Smart Review
รีวิว Redmi 10 5G สมาร์ทโฟน 5G พลังแรง พร้อมหน้าจอ 90Hz AdaptiveSync และแบตยักษ์ 5000mAh
รีวิว Redmi 10 5G สมาร์ทโฟน 5G สุดคุ้ม “Level Up with 5G!” แรงสุดด้วยขุมพลัง Dimensity 700 ชูโรงด้วยหน้าจอแสดงผล 90Hz AdaptiveSync ทั้งยังให้แบตมาใหญ่ๆ 5000mAh ชาร์จเร็ว 18W Fast Charging และกล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล โดยสเปคต่างๆ คุ้มค่าทุกการใช้งานแน่นอน จะเป็นอย่างไร ทีมงาน iphone-droid.net จัดรีวิวเต็มๆ มาให้แล้วครับ
สรุปสเปค Redmi 10 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.99 x 76.09 x 8.9 มม.
- น้ำหนัก : 200 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Dot Drop Display แบบ IPS LCD ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2408 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 90Hz แบบ AdaptiveSync และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 700 5G Octa-core ความเร็ว 2.2GHz
- GPU : ARM Mali-G57 MC2
- RAM : 4/6GB LPDDR4X
- ROM : 64/128GB UFS 2.2 รองรับการใส่ MicroSD Card สูงสุด 1TB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13
- รองรับ 5G SA/NSA
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, NFC, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ชาร์จ 18W Fast Charging
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง Redmi 10 5G พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์ 22.5W
- เคสใสแบบซิลิโคน
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า
ดีไซน์พรีเมียมดูทันสมัยเกินราคา
ดีไซน์ของ Redmi 10 5G ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ สัมผัสแรกตั้งแต่แกะออกมาดูดีเลยทีเดียว ฝาหลังเป็นพลาสติกผิวด้านที่มีการเล่นเส้นลายโค้งอย่างสวยงามเพิ่มมิติให้การสัมผัสได้ดีขึ้นครับ แถมฝาหลังยังมีคาวมโค้งที่ช่วยให้จับถือได้เหมาะมืออีกด้วย
ส่วนขอบตัวเครื่องจะเป็นแบบแบนเรียบทั้ง 4 ด้าน หรือจะเรียกว่าเป็น Flat-Edge Body ช่วยเป็นเป็นรุ่นราคาประหยัดที่ทำดีไซน์ให้เหมือนรุ่นเรือธงไปในตัว
โดยสีที่เราได้มาเป็นสีเขียว Aurora Green คล้ายกับน้ำทะเลครับ ใครที่ชอบสีเขียวอยู่แล้ว น่าจะต้องหลงรักกับเฉดสีที่อยู่ในรุ่นนี้แน่นอน
หน้าจอไหลลื่น 90Hz AdaptiveSync Display
Redmi 10 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาดใหญ่ถึง 6.58 นิ้ว พร้อมความคมชัด FHD+ ทำให้ใช้งานได้คมชัดและสีสันที่แสดงผลออกมาถือว่าใช้ได้ดีงามมากๆ
ที่สำคัญยังมาพร้อมเทคโนโลยี 90Hz AdaptiveSync Display ช่วยให้ใช้งานได้ไหลลื่นและติดนิ้วมากขึ้น ซึ่งจะเห็นด้ชัดเจนมากๆ เวลาเล่นเกมที่รองรับ Refresh Rate สูงๆ ครับ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็น AdaptiveSync ระบบจะมีการปรับ Refresh Rate อยู่ที่ 30/50/60 หรือ 90Hz ตามเนื้อหาบนหน้าจอเพื่อลดการใช้พลังงานไปในตัว
พาชมรอบเครื่อง
ที่เหนือหน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้าแบบหยดน้ำอยู่ พร้อมด้วยลำโพงสำหรับการสนทนา
ฝั่งขวาจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ที่ผสมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้าไปด้วยครับ โดยสิ่งที่ชอบมากของปุ่ม Power ที่ปกติถ้ารวมสแกนลายนิ้วมือมาให้จะมีการเว้าไปในตัวเครื่อง แต่ใน Redmi 10 5G ทำให้ดูเป็นปุ่มปกติครับ ซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงามของเครื่องได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนด้านซ้ายจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง และช่องใส่ MicroSD Card ให้อีก 1 ช่องครับ รวมเป็น 3 ช่อง
ด้านล่างตัวเครื่องจะให้ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลักครับ
ที่ด้านบนจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และไมโครโฟนตัวที่ 2
และที่ด้านหลังจะมีโมดูลกล้องหลัง 2 เลนส์เป็นวงใหญ่ๆ แนวตั้ง พร้อมด้วยไฟแฟลช LED อีก 2 ดวง
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
Redmi 10 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13 ซึ่งเป็น OS รุ่นล่าสุดของ Xiaomi เองครับ ซึ่งการใช้งานทั่วไปถือว่าไหลลื่น โดยแถบแจ้งเตือน (ปัดลงจากฝั่งซ้าย) และแถบการตั้งค่าด่วน (ปัดลงจากฝั่งขวา) จะอยู่แยกกันอย่างชัดเจน
รองรับเครือข่าย 5G
การใช้งานเครือข่าย 5G ของรุ่นนี้ก็ทำได้ดีเลยครับ สามารถจับสัญญาณเครือข่ายได้ดีแม้อยู่ในห้อง ทั้งยังใช้งานได้เสถียรและเชื่อมต่อได้ต่อเนื่อง
ระบบความปลอดภัย
ในรุ่นนี้ให้ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องตรงปุ่ม Power มาครับ ซึ่งตำแหน่งของตัวปุ่มทำได้ดีมากๆ ครับ ไม่สูงหรือต่ำเกินไป โดยการใช้งานจริงก็ทำได้ดี รวดเร็ว และแม่นยำด้วย
ส่วนใครจะสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วและใช้งานได้ดีเลยเวลามือไม่ว่างครับ
โหมดมืดใช้งานได้เข้ม
สำหรับโหมดมืดใน Redmi 10 5G ก็ใช้งานได้ดีเลยครับ ความมืดที่พื้นหลังของระบบแม้เป็นจอ IPS ก็ทำได้เข้มและค่อนข้างดำเลยทีเดียวครับ ทั้งนี้ เมื่อเปิดใช้งานแล้ว แอปพลิเคชั่นที่รองรับก็จะเปลี่ยนไปตามอัตโนมัติ
โหมดการอ่าน Reading Mode 3.0
Redmi 10 5G ยังมาพร้อมกับโหมดการอ่านหรือ Reading Mode 3.0 ที่มีทั้งแบบคลาสสิกที่ตัดแสงสีฟ้าลงที่สามารถปรับคาวมเข้มได้ และยังมีแบบพื้นผิวกระดาษสีปรับความเข้มของสีและพื้นผิวแบบกระดาษได้ด้วยเช่นกัน
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Redmi 10 5G ขับเคลื่อนโดยหน่วยประมวลผลตัวกลางสุดแรงอย่าง MediaTek Dimensity 700 แบบ Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.2GHz ซึ่งชิปตัวนี้ใช้สถาปัตยกรรมขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตรเท่านั้นทำให้การใช้งานมีความแรงและประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานจริงครับ
ขยาย RAM ให้อีก 2GB ใช้งานได้ไหลลื่น
สำหรับ Redmi 10 5G รุ่นที่เราได้มาจะมี RAM 6GB ครับ โดยตัว MIUI 13 จะมีฟีเจอร์ส่วนขยาย RAM ให้อีก 2GB รวมเป็นทั้งหมด 8GB เลยทีเดียว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปและการสลับแอปพลิเคชั่นไปมาโดยไม่ต้องโหลดใหม่แล้ว รวมไปถึงการเปิดแอปต่างๆ ก็ยังคงทำได้รวดเร็วอีกด้วย
ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 9.4.2 ได้มาที่ 342,746 คะแนน
มาพร้อม Game Turbo ตัวช่วยการเล่นเกมให้เร็วแรงยิ่งขึ้น
ใครที่ชอบเล่นเกมจะได้ฟีเจอร์ Game Turbo เข้ามาเป็นผู้ช่วยครับ โดยนอกจากจะรวบรวมเกมทั้งหมดที่โหลดไว้ในที่เดียวแล้ว ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการทำงานแอปเบื้องหลังเพื่อให้เล่นเกมได้ไม่สะดุด เพิ่มความเสถียรของเครือข่าย และปิดกั้นการแจ้งเตือนไม่ให้มารบกวนได้เช่นกัน
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
ในเกม ROV จะสามารถเปิดกราฟิกและเฟรมเรทได้สูงสุดทั้งหมดครับ ยกเว้ยการแสดงผลที่ปรับได้ในระดับสูง ซึ่งการเล่นจริงๆ ในเกมเฟรมเรทวิ่งได้นิ่งมาก อยู่ที่ 61fps แทบทั้งเกมครับ และหน้าจอ 90Hz AdaptiveSync ก็ช่วยให้กดติดนิ้วและตอบสนองไวขึ้นด้วย
Dead by Daylight Mobile
ส่วนเกม Dead by Daylight Mobile เราตั้งค่าตามค่าดั้งเดิมที่ได้มาเลย คือ เฟรมเรท 60fps และคุณภาพปานกลาง ซึ่งการเล่นในเกมก็ทได้ยอดเยี่ยม จะหมุนซ้ายหรือขวาก็ทำได้ไหลลื่น ติดนิ้ว และการกดสกิลเช็คต่างๆ ก็ทำได้ตรงกับภาพอีกด้วย
PUBG Mobile
และสำหรับเกม PUBG Mobile แนว FPS สามารถเปิดภาพได้ HD และเฟรมเรทสูง โดยเล่นในโหมดปกติก็ทำได้สบายๆ ครับ ไม่มีอาการสะดุดให้เห็นเลย
แบตเตอรี่อึดใช้งานได้เต็มวัน
ในรุ่นนี้จัดแบตเตอรี่มาให้เต็มๆ 5000mAh โดยการใช้งานทั่วไป อย่างล่นโซเชียล ดู YouTube หรือเล่นเกมนิดๆ หน่อย Redmi 10 5G สามารถอยู่รอดได้เต็มวันแน่นอนครับ และมีแบตเหลือเพียงพอให้กลับมาชาร์จต่อที่บ้านด้วย
ทั้งนี้ Redmi 10 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Fast Charge แต่ในกล่องให้มาที่ 22.5W กันเลยทีเดียว ซึ่งความเร็วในการชาร์จจากประมาณ 30% – 100% จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีครับ
กล้องหลังคู่คมชัดสูงสุด 50MP
ในเรื่องกล้อง Redmi 10 5G ก็จัดมาให้เต็มๆ ไม่แพ้เรื่องอื่นเลยครับ โดยมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ 50 + 2 ล้านพิกเซล ซึ่งการถ่ายภาพทำได้สวยงาม สีสดใสมากๆ และจบหลังกล้องได้เลยครับ
โหมด AI HDR ถ่ายภาพได้สดใส ไม่ต้องแต่งเพิ่ม
ในโหมดหลัก เราสามารถเปิดใช้งาน AI และ HDR อัตโนมัติได้ด้วยพร้อมกันเลย ซึ่งภาพที่ได้จาก Redmi 10 5G จะเน้นเรื่องความสดใสและสีสันที่มีความจัดจ้านมากๆ ครับ ใครที่ชอบภาพที่สีชัดๆ ไม่ควรพลาดรุ่นนี้เลยครับ ที่สำคัญการประมวลผลภาพก็ทำได้เร็ว ชัตเตอร์ไม่ดีเลย์ และสามารถถ่ายภาพกลางแดดได้ค่อนข้างนานโดยไม่ปิดเอง (เพราะเครื่องเจอเรื่องร้อนเกินไป)
Night Mode ทำได้ดีสมราคา
สำหรับโหมดถ่ายภาพกลางคืนก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ ยังคงเห็นวัตถุหรือสีสันในที่แสงน้อยได้ดีอยู่ แต่อาจต้องใช้แสงจากแหล่งอื่นเข้ามาช่วยเสริมอยู่ครับ
ถ่าย Portrait ได้สบาย ตัดขอบได้เนียนตา
ในโหมดถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ก็ทำได้ยอดเยี่ยมครับ การตัดขอบรอบตัวคนทำได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายตรงที่ไม่สามารถปรับความบิวตี้ได้ครับ ซึ่งทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังจะได้ไม่ต่างกันไหร่ครับ
กล้องหลัง
กล้องหน้า
สรุปการใช้งาน
Redmi 10 5G นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่มีความคุ้มค่ามากๆ ตั้งแต่เรื่องดีไซน์ที่มาแบบทันสมัย สวยงาม ขณะที่ภายในก็เต็มไปด้วยความคุ้มค่าตั้งแต่การใช้ชิป Dimensity 700 ที่ได้ความไหลลื่นและจัดการความร้อนได้ดีมากๆ ครับ (สังเกตจากการถ่ายภาพในที่กลางแจ้งประมาณ 40 นาทีที่ไม่เจอเรื่องกล้องปิดเอง) ขณะที่หน้าจอก็ได้แบบ 90Hz FHD+ AdaptiveSync ขนาดใหญ่ 6.58 นิ้ว รับชมสิ่งต่างๆ ได้เต็มตาและเล่นเกมได้ไม่มีสะดุดครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
สำหรับ Redmi 10 5G มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา Graphite Gray, เงิน Chrome Silver และเขียว Aurora Green โดยจะวางจำหน่าย 2 เวอร์ชัน ได้แก่
- รุ่นความจุ 4GB + 64GB ราคา 5,999 บาท เฉพาะร้านค้าผู้ให้บริการเครือข่าย AIS เท่านั้น พิเศษ ! สำหรับลูกค้า AIS เมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจรายเดือนที่กำหนด จะสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 1,234 บาทเท่านั้น ทั้งนี้หากซื้อระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565 จะได้รับฟรี ! Sport Water Bottle มูลค่า 790 บาทไปด้วย
- รุ่นความจุ 6GB + 128GB ราคา 7,299 บาท สามารถหาซื้อหาได้ผ่านผู้ให้บิรการเครือข่ายทั้ง AIS, TrueMove H หรือ DTAC พิเศษ ! สำหรับลูกค้า AIS, TrueMove H หรือ DTAC เมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจรายเดือนที่กำหนด จะสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 999 บาทเท่านั้น ทั้งนี้หากซื้อระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565 จะได้รับฟรี ! Sport Water Bottle มูลค่า 790 บาทไปด้วย