Wearable
realme เปิดตัว Buds Air Pro และ Buds Wireless Pro ANC หูฟัง TWS มีระบบตัดเสียงรบกวนในราคาสุดคุ้ม
realme เปิดตัวอุปกรณ์รุ่นใหม่เป็นหูฟังไร้สายถึง 2 รุ่นที่มาในระดับ Pro อย่าง Buds Air Pro และ Buds Wireless Pro ANC
realme Buds Air Pro
realme Buds Air Pro นั้นเป็นหูฟังรุ่นแรกของ realme ที่เป็นหูฟัง True Wireless ที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน หรือ Active Noise Cancellation (ANC) โดยสามารถตัดเสียงได้สูงสุดถึง 35dB โดยจะเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกและภายในและตัดเสียงที่ไม่จำเป็นออก
Buds Air Pro ยังสามารถเปิดโหมด Transparency Mode เพื่อให้เราได้ยินเสียงรอบข้างได้เช่นกันเมื่อเดินอยู่ในที่ที่ควรจะได้ยินเสียงภายนอกบ้าง เช่น ตอนข้ามถนน เป็นต้น รวมถึงการมีโหมด Environmental Noise Cancellation (ENC) ที่จะลดเสียงภายนอกเมื่อคุยโทรศัพท์ และโหมดเกมที่ลดค่าความล่าช้าให้อยู่ที่ 94ms
Buds Air Pro มาพร้อมกดับชิปประมวลผล S1, ไดรเวอร์เบสขนาด 10 มม. ซึ่งตัวเคสมีแบตเตอรี่ความจุ 486mAh ช่วยให้ใช้งานได้สูงสุดถึง 25 ชั่วโมงในการฟังเพลง ทั้งยังชาร์จได้ไวเพียง 10 นาที ใช้งานได้ต่อ 3 ชั่วโมง
นอกจากนี้ Buds Air Pro ยังรองรับการสัมผัสเพื่อควบคุมที่บริเวณข้างหูฟัง, ป้องกันน้ำมาตรฐาน IPX4 และรองรับการเชื่อมต่อแบบ Google Fast Pair ผ่าน Bluetooth 5.0
Buds Air Pro มี 2 สี ได้แก่ สีดำ Rock Black และสีขาว Soul White สนนราคาอยู่ที่ 4,999 รูปี หรือประมาณ 2,100 บาท เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ที่อินเดีย
realme Buds Wireless Pro
ส่วน realme Buds Wireless Pro ก็เป็นหูฟังที่คล้ายกับ Buds Air Pro ที่มีระบบแ ANC ครับ แต่รองรับเสียง LDAC เพื่อให้สตรีมเพลงได้ผ่านบลูทูธสูงสุดที่ 990Kbps ทั้งนี้ฟีเจอร์ใหม่ที่เข้ามาจะเป็นการกด 2 ครั้งที่ปุ่มเพื่อสลับอุปกรณ์หลักที่เชื่อมต่อเอาไว้ได้ทันที
Buds Wireless Pro มาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 13.6 มม. มี Gaming Mode ช่วยลดค่า Latency เหลือเพียง 119ms, มีแบตเตอรี่ความจุ 160mAh ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 22 ชั่วโมงในการฟังเพลงแบบที่ไม่มี ANC
Buds Wireless Pro ยังรองรับมาตรฐานกันน้ำ IPX4, หนัก 33 กรัม, สามารถชาร์จได้ไวเพียง 5 นาทีใช้งานได้ต่อ 1.7 ชั่วโมงผ่านพอร์ต USB Type-C ที่เปลี่ยนจาก Micro USB 2.0 ในรุ่นเดิม
สำหรับราคาของ Buds Wireless Pro นั้นอยู่ที่ 3,999 รูปีหรือประมาณ 1,700 บาทเท่านั้น มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Party Yellow และ Disco Green และจะวางจำหน่ายในวันที่ 16 ตุลาคมนี้เช่นกัน
ที่มา : GSMArena