Featured
รีวิว realme GT Neo2 5G สมาร์ทโฟนพลังแรงพร้อมประสิทธิภาพที่เหนือกว่าด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 870 5G พร้อมจอสุดลื่น 120Hz
รีวิว realme GT Neo2 5G พร้อมสโลแกน “ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า” ที่จัดเต็มทั้ง CPU ระดับเรือธงอย่าง Snapdragon 870 5G รุ่นใหม่จาก Qualcomm พร้อมหน้าจอ E4 AMOLED แบบลื่นๆ ด้วย Refresh Rate 120Hz และการรองรับ 5G กับความเร็วแรงขั้นสุด
สรุปสเปค realme GT Neo2 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 162.9 x 75.8 × 8.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 200 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 120Hz E4 AMOLED Display กว้าง 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ HDR10+, Refresh Rate 120Hz, 600Hz Touch Sampling Rate, Contrast Ratio 5000000:1, ความสว่างสูงสุด 1,300 นิต และสัดส่วนพื้นที่หน้าจอ 92.6%
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 870 5G Octa Core ความเร็ว 3.2GHz
- GPU: Adreno 650
- RAM 8GB
- ROM 128GB UFS 3.1
- ระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3 มุมกว้าง 119 องศา
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 ซม.
- กล้องหน้า In-display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
- รองรับเครือข่าย 5G
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 และพอร์ตUSB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 65W SuperDart Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวกล่องของ realme GT Neo2 5G มาในรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบยาวพร้อมสีดำงามๆ และโลโก้ realme GT Neo2 5G สีเงินที่มีการเล่นสีกับแสงด้วย เปิดออกมาจะเจอกับคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, ถัดไปอีกชั้นจะเป็นตัวเครื่อง realme GT Neo2 5G ที่ติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยครับ และชั้นสุดท้ายจะมีทั้งเคสแบบยางสีเทา, อะแดปเตอร์ 65W SuperDart Charge, สาย USB Type-C และอุปกรณ์เปิดถาดซิมครับ
ดีไซน์สวยงามแบบ Neo Green Digital Urban Design
realme ไม่ทำให้ผิดหวังเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องอีกครั้ง โดยในรุ่นนี้ที่เราได้มาจะเป็นสีเขียว Neo Green บอกเลยว่าโดดเด่นสุดๆ สีสันมีความสดใส พร้อมตัดด้วยแถบดำแบบผิวด้าน (Matte) และมีการเคลือบผิวส่วนสีดำให้มันวาวสวยงาม ทั้งยังมีสโลแกนของแบรนด์อย่าง “DARE TO LEAP” ซึ่งตรงจุดนี้จะบ่งบอกถึงความลงตัวระหว่างดิจิทัลและธรรมชาติที่มีความสีเขียวในตัวเอง
ขณะที่ตัวฝาหลังในส่วนของสีเขียวจะมีความผิวด้านเช่นกัน โดยใช้การผลิตแบบ AG Matte และมีการ Coating ผิวฝาหลังแบบนาโนถึง 7 ชั้น ช่วยให้ผิวของฝาหลังมีความเรียบเนียน ป้องกันร้อยนิ้วมือรอยขีดข่วน และมีการเล่นแสงสีเมื่อสะท้อนกับแสงอีกด้วย ซึ่งจะออกเป็นสีเขียวอ่อนๆ เข้มๆ สลับกันไปครับ
หน้าจอสวยสุด E4 AMOLED Display
ด้วยความที่เป็นรุ่นท็อป หน้าจอก็ต้องจัดเต็มครับ โดยใช้วัสดุหน้าจอ Samsung E4 Luminescent พาเนล AMOLED ที่เน้นความสดใสเป็นหลักพร้อมช่วยประหยัดพลังงานกว่า 15% เมื่อเทียบกับ E3 แถมมีขนาดจอใหญ่ถึง 6.62 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ มีสัดส่วนพื้นที่หน้าจอ 92.6% และหน้าจอระดับนี้ถือว่าเป็นจอที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในเรทราคาเดียวกัน
การรับชมวิดีโอต่างๆ ทั้งบน YouTube หรือ Netflix ก็ทำได้เต็มอรรถรสเพราะรองรับการแสดงผล HDR10+ โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ O1 Ultra Vision Engine เพิ่มความคมชัดของภาพและวิดีโอและปรับสีสันของวิดีโอได้อัตโนมัติจาก SDR เป็น HDR เลยทีเดียว และมี Contrast Ratio ถึง 5000000:1 และความสว่างสูงสุด 1,300 นิต ใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบายๆ ครับ
และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือการรองรับ Refresh Rate 120Hz ที่สามารถปรับค่ารีเฟรชได้เองตามเนื้อหาบนหน้าจอเพื่อการประหยัดพลังงานที่มากขึ้น โดยจะมีตั้งแต่ 30/60/90/120Hz และที่ใครชอบการสัมผัสแบบติดนิ้วระหว่างเล่นเกมก็ยังมี Touch Sampling Rate ถึง 600Hz ที่ถือว่าสูงมากๆ
มาดูรอบเครื่องกันต่อเลยครับ ที่เหนือหน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้า In-display Selfie ที่ฝั่งซ้ายบน และมีลำโพงตัวที่ 2 ที่ตรงกลาง
ทางซ้ายจะมีปุ่มเพิ่มและลดเสียงเท่านั้น
ขณะที่ฝั่งขวาจะมีปุ่ม Power
ด้านล่างตัวเครื่องจะมีทั้งช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่องครับ (ไม่สามารถใส่ MicroSD Card เพิ่มได้) ถัดไปจะเป็นไมโครโฟนตัวที่ 2, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
ด้านบนจะมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวนเท่านั้น
และด้านหลังจะมีกล้อง 3 เลนส์ที่เรียงสลับเป็นทรงสามเหลี่ยมครับ และไฟแฟลช LED
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
รีวิว realme GT Neo2 5G ในครั้งนี้ แกะกล่องมาพร้อมกับ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 ซึ่งฟีเจอร์มีให้เลือกใช้งานเพียบครับ และการทำงานมีความไหลลื่นแน่นอน
รองรับ Smart 5G
ในรุ่นนี้แน่นอนว่ารองรับการใช้งานผ่านเครือข่าย 5G แน่นอนครับ แต่เมื่อเราอยู่ในพื้นที่ที่มีเพียง 4G ก็จะมี Smart 5G เข้ามาช่วยเพื่อให้สลับสัญญาณระหว่าง 4G และ 5G เพื่อการประหยัดพลังงานลงครับ ซึ่งสามารถช่วยลดได้มากถึง 30% เลยทีเดียว
รองรับ Wi-Fi 6 เพื่อความเสถียร
สำหรับการต่อ Wi-Fi ก็ยังรองรับ Wi-Fi 6 ที่เป็นเทคโนโลยี Wi-Fi ที่มีความเสถียรและกระจายสัญญาณให้ใช้งานได้อย่างไหลลื่นมากขึ้น และเมื่อเราใช้ realme GT Neo2 5G ไปด้วยก็จะได้ความเสถียรของสัญญาณนี้มาช่วยทำให้มีค่า Latency ที่ต่ำมากๆ โดยเราจะเห็นได้ชัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ที่จะไม่มีความหน่วงให้เห็นเลย
ใช้งาน Always-on Display ได้
การมีหน้าจอแบบ AMOLED ก็ต้องรองรับฟีเจอร์นี้ครับ โดยจะเป็นการบอกสถานะคร่าวๆ ของเครื่องตั้งแต่เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่, เวลา, วันที่ หรือไอคอนแอปต่างๆ ที่มีการแจ้งเตือนเข้า
แต่เราก็สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เหมือนกัน เพื่อให้ปรากฏเป็นข้อความที่เราพิมพ์ขึ้นมาเองหรือเลือกสีสันต่างๆ ได้ตามใจชอบหลายรูปแบบมากๆ
ระบบความปลอดภัย
สำหรับ realme GT Neo2 5G นั้นมีให้ใช้งานทั้งการสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากๆ ไม่ถึง 1 วินาทีก็จดจำลายนิ้วมือและพร้อมใช้งานต่อได้ทันที แถมถ้าใช้ในตอนที่นิ้วเปียกๆ ก็ยังคงสแกนได้เหมือนกันด้วย!!
นอกจากนี้ก็ยังมีการสแกนใบหน้าที่เอาไว้ใช้สำรองขณะที่มือไม่ว่างได้เช่นกันครับ
ลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos / Hi-Res Audio
สำหรับสายเน้นความบันเทิงก็มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอแบบ Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ที่ให้เสียงที่ดังกระหึ่มและมีความใสของเสียงมากๆ มีการแยกช่องเสียงซ้าย-ขวาที่ลงตัวสุดๆ รับรองเลยว่าเวลาดูภาพยนตร์ของแอปสตรีมมิ่งจะถูกใจมากแน่นอน
แถบข้างอัจฉริยะ
หนึ่งในฟีเจอร์ที่มาใน realme UI 2.0 ก็คือแถบข้างอัจฉริยะที่เป็นแถบให้เราเข้าถึงเครื่องมือหรือแอปพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ปัดจากขอบเครื่องเท่านั้น โดยจะมีทั้งเครื่องมือและแอปที่เราปรับเองได้ทั้งหมดครับ แอปไหนใช้บ่อยก็เลือกมาอยู่ด้านบนได้เลย ไม่ต้องไปปัดหาให้เสียเวลาเลย
ทั้งนี้ เราก็สามารถปรับตำแหน่งแถบได้ง่ายๆ เพียงแค่ปัดแถบออกมาแล้วค้างเอาไว้ครับ จากนั้นเราก็ปรับขยับขึ้น-ลงได้ หรือจะเปลี่ยนฝั่งก็ได้เหมือนกัน
โหมดกลางคืนปรับได้ 3 ระดับ
โหมดกลางคืนของรุ่นนี้นอกจากจะเป็นแบบพื้นหลังสีดำล้วนแล้ว ก็ยังเลือกระดับความเข้มพื้นหลังได้ด้วยทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ ขั้นสูง, กลาง และอ่อนโยน
รองรับโหมดถนอมสายตา
หรือใครจะใช้เป็นโหมดถนอมสายตาที่จะเป็นการตัดแสงสีฟ้าลงก็ได้เหมือนกันครับ สามารถปรับโทนอุ่น-เย็นได้ตามความชอบ ทั้งยังให้เปิดแบบอัตโนมัติตามเวลาที่เราตั้งเองหรือตามพระอาทิตย์ตกก็ได้
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
realme GT Neo2 5G ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลระดับเรือธงอย่าง Qualcomm Snapdragon 870 5G Octa Core โดยเป็นเป็นชิปเซ็ต 8 Series รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Qualcom เลยทีเดียว ซึ่งอัดแน่นด้วยความแรงขั้นสุดครับ ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว Clock ของ CPU แกนหลักอย่าง Cortex-A77 สูงสุดถึง 3.2GHz ทั้งยังมีกระบวนการผลิตเล็กเพียง 7 นาโนเมตรเท่านั้น ทำให้มีการประหยัดพลังงานมากขึ้นแม้ความแรงจะแรงขึ้นก็ตาม
Dynamic RAM Expansion (DRE) เพิ่ม RAM ได้สูงสุด 7GB
รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion ซึ่งเป็นการเปลี่ยนพื้นที่ว่างบางส่วนเป็น RAM เสมือนที่ทำได้สูงสุด 7GB ทำให้เราสามารถ RAM เพื่อใช้งานได้มากถึง 15GB (8GB + 7GB) เลยทีเดียว
เทคโนโลยี Flash Storage UFS 3.1
นอกจากเรื่อง RAM แล้ว ROM ก็ยังมีความเร็วในการอ่านเขียนมากๆ โดยมาเป็น UFS 3.1 แต่จะมีเทคโนโลยี Write Turbo, SLC Cache และ HPB ใหม่ล่าสุด ช่วยให้อ่าน-เขียนได้เร็วแต่ใช้พลังงานน้อยลงด้วยครับ ทำให้เวลาโหลด/เปิดใช้งานแอปหรือเกมที่มีขนาดใหญ่ๆ จะทำให้ประมวลผลได้เร็วมากๆ
ทดสอบคะแนนด้านประสิทธิภาพโดยรวมโดย AnTuTu v9.1.8 อยู่ที่ 713,087 คะแนน
รองรับ Game Space รวบรวมเกมไว้ในที่เดียว
ใครที่โหลดเกมมาแล้ว ก็สามารถเข้ามาได้ที่แอป Game Space โดยจะรวมเกมไว้ในที่เดียวกัน ทั้งยังสามารถปรับโหมดความแรงของการเล่นได้อีก 3 ระดับตามความขนาดเกมเลยด้วย ได้แก่ โหมดกำลังไฟต่ำ, โหมดสมดุล และโหมดโปรเกมเมอร์ ซึ่งโหมดโปรเกมเมอร์จะเพิ่มความแรงทั้ง CPU, GPU และหน่วยความจำต่างๆ ให้สูงขึ้นด้วย ที่สำคัญเรายังสามารถปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ระหว่างเล่นเกมได้เช่นกัน
เปิด GT Mode 2.0 เพื่อปลดปล่อยพลังขั้นสุด
ความพิเศษใน realme GT Neo2 5G จะมีฟีเจอร์ GT Mode 2.0 มาให้โดยเฉพาะครับ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงที่สุด ตั้งแต่การสัมผัสที่แม่นยำขึ้น, ระบบการสั่นของการเล่นเกมแบบ 4D, Refresh Rate หน้าจอสูงสุด (120Hz) และเอฟเฟกต์เสียงที่สมจริงมากขึ้น ใครที่เป็นสายเกมเมอร์และต้องการความไหลลื่นไม่มีสะดุดระหว่างเล่นก็สามารถเปิดได้เลยครับ
ทดสอบการเล่นเกม
Genshin Impact
เริ่มกันที่หนึ่งในเกมกราฟิกแรงมากที่สุดในสมาร์ทโฟนกันก่อนเลยอย่าง Genshin Impact ที่รุ่นนี้สามารถเปิดได้สูงสุดทั้งหมดพร้อมเฟรมเรท 60FPS ครับ การเล่นในเกมก็ทำได้ลื่นมากๆ หน้าจอสัมผัสได้แบบไม่มีหน่วง และภาพเสียงต่างๆ ก็จัดมาให้ครบถ้วนครับ ใครที่ยังเล่นอยู่ไม่มีผิดหวังแน่นอน
Pokémon UNITE
สำหรับเกมใหม่อย่าง Pokémon UNITE ก็ปรับทุกอย่างสุดได้เหมือนกัน ซึ่งการเล่นประมาณ 30 นาทีก็เล่นได้ไม่มีกระตุก และตัวเครื่องก็ไม่เกิดอาการร้อนจนเกินไปด้วยแม้ว่าเราจะเล่นต่อจาก Genshin Impact ก็ตาม
Asphalt 9: Legends
และสุดท้ายกับ Asphalt 9: Legends ก็เปิดภาพระดับสูงได้ด้วย ซึ่งภาพและเสียงของเกมนนี้ถือว่าจัดเต็มมากๆ เสียงรถยนต์กระหึ่มมากๆ รวมถึงเอฟเฟ็กต์, แสง และเงาระหว่างเกมก็ดูสมจริงมากๆ
Tactile Engine 2.0 ระบบสั่นเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม
realme GT Neo2 5G มีระบบสั่น Tactile Engine 2.0 หรือมอเตอร์สั่นแกน X ที่จะมีการตอบสนองมากขึ้นระหว่างที่เราเล่นเกมครับ ซึ่งทำให้เรารู้สึกสนุกมากขึ้นระหว่างเล่นเกมไปด้วย อย่างตอนที่เราเล่น Asphalt 9 ช่วงที่ชนกันก็จะมีการสั่นตามความแรงด้วย ราวกับใช้จอยของเครื่องคอนโซลใหญ่ๆ เล่นเลยทีเดียว
ระบบระบายความร้อนด้วย Stainless Steel Vapor Cooling Plus
อย่างที่เกริ่นไปนิดๆ ว่าตัวเครื่องไม่ค่อยร้อนเวลาเล่นเกมติดต่อกันนานๆ เป็นเพราะ realme GT Neo2 5G มีแผ่นระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus ที่ติดอยู่ในหลังเครื่องด้วยขนาดใหญ่ถึง 4129 ตารางมิลลิเมตร ทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ Diamond Thermal บน CPU เพื่อเพิ่มความสามารถในการระบายความร้อนไปอีกขั้น โดยทั้งหมดนี้ช่วยให้ตัวเครื่องกระจายความร้อนได้ดีขึ้น ช่วยลดลดอุณหภูมิสูงสุดของแกนได้ถึง 18 องศา
แบตเตอรี่อึด พร้อมชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge
รุ่นนี้จัดแบตเตอรี่มาให้แบบอึดๆ ถึง 5000mAh ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงที่มีแบตมาให้เยอะที่สุดครับ ช่วยเราใช้งานการโทรนานสุด 33 ชั่วโมง, เล่นเกมนานสุด 8 ชั่วโมง, ดูวิดีโอหรือภาพยนตร์นานสุด 24 ชั่วโมง หรือฟังเพลงนานสุดถึง 88 ชั่วโมง
ที่สำคัญยังมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ซึ่งจากที่ลองชาร์จตั้งแต่แบตหมด 0% เปิดเครื่องขึ้นมาจะได้มาที่ประมาณ 1-2% ผ่านไปประมาณ 9 นาทีได้มา 34% และแบตเตอรี่เต็ม 100% ในเวลารวมเพียง 35 นาทีเท่านั้นเอง ทั้งนี้ หากใครที่กลัวว่าเครื่องจะร้อนเกินไประหว่างชาร์จ realme GT Neo2 5G ก็มีอัลกอริทึ่ม VCVT Intelligent Tuning และ VFC Trickle Charging ที่ช่วยปรับแรงดันและกระแสไฟอย่างชาญฉลาดให้มีความคงที่ปลอดภัย และช่วยป้องกันแบตเตอรี่ขณะชาร์จได้ด้วย
กล้องถ่ายรูป
ตบท้ายกันด้วยเรื่องกล้อง realme GT Neo2 5G ที่จัดเต็มาแบบเรือธง ฟีเจอร์เพียบ ครบทุกฟีเจอร์ ใช้งานกันไม่มีเบื่อแน่นอนครับ โดยรุ่นนี้ก็ชูโรงด้วยกล้อง AI 3 เลนส์ 64 ล้านพิกเซล ซึ่งจะมีอะไรให้เราถ่ายเล่นกันบ้างมาดูกันครับ
ฉลาดล้ำด้วยเทคโนโลยี AI
ในการถ่ายด้วยโหมดปกติ เราสามารถเปิด AI เพื่อให้แยะแยะแต่ละฉาก แต่ละวัตถุได้อย่างแม่นยำครับ ซึ่งจะทำให้ภาพมีสีสันที่เหมาะสมกับแต่ละวัตถุ พร้อมกับมีสีที่จัดจ้านมากขึ้น รวมถึงการปรับ Contrast, แสง และเงาให้คมชัดมากขึ้นด้วย
คมชัดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล
ทั้งนี้ ก็ยังมีโหมดคมชัดสูง 64 ล้านพิกเซล เพื่อให้เราได้ภาพที่ซูมเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ชัดเจน หรือจะครอปภาพบางส่วนออกเพื่อให้องค์ประกอบภาพต่างจากที่ถ่ายมาก็ยังได้ครับ
Ultra-Wide Angle ถ่ายครบทุกมุมมอง
สำหรับเลนส์นี้มีองศาหว้างถึง 119 องศา ซึ่งถือว่ากว้างเลยทีเดียวสำหรับรุ่นเรือธง เห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนโดยไม่ต้องเดินถอยออกมาไกลๆ แถมสีสันและการรับแสงต่างๆ ก็ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยมแทบไม่ต่างจากเลนส์หลักครับ
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle
ถ่าย Portrait สวยงามเป็นธรรมชาติ
ใครที่ชอบถ่ายโหมด Portrait บ่อยๆ คงได้หลงรักรุ่นนี้แน่นอนครับ เพราะมีลูกเล่นให้ใช้งานเพียบ ซึ่งในโหมดปกติถ่ายออกมาได้สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้แต่งความบิวตี้บนหน้าจนเวอร์เกินไป และการละลายฉากหลังก็ทำได้เนียนอีกต่างหาก
ลูกเล่นโหมด Portrait เพียบ!
สำหรับลูกเล่นในโหมดนี้ก็มีให้ใช้งานเยอะมากๆ ครับ โดยจะมีหลักๆ 3 แบบ ดังนี้
- AI Color Portrait : ในโหมดนี้จะเป็นการเปลี่ยนฉากหลังเป็นสีขาว-ดำทั้งหมดครับ แต่ตัวบุคคลยังคงมีสีสันอยู่เหมือนเดิม ทำให้ดูโดดเด่นและมีมิติมากขึ้น
- Dynamic Bokeh : สำหรับโหมดนี้จะเป็นการเบลอเสมือนให้ดูมีการเคลื่อนไหว โดยที่ฉากหลังจะเป็นการเบลอแบบไดนามิกเหมือนว่าฉากหลังกำลังเคลื่อนที่อยู่อย่างรวดเร็ว
- AI Flare Portrait : น่าจะเป็นโหมดที่หลายคนได้ใช้งานกันแน่นอน โดยจะเป็นการเบลอฉากหลังให้ละลายหนักขึ้นกว่าปกติมากๆ ครับ เพิ่มความสวยงามมากขึ้นโดยเฉพาะกับการถ่ายให้เห็นดวงไฟโบเก้หรือแสงที่ลอดออกมาจากต้นไม้ด้านหลัง ดูเผินๆ เหมือนถ่ายออกมาจากกล้องโปรเลยทีเดียว
โหมด Portrait ปกติ / โหมด AI Flare Portrait
โหมด Street Photography
ในโหมด Street Photography หรือท้องถนน จะเป็นเหมือนกับฟิลเตอร์ที่เหมาะมากๆ ในการถ่าย Portrait ที่ออกแนวสตรีทตามชื่อครับ โดยระบบจะมีการปรับระยะอยู่ที่ 24mm ให้เหมาะกับ Portrait มากที่สุด ทั้งยังมีฟิลเตอร์ให้เราใช้งานอย่างเข้ากันสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นท้องถนน, ขาวดำแบบพิเศษ, ภาพยนตร์, สีทองทันสมัย, ไซเบอร์พังก์, จักรวาล, ฟลามิงโก และพิศวง
Macro ถ่ายใกล้สุด 4 ซม.
เลนส์นี้ก็จะเป็นการถ่ายภาพในระยะใกล้เพียง 4 เซนติเมตรตามที่ทุกคนคุ้นเคยทำ โดยในรุ่นนี้ก็ประมวลผลระหว่างถ่ายได้รวดเร็วด้วย
ถ่ายกลางคืนขั้นสุดด้วย Super NightScape
เมื่อตกกลางคืน realme GT Neo2 5G ก็ยังคงความสุดยอดของการถ่ายภาพเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบในโหมด Super Nightscape ตั้งแต่การประมวลผลที่ใช้เวลาไม่นาน รวมถึงภาพที่ได้ออกมามีทั้งความสว่างที่มากขึ้น คมชัดขึ้น รวมถึงสีสันที่ยังคงสดใสเหมือนเดิม ซึ่งสามารถเทียบกับโหมดปกติที่ถ่ายจากในห้องที่ปิดไฟในตอนกลางคืนได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ
โหมดปกติ / โหมด Super NightScape
ทั้งนี้ Super Nightscape ยังมี Night Filter ให้เราเพิ่มความสวยงามในตอนกลางคืนด้วยฟิลเตอร์อีก 5 แบบ ได้แก่ สีทองทันสมัย, ไซเบอร์พังก์, จักรวาล, ฟลามิงโก และพิศวง
ถ่ายดวงดางได้ชัดขึ้นด้วยโหมด Starry Night
ใครที่ชอบถ่ายดวงดาวบนท้องฟ้าเวลาไปเที่ยงที่ต่างๆ ก็สามารถใช้โหมดนี้ช่วยได้เหมือนกันครับ แต่ต้องพกขาตั้งกล้องไปด้วยนะครับ เพราะใช้เวลาประมวลผลประมาณ 4 นาที
กล้องหน้า In-display Selfie 16 ล้านพิกเซล
กล้องหลังแต่ละโหมดก็สวยๆ ทั้งนั้น กล้องหน้าก็ไม่น้อยหน้าเช่นกันครับ เพราะมีความละเอียดมาให้ 16 ล้านพิกเซล ใช้งานโหมดปกปติหรือ Portrait ได้อย่างสวยงามมากๆ และสามารถปรับใบหน้าบิวตี้ได้แบบธรรมชาติเช่นกัน บอกเลยว่าสายเซลฟี่ไม่มีผิวหวังแน่นอนครับ
realme Buds Air 2 สีใหม่ Closer Green
สำหรับ realme Buds Air 2 ก็มีสีใหม่เปิดตัวเป็นสีเขียว Closer Green ที่เหมาะสมมากๆ กับการเป็นคู่หูของ realme GT Neo2 5G สี Neo Green ด้วยสีสันที่จัดจ้านเหมือนกัน และมีความสวยงามดูโดดเด่นสุดๆ ครับ
โดยสเปค realme Buds Air 2 สี Closer Green ก็เหมือนเดิมทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักเพียง 42.7 กรัม เชื่อมต่อง่ายผ่านสมาร์ทโฟน realme, รองรับระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ภายนอก, สามารถใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 25 ชั่วโมง มีไดรเวอร์เบสใหญ่ 10 มม. และโหมด Super low Latency ต่ำสุดเพียง 88 มิลลิวินาที
สรุปการใช้งาน
จากการทดสอบใช้งาน รีวิว realme GT Neo2 5G มาสักพักใหญ่ๆ นับว่าเป็นอีกรุ่นที่ไม่ควรพลาดเลยครับ เพราะการใช้งานทุกอย่างดูไหลลื่นและไม่มีสะดุดเลย ตั้งแต่หน้าจอที่ลื่น 120Hz แล้วยังได้ขุมพลัง Snapdragon 870 5G ที่มีความแรงใกล้เคียงรุ่นพี่อย่าง Snapdragon 888 มากๆ ซึ่งแทบไม่เห็นความแตกต่างกันเลยครับ รวมไปถึงเรื่องกล้องที่จัดมาให้ 64 ล้านพิกเซล ฟีเจอร์ต่างๆ ก็ให้มาครบถ้วน ถ่ายได้สวยงามและประมวลผลได้รวดเร็ว ที่สำคัญเรื่องดีไซน์ก็ไม่เหมือนใครเพราะดูโดดเด่นตามสไตล์ของ realme อยู่แล้วด้วยครับ
ราคาอย่างเป็นทางการ
realme GT Neo2 5G เปิดราคาในไทยอยู่ที่ 13,990 บาทเท่านั้น ที่ Shopee, Lazada และ JD Central
และในช่วง Flash Sale 11.11 ราคาเพียง 12,990 บาท