวระดับกระเด็นและป้องกันจากละอองฝุ่น ช่วยให้เรามั่นใจในเรื่องการโดนน้ำได้ แถมตัวหน้าจอยังมีฟีเจอร์ Rainwater Smart Touch ที่เป็นการผสมผสานอัลกอริธึมกันน้ำและความสามารถในการประมวลผลของ IC แบบสัมผัส ทำให้หน้าจอยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ แม้จะถูกหยดน้ำหรือเมื่อมือเปียกก็ตาม

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ realme C63 ก็ถือว่าให้มาแบบพรีเมี่ยมมาก ๆ ทั้งรูปลักษณ์ที่มองแว้บแรกก็แอบคิดว่าเป็นรุ่นราคาหมื่นอัพแน่นอน กับความรู้สึกเวลาสัมผัสก็ยังได้ความหรูหราแบบนั้นอยู่จริง ๆ สีสันที่เลือกใช้ก็ให้ความจริงจังมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นโทนที่เหมาะได้กับทุกวัยเหมือนเดิม ต้องขอชม realme เลยที่ทำมือถือราคาหลักพันได้สวยขนาดนี้ครับ

ราบรื่นด้วยชิป UNISOC T612 อันทรงพลัง

สำหรับสเปคภายใน realme C63 มอบประสิทธิภาพอันทรงพลังด้วยชิปเซ็ต UNISOC T612 แบบ Octa-Core ความเร็วสูงสุด 1.8GHz ทำงานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล ให้ประสบการณ์ที่ไม่ติดขัดจนเกินไป

นอกจากนี้ realme C63 ยังมาพร้อม Dynamic RAM ที่เพิ่มได้สูงสุด 8GB รวมกับ RAM จริง ๆ อีก 8GB ก็เหมือนเรามี RAM 16GB เพิ่มความสามารถของแอปพลิเคชันเบื้องหลังให้คงความ active และมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นใกล้เคียงกับ RAM ขนาด 16GB แบบ native เลยครับ

มีโหมด AI Boost เร่งการทำงานให้ถึงขีดสุด

realme C63 ยังมีโหมด AI Boost ที่เข้ามาปรับปรุงความราบรื่นของระบบและปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างมีประสิมธิภสพ 2 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Smooth Boost และ Game Boost ซึ่งการทำงานจะต่างกันดังนี้

  • Smooth Boost = เร่งการเปิดแอปให้เร็วขึ้น 5% | สลับแอปได้ลื่นไหลขึ้น 5%
  • Game Boost = ลดอาการเกม Lag ได้ 5% | ปรับปรุงเฟรมเรตในเกมให้เสถียรขึ้น 10%

การรับรองคุณภาพยาวนาน 48 เดือนจาก TÜV SÜD

ด้วยประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์อันทรงพลังและการเพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุม ทำให้ realme C63 ได้รับการรับรอง TÜV SÜD Fluency เป็นเวลา 48 เดือน ซึ่งรับประกันความราบรื่นที่ยั่งยืนตลอดการใช้งาน 4 ปี เปลี่ยนภาพจำว่า สมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นมักอืดเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ได้เลย เพราะเขาการันตีให้ตั้ง 48 เดือนแล้วแหนะ

ผลทดสอบเป็นไงบ้างรุ่นนี้ ?

เพื่อให้เห็นภาพคร่าว ๆ ของชิปและการจัดการของ realme C63 เราเลยทดสอบผ่านแอป Benchmark อย่าง Geekbench 6 และ AnTuTu Benchmark v10 ให้ชมกันสักหน่อย ซึ่งผลทดสอบของ Geekbench 6 ก็ออกมาน่าพอใจ Single-Core ได้ไป 436 คะแนน และ Multi-Core ได้ไป 1480 คะแนน

ส่วนคะแนนของ AnTuTu Benchmark ก็ได้ออกมาไม่ธรรมดา 262674 แต้ม ถือว่าไม่น้อยนะครับสำหรับสมาร์ตโฟนในกลุ่มราคาไม่เกิน 5,500 บาทแบบนี้

เล่นเกมโอเคอยู่ มี Game Space ด้วย

ไหน ๆ ก็เห็นคะแนนทดาอบคร่าว ๆ แล้ว เรามาลองเล่นเกมกันหน่อยดีกว่า ซึ่ง realme C63 ก็จะมี Game Space ช่วยจัดสรร RAM อัจฉริยะและการปรับประสิทธิภาพแบบไดนามิก ทําให้เครื่องมีประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ทรงพลัง นอกจากนี้ยังสามารถเปิดใช้งานโหมดไม่รบกวนเพื่อบล็อกการแจ้งเตือน ทําให้ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่โฟกัสและดื่มด่ำมากขึ้นอีกด้วย

เล่น Asphalt 9 บน realme C63

เกมที่เราใช้ทดสอบ realme C63 รอบนี้เราใช้ 2 เกม เริ่มที่เกมแข่งรถภาพสวยอย่าง Asphalt 9 ตัวเกมให้เราปรับตั้งค่าได้สูงสุดเลยทั้งเฟรมเรต 60fps และคุณภาพกราฟิกแบบ High Quality แต่เท่าที่เราลองเล่นจริงก็พบว่ามีจังหวะเฟรมดรอปบ้างในบางจังหวะ แต่ถ้าปรับกราฟิกไว้ที่ Default และเลือกเป็น 30fps จะโอเคที่สุดครับ ลื่นไหลแบบไม่กระตุก แถมภาพก็สวยเพียงพอแล้ว

เล่น PUBG Mobile บน realme C65

ส่วนอีกเกมเป็นเกมยิงอย่าง PUBG Mobile เราสามารถปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้สูงสุดที่ HDR+High ถือว่าเพียงพอต่อการเล่นแล้วล่ะครับ ซึ่งที่เราวัดได้ตัวเกมก็เล่นได้ลื่น ๆ ในเฟรมเรต 30fps เลยครับ ภาพกราฟิกก็สวยพอ เล่นได้อย่างลื่นไหลบนหน้าจอใหญ่จัดเต็มดีครับ

ชาร์จเร็ว 45W พร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh

เรื่องชาร์จ realme C63 จัดเต็มมาพร้อมระบบชาร์จไว 45W Fast Charge ที่ชาร์จได้ถึง 50% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที หรือชาร์จแค่ 1 นาทีก็สามารถคุยโทรศัพท์ได้นาน 1 ชม.กันเลย แถมยังนำเสนอความทนทานที่สุดในระดับเดียวกัน ด้วยรอบการชาร์จและการคายประจุสูงสุด 1,600 ครั้งถึงแบตฯจะเริ่มเสื่อม ถ้าคิดจากการชาร์จหนึ่งครั้งต่อวัน ก็เท่ากับว่าใช้กันนานถึง 4 ปีกว่าจะเสื่อมเลย ซึ่งเปรียบเทียบกันแล้ว ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งเสนอได้เพียง 1200 รอบเท่านั้นนะ

ไม่ใช่แค่ชาร์จเร็วเพราะแบตเตอรี่ก็อึดจริงจังด้วยขนาดความจุ 5000mAh ซึ่งแบตเตอรี่ระดับนี้ก็เทียบเท่าพวกเรือธงแล้ว ในการใช้งานจริงกว่าสัปดาห์ของเราพบว่าใช้งานได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องกังวลเลยล่ะครับ

realme UI บน Android 14

มาต่อกันที่เรื่องซอฟต์แวร์ของ realme C63 รุ่นใช้พื้นฐานบน Android 14 และมีการครอบทับมาด้วย realme UI ที่ไม่ได้บอกเวอร์ชั่นไว้ แต่เท่าที่เราลองใช้งานแล้วจะคล้ายกับ realme UI T Edition เวอร์ชั่นที่เบากว่าเวอร์ชั่นเต็มเพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุดครับ

แต่ถึงจะบอกว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ลดทอนมา แต่เรื่องฟีเจอร์ realme ก็ให้มาครบไม่แพ้กันนะ มีฟีเจอร์ AI และการทำงานที่ช่วยให้เราสะดวกสบายมาหลายอย่างอยู่ อาทิ

Air Gestures

ฟีเจอร์ที่ให้เราใช้มือโบกเพื่อสั่งงานแอปได้ ช่วยให้เพลิดเพลินกับความสนุกของเทคโนโลยีได้มากขึ้น ด้วยกล้องหน้าและเซ็นเซอร์หลายตัวที่ทำงานร่วมกัน พร้อมด้วยอัลกอริธึม AI ที่ใช้โมเดลขนาดใหญ่ ทำให้สามารถจดจำท่าทางได้อย่างแม่นยำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามือเปรอะจากการทำกิจกรรม หรือรับประทานอาหารอยู่ ก็สามารถรับสายหรือแม้แต่ดู วิดีโอสั้น ๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกังวลว่ามือถือเราจะสกปรก

Dynamic Button

ฟีเจอร์นี้จะให้เราได้ใช้ปุ่ม Power สั่งงานอื่น ๆ ได้มากกว่าแค่เปิด-ปิดเครื่อง เพราะปุ่มนี้เราสามารถใช้เป็นปุ่มฟังก์ชั่นในการสั่งงานอื่น ๆ พร้อมกันได้ อาทิ เราแตะ 2 ครั้ง (แค่แตะยังไม่ต้องกด) ที่ปุ่ม Power เพื่อสลับโหมดเสียงเป็นโหมดสั่น หรือกดลงไป 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้อง เป็นต้น ช่วยให้เราสั่งงานได้หลากหลายขึ้นโดยที่ไม่ต้องเพิ่มปุ่มมาใหม่เลยด้วย

AI Noise Reduction Call

ลดเสียงรบกวนและเสียงรอบข้างที่ไม่ต้องการ เช่น ลม การจราจร และฝูงชนจํานวนมาก ช่วยให้เราจดจ่อกับการสนทนากับคู่สนทนาได้โดยไม่มีเสียงอื่นมารบกวน

Mini Capsule 2.0

และที่ขาดไม่ได้ Mini Capsule 2.0 ที่จะมี Pop Up แสดงการแจ้งเตือนขึ้นด้านบนแบบโต้ตอบกับการแจ้งเตือนของคุณได้โดยตรง เพื่อการทํางานที่ราบรื่นอย่างแท้จริง

กล้อง AI 50MP ตัวเดียวก็เพียงพอ

มาปิดท้ายกับที่เรื่องกล้อง realme C63 ให้กล้องที่ใช้งานได้จริงเพียงตัวเดียวคือ 50MP ซึ่งถือว่าเป็นกล้องประสิทธิภาพสูงในช่วงราคานี้แล้ว ช่วยให้เราได้เก็บรายละเอียดภาพถ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น และผู้ใช้เข้าถึงคุณภาพในกล้องที่ดีในกลุ่มราคาไม่เกิน 5,500 บาทแบบนี้

ในเรื่องซอฟต์แวร์กล้องของ realme C63 จะมีความคลีนเพราะใช้กล้อง Camera Go มาปรับแต่งเพิ่มนิดหน่อย แต่ก็ยังมีลูกเล่นอย่าง Auto HDR และอัลกอริธึมที่เพิ่มเข้ามา รวมถึงมี Street Filter มาให้เลือกใช้งานด้วย เพิ่มความสนุกสนานและความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพได้มากกว่าแบบทั่ว ๆ ไป

ซึ่งคุณภาพจากโหมด Photo ปกติก็ถือว่าทำได้ดีสมราคาครับ อย่างที่บอกว่าโหมดกล้องจะมี Auto HDR มาคอยดึงรายละเอียดของภาพหลังถ่ายเพิ่มเติม รวมถึงปรับสีสันของภาพรวมถึงความคมชัดให้อยู่ในระดับน่าพอใจ

Portrait สวยเนียนเป็นธรรมชาติ

ส่วนโหมด Portrait ก็ได้รับอัปเดตอัลกอริธึมใหม่ ให้เอฟเฟกต์เบลอที่สมจริงยิ่งขึ้น และปรับปรุงการปรับโทนสีผิวให้เป็นธรรมชาติ ภาพที่ออกมาถือว่าน่าประทับใจครับ สีผิว สกินโทนทำได้ดีเลย ส่วนเรื่องความเบลอก็ละลายได้ถึงใจ แต่ก็ยังมีแอบตัดขอบได้เวอร์เกินจริงไปบ้าง อย่างบางภาพถ่ายปรับความเบลอเยอะ ๆ (f/stop น้อย ๆ) จะเห็นว่าทุกอย่างนอกจากตัวแบบจะละลายไปหมด แม้จะอยู่ในระยะใกล้กันก็ตาม

กล้อง 8MP เซลฟี่หน้าเนียน ได้โทนเหมือนกล้องหลัง

realme C63 ได้กล้องหน้ามาที่ 8MP f/2.0 เซลฟี่ได้สวยเนียนตามฉบับของ realme มี AI ปรับแต่งหน้าเนียน โหมด Portrait ก็เลือกใช้ได้ตามสะดวก ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ได้โทนที่สวยคล้ายกับกล้องหลังเลยด้วย อันนี้น่าจะถูกใจใครที่ใช้กล้องหน้าบ่อย ๆ เลยล่ะ

ราคาและโปรโมชั่น realme C63

ปิดท้ายของจริงด้วยราคาค่าตัวของ realme C63 ที่เปิดตัวในไทยความจุเดียวคือ 8GB+128GB มีให้เลือก 2 สีคือ สีน้ำเงิน Leather Blue (สีที่รีวิว) และ สีเขียว Jade Green เปิดราคาที่ 5,499 บาท

โดย realme C63 จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 28 มิถุนายนเป็นต้นไป รับฟรี! realme Gift Box (มูลค่า 890 บาท) และราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจ เริ่มต้นเพียง 2,799 บาท

สรุปแล้ว “นี่คือน้องเล็ก C-Series ที่ดีไซน์พรีเมี่ยม สเปคครบในงบไม่ถึง 5,500”

สรุปแล้ว realme C63 ก็ถือเป็นสมาร์ตโฟนน้องเล็กรุ่นใหม่ใน C-Series ที่ชูเรื่องดีไซน์มาอย่างโดดเด่นด้วยฝาหลังหนังวีแกนครั้งแรกของซีรีส์ที่พรีเมี่ยมกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันอย่างชัดเจน มีสเปคที่ครบครันทั้งหน้าจอ 90Hz ขนาดใหญ่ ชิปเซ็ต Octa-Core แบตเตอรี่จุเยอะ 5000mAh อีกทั้งยังมีชาร์จไวระดับ 45W ด้วย แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะรุ่นนี้ยังมีลูกเล่น AI ใหม่ ๆ เข้ามาตั้งแต่ AI Boost, AI Noise Reduction Call, Air Gesture, Dynamic Button หรือ Mini Capsule 2.0 ก็ด้วย รวม ๆ แล้วเราว่านี่ก็เป็นอีกตัวเลือกในกลุ่มราคาไม่เกิน 5,500 บาทที่น่าพิจารณาจริง ๆ

Android News11 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News11 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News12 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review14 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News16 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

IT News16 ชั่วโมง ago

Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผสานรวมกับ Siri, ข้อความเสียงและวิดีโอ และอื่นๆ เพียบ

ในวันนี้ Meta ได้ทำก...

Android News17 ชั่วโมง ago

น่าสนนะ ! หลุดสเปคแท็บเล็ต OnePlus Pad Pro โมเดลใหม่ เตรียมใช้หน้าจอ 13″ คมชัดระดับ 3K

OnePlus Pad Pro เคยเ...

Android News17 ชั่วโมง ago

ลือ…Galaxy S25 Ultra มีต้นทุนสูงกว่า S24 Ultra ถึง $110 อาจทำให้ราคาเปิดตัวสูงขึ้นอีกในปีหน้า!?

ลือกันต่อกับ Galaxy ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก