Smart Review
รีวิว realme GT 2 Pro 5G เรือธงพร้อมเทคโนโลยีกล้อง 50MP กว้างสุด 150° พร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
ใครที่รอเรือธงของ realme อยู่ วันนี้เราจัดมาให้แล้วกับ realme GT 2 Pro 5G สมาร์ทโฟนระดับท็อปสุดของแบรนด์ในตอนนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 1, หน้าจอ 2K AMOLED แบบ 120Hz ทั้งยังมีกล้องหลังคมชัดสูงสุด 50 ล้านพิกเซลถึง 2 เลนส์ และมีฟีเจอร์กล้องต่างๆ ที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย โดยจะมีอะไรบ้างมาดูกันครับ
สรุปสเปค realme GT 2 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.2 x 74.4 x 8.18 มม.
- น้ำหนัก : 189 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Super Reality แบบ 2K AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (3216 x 1440 พิกเซล),525 PPI, รองรับ Refresh Rate 1-120Hz ควบคู่ 1000Hz Touch Sampling Rate, Contrast Ratio 5,000,000:1 มีความสว่างสูงสุด 1,400 นิต และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass Victus
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core ความเร็ว 3.0GHz
- RAM : 8/12GB LPDDR5
- ROM : 128/256/512GB UFS 3.1
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับเทคโนโลยีกันสั่น OIS เซ็นเซอร์ Sony IMX 766
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 150 องศา เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL JN1
- เลนส์ Ultra-macro ระยะโฟกัส 4.7 มม.
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ IMX615
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
- รองรับ 5G SA/NSA
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, ลำโพงคู่ระบบ Dolby ATMOS และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 65W SuperDart Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
พิเศษตั้งแต่กล่อง
สมัยนี้ใครๆ ก็ต้องรักษ์โลกกันเยอะหน่อย โดยกล่องของ realme GT 2 Pro 5G มาพร้อมกับการลดพลาสติกลงถึง 21.7% พร้อมใช้หมึกที่พิมพ์จากถั่วเหลืองเพื่อความเป็นธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้กล่องสามารถนำไป Reuse หรือย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติครับ
ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะมีทั้งตัวเครื่อง realme GT 2 Pro 5G ที่ติดฟิล์มกันรอยมาให้ครบ, อะแดปเตอร์ 65W SuperDart Charge, สาย USB Type-C, อุปกรณ์เปิดถาดซิม, เคสซิลิโคนที่ยังมีลายเซ็นของ Naoto Fukasawa และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Paper Tech Master Design”
บอกเลยว่าตั้งแต่แกะกล่องมาแล้วเห็นดีไซน์ของ realme GT 2 Pro 5G ก็ดูมีความงดงามแล้วครับ ด้วยวัสดุด้านหลังที่มาพร้อมดีไซน์ที่ใช้ชื่อว่า “Paper Tech Master Design” ที่ได้แรงบันดาลใจในการผลิตจากกระดาษควบคู่กับการเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้วัสดุโพลิเมอร์ชีวภาพในการผลิต ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากคาร์บอนถึง 63% ต่อกิโลกรัม โดยดีไซน์ดังกล่าวเป็นผลงานจากคุณ Naoto Fukasawa ที่เคยออกแบบให้กับ realme GT Series มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะมีลายเซ็นที่บริเวณขวาบนด้วยครับ
ดีไซน์ฝาหลังในสี “Paper White” ของรุ่นนี้ให้สัมผัสที่ดูมีความพรีเมี่ยมขั้นสุดเลยครับ ไม่มีความลื่นมือ ไม่ติดคราบมันหรือรอยนิ้วมือให้ต้องเช็ดเลย แถมยังให้เราสัมผัสถึงความนุ่มนวลเวลาจับอีกด้วย ทั้งนี้ ผิวของฝาหลังยังมีลวดลายที่ให้ความรู้สึกคล้ายเวลาสัมผัสกับกระดาษจริงๆ ด้วย
และแม้จะเป็นเรือธงที่ใส่เทคโนโลยีมาเพียบ แต่ตัวเครื่องมีความบางเพียง 8.18 มิลลิเมตรเท่านั้น และมีน้ำหนักเพียง 189 กรัมเท่านั้นครับ ถือว่าเบามากๆ สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง
หน้าจอแบบเรียบ 2K AMOLED รุ่นแรกของโลกที่รองรับเทคโนโลยี LTPO 2.0
realme GT 2 Pro 5G จัดเต็มเรื่องหน้าแสดงผลเหมือนกัน โดยมาพร้อมพาเนล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว คมชัดระดับ 2K (WQHD+) 3216 x 1440 พิกเซล ทั้งยังใช้จอแบบ 10-bit แสดงผล 1.07 พันล้านสี ควบคู่กับ Contrast Ratio 5,000,000:1 ใครที่ชอบหน้าจอสดๆ ดูวิดีโอแบบคมชัดสมจริงๆ ไม่ควรพลาดเลยครับ มันดีมากจริงๆ
ทั้งนี้ realme GT 2 Pro 5G ยังรองรับ Refresh Rate ตั้งแต่ 1-120Hz แบบอัตโนมัติบนเทคโนโลยี LTPO ที่จะมีการปรับ Hz ตามเนื้อหาบนหน้าจอเพื่อการประหยัดพลังงาน โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของโลกที่มีหน้าจอแบนความละเอียด 2K แบบ LTPO 2.0 ที่สำคัญด้วยความพิเศษนี้ยังมี Touch Sampling Rate ถึง 1000Hz รับรองว่าเล่นเกมต่างๆ ได้แบบติดนิ้วและตอบสนองได้ไวสุดๆ
และใครกังวลเรื่องความแข็งแกร่งของหน้าจอ ก็สบายใจไปได้เลยเพราะรุ่นนี้ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ที่ทนแรงตกได้สูงถึง 2 เมตร
บริเวณเหนือหน้าจอจะมีกล้องหน้า 32MP แบบ Punch Hole และลำโพงตัวที่ 2 ที่แอบอยู่ตรงกลาง
ทางซ้ายตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ทางขวาตัวเครื่อง
ด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง โดยไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ครับ ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
ขณะที่ด้านบนเครื่องจะมีไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวนครับ
ส่วนด้านหลังจะมีกล้อง 3 เลนส์ พร้อมสโลแกน “DUAL 50MP MATRIX OIS CAMERA” และที่ด้านข้างโมดูลกล้องจะมีสัญลักษณ์ realme พร้อมข้อความ “DESIGN BY” Naoto Fukasawa (ลายเซ็น)
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
realme GT 2 Pro 5G แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด เป็น Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0 โดย UI ใหม่มีหน้าตาที่ทันสมัยมากขึ้นและใช้งานที่เหมือนว่าจะไหลลื่นขึ้นกว่าเดิมแบบรู้สึกได้เลยครับ
รองรับ 5G Dual Mode
แน่นอนว่าเป็นเรือธง การรองรับ 5G ก็ทำได้แน่นอนครับ โดยรุ่นนี้ก็รองรับ 5G แบบ Dual Mode รองรับทั้งแบบ SA และ NSA ทั้งยังมีเสาสัญญาณที่อยู่รอบเครื่องทำให้เวลาเราถือใช้งานก็มั่นใจได้เลยว่ามือจะไม่มาบังการทำงานของคลื่นต่างๆ แน่นอนครับ
ลำโพงคู่ Dolby ATMOS และ Hi-RES
ใครที่มาสายความบันเทิงจะต้องชอบลำโพงคู่นี้ของ realme GT 2 Pro 5G แน่นอน เพราะได้ความกระหึ่มมากๆ พร้อมกับความมีมิติในการเล่นเสียงเพราะรองรับ Dolby ATMOS และ Hi-RES จะเล่นเกม ดูซีรี่ย์ต่างๆ ก็เพิ่มอรรถรสได้เป็นอย่างดีครับ
ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบ
realme GT 2 Pro 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ที่มีความแม่นยำมากๆ จากที่ใช้งานมายังไม่มีพลาดเลย และยังสแกนได้เร็วอีกด้วย
ขณะที่การสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วไม่ต่างกันครับ อยู่ที่ความสะดวกว่าใครจะใช้งานอย่างไรและตอนไหนครับ
วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย !
ที่บริเวณการสแกนลายนิ้วมือ realme GT 2 Pro 5G จะมีการฝังเซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจเข้าไปด้วย ซึ่งสามารถวัดได้ผ่านฟีเจอร์ของ realme Labs ครับ โดยใช้เวลาประมาณ 20 วินาทีเพื่อทำการประมวลผล
รองรับ Always-On Display เห็นข้อมูลได้ทันทีไม่ต้องปลดล็อก
ด้วยความที่เป็นหน้าจอ AMOLED ก็จะได้ประโยชน์จากการมีฟีเจอร์นี้ครับ โดยจะเป็นการแสดงข้อมูลเบื้องต้นของเครื่อง เช่น เวลา, วันที่, การแจ้งเตือนต่างๆ เป็นต้น โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงอะไรบ้าง รวมถึงการปรับแต่งรูปแบบของฟีเจอร์นี้ก็มีให้เลือกเพียบเลยครับ ตกแต่งกันได้อย่างสนุกเลย
ใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน ลาก-วางได้ง่ายๆ !
ใครที่ชอบใช้งานหลายแอปไปพร้อมกันหรือเวลาทำงานก็ทำได้สะดวกมากครับ โดยสามารถลากจากแถบด้านข้างออกมาได้เลย ซึ่งการลากไอคอนแอปออกมาจะเป็นการใช้แบ่งหน้าจอ แต่ถ้ากดแอปในแถบจะเป็นให้แอปเปิดแบบ Pop-Up
ทั้งนี้ เมื่อเราใช้หลายแอปได้ การลาก-วางไฟล์ต่างๆ ระหว่างกันก็ทำได้อีกด้วย เช่น จะเอารูปภาพส่งเข้าเมลก็ทำได้ทันที เป็นต้น
ปรับแต่งไอคอนได้หลากหลาย
บน realme UI 3.0 จะให้เราปรับแต่งไอคอนหรือรูปแบบของการใช้งานได้มากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของไอคอนแอป, ไอคอนการตั้งค่าด่วน และสีสันของแอปและไอคอนที่เราสามารถเลือกโทนได้เองเลย
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 เป็นชิปเรือธงที่เข้ามาขับเคลื่อนใน realme GT 2 Pro 5G ครับ โดยเป็น CPU ที่มี 8 คอร์ (Octa-core) พร้อมความเร็ว Clock สูงสุด 3.0GHz ทั้งยังใช้สถาปัตยกรรมใหม่ด้วยขนาดเล็กเพียง 4 นาโนเมตรเท่านั้น ซึ่งเรื่องความแรงและความไหลลื่นก็ไม่ต้องห่วงอะไรเลยครับ ส่วนใครเป็นเกมเมอร์ ชิปตัวนี้มาพร้อมกับ GPU Adreno 730 ที่ชูโรงเรื่องเฟรมเรทที่ทำได้นิ่งมากๆ
เพิ่ม RAM ได้สูงสุด 7GB รวม 19GB !!
RAM ที่ให้มาในรุ่นนี้แบบพื้นฐานจะอยู่ที่ 12GB ครับ แต่ยังจัดเทคโนโลยีเปลี่ยนพื้นที่ว่างเป็น RAM ให้อีกด้วย โดยจะเพิ่มได้ตั้งแต่ 3/5/7GB หากใครปรับสูงสุดจะได้ RAM ไปถึง 19GB ไปเลยจ้า
ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu ได้มาที่ 938,677 คะแนน
ส่วนผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench ทำ Single-Core ไปที่ 1,228 คะแนน และ Multi-Core ที่ 3,329 คะแนน
เล่นเกมลื่นๆ เฟรมเรทนิ่งๆ ด้วยเทคโนโลยี AI Frame Stabilization 2.0
นอกจากตัวชิปที่ให้มาให้แบบแรงสุดแล้วในฝั่งของ Android ในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Frame Stabilization 2.0 ที่ช่วยเสริมในเรื่องการจัดการให้เฟรมเรทระหว่างเล่นคงที่ ไม่เหวี่ยงไปมา ไม่ต้องมาคอยหงุดหงิดแน่นอน ซึ่งจะเล่นได้ลื่นขนาดไหน เดี๋ยวเราจะพามาดูครับ
ทดสอบการเล่นเกม
Genshin Impact
ขอเริ่มกันด้วยเกมที่มีกราฟิกสูงมากๆ อย่าง Genshin Impact บอกเลยว่าถ้าไม่เจ๋งจริงอาจกระตุกแน่นอนครับ แต่ใน realme GT 2 Pro 5G เราได้ลองปรับภาพสูงสุดพร้อมเฟรมเรท 60fps ก็เล่นได้สบายๆ ครับ การเคลื่อนที่และการสัมผัสบนหน้าจอทำได้สมูธมากๆ
PUBG Mobile
ต่อกันด้วยเกมแนว FPS กันครับ เป็น PUBG Mobile ที่สามารถปรับกราฟิกได้สูงสุดทั้งหมด ภายในเกมภาพสวยงามและคมมากๆ จะพื้นหญ้า ตัวตึก หรือท้องฟ้าก็แสดงผลได้สมจริงมากๆ ที่สำคัญ การหมุนการเคลื่อนที่ตอนเล่นทำได้ดีมากๆ ครับ ไม่มีกระตุกหรือสะดุดอะไรเลย และยิ่งได้ลำโพงคู่ด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องใส่หูฟังให้เสียเวลาเลย
ROV
ส่วนเกม ROV เราสามารถเปิดทุกอย่างได้สูงสุดเช่นกัน โดยทดสอบการเล่นโหมดปกติ 5 VS 5 เฟรมเรทนิ่งๆ ที่ 60fps หรือถ้าร่วงลงมาก็จะอยู่ที่ 59fps เท่านั้นครับ
เครื่องร้อนก็ระบายได้เร็วสุดๆ ด้วยพื้นที่กระจายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน
จริงๆ เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราเล่นเกมแล้วเครื่องจะเกิดความร้อนครับ ซึ่งจริงๆ ระหว่างการทดสอบเล่นเกมเครื่องก็มีอาการร้อนตามปกติ (โดยเฉพาะบริเวณขอบเครื่อง) แต่สิ่งสำคัญคือการจัดการความร้อนที่ realme GT 2 Pro 5G ทำได้ดีมาก ครับ ตัวเครื่องจะร้อนไม่นาน ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็กลับมาอยู่ในอุณหภูมิปกติแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นเพราะการได้แผ่น Stainless Steel Vapor Chamber ขนาด 4,129 ตารางมิลลิเมตร ที่เป็นแผนระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟนด้วย
แบตอึดใช้งานได้ครบวัน พร้อมมี 65W SuperDart Charge มาด้วย!
realme GT 2 Pro 5G ให้แบตเตอรี่มาที่ 5000mAh ซึ่งเยอะมากๆ และเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปที่เกินวันแน่นอนครับ ส่วนใครจะเล่นเกมก็อยู่ได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมง ซึ่งถือว่านานเลยทีเดียว
นอกจากนี้ realme GT 2 Pro 5G ยังมี 65W SuperDart Charge ที่ชาร์จเร็วมากๆ โดยเราทดสอบการชาร์จจากแบตเตอรี่ประมาณ 7% – 80% ใช้เวลาไปประมาณ 36 นาที(ขณะชาร์จยังคงใช้งานไปด้วยเล็กน้อย) และเต็มในเวลารวมประมาณ 42 นาทีเท่านั้นครับ
กล้อง 3 เลนส์ พร้อมเปิดมุมมองกว้างสุด 150° เป็นครั้งแรกของโลก
ใครที่มองหาสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปได้สนุก เพลินๆ แบบไม่มีเบื่อต้องไม่ควรพลาด realme GT 2 Pro 5G เลยครับ เพราะฟังก์ชันต่างๆ ให้มาครบถ้วนมากๆ และแตกต่างจากที่เราเคยคุ้นชินอย่างสิ้นเชิงด้วยนวัตกรรมกล้องที่ให้มา ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Ultra-Wide Angle มุมกว้าสุดถึง 150 องศาครั้งแรกของโลก และมีเลนส์ Microscope ซูมถึง 40 เท่า ให้เห็นสิ่งที่ดวงตามองไม่เห็น และอื่นๆ อีกเพียบ จะเป็นอย่างไรมาชมกันเลยดีกว่าครับ
กล้อง 50MP ถึง 2 เลนส์ทั้งหลักและ Ultra-Wide Angle
realme GT 2 Pro 5G จัดเลนส์หลักและ Ultra-Wide Angle ที่มีความคมชัดสูงเท่ากันที่ 50 ล้านพิกเซลมาให้ครับ โดยสามารถถ่ายโหมดคมชัดสูงได้เหมือนกันอีกด้วย ทำให้เราเห็นรายละเอียดในภาพได้ชัดเจนแบบไม่ต่างกันเลย
เลนส์หลัก
เลนส์ Ultra-Wide Angle
AI ฉลาด ประมวลผลได้ไวมาก
เรื่องของ AI ในโหมดปกติของรุ่นนี้ ทำได้ดีมากครับ มีการปรับแต่งเฉดสีต่างๆ ให้ดูสดใสมากขึ้น รวมถึงการจัดการด้านแสงและเงาก็ทำได้ชัดเจน มีการปรับจุดที่มืดในภาพให้สว่างขึ้นและปรับให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนกว่าเดิม และยังมีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่ทำได้ไวและประมวลผลภาพได้รวดเร็วด้วยครับ
รุ่นแรกของโลกกับเลนส์ Ultra-Wide Angle กว้างสุด 150 องศา
ในเลนส์นี้ได้ใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL JN1 ที่ให้สีสันและความคมชัดของภาพได้สูงมากๆ โดยความพิเศษคือการถ่ายภาพในมุมมองกว้างถึง 150° (ต้องกดโหมด 150°) ทำให้เห็นทุกองค์ประกอบในภาพได้ครบถ้วนแบบไปสุดกว่าเดิมมากๆ ครับ ซึ่งมุมกว้าง 119 องศาปกติก็เหมือนจะเห็นองค์ประกอบได้ครบแล้ว แต่พอลองมาใช้มุมกว้างสุด 150 องศา ก็ทำให้เราเห็นเลยว่ายังมีอะไรหลายอย่างที่ขาดไปครับ ทั้งนี้ สิ่งที่ควรระวังนิดหน่อยคืออาจจะเผลอเห็นนิ้วที่จับเครื่องด้านหลังระหว่างถ่ายอยู่ด้วยครับ (แม้ว่าจะจับถ่ายตามปกติก็ตาม)
ภาพเปรียบเทียบเลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide 119 องศา / Ultra-Wide 150 องศา
อย่างไรก็ตาม หากใครที่ต้องการถ่ายมุม Ultra-Wide Angle ด้วยมุมมองปกติที่ 119 องศา ก็สามารถเปลี่ยนใช้โหมดรูปถ่ายและเลือกเลนส์มุมกว้างได้เลยครับ โดยในมุมปกติจะมีข้อดีคือขอบภาพจะยังไม่โค้งจนเกินไปครับ
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle (มุม 119 องศา)
ครั้งแรกของโลกสมาร์ทโฟนกับโหมด Fish-eye
ประโยชน์ของเลนส์มุมกว้าง 150 องศา ยังช่วยให้เราได้ถ่ายโหมด Fish-eye อีกด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่มีโหมดนี้บนสมาร์ทโฟนครับ ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการถ่ายภาพมากขึ้นและไม่มีเบื่อเลยเวลาใช้กล้องของ realme GT 2 Pro 5G
Microscope ซูมให้เห็นในสิ่งที่ดวงตามองไม่เห็น
realme GT 2 Pro 5G จะมีอีกเลนส์อย่าง Microscope 40x ที่ทำให้เราได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็นกับวัตถุที่มีขนาดเล็กมากๆ หรือมีอะไรซ่อนอยู่กับสิ่งของที่ใช้อยู่เป็นประจำครับ ภาพที่ได้จะอยู่ในความคมชัดระดับ Full HD และมีให้เลือกซูมได้แบบ 20x และ 40x บอกเลยว่าการมีเลนส์นี้ทำให้การถ่ายภาพด้วยรุ่นนี้สนุกมากขึ้น โดยวิธีการถ่ายที่ง่ายที่สุดคือการนำกล้องไปชิดกับวัตถุแล้วยกขึ้นมาเล็กน้อยครับ
น้ำตาล พิกเซลหน้าจอสมาร์ทโฟน
Portrait ถ่ายสวยเนียนตา ปรับบิวตี้ได้ธรรมชาติมาก
นอกจากจะถ่ายในโหมดทั่วไปได้สวยแล้ว ในโหมด Portrait ก็ถ่ายได้สวยงามไม่แพ้กันเลย การตัดขอบรอบตัวทำได้เนียนมากแทบไม่มีหลุด ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนมากๆ บริเวณเส้นผมครับ ที่สำคัญเราสามารถปรับความบิวตี้ได้ถึง 100 ระดับ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติได้เหมือนเดิม
ในโหมด Portrait ยังมีฟีเจอร์ AI Color Portrait ที่เป็นการตัดสีสันยกเว้นตัวบุคคลให้เป็นสีขาวดำทั้งหมดครับ ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นไปอีก และการตัดสีก็ทำได้ดีเลยทีเดียว
Dynamic Bokeh ก็เป็นอีกลูกเล่นที่ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ ที่จะเปลี่ยนฉากหลังเป็นแบบไดนามิกที่ดูมีการเคลื่อนที่ครับ
เพิ่มความโบเก้ให้สุดด้วย Bokeh Flare ที่ในรุ่นนี้ก็มีให้ใช้งาน โดยจะเป็นการเบลอขั้นสุดคล้ายกับการใช้กล้องโปรเลยทีเดียว ยิ่งถ้าถ่ายในสถานที่ที่มีดวงไฟโบโก้เยอะๆ จะยิ่งเสริมความงามให้โหมดนี้ขึ้นไปอีก
โหมด Portrait ปกติ / โหมด Bokeh Flare Portrait
ภาพนิ่งขยับได้ด้วย 3D Photo
realme GT 2 Pro 5G สามารถเปลี่ยนภาพนิ่งเป็นภาพ 3 มิติได้เลยทันทีครับ โดยสามารถทำได้ 4 แบบ ได้แก่ ฮิตซ์ค็อก, หมุนวน, แทงโก และการเคลื่อนที่เป็นแนวโค้ง ซึ่งแต่ละแบบจะใช้เวลาในการประมวลผลประมาณ 10 วินาทีครับ (กดชัตเตอร์แล้วไม่ต้องถือค้างเอาไว้ รอแค่เวลาประมวลผลเท่านั้นครับ)
ถ่ายภาพแนว Street ได้แบบเก๋ๆ
ใครชอบภาพถ่ายแนว Street ที่มีฟิลเตอร์แบบจบหลังต้องก็สามารถใช้โหมดท้องถนนได้เลยครับ จะมีฟิลเตอร์ให้เลือกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นท้องถนน, ขาวดำแบบพิเศษ, ภาพยนตร์, สีทองทันสมัย, ฟลามิงโก, จักรวาล และพิศวง
ถ่ายกลางคืนได้สบายๆ ด้วยโหมด Super NightScape
เรียกว่า realme GT 2 Pro 5G พร้อมให้เราถ่ายภาพได้ทุกที่ทุกเวลาแน่นอน โดยในตอนกลางคืนสามารถถ่ายได้สวยงามและคมชัดมากๆ เห็นความแตกต่างจากเลนส์หลักได้พอสมควรครับ ภายในเฟรมช่วงไหนที่มีความมืดจะมีการเพิ่มแสงและรายละเอียดให้คมชัดมากขึ้น และสิ่งที่ชอบสุดๆ เลยเวลาถ่ายโหมดกลางคืนคือระยะเวลาในการประมวลผลสั้นมากๆ ประมาณ 2-3 วินาทีเท่านั้นครับ ไม่ต้องคอยถือให้นานเกินไป อย่างไรก็ตาม โหมดกลางคืนจะใช้ได้กับเลนส์หลักและ Ultra-Wide Angle มุม 119 องศาเท่านั้นครับ
โหมดปกติ / โหมด Super NightScape
ทั้งนี้ ก็ยังมี NightScape Filter ที่เป็นฟิลเตอร์ที่เพิ่มสีสันให้กับโหมดกลางคืนด้วย โดยจะมี 5 แบบ ได้แก่ สีทองทันสมัย, ไซเบอร์พังก์, ฟลามิงโก, จักรวาล และพิศวง
สีทองทันสมัย ไซเบอร์พังก์ ฟลามิงโก จักรวาล พิศวง
เลือกฉากเบลอเสริมจุดเด่นในภาพได้ด้วย Tilt Shift
สำหรับ Tilt Shift ยังมีมาให้ใช้ในรุ่นเรือธงรุ่นนี้ครับ โดยหลักๆ จะเป็นการเบลอฉากรอบข้างและเน้นโฟกัสไปที่แถบที่เราเลือกไม่ว่าจะเป็นแถบแนวนอนหรือแนวตั้ง โดยเราสามารถขยับมุม, องศา หรือขนาดของแถบการเบลอได้อย่างอิสระเลย
กล้องหน้า 32MP Ultra-Clear Selfie
กล้องหน้าของ realme GT 2 Pro 5G ถ่ายออกมาได้อย่างสวยงามเลยครับ โทนสีต่างๆ ทำได้ธรรมชาติมาก บิวตี้ก็ทำได้เนียนตาเลยทีเดียว รวมไปถึงการตัดขอบในโหมด Portrait ก็ทำได้ไม่ต่างจากกล้องหลังเลย
วิดีโอถ่ายได้งามๆ รองรับกันสั่นทั้ง OIS & EIS
ไม่ใช่แค่การถ่ายภาพนิ่งที่รุ่นนี้ทำได้ดีเท่านั้นครับ แต่รุ่นนี้ยังมีโหมดการถ่ายวิดีโอที่ทำได้สุดยอดเหมือนกัน โดยจะมีเทคโนโลยีกันสั่น OIS และ EIS แบบ UIS Max Super Anti-Shake ที่ช่วยกันทำงานได้เป็นอย่างดี จะหรือหรือวิ่งเหยาะก็ยังได้คลิปที่นิ่งอยู่ สาย Vlog ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ที่สำคัญในโหมดนี้ยังรองรับการถ่ายแบบ Portrait Video ที่จะเบลอฉากหลังได้อย่างสวยงาม
ทั้งนี้ ก็ยังมีฟีเจอร์ AI Portrait Color Video ที่เป็นการแยกสีสันของวัตถุตามที่เราเลือก ได้แก่ สีแดง, เขียว หรือฟ้าคราม
ส่วนใครที่อยากถ่ายวิดีโอที่คมชัดมากๆ realme GT 2 Pro 5G ก็ให้เราถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 8K เลยครับ ใครที่มีทีวี 8K อยู่ที่บ้านก็จะได้รับชมกันเต็มตาแน่ๆ
สรุปการใช้งาน
สำหรับ realme GT 2 Pro 5G เป็นอีกรุ่นที่ขอยกให้เป็นหนึ่งในรุ่นที่ถ่ายภาพได้สนุกและเพลินมาก ฟีเจอร์ที่ให้มามีเยอะมากๆ สลับถ่ายไปมาทั้งเลนส์หลัก เลนส์มุมกว้างปกติ และกว้าง 150 องศาก็หมดไปครึ่งวันแล้วครับ (แบตหลังเหลืออีกเยอะด้วยนะ) นี่ยังไม่รวมถึงเลนส์ Microscope ที่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของอะไรก็อยากให้เราได้ลองส่องไปหมดจริงๆ ครับ ส่วนใครที่มาสวยเกมเมอร์ก็คงถูกใจไม่แพ้กันแน่นอนครับ ด้วยชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 1 ก็ทำได้ดีมากๆ ที่แม้ว่าจะแรงจนร้อนไปบ้าง (เป็นเรื่องปกติในสมาร์ทโฟนทุกเครื่องอยู่แล้ว) แต่การระบายความร้อนรุ่นนี้ทำได้เร็วมากแม้จะอยู่ในที่กลางแจ้งก็ตาม ขณะที่หน้าจอที่ให้มาแบบ 2K AMOLED ก็สวยงามมากจริงๆ ครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
ใครที่สนใจสามารภเป็นเจ้าของ realme GT 2 Pro 5G ได้ในราคา 24,990 บาท โดยจะเริ่มพรีออเดอร์ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2565 พร้อมได้ราคา Early Bird ในช่วงพรีออเดอร์เหลือเพียง 22,999 บาท ผ่านทาง Shopee และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน Shopee วันที่ 4 เมษายนนี้เป็นต้นไป ส่วน realme Official Shop วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 25 มีนาคมนี้ และที่ realme Brand Shop วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 8 เมษายนนี้