Featured
รีวิว realme GT Master Edition สมาร์ทโฟนเหนือระดับแห่งความเร็ว จอสุดลื่น 120Hz, ชิป Snapdragon 778G 5G และ 65W SuperDart Charge
realme GT Master Edition สมาร์ทโฟนในคอนเซ็ปต์ “เหนือระดับแห่งความเร็ว” ด้วยขุมพลังระดับกลางที่ความแรงระดับท็อปอย่าง Snapdragon 778G 5G พร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมที่ไม่เหมือนใครจากคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า และฟีเจอร์ที่ให้มาแบบจัดเต็ม วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะมารีวิวฉบับเต็มกันให้ชมครับ !
สรุปสเปค realme GT Master Edition
- ขนาดรอบตัวเครื่อง : 159.2 x 73.5 x 8.0 มม.
- น้ำหนัก : 178 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Samsung AMOLED Fullscreen ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9 รองรับ HDR10+, Refresh Rate 120Hz พร้อม Touch Sampling Rate สูงสุด 360Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต และ 100% DCI-P3
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 778G 5G ความเร็วสูงสุด 2.4GHz
- GPU : Adreno 642L
- RAM : 8GB
- ROM : 128G/256B
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 119 องศา รูรับแสง f/2.3
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 เซ็นเซอร์ Sony IMX615
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4300mAh รองรับ 65W SuperDart Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
ตัวกล่องของ realme GT Master Edition ดูดีพรีเมี่ยมสุดๆ เลยครับ มาในสีดำตัดด้วยเส้นสีขาวสวยงาม พร้อมตัวอักษรที่เล่นแสงสีรุ้งเบาๆ
ในกล่องจะมีอุปกรณ์มาให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่อง realme GT Master Edition, อะแดปเตอร์ 65W SuperDart Charge, สาย USB Type-C, อุปกรณ์เปิดถาดซิม, เคสยางลวดลายพิเศษ และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์สุดพิเศษจากนาโอโตะ ฟุคาซาว่า
realme GT Master Edition มาพร้อมกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะได้ดีไซน์เนอร์ชาวญี่ปุ่นอย่างคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า (Naoto Fukasawa) มาดีไซน์ฝาหลังให้ด้วยแรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทางพร้อมลวดลายตารางแนวนอน ทั้งยังใช้วัสดุหนังวีแกนมาในสีเทาโวเอเจอร์ (Voyager Grey) ที่มีสีสันอ่อนโยน ช่วยให้เรานึกถึงการเดินทางต่างๆ ในชีวิต
ผิวสัมผัสของตัวหนังวีแกนยังมีผิวที่นุ่มและบางบาง ขณะเดียวกันก็ดูมีความแข็งแรงและทนทานต่อการกระแทก แถมยังไม่มีความลื่นมือและจับได้กระชับมือมากๆ
และความพิเศษที่ไม่เหมือนใครอีกอย่างคือลายเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์และอ่อนโยนของคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า ที่ทำจากกระบวนการแกะสลักระดับนาโนที่ฝังเข้าไปในตัวหนังวีแกนเลย
อัพเกรดความสวยด้วยเคสสุดพิเศษ
สำหรับเคสที่แถมมาให้ในกล่องจะมาในสีเทา Voyager Grey โดยใช้เป็นวัสดุหนัง TPU ที่ไม่แข็งจนเกินไปครับ ซึ่งยังเป็นลวดลายกระเป๋าเดินทาง 3 มิติและลายเซ็นนาโอโตะ ฟุคาซาว่า แบบเดียวกับตัวเครื่องฝาหลังของ realme GT Master Edition อีกด้วย
หน้าจอจัดเต็ม 120Hz Samsung AMOLED Fullscreen
realme GT Master Edition จัดหน้าจอระดับมาสเตอร์มาให้ด้วยหน้าจอพาเนลชนิด AMOLED ขนาดใหญ่ 6.43 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ใครมาสายภาพยนตร์จะต้องชอบสีสันที่จัดจ้านและสีดำที่ค่อนข้างดำสนิทแน่นอนครับ เพราะรองรับ HDR10+ และยังมีค่าสีที่ตรงแบบ DCI-P3
โดยความไหลลื่นยังเปิดได้สูงสุดถึง Refresh Rate 120Hz ช่วยให้การสัมผัสและการตอบสนองของหน้าจอทำได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเทคโนโลยีนี้ชาวเกมมเมอร์จะต้องเปิด 100%
มาดูรอบเครื่องกันครับ หน้าจอแสดงผลส่วนบนจะมีกล้องหน้า Punch Hole ที่มุมซ้าย และลำโพงสำหรับสนทนาที่อยู่ตรงกลาง
ทางซ้ายตัวเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 2 ช่อง ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้นะ ถัดลงมาจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงครับ
ทางขวาจะมีเพียงปุ่ม Power เท่านั้น
ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก
ด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวนโดยเฉพาะ
และสุดท้ายที่ด้านหลังจะมีโมดูกล้องหลัง 3 เลนส์เรียงเป็นแนวนอน พร้อมไฟแฟลช LED และชื่อแบรนด์ realme ที่ฝั่งด้านขวาครับ
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
realme GT Master Edition แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 และ realme UI 2.0 ที่เป็น UI รุ่นล่าสุดของแบรนด์ที่มีการใช้งานที่สะดวกสบายและเต็มไปด้วยฟังก์ชันที่ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบครับ
รองรับ 5G Dual SIM
ใครที่ชอบความเร็วแรงในการใช้งาน รุ่นนี้ยังรองรับเครือข่าย 5G แบบ Dusl SIM หรือใช้งาน 2 ซิมแบบ 5G ได้ทั้งคู่นั่นเองครับ
รองรับ Dark Mode ถึง 3 ระดับ
การใช้งานโหมดกลางคืน (Dark Mode) ใน realme UI 2.0 จะสามารถปรับความเข้มพื้นหลังได้ 3 ระดับตามที่ชอบเลยครับ จะมีทั้งขั้นสูง, กลาง และอ่อนโยน ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานแล้ว แอปพลิเคชั่นที่รองรับก็จะเปลี่ยนเป็นพื้นหลังโหมดกลางคืนเช่นกันโดยอัตโนมัติครับ
ระบบความปลอดภัย
realme GT Master Edition รองรับการใช้งานสแกนลายนิ้วมือที่อยู่บนหน้าจอเลยครับ ซึ่ง realme ได้อัปเกรดแสงสีเขียวเป็นสีขาวเพื่อตรวจจับมิติของลายนิ้วมือให้แม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ ระบบสแกนใบหน้าก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมมาก โดยใช้ลงทะเบียนจดจำใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วมากๆ
ดูข้อมูลได้ทันทีผ่าน Always On Display
เมื่อใช้หน้าจอแบบ AMOLED แน่นอนว่าต้องคู่กับฟีเจอร์ Always On Display ครับ โดยจะเป็นการบอกข้อมูลเวลา, ไอคอนแอปพลิเคชั่นที่มีการแจ้งเตือน, เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่คงเหลือ และวันที่
ทั้งนี้ เราก็ยังเปลี่ยนรูปแบบหน้าต่างได้ตามใจชอบและมีให้เลือกเพียบเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบข้อความ หรือนาฬิกาแบบดิจิทัล และอนาล็อก
ไอคอนของ realme UI 2.0 มีตัวเลือกการปรับแต่งเพิ่มเติม
การปรับแต่งตามใจผู้ใช้งานก็มีให้เลือกเพียบทั้งไอคอน, สีสัน รวมถึงการเคลื่อนไหวต่างๆ ด้วยครับ ซึ่งแต่ละหมวดก็มีให้เลือกหลากหลาย และปรับแต่งได้ยิบย่อยอีกต่างหาก
อย่างสีหลักของ UI ที่จะมีชุดสี 5 ประเภท หรือจะใช้เป็นสีเดียวที่ให้เลือกถึง 10 สี ก็เลือกได้ตามใจชอบ!
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
realme GT Master Edition ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลรุ่นกลางที่ใช้งานได้เร็วแรงเหมือนเรือธงอย่าง Qualcomm Snapdragon 778G 5G ผ่านสถาปัตยกรรมขนาดเล็กเพียง 6 นาโนเมตร ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น และเทคโนโลยีที่ realme ใส่เข้าในรุ่นนี้ก็จัดเต็มและเพิ่มความแรงขึ้นไปอีกด้วย ดังนี้
เปิด GT Mode เพิ่มความเร็วแรงขั้นสุด
realme GT Master Edition มีความพิเศษที่สามารถเปิด GT Mode เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบทำงานได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับ CPU ให้อยู่ในระดับสูงสุด, หน้าจอ Refresh Rate 120Hz, ปรับปรุงการแสดงผลของภาพ, เอฟเฟกต์ภาพ Ultra-HD, การเล่นเกมและเข้าเกมได้เร็วขึ้น และระบบการสั่นแบบ 4D ขณะเล่นเกม โดยการใช้งานก็เพียงแค่แตะที่ปุ่ม GT Mode อยู่ในหน้าการตั้งค่าด่วนก็ใช้งานได้ทันที
ทั้งยังมีฟีเจอร์เพื่อขยาย RAM ให้มากขึ้น เมื่อเรามีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่พร้อมใช้ เราก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวมาขยาย RAM ปัจจุบันของเราได้ อย่างจากปกติที่มีมาให้ 8GB ก็สามารถเพิ่มอีกตั้งแต่ 2GB, 3GB หรือสูงสุดถึง 5GB ซึ่งหมายความว่าเราสามารถใช้งาน RAM ได้สูงสุดถึง 13GB (8GB+5GB) ไปเลยจ้า !!
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
สำหรับเกม ROV เราสามารถเปิดภาพกราฟิกสุดได้ครับ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถปรับเฟรมเรทสูงได้ (แต่คาดว่าจะมีอัปเดทเพิ่มในอนาคตครับ) โดยความไหลลื่นก็หายห่วงแน่นอนครับ เฟรมเรทวิ่งนิ่งๆ ที่ 29-30fps ตลอดทั้งเกม จะเอฟเฟ็กต์ในเกมเยอะแค่ไหนก็ยังแสดงผลได้สบายๆ
PUBG Mobile
ในเกม FPS อย่าง PUBG Mobile ก็สามารถปรับในระดับภาพ HDR HD และเฟรมเรท Ultra ครับ การสัมผัสหน้าจอและการตอบสนองก็ทำได้ดีมาก ไม่มีอาการดีเลย์ให้เห็นเลย ใครมาสายเกมจะต้องชอบ 100%
Genshin Impact
สำหรับเกมกราฟิกโหดๆ อย่างเกมนี้ก็เล่นได้สบายเลยทีเดียวครับ จะปรับระดับสูงก็ยังคงเล่นได้ ไม่มีปัญหาอะไรครับ โดยหน้าจอก็ยังคงทัชได้ไหลลื่นเหมือนเดิม
มอบประสบการณ์การเล่นเกมอย่างชาญฉลาด
สำหรับการเล่นเกมข้างต้นทุกเกมทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับชื่อ “เหนือระดับแห่งความเร็ว” โดย realme GT Master Edition จะมีการ Boost เพิ่มความแรงถึง 3 อย่างระหว่างการเล่น ได้แก่ HyperBoost ที่ให้เราเล่นเกมได้ไหลลื่นไม่มีสะดุด, Frame Boost ที่จะทำให้เฟรมเรทคงที่และมีความไหลลื่นระหว่างการเล่น และ Touch Boost เพื่อให้เราได้สัมผัสหน้าจอที่มีความไหลลื่นมากขึ้น
แบตเตอรี่อึด 4500mAh พร้อม 65W SuperDart Charge
นอกจากที่รุ่นนี้จะมีแบตเตอรี่ 4500mAh ที่ปกติแล้วก็ใช้งานทั่วไปได้ครบวันอยู่แล้วครับ ซึ่งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ที่แถมอะแดปเตอร์มาให้ในกล่องด้วย ซึ่งจัดความเร็วการชาร์จจาก 0-100% ในเวลาเร็วสุดเพียง 30 นาทีเท่านั้นครับ
หรือใครจะชาร์จไปเล่นเกมไปก็ยังทำได้รวดเร็ว ที่ชาร์จได้ถึง 38% ใน 60 นาที ขณะเล่นเกมไปด้วย แต่ถ้าใครห่วงเรื่องความปลอดภัยก็หมดห่วงเลยครับ เพราะมีการป้องกันถึง 5 ชั้น ตั้งแต่ตัวอะแดปเตอร์ไปถึงแบตเตอรี่ในเครื่องเลยทีเดียว
กล้องถ่ายรูป
ใครที่ชอบถ่ายภาพ realme GT Master Edition ก็ยังจัดเต็มด้วยกล้องหลังคมชัดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า AI Beauty ถึง 32 ล้านพิกเซล โดยฟีเจอร์ก็มีให้เราได้ลองเล่นกันเพียบเลยจ้า
คมชัดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล
กล้องเลนส์หลักรุ่นนี้จัดความคมชัดมาสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ให้ความคมชัดขั้นสูง และเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดีมากๆ
รวมไปถึงการถ่ายภาพด้วยโหมดปกติก็ยังเพิ่มความคมชัด มีสีสันที่จัดจ้านขึ้น แสง และเงาก็ทำออกมาได้สว่างเลยทีเดียว เพราะได้ AI เข้ามาช่วยปรับได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เรียกว่าจบหลังกล้องก็ว่าได้ครับ
Ultra Wide Angle ถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
การถ่ายมุมกว้างเพื่อให้ได้องค์ประกอบที่ครบถ้วน realme GT Master Edition ก็ให้เลนส์มุมกว้างถึง 119 องศา ซึ่งแตกต่างจากเลนส์ปกติชัดเจน ช่วยให้เราไม่ต้องถอยออกมาไกลๆ ก็ได้มุมที่ครบแน่นอน ส่วนสีสันก็ยังคงครบถ้วนและสวยงาม ไม่ต่างจากเลนส์หลักเท่าไหร่
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle
ถ่าย Portrait ได้เนียน พร้อมลูกเล่น Street สุดแนว
ใครที่ชอบการถ่ายภาพ Portrait อยู่แล้วจะต้องชอบและใช้งานบ่อยแน่ๆ ครับ เพราะทำออกมาได้ดีมากๆ เบลอได้เนียน มีมิติและไล่ระดับกันอย่างสวยงาม ทั้งยังมีการปรับความบิวตี้บนใบหน้าได้แบบธรรมชาติด้วย
ที่สำคัญ ยังมีฟีเจอร์ Street photography หรือการถ่ายภาพแนวสตรีท ที่ทาง realme ได้จำลองเอฟเฟกต์ฟิล์มจาก Kodak แบรนด์เก่าแก่ด้านการถ่ายภาพกว่า 100 ปีเข้ามา ทำให้ภาพและสีสันที่ถ่ายออกมาดูแตกต่างจากการถ่าย Portrait ตามปกติอย่างชัดเจน
เปลี่ยนพื้นหลังเป็นขาวดำด้วย AI Color Portrait
อีกลูกเล่นหนึ่งจะเป็น AI Color Portrait ที่เปลี่ยนพื้นหลังเป็นขาว-ดำทั้งหมด แต่ยังคงสีสันที่ตัวบุคคลอยู่ครับ ซึ่งการทำงานในการตัดสีรอบตัวบุคคลถือว่าแม่นยำมากครับ และมีการเบลอฉากหลังให้ด้วย
Dynamic Bokeh
และอีกฟีเจอร์ของการถ่าย Portrait จะเป็น Dynamic Bokeh ที่จะเป็นการถ่ายที่ดูที่ความเคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง ทำให้เปลี่ยนอารมณ์และบรรยากาศในภาพให้ดูโดดเด่นขึ้นมาได้
NightScape ถ่ายภาพกลางคืนสวยระดับเรือธง
การถ่ายภาพกลางคืนนี้ในรุ่นนี้ ทำออกมาได้ดี สีสันและความคมชัดในตอนกลางคืนทำได้ชัดเจน แถม Noise ก็เกิดน้อยมากๆ ที่สำคัญการประมวลผลระหว่างการถ่ายไม่จำเป็นต้องถือรอเลยครับ เพียงแค่กดถ่าย และรอให้ AI ประมวลผลในเบื้องหลัง จากนั้นก็รับชมภาพได้ทันที
ถ่ายใกล้สุดด้วยเลนส์ Macro
สำหรับเลนส์ Macro ที่น่าจะคุ้นเคยกันดี รุ่นนี้ก็สามารถถ่ายได้ระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตรเหมือนเดิมครับ ซึ่งความคมชัดของภาพก็ถือว่าทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะในสภาวะแสงตอนกลางวัน
กล้องหน้าคมชัดสูง 32 ล้านพิกเซล
สำหรับสายเซลฟี่ที่ชอบถ่ายบรรยากาศต่างๆ ต้องหลงรักรุ่นนี้ เพราะมี AI Beauty ที่ปรับได้หลายระดับเข้ามาช่วยให้ผิวหน้าดูเนียนเป็นธรรมชาติสุดๆ ไม่มีแต่งจัดเกินเบอร์แน่นอนครับ ทั้งยังใช้งานโหมดบุคคลหรือละลายฉากหลังได้อย่างสวยงามอีกต่างหาก
สรุปการใช้งาน
ความรู้สึกหลังจากที่ลองใช้ realme GT Master Edition มาสักพัก อันดับอรกเลยคือเรื่องดีไซน์ที่ทำออกมาได้ดูพรีเมี่ยมและเกินราคามากจริงๆ ครับ ด้วยความที่เป็นหนังวีแกนและได้ดีไซน์แบบพิเศษอีกด้วย ทำให้ความรู้สึกการสัมผัสตัวเครื่องดูต่างจากรุ่นที่ใช้ฝาหลังเป็นกระจกหรือพลาสติกอย่างสิ้นเชิง ตรงนี้บอกเลยว่าต้องไปลองสัมผัสแล้วจะรู้สึกถึงคาวมต่างแน่นอนครับ ที่สำคัญ สเปคต่างๆ ที่ให้มาก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อป ตั้งแต่หน้าจอ Samsung AMOLED Fullscreen ที่มี Refresh Rate 120Hz รวมถึงขุมพลัง Snapdragon 778G 5G และรองรับ 65W SuperDart Charge ไปอีก ยิ่งทำให้การใช้งานทำได้ไหลลื่นสุดๆ และไม่รู้ว่านี่เป็นรุ่นระดับกลางแต่อย่างใดครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
สำหรับ realme GT Master Edition สนนราคาในไทยอยู่ที่ 13,990 บาท สำหรับความจุ 8+128GB และ 15,990 บาท สำหรับความจุ 8+256GB
โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กันยายนนี้ ที่ realme Brand Shop และตัวแทนจําหน่ายทั่วประเทศ