Smart Review
รีวิว Redmi 10C สมาร์ทโฟนสุดคุ้มด้วยขุมพลัง Snapdragon 680 พร้อมจอยักษ์ 6.71″ และกล้องสุดคมชัด 50MP
ใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่น Mid-Range ที่มาพร้อมความคุ้มค่าและใช้งานได้ไหลลื่น วันนี้เรามี รีวิว Redmi 10C สมาร์ทโฟนตระกูลสุดคุ้มของ Xiaomi มาให้กันครับ โดยเพรียบพร้อมไปด้วยสเปคจัดเต็มทั้ง CPU Snapdragon 680, จอใหญ่ 6.71 นิ้ว กล้องคมชัดสูงสุด 50MP และแบตใหญ่ถึง 5000mAh
สรุปสเปค Redmi 10C
- ขนาดตัวเครื่อง : 169.59 x 76.56 x 8.29 มม.
- น้ำหนัก : 190 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Dot Drop Display ขนาด 6.71 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1650 x 720 พิกเซล) และครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 3
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 680 Octa-core ความเร็ว 2.4GHz
- RAM : 4GB LPDDR4X
- ROM : 64/128GB UFS 2.2 รองรับการใส่ MicroSD Card สูงสุด 1TB
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 13
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 18W Fast Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง Redmi 10C (ยังไม่ได้ติดฟิล์มกันรอย)
- อะแดปเตอร์ 10W
- สาย USB Type-C
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์ทรงโค้งแบบ Unibody
รีวิว Redmi 10C มาพร้อมกับดีไซน์ที่มาในโค้งแบบ Unibody ที่ฝาหลังเพื่อความสะดวกในการใช้งาน โดยมีลวดลายเป็นเส้นแนวทแยงเพิ่มมิติในฝาหลังได้ดีขึ้น และทำให้ไม่ลื่นเวลาใช้งานอีกด้วยครับ
สำหรับสีสันที่มีให้เลือกจะมี 3 สี ได้แก่ สีเทา Graphite Gray (สีในรีวิวนี้), น้ำเงิน Ocean Blue และเขียว Mint Green
หน้าจอใหญ่ Dot Drop display 6.71″
ใครชอบดูวิดีโอต้องหลงรักหน้าจอรุ่นนี้แน่นอนครับ เพราะให้มาใหญ่ถึง 6.71 นิ้ว แบบ Dot Drop Display ที่ตัวหยดน้ำมีขนาดเล็ก ช่วยให้ไม่บดบังการรับชมต่างๆ เกินไปครับ ที่สำคัญยังมีความละเอียด HD+ พร้อม รองรับการสตรีม Widevine L1 HD ทำให้รับชมภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ใน Netflix หรือ Amazon Prime Video ได้ในระดับ HD ตามมาตรฐานเลยครับ
ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ สิ่งที่เราคาดหวังคือการใช้งานที่คมชัดพร้อมทุกสถานการณ์ โดย Redmi 10C มาพร้อมหน้าจอ Sunlight Display ทำให้เราใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆ เลย แต่ต้องเปิดให้ปรับความสว่างอัตโนมัติไว้ครับ
ที่เหนือหน้าจอจะมีกล้องหน้าแบบหยดน้ำพร้อมลำโพงสำหรับกาสนทนา
ทางซ้ายตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง พร้อมมีช่องใส่ MicroSD Card ได้สูงสุด 1TB ให้อีก 1 ช่อง รวมเป็น 3 ช่องเลยครับ
ส่วนปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power จะอยู่ทางฝั่งขวาครับ
ที่ด้านล่างจะมีไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลักครับ
ด้านบนจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ด้วย
และด้านหลังเครื่องจะมีโมดูลกล้องหลังขนาดใหญ่ มีกล้องหลัง 2 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED 1 ดวง และเลนส์ที่ระบุคำว่า AI พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ระบบสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านล่างโลโก้ Redmi ครับ
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
Redmi 10C แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่แม้จะเป็น Android รุ่นเก่า แต่ยังครอบทับด้วย MIUI 13 ที่เป็น UI รุ่นใหม่ของแบรนด์ครับ ทำให้ยังฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้เราใช้งานอยู่ รวมถึงความเสถียรของซอฟต์แวร์ที่มากกว่าเดิมด้วยครับ
ระบบความปลอดภัย
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่บริเวณโมดูลกล้องครับ การทำงานและการตอบสนองของตัวเซ็นเซอร์ทำได้ดีมาก ส่วนตำแหน่งของตัวเซ็นเซอร์ในตอนแรกคิดว่าอยู่ผิดที่ไปหรือเปล่า แต่พอลองใช้งานจริงถือว่าสะดวกเลยครับ เราไม่ต้องงอนิ้วชี้เพื่อให้ตรงกับตัวเซ็นเซอร์
ทั้งนี้ Redmi 10C ก็ยังให้ระบบสแกนใบหน้ามาด้วยครับ ซึ่งใช้งานได้ดีพอๆ กันครับ แต่จะสแกนได้ 2 ใบหน้าครับ
ถนอมสายตาด้วยโหมดอ่าน
Redmi 10C มาพร้อมกับฟีเจอร์โหมดอ่านเพื่อตัดแสงรบกวนสีฟ้าออกไปครับ ช่วยให้เราจ้องหน้าจอได้แบบสบายตากว่าเดิมครับ ทั้งยังสามารถปรับความเข้มของการตัดแสงได้ด้วย
โหมดมืดก็ยังมีให้ใช้
นอกจากโหมดอ่านแล้ว ก็มีโหมดมืดมาให้ใช้เหมือนกันครับ ซึ่งจะเน้นไปในเรื่องความสบายตาเมื่อใช้ในที่แสงน้อยมากกว่าครับ โดยพื้นหลังของระบบ, UI และแอปที่รองรับจะเปลี่ยนเป็นธีมดำทั้งหมดให้เลยทันที
ลำโพงทรงพลังกว่าเดิม
ใครที่ชอบชมวิดีโอหรือภาพยนตร์ต่างๆ Redmi 10C ก็จัดลำโพงที่มีความดังมากกว่าเดิม ทำให้เรารับชมรับฟังสิ่งต่างๆ ได้เต็มอรรถรสมากขึ้น
รูปแบบศูนย์ควบคุมทำได้ 2 แบบ
ใน MIUI 13 เราสามารถปรับศูนย์ควบคุมได้ 2 แบบครับ โดยแบบแรกเป็นเวอร์ชันเก่าที่ปัดลงจากฝั่งซ้ายหรือขวาก็จะใช้งานได้ทั้งการแจ้งเตือนและการตั้งค่าด่วนครับ ส่วนแบบที่ 2 จะเป็นแบบใหม่ที่ให้ดึงแถบทางด้านซ้ายบนเพื่อเปิดดูการแจ้งเตือนและฝั่งขวาจะเป็นการตั้งค่าด่วนรูปแบบใหม่ครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Redmi 10C ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นกลางของ Qualcomm แต่แรงระดับท็อปอย่าง Snapdragon 680 ครับ โดยเป็นชิปเซ็ตในสถาปัตยกรรมขนาดเล็กเพียง 6 นาโนเมตรเท่านั้น ช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงานรวมถึงประสิทธิาภพความแรงด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ROM ยังใช้แบบ UFS 2.2 ที่ยังคงให้ความเร็วในการอ่าน-เขียนที่มีความเร็ว เวลาโหลดแอปหรือติดตั้งแอปก็ยังคงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
Memory Extension เพิ่ม RAM ได้อีก 1GB
พื้นฐานของ Redmi 10C ให้ RAM มาที่ 4GB ครับ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปอยู่แล้วแน่นอน แต่ก็ยังมีการเพิ่มเทคโนโลยี Memory Extension ที่เป็นการเปลี่ยนพื้นที่ว่างของ ROM เป็น RAM ได้อีก 1GB รวมเป็น 5GB ทำให้เพิ่มความไหลลื่นในการใช้งานได้มากขึ้นครับ
เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ด้วย Game Turbo
สำหรับ Game Turbo จะเป็นแอปพลิเคชั่นแยกเพื่อรวมเกมไว้ในที่เดียวกัน รวมถึงสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพระหว่างการเล่นเกมได้เพื่อความไหลลื่นครับ ซึ่งยังช่วยเรื่องการเชื่อมต่อที่ทำได้เสถียรมากขึ้นและสามารถปิดกั้นการแจ้งเตือนและปิดการปรับแสงอัตโนมัติได้ด้วย
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
ในเกม ROV สามารถเปิดกราฟิกได้เป็นการแสดงผลสูง, ภาพ HD ระดับสูงมาก และเปิดเฟรมเรทสูงได้ด้วย ซึ่งความเสถียรระหว่างการเล่นก็ถือว่าได้ยอดเยี่ยมกับสมาร์ทโฟนเรทนี้เลยทีเดียวครับ เฟรมเรทแทบไม่เหวี่ยง
Call Of Duty: Mobile
สำหรับเกมแนว FPS อย่าง Call Of Duty: Mobile สามารถปรับภาพได้ 2 แบบ ได้แก่ กราฟิก Low + เฟรมเรท High และ กราฟิก High + เฟรมเรท Medium ครับ ซึ่งเราลองปรับในแบบที่ 2 โดยการเล่นจริงไม่เจอปัญหาอะไรครับ ตัวเกมไม่มีกระตุก แต่การสัมผัสหน้าอาจจะหน่วงบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าปรับให้ความไวของการเลื่อนจอมากขึ้นก็ช่วยได้ดีเลยครับ
ใช้งานได้ครบวันด้วยพลังแบต 5000mAh
ด้วยความที่ Redmi 10C ใช้ทั้งชิปที่ประหยัดพลังงานและให้แบตเตอรี่มาแบบใหญ่ๆ ถึง 5000mAh ใครที่เน้นโซเชียล เล่น Facebook, ดู YouTube และถ่ายรูปบ้าง แบตอยู่รอดตั้งแต่เช้าถึงค่ำแน่นอนครับ ทั้งนี้ Redmi 10C ยังรองรัชาร์จเร็ว 18W อีกด้วย แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์ชาร์จเร็วแยกครับ
กล้องคมชัดสูงสุด 50MP
Redmi 10C ให้กล้องเลนส์หลักมาที่ความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ให้เราถ่ายกันแบบเคลียร์ๆ คมชัดกันไปเลยครับ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นในเรทราคานี้ที่ให้กล้อง 50 ล้านพิกเซลมาด้วย
เลนส์ 50MP ถ่ายคมชัดสูงพร้อมให้สีสันที่สดใส
ในโหมด 50MP จะเป็นการใช้ความสามารถสูงสุดของเลนส์ที่ให้ความคมชัดสูงที่สุดครับ สามารถนำไปครอปหรือซูมเพื่อดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในภาพที่ถ่ายมาได้ หรือใครจะนำไปใช้งานทำเป็นแผ่นป้ายหรือทำงานอื่นต่อก็ได้เช่นกันครับ ซึ่งในเลนส์หลักก็ยังสามารถถ่ายโหมดทั่วไปได้โดยจะเน้นไปที่การเก็บรายละเอียดของแสงและสีได้ดีขึ้นครับ
Portrait เบลอเนียน ใช้งานได้ครบทุกสภาพแสง
สำหรับโหมดบุคคลในรุ่นนี้ แม้จะเป็นรุ่นกลางแต่การเก็บงานเก็บขอบรอบบุคคลทำได้ค่อนข้างเนียนเลยครับ ซึ่งเราลองถ่ายในที่แสงกลางวันและแสงน้อยๆ ก็ยังให้รายละเอียดที่คมชัดอยู่ครับ
Night Mode เก็บแสงได้ดี คุ้มค่าสมราคา
Redmi 10C ยังจัดโหมดกลางคืนให้เราใช้งานกล้องกันตลอดวันครับ ซึ่งการเก็บแสงในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีในเรทราคานี้ ถ้าไม่ได้ถ่ายที่ที่มืดเกินไปก็ยังได้ความคมชัดอยู่พอตัวเลยครับ แต่หากจะถ่ายที่แสงน้อยมากๆ อาจจะเกิด Noise ได้อยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติครับ
กล้องหน้า 5MP เก็บรายละเอียด รองรับโหมด Portrait
การเซลฟี่ในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับ การเก็บรายละเอียดบนใบหน้าทำได้ครบถ้วน รวมถึงการเบลอฉากหลังในการถ่ายโหมดบุคคลก็ทำได้เนียนตา ดูมีมิติเลยทีเดียวครับ
สรุปการใช้งาน
จากการใช้งาน Redmi 10C มา กล้าบอกเลยว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่แบตเตอรี่อึดมากๆ ครับ เพราะนอกจากจะให้มาถึง 5000mAh แล้ว ยังใช้ CPU Snapdragon 680 ที่ให้ทั้งความแรงและการประหยัดพลังงานในตัวด้วยขนาดเล็กเพียง 6nm เท่านั้นครับ รวมถึงหน้าจอขนาดใหญ่ 6.71 นิ้วที่ใช้ได้เต็มตามากจริงๆ และที่ขาดไปไม่ได้เลยคือกล้องหลังที่ให้มา 50MP ถ่ายออกมาได้คมชัดและสวยงามเกินราคาครับ
ราคาและวันวางจำหน่าย
Redmi 10C พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Graphite Gray, Ocean Blue และ Mint Green โดยจะวางจำหน่าย 2 รุ่น คือ รุ่นความจุ 4GB+64GB ราคา 4,299 บาท และ รุ่นความจุ 4GB+128GB ราคา 4,999 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ