รีวิว realme GT NEO 3 และ realme GT NEO 3T สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง “NEO Speed Awakens” ที่มาในสเปคระดับท็อปทั้ง 2 รุ่น โดยมีความแตกต่างกันใน 2 สไตล์ แต่ยังคงชูโรงด้วยขุมพลังตัวแรงจาก MediaTek และ Qualcomm รวมถึงการได้ใช้งานหน้าจอ 120Hz และชาร์จเร็ว 80W SuperDart Charge
สรุปสเปค realme GT NEO 3
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.3 x 75.6 x 8.2 มม.
- น้ำหนัก : 188 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 120Hz Reality Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412 x 1080 พิกเซล), แสดงผลแบบ 10-bit (1.07 พันล้านสี) รองรับ Refresh Rate สูงสุด 120Hz, HDR10+, Contrast Ratio 5,000,000:1 และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 8100 5G Octa-core ความเร็ว 2.85GHz
- GPU : ARM Mali-G610 MC6
- RAM : 8/12GB LPDDR5
- ROM : 128/256GB UFS 3.1
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ 50MP AI Triple Camera ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.88 รองรับเทคโนโลยีกันสั่น OIS เซ็นเซอร์ Sony IMX766
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25 มุมกว้าง 119 องศา
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 มม.
- กล้องหน้า In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
- รองรับ 5G SA/NSA
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, ลำโพงคู่ระบบ Dolby ATMOS และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 80W SuperDart Charge
สรุปสเปค realme GT NEO 3T
- ขนาดตัวเครื่อง : 162.9 x 75.8 x 8.65 มม.
- น้ำหนัก : 194.5 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Samsung E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate สูงสุด 120Hz, Touch Sampling Rate 360Hz, HDR10+, Contrast Ratio 5,000,000:1, ความสว่างสูงสุด 1,300 นิต และสัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 92.6%
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 870 5G Octa-core ความเร็ว 3.2GHz
- GPU : Adreno 650
- RAM : 6/8GB LPDDR5
- ROM : 128/256GB UFS 3.1
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.25 มุมกว้าง 119 องศา
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 มม.
- กล้องหน้า In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
- รองรับ 5G SA/NSA
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, ลำโพงคู่ระบบ Dolby ATMOS และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 80W SuperDart Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
เรามาเริ่มกันด้วยการแกะกล่องดูภายในว่ามีอะไรให้เรามากันบ้างครับ โดยทั้ง 2 รุ่นถือว่าให้มาครบถ้วนแล้ว ดังนี้ครับ
อุปกรณ์ภายในกล่อง realme GT NEO 3
- ตัวเครื่อง realme GT NEO 3 พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ 80W SuperDart Charge
- สาย USB Type-C
- เคสใสสีดำ
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า
อุปกรณ์ภายในกล่อง realme GT NEO 3T
- ตัวเครื่อง realme GT NEO 3T พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ 80W SuperDart Charge
- สาย USB Type-C
- เคสใสสีดำ
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า
ดีไซน์สุดพรีเมียม สายสปอร์ตและเกมมิ่งจะต้องชอบ !!
ดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ โดย realme GT NEO 3 จะเน้นไปที่ความเป็นเกมเมอร์ขั้นสูงเลยทีเดียวจากการที่ใช้ดีไซน์จากลวดลายของรถแข่ง (Racing Stripe Design) ที่มีเส้นในฝาหลังเสมือนรถแข่งรุ่น Maisto 2017 Ford GT ที่มีความเร็วแรงขั้นสุด ความท้าทายและการไล่ตามอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งสอดคล้องกับสโลแกนของ realme อย่าง “Dare to leap” อีกด้วย
โดยวัสดุใน realme GT NEO 3 จะใช้เป็นกระจก AG Glass ที่ไม่มีการสะท้อน แถมได้ความรู้สึกของการสัมผัสที่มีความเนียนและไม่มีการติดรอยนิ้วมือเลยครับ
ที่เราได้มาใน realme GT NEO 3 จะเป็นสีขาว Sprint White ครับ ซึ่งสีจริงๆ จะไม่ได้ออกมาเป็นสีขาวสว่าง 100% แต่จะมาเป็นสีขาวครีมๆ ให้ได้ความรู้สึกที่เข้มขรึมมากขึ้นกว่าสีขาวทั่วไป
ส่วน realme GT NEO 3T มาพร้อมกับดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธงรถแข่งที่สะท้อนให้เห็นถึงชัยชนะและการแข่งขัน (Racing Flag Design) ซึ่งในรีวิวนี้จะเป็นสีดำ Shade Black ที่ได้คมเข้มของตัวเครื่องอย่างคลาสสิกเลยครับ
ที่ฝาหลังของ realme GT NEO 3T จะใช้เป็นวัสดุพลาสติกที่มีความสวยงามด้วยการมาแบบผิวด้านที่ติดคราบรอยนิ้วมือได้ยากแต่ก็ยังพอติดได้อยู่ครับ (ซึ่งก็เช็ดออกได้ง่ายเหมือนกันนะ)
ทั้งนี้ ทั้ง 2 รุ่นก็ยังมีความบางที่ใกล้เคียงกันมากๆ โดย realme GT NEO 3 จะบางเพียง 8.2 มม. ส่วน realme GT NEO 3T จะบาง 8.65 มม. ครับ ซึ่งแม้ว่าความบางจะต่างกันอยู่เล็กน้อย แต่ความสะดวกในการใช้งานแทบไม่ต่างกันเลยครับ เพราะทั้งคู่มีฝาหลังที่โค้งรองรับกับอุ้งมือได้เป็นอย่างดี
จอแสดงผล AMOLED พร้อมความไหลลื่น Dynamic 120Hz
มาดูหน้าจอแสดงผลของ realme GT NEO 3 กันก่อนครับ รุ่นนี้จัดหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Reality Display ชนิด AMOLED ขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ ทั้งยังแสดงผลสีแบบ 10-bit (1.07 พันล้านสี) ควบคู่กับ Contrast Ratio 5,000,000:1 บอกเลยว่าใครที่ชอบดูวิดีโอ ภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ต่างๆ ต้องชอบแน่นอนครับ ความเข้มของฉากสีดำได้ความมืดที่สนิทจริงๆ และสีสันก็ได้ความสดเลยทีเดียว
ความพิเศษด้านหน้าจอแสดงผลของ realme GT Neo 3 ยังได้ชิปการ์ดจอแยก (Dedicated Display Processor) ซึ่งจะได้ AI ในการช่วยให้เฟรมของภาพมีความไหลลื่นมากขึ้นและมีความเนียนตาของการเคลื่อนไหวกว่าเดิม รวมถึงการลดการใช้พลังงานของตัวเครื่องได้จากการที่ช่วยประมวลผลภาพที่ใช้ GPU ทำให้ GPU ไม่ทำงานหนักจนเกินไปนั่นเองครับ
ส่วน realme GT NEO 3T ก็ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ Samsung E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD+ โดยมีค่า Contrast Ratio 5,000,000:1 และได้ความสว่างสูงสุด 1,300 นิต ช่วยให้ใช้งานกลางแจ้งได้ดีและชัดเจนแน่นอน
ส่งที่ขาดไม่ได้เลยคือทั้ง 2 รุ่นรองรับ Refresh Rate 120Hz แบบ Dynamic ที่สามารถปรับค่าความถี่ได้ตามเนื้อหาบนหน้าจอ ทำให้ประหยัดพลังงานลงได้เป็นอย่างดี
ยลโฉมรอบเครื่อง
มาชมรอบเครื่องกันครับ ทั้ง 2 รุ่นมาแบบคล้ายกันมากๆ ที่เหนือหน้าจอแสดงผลจะได้กล้องหน้าแบบ In-display Selfie เหมือนกันแต่คนละตำแหน่ง โดย realme GT NEO 3 จะอยู่ตรงกลาง ส่วน realme GT NEO 3T จะอยู่ที่มุมซ้ายครับ ทั้งนี้ลำโพงสนทนาที่อยู่ตรงกลางก็รองรับระบบเสียง Dolby Atmos เหมือนกันด้วย
ฝั่งซ้ายตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเท่านั้น
ส่วนด้านขวาจะมีปุ่ม Power
ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่องแบบพลิกหน้า-หลัง, ไมโครโฟนตัวที่ 2, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
ขณะที่ด้านบนจะมีไมโครโฟนตัวที่ 2
ขณะที่ด้านหลังจะมีคนสไตล์กันเลยครับ ในรุ่น realme GT NEO 3 จะมีกล้อง 3 เลนส์ มีเลนส์หลักอยู่เด่นๆ ด้านบนสุด ส่วนอีก 2 เลนส์จะอยู่ด้านล่างคู่กัน โดยมีไฟแฟลช LED 2 ดวง คั่นอยู่ระหว่างกลาง
ส่วนรุ่น realme GT NEO 3T จะมีกล้อง 3 เลนส์เหมือนกันแต่การจัดเรียงต่างกันเลยครับ จะมี 2 เลนส์ขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเลนส์ Macro ขนาดเล็กที่ฝั่งขวา แต่ไฟแฟลช LED ก็ยังมี 2 ดวงเหมือนกัน
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
รีวิว realme GT NEO 3 และ realme GT NEO 3T แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบทับด้วย realme UI 3.0 รุ่นล่าสุดของแบรนด์ โดยจะมีฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้งานกันเพียบ รวมถึงความไหลลื่นและความเสถียรต่างๆ ก็รู้สึกว่าใช้งานได้แบบไม่มีติดขัดอะไรเลย
ใช้งาน 5G ได้แบบ Dual-Mode
คู่หูทั้ง 2 รุ่นนี้รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G ที่มีความเร็วแรงเหมือนเดิมครับ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่เสาสัญญาณที่ฝังอยู่รอบตัวเครื่อง ช่วยให้เราใช้งานได้แบบเต็มที่แม้ว่ามือจะบังบางเสาสัญญาณ แต่จากกการที่มีรอบเครื่องก็ทำให้เรายังได้ความเร็วของเครือข่ายสูงที่สุดอยู่
ลำโพงสเตอริโอคู่แบบ Dolby ATMOS พร้อมระบบเสียงแบบ Hi-Res
นอกจากสเปคเรือธงแล้ว ลำโพงก็จัดเต็มอีกด้วย โดยรองรับลำโพงแบบ Dolby ATMOS พร้อมระบบเสียงแบบ Hi-Res เหมือนกันทั้งคู่ครับ โดยความกระหึ่มแทบไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะดังสุดๆ และมีมิติของเสียงหรือความสมจริงที่ยอดเยี่ยม รวมถึงเบสที่ยังคงมีความแน่นอยู่
ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบ
ทั้ง 2 รุ่นรองรับเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ทั้งหมดครับ ซึ่งการใช้งานมีความรวดเร็วและยังใช้งานในตอนที่นิ้วชื้นๆ อยู่ได้ตามปกติเลยครับ
ส่วนการสแกนใบหน้าก็ยังคงทำได้ดีเหมือนกัน และมีความแม่นยำครับ
สามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แม่นยำ
สำหรับเซ็นเซอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจใต้หน้าจอแสดงผลก็ยังคงมีมาให้เหมือนกันทั้งคู่ครับ โดยสามารถใช้งานได้ตรงกับปุ่มสแกนลายนิ้วมือได้เลย ซึ่งให้เข้าไปที่ หการตั้งค่า > realme Lab > อัตราการเต้นของหัวใจ
มี Always-On Display ใช้งานได้สะดวก และปรับแต่งได้หลากหลายแบบ
ด้วยการที่ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมพาเนล AMOLED ทำให้ใช้งานฟีเจอร์ Always-On Display ได้เหมือนกันเลยครับ ซึ่งการทำงานหลักๆ จะเป็นการบอกข้อมูลระบบทั่วไป เช่น เวลา, วันที่, แบตเตอรี่ และการแจ้งเตือน แต่ก็สามารถปิดได้เหมือนกันหากไม่อยากใช้ข้อมูลไหนแสดงครับ
ทั้งนี้ การปรับแต่งรูปแบบของ Always-On Display ก็มีทั้งแบบเป็นข้อความ, นาฬิกาดิจิทัลหรืออนาล็อก, realmeow, รูปภาพส่วนตัว รวมถึงซิลลูเอทที่จะเป็นการวาดเส้นภาพร่างตามภาพบุคคลที่เราเลือกบนหน้าจอหลักครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
สำหรับประสิทธิภาพการทำงานภายในของทั้ง 2 รุ่นจัดมาในความแรงที่ใกล้เคียงกันแต่ต่างชิปเซ็ตกันครับ โดย realme GT NEO 3 จะใช้หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 8100 5G Octa-core ความเร็ว 2.85GHz บนสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร ควบคู่กับ GPU ARM Mali-G610 MC6, RAM แบบ LPDDR5 และ ROM UFS 3.1 ซึ่งเมื่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน จากที่ได้ใช้งานมานั้นไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากรุ่นที่ใช้ชิประดับท็อปสุดเลยครับ
ส่วน realme GT NEO 3T จะได้ชิป Qualcomm Snapdragon 870 5G เข้ามาใช้งาน โดยความแรงของขุมพลังตัวนี้เป็นรองๆ ตัวท็อปและยังคงใช้งานได้ไหลลื่นเหมือนกัน
เพิ่ม Visual RAM ได้สูงสุดอีก 5GB
ทั้ง realme GT NEO 3 และ realme GT NEO 3T รองรับเทคโนโลยีการเพิ่ม Visual RAM หรือ RAM เสมือนได้สูงสุด 5GB ครับ ดังนั้น RAM 8GB + 5GB จะได้สูงสุดถึง RAM 13GB เลยทีเดียว
ผล Benchmark ของ realme GT NEO 3
- ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu ได้มาที่ 823,764 คะแนน
- ส่วนผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 5 ทำ Single-Core ไปที่ 963 คะแนน และ Multi-Core ที่ 4,057 คะแนน
ผล Benchmark ของ realme GT NEO 3T
- ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu ได้มาที่ 704,832 คะแนน
- ส่วนผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 5 ทำ Single-Core ไปที่ 1,000 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,752 คะแนน
GT Mode 3.0 รีดประสิทธิภาพขั้นสุดให้กับเครื่อง
สำหรับโหมด GT Mode 3.0 ที่มีให้ใช้งานในทั้ง 2 รุ่น จะเป็นการรีดประสิทธิภาพทั้งหมดในเครื่องเพื่อให้เราใช้งานได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น ซึ่งแนะนำว่าให้เปิดเฉพาะตอนเล่นเกมเท่านั้นครับ โดยจะช่วยทั้งความไหลลื่น การสัมผัสหน้าจอ และคุณภาพของกราฟิกให้ทำได้เต็มที่มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การเปิดโหมดนี้จะแลกกับการกินแบตเตอรี่มากขึ้นและความร้อนที่มากขึ้นกว่าเดิมครับ
ทดสอบการเล่นเกม
ก่อนเริ่มการทดสอบเกมอย่างจริงจังเราได้ทดสอบผ่าน realme GT NEO 3 ที่ใช้ชิป MediaTek Dimensity 8100 5G ซึ่งหากใครที่จะใช้ realme GT NEO 3T ก็สามารถเล่นได้ไม่ต่างกันครับ
Apex Legends: Mobile
เริ่มกันด้วยเกมใหม่อย่าง Apex Legends: Mobile ที่มาในแนว FPS ที่มีเอฟเฟ็กต์เยอะกว่าเกมในแนวเดียวกันพอสมควรครับ โดยเกมนี้เราสามารถเปิดกราฟิกได้ในระดับสูงสุดที่ ExtremeHD และเฟรมเรท Ultra ซึ่งการเล่นจริงทำได้ดีมากๆ ไม่เจออาการกระตุกใดๆ แถมการสัมผัสหน้าจอก็ตอบสนองได้ไว และเฟรมเรทก็คงที่ 60fps ไม่มีอาการดรอปให้เห็นเลยครับ
Genshin Impact
ต่อด้วย Genshin Impact ที่กราฟิกสูงพอตัว สามารถเปิดภาพได้ในระดับสูงสุดพร้อม 60fps เช่นกัน โดยการเล่นก็ไม่มีอาการกระตุกเหมือนกัน และไม่เจอภาพขาดหรือติดขัดเวลาเคลื่อนที่หน้าจอไปมา
ROV
และสุดท้ายกับเกม ROV ที่แน่นอนว่าเล่นได้แบบสบายมากๆ เปิดภาพและเฟรมเรทสูงสุดได้ทั้งหมด ซึ่งเฟรมเรทภายในเกมอยู่ที่ประมาณ 59-60fps ตลอด ไม่มีหลุดลงกว่านี้เลยครับ (ถ้าเล่น 2 เกมด้านบนได้สบาย ROV ก็หายห่วงครับ)
ระบบระบายความร้อนใหญ่สุดที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน realme
realme GT NEO 3 มาพร้อมกับแผ่นระบายความร้อน VC stainless steel VC ขนาด 4,129 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งเป็นแผนระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟน realme เลยทีเดียว โดยแผน VC จะเป็นสแตนเลสและทองแดงบริสุทธิ์รวมกันอยู่ ทั้งนี้ ในรุ่นนี้ยังใช้วัสดุที่นำความร้อนได้ดีพร้อมโครงสร้างกระจายความร้อน 9 ชั้น ทำให้แหล่งความร้อนหลักอย่าง CPU ได้ถูกระบายอย่างรวดเร็วครับ
ส่วน realme GT NEO 3T จะมีแผนระบายความร้อนขนาดใหญ่สุดของ realme มาให้เหมือนกัน แต่จะได้โครงสร้างกระจายความร้อน 8 ชั้น
แบตเตอรี่ใหญ่พร้อมชาร์จได้ไวด้วยเทคโนโลยี 80W SuperDart Charge
realme GT NEO 3 และ realme GT NEO 3T ให้แบตเตอรี่มาเท่ากันที่ 5000mAh ซึ่งการใช้งานทั่วไปอยู่ได้ตลอดวันครับ แต่หากเล่นเกมหรือเปิดจอ 120Hz ไปด้วยก็อาจลดเร็วกว่าปกติครับ และที่ขาดไม่ได้เลยคือการรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SuperDart Charge เหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งจากที่เราลองชาร์จ realme GT NEO 3 จากแบตเตอรี่ 20% – 85% ใช้เวลาเพียง 21 นาทีเท่านั้น และเต็ม 100% ในเวลารวมเพียง 36 นาที
ทั้งนี้ หากใครที่กลัวว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วเพราะการชาร์จเร็วที่ให้มาก็หมดห่วงเลยครับ เพราะ realme GT NEO 3 และ realme GT NEO 3T ผ่านการรับรองความปลอดภัยด้านการชาร์จจาก TÜV Rheinland Safe Fast-Charge System Certification และยังคงมีสุขภาพแบตเตอรี่เหลือถึง 80% หลังการชาร์จไปแล้วกว่า 1,600 ไซเคิล
AI Triple Camera ถ่ายได้ฉลาดพร้อมจบที่หลังกล้อง
มาถึงสิ่งที่หลายคนต้องการรับชมกันแล้วอย่างเรื่องความสามารถในการถ่ายภาพในทั้ง 2 รุ่น ซึ่ง realme GT NEO 3 ได้การชูโรงด้วยเทคโนโลยี ProLight Imaging บนเซ็นเซอร์ Sony IMX766 ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้รวดเร็วกลังกดชัตเตอร์ไม่ถึง 1 วินาที รวมถึงรองรับระบบกันสั่นไหว OIS + EIS อีกด้วย ช่วยในเรื่องการถ่ายในที่แสงน้อยและสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ realme GT NEO 3T จะได้กล้อง 64 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/2 นิ้ว
โดยในการรีวิวภาพถ่ายเราขอเน้นไปที่ realme GT NEO 3 เป็นหลักครับ แต่จะมีเทียบภาพชัดๆ กับ realme GT NEO 3T ให้ชมกันในช่วงแรกครับ เพราะฟีเจอร์ โทนสี และความสามารถในถ่ายภาพไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ครับ
เทคโนโลยี AI ประมวลผลได้ฉลาดและรวดเร็วขั้นสุดในทุกสภาพแสง
เทคโนโลยีที่ realme ใส่มาใน realme GT NEO 3 บอกเลยว่าเป็นเทคโนโลยีระดับท็อปที่ทำได้ดีมากๆ โดยการถ่ายในเลนส์หลักที่มาพร้อม AI และรองรับ Auto HDR นั้นทำได้ดีมากๆ เริ่มจากการถ่ายภาพที่กดชัตเตอร์ปุ๊บก็ได้ภาพออกมาแบบทันทีไม่ว่าจะแสงปกติหรือแสงน้อยก็ตาม ทำให้เราไม่ต้องรอนานเลย ขณะที่โทนสีที่ได้จะเน้นความฉูดฉาด มีความสดใสของภาพที่เพิ่มจากปกติไปพอสมควร ใครที่ชอบภาพสีสันสดใสหรือสีจัดๆ ไม่ต้องมาปรับอะไรเพิ่มแล้วครับ
ขณะที่ realme GT NEO 3T ที่ได้กล้องคมชัดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ก็ทำได้เป็นอย่างดี และโทนสีก็ไม่ได้ต่างจาก realme GT NEO 3 เท่าไหร่ แต่เหมือนจะได้สีสันที่เป็นธรรมชาติกว่าเล็กน้อยครับ
ภาพจาก realme GT NEO 3T (ซ้าย) และ realme GT NEO 3 (ขวา) 
ถ่าย Ultra-Wide Angle ได้ 119 องศาในระยะที่ลงตัว
ในเลนส์มุมกว้าง Ultra-Wide Angle สามารถถ่ายได้ที่มุมกว้างถึง 119 องศา ซึ่งเป็นระยะที่กว้างแบบพอดีๆ และลงตัวมากๆ ครับ เพราะยังเห็นได้ครบองค์ประกอบและไม่ได้กว้างจนขอบเกิดความโค้ง ทั้งนี้ ฟีเจอร์ต่างๆ ก็เหมือนกับเลนส์หลักเลย ทั้ง AI และ Auto HDR ที่ยังคงรองรับในเลนส์นี้ครับ
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle 
ถ่าย Portrait สวยเป็นธรรมชาติ พร้อมตัดขอบได้เนียนสุด
รีวิว realme GT NEO 3 ถือว่าตัดขอบได้เนียนตามาก เรื่องขอบหรือช่องว่างเล็กๆ ก็ยังคงเก็บได้ครบถ้วน ส่วนเรื่องโทนสีจะได้เป็นธรรมชาติตามสไตล์ของ realme ครับ ขณะที่การปรับบิวตี้ก็ทำได้สูงสุด 1-100 ระดับตามใจชอบเลย
นอกจากนี้ในโหมด Portrait ยังได้ฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติมอีก 3 แบบ ดังนี้
Dynamic Portrait : จะเป็นการเปลี่ยนฉากหลังให้มีการเบลอจะเป็นเส้นคล้ายกับการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้ดูมีชิวิตชีวาและดูมีอะไรมากกว่าแค่ภาพนิ่งครับ
AI Color Portrait : ส่วนฟีเจอร์นี้จะเป็นการตัดสีสันของพื้นหลังออกไป และเหลือเพียงสีที่ตัวบุคคลเท่านั้น ช่วยให้ตัวคนดูโดดเด่นได้อย่างทันตา
Bokeh Flare : สำหรับ Bokeh Flare จะเป็นการเบลอมากขึ้นกว่า Portrait ปกติครับ โดยทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น รวมถึงหากได้แสงโบเก้ในฉากหลังด้วยจะยิ่งเพิ่มความสวยงามขึ้นไปอีกขั้นครับ
เพิ่มความสนุกและความแปลกใหม่ในการถ่ายภาพด้วย Street Photography Mode 2.0
ในฟีเจอร์ Street Photography Mode 2.0 ได้อัปเกรดให้มีฟิลเตอร์ใหม่ๆ เข้ามา รวมถึงการควบคุมที่ทำได้แค่ในมือเดียวครับ ซึ่งตัวชูโรงในฟีเจอร์นี้คือฟิลเตอร์ “ป๊อปยุค 90” ที่จะดูคล้ายกับกล้องถ่ายรูปสมัยก่อนในยุค 90s ทำให้เราได้อารมณ์ของภาพที่ดูคลาสสิกและดูย้อนยุคได้จริงๆ
ทั้งนี้ ในการควบคุมยังได้ DIS Snapshot ที่เมื่อเรากดค้างที่ปุ่มชัตเตอร์ก็จะควบคุมเลื่อนขึ้น-ลง-ซ้าย-ขวาได้ทั้งหมด ซึ่งการควบคุมทั้ง 4 ทิศ (เมื่อเครื่องเป็นแนวตั้ง) จะมีดังนี้
- บน : ซูมเข้า
- ล่าง : ซูมออก
- ซ้าย : ระยะโฟกัส –
- ขวา : ระยะโฟกัส +
NightScape ถ่ายได้คมชัดพร้อมปรับปรุงให้ถ่ายเร็วขึ้นไม่ถึง 1 วินาที !!
หนึ่งในฟีเจอร์ที่พัฒนาขึ้นจนเห็นได้ชัดเลยคือ NightScape หรือการถ่ายภาพกลางคืนครับ ใน realme GT NEO 3 ได้ปรับปรุงในเรื่องการโฟกัสและเพิ่มความเร็วในการประมวลผลให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้เพียง 0.8 วินาทีเท่า จากปกติที่ 2-4 วินาที โดยที่ได้ถ่ายมาถือว่าเร็วขึ้นมากจริงๆ ช่วยให้เราไม่ต้องรอประมวลผลนานเพื่อจะได้ถ่ายภาพอื่นได้อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ที่สำคัญยังถ่ายได้ทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Ultra-Wide Angle
ขณะที่ NightScape Filter ก็ยังมีมาให้ใช้งานกันเหมือนเดิมครับ โดยมี 5 แบบ ได้แก่ สีทองทันสมัย, ไซเบอร์พังก์, ฟลามิงโก, จักรวาล และพิศวง
เลนส์ Macro ถ่ายกลางแจ้งได้แจ่ม
สำหรับเลนส์ Macro ที่แม้ว่าจะมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซลตามปกติ แต่หากเราใช้งานในที่กลางแจ้งและแสงเพียงพอ ความคมชัดและความสว่างที่เข้ามาในตัวเลนส์ถือว่าใช้งานได้ดีเลยทีเดียวครับ
กล้องหน้าโดนในสายเซลฟี่
ในเรื่องการถ่ายเซลฟี่บอกเลยว่า realme GT NEO 3 ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้เป็นอย่างดีด้วยการปรับแต่งความเนียนบนผิวหน้าที่ไม่เวอร์จนเกินไป ยังคงได้ความเป็นธรรมชาติครบถ้วน แถมยังรองรับการถ่ายโหมด Portrait เหมือนกล้องหลังเหมือนกันครับ
สรุปการใช้งาน
สำหรับการใช้งาน รีวิว realme GT NEO 3 และ realme GT NEO 3T ที่สเปคมาในระดับท็อปทั้งคู่ การใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมหนักๆ แทบไม่ต่างกันเลยครับ แต่เรื่องความไหลลื่นเวลาปัดไปมาบนหน้าจอแสดงผลเหมือนว่า realme GT NEO 3 จะได้ภาษีดีกว่าเล็กน้อย (ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเป็นชิปเทคโนโลยีใหม่จาก MediaTek ในปีนี้เลย) ทั้งนี้ ดีไซน์ฝั่ง realme GT NEO 3 จะได้ความเท่ ความพรีเมี่ยม และความเป็นรถแข่งที่แฝงอยู่ในตัวแบบ 100% ครับ ส่วน realme GT NEO 3T จะได้ความคลาสสิกเป็นหลัก
แต่สิ่งที่เป็นจุดสังเกตชัดเจนเลยคือทั้ง 2 รุ่นไม่ได้มีการรองรับมาตรฐานกันน้ำ-ฝุ่น IP68 ครับ ทำให้เวลาใช้เวลาอาจต้องระวังเล็กน้อย แต่หากเป็นละอองฝนเบาๆ ก็ยังใช้งานได้ตามปกติครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
สำหรับราคาของ realme GT NEO 3 (8+256GB) จะอยู่ที่ 18,999 บาท พิเศษเหลือเพียง 17,999 บาทในวันที่ 9 มิ.ย. 65 เท่านั้น พร้อมรับฟรี! realme Buds Q2s เฉพาะ 100 ออเดอร์แรก! สั่งซื้อได้ที่ > Lazada : https://bit.ly/3PQK1T7
ทั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ผ่าน realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่าย แต่หากซื้อระหว่างวันที่ 11 -17 มิ.ย. 65 รับฟรี! M1 Sonic Electric Toothbrush, ประกันจอแตก, สิทธิ์ผ่อน 0% นาน 6 เดือน และ realme Shopping Bag
ขณะที่ realme GT NEO 3T จะอยู่ที่ 12,999 บาท พิเศษ! โปรโมชั่นพิเศษ Online Exclusive! เหลือเพียง 11,999 บาทเฉพาะ Lazada วันที่ 13 มิ.ย. 65 – 26 มิ.ย. 65 พร้อมรับฟรี! realme Buds Q2s, คูปอง 500.- เฉพาะ 200 ท่านแรก! และสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน สั่งซื้อได้ที่ > Lazada : https://bit.ly/3LZOG1J
