Smart Review
รีวิว Redmi 10 ยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้สุดในทุกด้าน จอ AdaptiveSync 90Hz, กล้อง 4 ตัว พร้อมชิป Helio G88
รีวิว Redmi 10 สมาร์ทโฟนที่จะพลิกโฉมประสบการณ์สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นเพื่อยกระดับการใช้งานในทุกด้าน แถมสเปคจัดมาแบบอัดแน่น ตั้งแต่หน้าจอ DotDisplay ใหญ่ 6.5 นิ้ว แบบ AdaptiveSync สูงสุด 90Hz แถมได้ชิปเซ็ตเกมมิ่งอย่าง Helio G88 มาขับเคลื่อน และแบตอึดๆ ถึง 5000mAh และยังมีดีไซน์ที่พรีเมี่ยมอีกด้วย โดยทั้งหมดจะถูกใจกันหรือไม่มาชมรีวิวเต็มๆ จากทีมงาน iphone-droid.net กันครับ
สรุปสเปค Redmi 10
- ขนาดรอบตัวเครื่อง : 161.95 x 75.53 x 8.92 มม.
- น้ำหนัก : 181 กรัม
- หน้าจอแสดงผล DotDisplay ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล), 405 ppi รองรับ Refresh Rate 90Hz แบบ AdaptiveSync (45/60/90Hz)
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Helio G88 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz
- GPU : Mali-G52
- RAM : 4/6GB
- ROM : 64/128GB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 4 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 120 องศา รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 18W Fast charging และ 9W Reverse wired charging
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่องของ Redmi 10 มีมาให้ครบถ้วน ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มแล้วครับ ตั้งแต่ตัวเครื่อง Redmi 10 ที่จะมีฟิล์มกันรอยติดมาให้, อะแดปเตอร์ 22.5W, สาย USB Type-C, เคสใส, อุปกรณ์เปิดถาดซิม และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์สุดประณีต
ดีไซน์ของ Redmi 10 ทำออกมาได้ดูประณีตเกินราคามากๆ โดยสีเทา Carbon Gray ที่เราได้มาจะเป็นผิวด้านที่กันร้อยนิ้วมือได้ดีเลยครับ แถมสีเทาก็ยังตัดความสะท้อนกรอบสีเงินที่อยู่ในโมดูลกล้องหลังอย่างสวยงาม เพิ่มความวิบวับให้ตัวเครื่องดูโดดเด่นขึ้นมาทันตา และจริงๆ Redmi 10 ยังมีอีก 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Pebble White และสีฟ้าที่ออกรุ้งๆ อย่างสี Sea Blue
ทั้งนี้ แม้ว่าหน้าจอและแบตเตอรี่จะมีขนาดใหญ่ แต่รุ่นนี้ก็ยังมีน้ำหนักที่เบาเพียง 181 กรัมเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้นาน ไม่รู้สึกหนักมือจนเกินไป แถมตัวเครื่องก็ไม่ได้หนาจนเกินไปครับ
หน้าจอระดับท็อปแบบ AdaptiveSync
ด้วยความใหญ่ของหน้าจอ Redmi 10 ที่จัดให้มาถึง 6.5 นิ้ว พร้อมความละเอียด FHD+ ทำให้การรับชมภาพยนตร์หรือวิดีโอในแอปต่างๆ ทำได้เต็มและคมชัดจุใจครับ
ที่สำคัญยังมาพร้อมเทคโนโลยี AdaptiveSync ที่สามารถปรับ Refresh Rate ได้อัตโนมัติตามเนื้อหาที่แสดงบนหน้าจอ ได้แก่ เมื่อไม่ได้เคลื่อนไหวหน้าจอจะอยู่ที่ 45Hz, ชมวิดีโอ 60Hz และเล่นเกมจะสูงสุด 90Hz ซึ่งตรงนี้จะช่วยในเรื่องการประหยัดแบตเตอรี่ได้ด้วยเหมือนกัน
ต่อกันที่ดีไซน์รอบเครื่องครับ ตั้งแต่บริเวณเหนือหน้าจอแสดงผลที่มีกล้องหน้าแบบ Punch Hole มาให้ใช้งาน พร้อมลำโพงที่ใช้งานสำหรับการคุยโทรศัพท์
ทางซ้ายตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดและ MicroSD Card เลยครับ โดยจัดมาแบบ Triple Slot แบ่งเป็นช่องใส่ nanoSIM 2 ช่อง และ 1 MicroSD Card
ทางขวาจะมีทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ที่ใช้งานสแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่องได้ด้วย
ด้านล่างตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
ด้านบนตัวเครื่องจะมีทั้งช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ลำโพงตัวที่ 2 พร้อมใช้งานแบบ Dual Speaker, IR Blaster และไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวนครับ
และสุดท้ายที่ด้านหลังจะมีโมดูลกล้องที่ค่อนข้างใหญ่ครับ แต่ก็เต็มไปด้วยเลนส์กล้องถึง 4 เลนส์ ตั้งแต่เลนส์หลัก Ultra-Wide Angle ด้านบนสุด ตามด้วยเลนส์หลัก 50MP, ไฟแฟลช LED, เลนส์ Macro และ Depth
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
Redmi 10 แกะกล่องมาพร้อม UI รุ่นล่าสุดของ Xiaomi อย่าง MIUI 12.5 บนพื้นฐาน Android 11 รองรับการใช้งานที่ครบถ้วน พร้อมด้วย Reading mode 3.0 ที่ช่วยถนอมสายตาระหว่างใช้งานได้ดีขึ้นด้วย
Reading mode 3.0 ปรับแสงหน้าจอได้ตามการใช้งาน
เมื่อพูดถึง Reading mode 3.0 กันไปเมื่อครู่ การใช้งานจะให้เราสามารถปรับแต่งได้ 2 โหมดหลักๆ ได้แก่ การตัดแสงสีฟ้าตามปกติ ที่สามารถปรับอุณหภูมิสีได้
และโหมดกระดาษ ที่นอกจากจะปรับอุณหภูมิได้แล้ว ก็ยังสามารถปรับพื้นผิวให้เป็นผิวคล้ายกระดาษจริงๆ ได้เพื่อลดความล้าของดวงตา
ใช้งาน Dark Mode ก็ได้ !
นอกจากจะใช้งาน Reading mode 3.0 ได้แล้ว ก็ยังใช้โหมดมืดได้เหมือนกัน ที่จะเปลี่ยนพื้นหลัง UI ทั้งหมดเป็นขาว-ดำ รวมถึงแอปพลิเคชั่นที่รองรับก็จะเปลี่ยนให้อัตโนมัติทั้งหมด ใครที่ชอบใช้ตอนมืดๆ ก็ไม่ต้องกังวลเลย!
ระบบความปลอดภัย
Redmi 10 มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วข้างตัวเครื่องที่ใช้งานได้สะดวกขั้นสุดครับ จะใช้งานมือซ้ายก็ใช้นิ้วกลางลงทะเบียนได้หรือมือขวาก็ใช้นิ้วโป้งได้ ทั้งยังมีความเสถียรและทำงานได้รวดเร็วมากๆ ด้วยครับ
หรือใครถนัดใช้เป็นสแกนใบหน้าก็ได้เหมือนกันครับ
ใช้งานแบบลำโพงคู่ (Dual Speaker)
แม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ใครที่มาสายเอนเตอร์เทนต์จะต้องชอบแน่นอนด้วยการทำงาน 2 ลำโพงแบบ Dual Speaker ครับ มีการแบ่งแยกเสียงฝั่งซ้ายและขวาได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้าใครเล่นเกมแนว FPS หรือสตรีมมิ่งวิดีโอก็จะได้เพิ่มอรรถรสไปในตัวครับ
ปรับศูนย์ควบคุมแบบใหม่
ใน MIUI 12.5 จะมีการปรับศูนย์ควบคุมแบบใหม่มาให้ลองใช้งาน โดยถ้าเราปัดลงจากมุมซ้ายบนจะเป็นแถบการแจ้งเตือน ส่วนปัดลงจากมุมขวาบนจะเป็นศุนย์ควบคุมหรือการตั้งค่าด่วนครับ แต่ถ้าใครไม่ถนัดก็สามารถปรับกลับไปเป็นเวอร์ชันเดิมได้ โดยให้ไปที่การตั้งค่า > การแจ้งเตือนและศูนย์ควบคุม > รูปแบบศูนย์ควบคุม
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Redmi 10 จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล MediaTek Helio G88 ที่มาพร้อม CPU แบบ Octa-Core (8 คอร์) ทั้งยังมี CPU จาก ARM อย่าง Cortex-A75 ถึง 2 ตัวในความเร็วสูงสุด 2.0GHz ทำให้ใช้งานได้ไหลลื่นทั้งการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมจาก Helio G Series ครับ
เพิ่มความแรงก่อนเล่นเกมด้วย Game Turbo
สำหรับ Redmi 10 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งรุ่นประหยัดเหมือนกัน โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ Game Turbo ที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพของการเล่นเกมให้ทำได้ไหลลื่น, รับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายได้เสถียรขึ้น รวมถึงการปรับปรุงระบบเสียงได้กระหึ่มสะใจแน่นอน และเราจะมาลองทดสอบการเล่นเกม 3 เกมหลักๆ กันเลย
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
สำหรับเกม ROV เราสามารถเปิดภาพกราฟิกได้ในระดับเกือบสูงสุดทั้งหมดครับ แต่ยังไม่สามารถเปิดเฟรมเรทระดับสูงได้ (คาดว่าจะมีอัปเดทรองรับในอนาคตครับ) โดยการเล่นภายในเกมแบบ 5 VS 5 ก็ทำได้ไหลลื่นมากๆ ทัชหน้าจอตอบสนองได้เยี่ยม กดสกิลได้แบบตรงใจมากๆ
Call of Duty: Mobile
สำหรับเกมแนว FPS อย่าง Call of Duty: Mobile จะสามารถเปิดภาพได้แบบกลางและเฟรมเรทสูงครับ โดยการเคลื่อนไหวอย่างหันซ้าย-ขวาเร็วๆ ในเกมทำได้ดีมาก ทำได้แบบติดนิ้วเลยครับ แถมยังได้ลำโพง 2 ตัวมาช่วยแยกฝั่งซ้าย-ขวาด้วย ไม่ต้องใช้หูฟังแยกใดๆ
Asphalt 9: Legends
ต่อมากับเกม Asphalt 9: Legends ที่จัดว่าเป็นเกมที่มีกราฟิกค่อนข้างแรงครับ ซึ่งสามารถเปิดภาพระดับสูงได้ด้วย ซึ่งก็เล่นได้ไหลลื่นเกินคาด และยิ่งช่วง Cut Scene ตอนรถชนกันก็สวยสุดๆ ไม่มีอาการกระตุกใดๆ
แบตเตอรี่อึด 5000mAh พร้อม 18W Fast charging
ความสุดอีกอย่างของ Redmi 10 คือเรื่องของแบตเตอรี่ที่บอกกันตรงๆ เลยว่าการจัดสรรพลังงานในรุ่นนี้ทำได้ดีมากๆ ครับ ใครใช้งานโซเชียลทั่วไป ชาร์จเต็มตอนเช้าก็อยู่ได้ยาวๆ ถึงเย็นไปจนค่ำแล้วครับ หรือใครเล่นเกมหนักหน่อยก็อยู่ได้เกินครึ่งวันหรือประมาณ 5-6 ชั่วโมงแน่นอน
กล้องถ่ายรูป
ความสุดอย่างสุดท้ายของ Redmi 10 คือเรื่องกล้องที่จัดเต็มมาให้ความคมชัดสูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นครั้งแรกของตระกูล Redmi ที่ให้มาสูงขนาดนี้ด้วย ที่สำคัญยังมีชิป Image Signal Processor ที่ช่วยให้รายละเอียดในภาพเห็นได้คมชัดขึ้นด้วย
คมชัดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล พร้อม AI เพิ่มความฉลาด
เลนส์หลักของรุ่นนี้ให้ความคมชัดสูงสุด 50 ล้านพิกเซลตามที่บอกไปครับ ซึ่งจะต้องเปิดโหมด “50MP” เพื่อใช้งาน โดยจะช่วยในการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นได้ชัดเจนเผื่อเวลานำไปใช้งานต่อครับ
ที่สำคัญยังมี AI ที่จะแยกแยะหมวดหมู่เพื่อปรับสีสันและเงาให้เหมาะกับแต่ละวัตถุหรือสถานการณ์ทันที เช่น ถ่ายวิวท้องฟ้าก็จะปรับสีสันความฟ้าได้ชัดขึ้น หรือถ่ายดอกไม้ก็จะได้สีที่สดใสมากขึ้น เป็นต้น
ถ่ายมุมกว้างขั้นสุดถึง 120 องศา
เลนส์ Ultra-Wide Angle สามารถถ่ายได้กว้างสุดถึง 120 องศา ใครที่อยากเก็บภาพเก็บบรรยากาศให้ครบถ้วนก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ แถมสีสัน, เงา หรือคอนทราสต์ต่างๆ ก็ทำได้ค่อนข้างดีและเน้นความสมจริงครับ
เลนส์ Ultra-Wide Angle / เลนส์หลัก
เบลอหลังได้เนียนตาด้วยโหมด Portrait
ใครที่มาสาย Portrait ก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวสำหรับราคาระดับนี้ครับ มีการตัดขอบรอบตัวคนได้เนียน ไม่กินส่วนใดเกินไปและใบหน้าที่ปรับบิวตี้ได้ แต่เรื่อง HDR ยังไม่รองรับในโหมดนี้ ซึ่งอาจมีการฟุ้งได้นิดหน่อยครับ
กล้องหลัง
ฟิลเตอร์พิเศษมีให้เล่นกันเพียบ!
ใครที่ชอบถ่ายภาพที่ให้อารมณ์หลากหลาย ฟิลเตอร์ที่ให้มาในรุ่นนี้ก็เยอะเกือบ 20 แบบ เช่น ขาวดำ, ไซเบอร์พังก์, รุ่งอรุณ, หวานฉ่ำ, ธรรมชาติ, ความรัก และมะนาว เป็นต้น ซึ่งแต่ละฟิลเตอร์ก็ปรับสีสันออกมาได้แจ่มมาก
ถ่ายใกล้ได้สุด 4 ซม. ด้วยเลนส์ Macro
สำหรับเลนส์นี้ก็ไม่ต้องบอกอะไรเยอะครับ เพราะเน้นการถ่ายวัตถุในระยะใกล้ๆ และถ้ายิ่งในที่ที่มีแสงเยอะ บอกเลยว่าทำได้คมชัดและสีสันไปได้สุดจริงๆ
Night Mode ถ่ายกลางคืนก็สวย
ใครที่ชอบถ่ายภาพกลางคืน Redmi 10 ทำได้ดีเกินราคาแน่นอนครับ โดยความสว่าง สีสัน และความคมชัดได้มาครบถ้วนทั้งหมด แถมระยะเวลาการประมวลผลก็รอแปปเดียวเท่านั้น ราวๆ 3 วินาทีก็ได้ภาพไปเลยจ้า
โหมดปกติ / Night Mode
กล้องหน้าสวยงามรองรับ Portrait Mode
สำหรับสายเซลฟี่จะมาในธีมของ Redmi ที่เห็นได้ตามปกติ โดยจะเน้นความสมจริงและไม่ปรับจนเกินเบอร์เกินไปครับ ซึ่งจากที่ใช้งาน ใบหน้าของผู้ชายก็จะยังคงความเข้มอยู่เหมือนเดิม
สรุปการใช้งาน
สำหรับ Redmi 10 เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีความคุ้มค่ามากๆ ครับ สเปคต่างๆ จัดมาให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมมากๆ จะเล่นเกมหรือเล่นโซเชียลทั่วไปก็ทำได้ไหลลื่นมากๆ ซึ่งตรงนี้ต้องให้ความดีความชอบที่ชิปเซ็ต Helio G88 โดยเฉพาะกับหน้าจอแบบ AdaptiveSync ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น จากปกติที่แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้เกือบเต็มวันอยู่แล้วด้วย ขณะที่เรื่องกล้องก็ถือว่าใช้งานได้ค่อนข้างดี ถ้าใครเน้นถ่ายวิวจะจบได้ทันทีในเครื่องแบบไม่ต้องปรับอะไรเลยครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
Redmi 10 มีให้เลือก 2 ความจุด้วยกัน ดังนี้
- รุ่นความจุ (4+64GB) : 4,999 บาท
- รุ่นความจุ (6+128GB) : 5,999 บาท
โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายน 2564 ที่ Xiaomi stores และร้านค้าที่ร่วมรายการ