Connect with us

Smart Review

รีวิว Redmi Note 14 Pro+ 5G | Redmi Note 14 สองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ “ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI ” กล้องหลัก 200MP | จอ AMOLED 120Hz | ทนทานกว่าในทุกการใช้งาน!

Published

on

รีวิว Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 สองรุ่นใหม่จากซีรีส์ Redmi Note 14 Series รอบนี้สานต่อความสามารถด้านกล้อง พร้อมอัปเกรด AI ขึ้นมาจนตั้งสโลแกนว่า Iconic Shots, AI Crafted หรือ ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI มีดีทั้งกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 200MP, มี AI คอยสร้างสรรค์ภาพ, ชิปเซ็ตทรงพลัง, หน้าจอ AMOLED 120Hz, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่สูงสุด 5500mAh และอีกหลายอย่าง

เรียกว่าตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนคุ้ม ๆ ไว้ใช้งานแน่นอน งั้นมาติดตาม รีวิว Redmi Note 14 Series นี้ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!

สรุปสเปค Redmi Note 14 Pro+ 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 162.53 x 74.67 x 8.75 มม. (สี Frost Blue, Midnight Black) | 162.53 x 74.67 x 8.85 มม. (สี Lavender Purple)
  • น้ำหนัก : 210.14 กรัม (สี Frost Blue, Midnight Black) | 205.13 กรัม (สี Lavender Purple)
  • หน้าจอ : CrystalRes AMOLED โค้ง 3D ขนาด 6.67″
  • ความละเอียด : 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 3000nits
  • Refresh rate : 120Hz
  • ชิปเซ็ต : Snapdragon 7s Gen 3 Octa-Core 2.5GHz (4nm)
  • RAM : 12GB (LPDDR4X)
  • storage : 512GB (UFS 2.2)
  • แบตเตอรี่ : 5110mAh
  • ระบบชาร์จเร็ว : 120W HyperCharge
  • กล้องหน้า : 20MP f/2.2
  • กล้องหลัง : 3 ตัว
  • 200MP กล้องหลัก (ISOCELL HP3 ขนาด 1/1.4″) f/1.65, OIS
  • 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 
  • 2MP กล้อง Macro f/2.4
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 6, Bluetooth 5.4, NFC, IR Blaster และพอร์ต USB-C
  • ระบบรักษาความปลอดภัย : In-screen fingerprint Unlock, AI Face Unlock
  • มาตรฐานกันน้ำ : IP68
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (Xiaomi HyperOS)
  • สีสัน : Frost Blue, Midnight Black และ Lavender Purple

สรุปสเปค Redmi Note 14

  • ขนาดตัวเครื่อง : 163.25 x 76.55 x 8.16 มม.
  • น้ำหนัก : 196.5 กรัม
  • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.67″
  • ความละเอียด : FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 1800nits
  • Refresh rate : 120Hz
  • ชิปเซ็ต : MediaTek Helio G99-Ultra Octa-Core 2.2GHz (6nm)
  • RAM : 8GB (LPDDR4X)
  • ROM : 256GB (UFS 2.2)
  • microSD : รองรับสูงสุด 1TB
  • แบตเตอรี่ : 5500mAh
  • ระบบชาร์จเร็ว : 33W Fast Charging
  • กล้องหน้า : 20MP f/2.2
  • กล้องหลัง : 3 ตัว
  • 108MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.67″) f/1.7
  • 2MP กล้อง Depth f/2.4
  • 2MP กล้อง Macro f/2.4
  • การเชื่อมต่อ : 4G LTE, WiFi 2.4GHz, 5GHz, Bluetooth 5.3, NFC, IR Blaster และพอร์ต USB-C
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : มาตรฐาน IP54
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (Xiaomi HyperOS)
  • สีสัน : Midnight Black, Mist Purple และ Lime Green

แกะกล่อง Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14

ก่อนจะไปชมตัวเครื่องจริง ๆ ก็มาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์กันก่อนเหมือนเคยที่ตัวกล่องของ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 จะโชว์ภาพตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและหลังไว้ชัดเจนที่หน้ากล่อง แต่สีที่ใช้โชว์จะแตกต่างกันคือ Redmi Note 14 Pro+ 5Gใช้เครื่องสีฟ้า Frost Blue และ Redmi Note 14 จะใช้สี Midnight Black

แต่ไม่ต้องตกใจไปหากเราเลือกสีอื่นแล้วยังได้ภาพหน้ากล่องเป็นแบบนี้ เพราะภาพหน้ากล่องจะโปรโมทด้วยตามนี้ทั้งหมด ให้เรามาดูที่สลากใต้กล่องแทนจะมีระบุสีสันจริง ๆ ของตัวเครื่องอยู่ครับ

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของทั้ง 2 รุ่นจะให้ของมาเท่ากันเลย 6 อย่างประกอบด้วย
ตัวเครื่อง Redmi Note 14 Pro+ 5G | Redmi Note 14
เคสซิลิโคน
สายชาร์จ
อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge | 33W Fast Charging
เอกสารคู่มือ
เข็มจิ้มถาดซิม

เอกลักษณ์ดีไซน์ที่แตกต่างกันชัดเจน!

มาเริ่มกันที่ดีไซน์กันก่อนเลยดีกว่าครับ อย่างที่บอกว่า Redmi Note 14 Series นั้นเปิดตัวมามากถึง 4 รุ่น แต่รุ่นที่เราได้มาจะเป็นรุ่นท็อปสุดคือ Redmi Note 14 Pro+ 5G กับรุ่นน้องเล็ก Redmi Note 14 ซึ่งทั้งคู่จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน รุ่นพี่ใหญ่ Note 14 Pro+ จะเน้นความพรีเมี่ยมและโดดเด่นของวัสดุ ส่วนรุ่นน้องเล็ก Note 14 จะเน้นความเรียบง่าย คล่องตัว งั้นเราจะมาพาชมตัวเครื่องกันไปทีละรุ่นดีกว่าเพื่อไม่ให้สับสนเนาะ

ดีไซน์สุดพรีเมี่ยมของ Redmi Note 14 Pro+ 5G

เริ่มที่รุ่นพี่ใหญ่ Redmi Note 14 Pro+ 5G ก่อนเลย รุ่นนี้จะวางตำแหน่งกล้องไว้ตรงกลางพร้อมโมดูลกล้องขนาดใหญ่ ที่สื่อถึงความทรงพลังจากกล้อง แต่ก็ยังมีความสมมาตรของฝาหลังเพราะเว้นพื้นที่ซ้าย-ขวาเท่า ๆ กัน

ที่ตัวกรอบเลนส์ก็มีความหรูหราเพราะแทรกลวดลายเพชรอยู่รอบ ๆ พอบวกแสงแฉกที่พุ่งออกมาจากคำว่า 200MP OIS AI Camera ตรงกลางแล้วก็ได้อารมณ์เหมือนพวกนาฬิกาหรูเลยด้วยนะ

ส่วนสีที่เราได้มาเป็นสี Lavender Purple ซึ่งจะมีวัสดุฝาหลังแบบหนังวีแกน ที่มีการทำลวดลายเย็บที่มุมเพิ่มลูกเล่นให้กับดีไซน์ได้อีกเยอะเลยด้วย มองแว้บแรกก็รู้ได้เลยว่ารุ่นนี้ มีความพิถีพิถันในการออกแบบ ไม่ได้ใช้ดีไซน์แบบทั่ว ๆ ไป

พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้า Redmi Note 14 Pro+ 5G จะใช้หน้าจอ AMOLED โค้ง 3D ขนาด 6.67″ ที่หรูหรา แสดงผลด้วยความละเอียด 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) คมชัด มอบความสว่างได้สูงสุด 3000nits และรองรับ Refresh rate สูง 120Hz ทำงานไม่สะดุด

กรอบตัวเครื่องจะยังเป็นพลาสติกผิวด้าน แต่ให้ความรู้สึกที่ดีเลยนะเวลาจับถือ มีความโค้งเล็ก ๆ ที่จะไม่เจ็บมือเวลาถือ ความโค้งที่หน้าจอและฝาหลังก็เข้ามาบรรจบกันพอดี ไม่มีส่วนที่รู้สึกว่าล้นจนเกินไป ตัวปุ่มกดจะอยู่ด้านขวามือทั้งหมด แบ่งเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงปุ่มเรียบยาว ๆ ส่วนปุ่ม Power จะเป็นปุ่มที่เล็กกว่า

ด้านบนตัวเครื่องจะมีลำโพงและไมโครโฟน ส่วนด้านล่างจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ลำโพงหลักของตัวเครื่องและช่องใส่ซิมการ์ดครับ

ขนาดและน้ำหนักของ Redmi Note 14 Pro+ 5G ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานครับ หนักที่ 205.13 กรัม และบางราว 8.85 มม. ซึ่งให้ความรู้สึกเวลาถือที่แน่นหนาและพอดีมือ ไม่เบาเกินไป หรือหนาจนเทอะทะ แถมพอได้วัสดุฝาหลังแบบนี้แล้วก็ช่วยให้จับถือได้สบายมือยิ่งขึ้นด้วยนะ

เห็นดีไซน์พรีเมี่ยมของ Redmi Note 14 Pro+ 5G แบบนี้ อาจจะคิดว่าสวยหรูอย่างเดียว แต่บอกเลยว่าไม่ใช่ครับ รุ่นนี้ยังได้ความทนทานมาด้วยโครงสร้าง All-Star Armor ที่กรอบเครื่อง รวมถึงกระจกหน้าจอที่เป็น Gorilla Glass Victus 2 อัปเกรดวัสดุใหม่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทนต่อการตกกระแทกได้ดีกว่าเดิม มั่นใจได้ว่าถ้าเราเผลอทำเครื่องตกจริง ๆ จะไม่เสียหายหนักจนใช้งานต่อไม่ได้

หรือจะเป็นการกันน้ำรุ่นนี้ก็ยังมีมาตรฐานกันน้ำ IP68 ปกป้องตัวเครื่องได้แม้ตกน้ำ และยังมีฟีเจอร์ Wet Touch 2.0 ที่ใช้งานหน้าจอได้อย่างคล่องตัวแม้หน้าจอเปียกอีกด้วยนะ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Redmi Note 14 Pro+ 5G ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมเลยครับ เพราะไม่ใช่แค่สวยดูพรีเมี่ยมจากฝาหลังหนังวีแกนอันโดดเด่นกับหน้าจอโค้ง 3D เท่านั้น เพราะยังมีเรื่องความทนทานจากโครงสร้าง All-Star Armor และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 อีก ยุคนี้จะสวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแกร่งด้วยเนาะ!

ดีไซน์เรียบง่าย คล่องตัวของ Redmi Note 14

มาต่อกันที่รุ่นน้องเล็ก Redmi Note 14 รุ่นนี้ใช้ดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่คล่องตัว ทั้งฝาหลังแบนราบ กรอบเครื่องเหลี่ยม หรือหน้าจอแบน ให้ความรู้สึก Boxy ที่เข้าถึงง่ายและจับถือได้แบบเต็มไม้เต็มมือครับ

แต่สโลแกนเป็น Iconic Shots, AI Crafted ก็ขอเน้นกล้องให้เด่น ๆ หน่อยเนาะ โมดูลกล้องของ Redmi Note 14 นั้นจะวางไว้ตำแหน่งมุมซ้ายบน พร้อมเลนส์กล้องอันใหญ่ 2 วงและวงเล็กหนึ่ง วางอยู่บนฐานกล้องผิวมันวาวขนาดใหญ่ และข้อความกำกับไว้ด้วยว่า 108MP อ๊ะ…กล้องความละเอียดสูงเลยนา

ส่วนสีสัน Redmi Note 14 ที่เราได้มาเป็นสีดำ Midnight Black ก็ได้ความคลาสสิคของฝาหลังผิวทรายด้าน ๆ เข้าได้กับทุกลุคแหละแบบนี้

ที่หน้าจอ Redmi Note 14 ได้จอ AMOLED ขนาด 6.67″ เท่ากับรุ่นพี่แหละ แต่ตัวจอจะเป็นแบบแบนราบไปเลย น่าจะถูกใจสายใช้งานที่ต้องการความง่าย ๆ ไม่ต้องหวือหวามากนัก แสดงผลบนความละเอียด FHD+ มีความสว่างสูงสุด 1800nits และลื่นไหลที่ 120Hz ด้วยนะ

อย่างที่บอกว่า Redmi Note 14 นั้นจะใช้ดีไซน์แบบกรอบเหลี่ยมทำให้เวลาเราจับถือนั้นเต็มไม้เต็มมือดีเลย แต่ถ้าดูจากตัวเลขจริง ๆ ความบางของตัวเครื่อง 8.16 มม.เท่านั้นเองนะ มีตำแหน่งปุ่มกดต่าง ๆ เหมือนรุ่นพี่เลยคือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power อยู่ฝั่งขวามือ

ส่วนด้านบนจะมีช่องหูฟัง 3.5 มม. ชุดลำโพงเสริม IR Blaster และด้านล่างตัวเครื่องก็มีลำโพงหลักของตัวเครื่อง พอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ไมโครโฟน และช่องใส่ซิม ซึ่งรุ่นนี้จะรองรับการเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 1TB เลยด้วยนะ

รวม ๆ ในเรื่องดีไซน์ของ Redmi Note 14 นั้นก็ถือว่าทำได้เรียบง่าย แต่ใช้งานจริงได้ดีเลย ทั้งความเหลี่ยมของกรอบเครื่อง ความแบนราบของหน้าจอและฝาหลัง ที่ใช้งานได้ง่ายคล่องตัว สี Midnight Black ที่คลาสสิกโดนในผู้ใช้ทั่วไปได้ไม่ยากนักด้วย

กล้องคมชัดสูงสุด 200MP ถ่ายปังทุกช็อต

มาต่อในเรื่อง “กล้อง” ที่เป็นไฮไลท์ของ Redmi Note 14 Series เลยครับ ทั้งคู่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว และกล้องหลักความละเอียดสูง ตรงตามสโลแกนที่ว่า “ถ่ายปังในทุกช็อต” เลยล่ะ โดยสเปคกล้องของแต่ละรุ่นจะมีดังนี้ครับ

สเปคกล้อง Redmi Note 14 Pro+ 5G

  • 200MP กล้องหลัก (ISOCELL HP3 ขนาด 1/1.4″) f/1.65, OIS
  • 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 
  • 2MP กล้อง Macro f/2.4

สเปคกล้อง Redmi Note 14

  • 108MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.67″) f/1.7
  • 2MP กล้อง Depth f/2.4
  • 2MP กล้อง Macro f/2.4

อย่างที่เห็นว่าสเปคกล้องที่ให้มานั้นเป็นกล้องหลักความละเอียดสูงทะลุ 100MP เลย ซึ่งทั้งคู่จะมีโหมดความละเอียดสูงให้เลือกใช้ด้วย มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้ภาพที่คมชัด ถ่ายปังในทุกช็อตแน่นอน แต่ใครที่กลัวว่าถ่ายไฟล์ใหญ่มาขนาดนี้แล้วจะเม็มเต็มเร็วรึเปล่า อันนี้ไม่ต้องห่วงเพราะถ้าเราใช้โหมด Photo ปกติ กล้องจะรวมพิกเซลและปรับขนาดลงมาที่ 12MP เพื่อใช้งานได้ในงานทั่วไป หรืออัปลงโซเชี่ยลได้อย่างคมชัดเพียงพอ และไม่เปลืองพื้นที่เม็มมากจนเกินไป

เป๊ะด้วย AI กันคนละสไตล์

ในด้านซอฟต์แวร์ Redmi Note 14 Series จะมีการปรับแต่งเพิ่มเติมด้วย AI ทั้งคู่ ตามสโลแกน “ถ่ายปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI” นั่นแหละครับ แต่ในการประมวลผลต้องบอกเลยว่า ทั้งคู่มีการปรุงที่แตกต่างกันชัดเจนเลย อย่างในรุ่นพี่ใหญ่ Redmi Note 14 Pro+ 5G นั้นจะเน้นไปที่โทนสมจริง เก็บความคมชัดและรายละเอียดเน้น ๆ ในขณะที่ Redmi Note 14 รุ่นน้องเล็ก จะเลือกปรับให้มีความสดใส สีสันจัดจ้านกว่า ซึ่งเป็นคนละสไตล์ มีเสน่ห์กันคนละแบบ ดูได้จากตัวอย่างด้านล่างนี้เลยครับ

ภาพตัวอย่าง Redmi Note 14 Pro+ 5G ซ้าย | Redmi Note 14 ขวา

กล้องหลังครบช่วงบนพี่ใหญ่ Redmi Note 14 Pro+ 5G

พอเห็นความต่างของสไตล์ภาพไปแล้ว งั้นเราขอพูดถึงกล้องของแต่ละรุ่นแยกกันไปเลยดีกว่าเพื่อให้ได้เห็นตัวอย่างภาพของแต่ละรุ่นแบบเต็ม ๆ ไปเลย ฝั่ง Redmi Note 14 Pro+ 5G นั้นจะได้ช่วงและระยะที่ครบครัน เพราะมีกล้องหลัก 200MP ที่สามารถใช้ IN-Sensor Zoom ได้ระดับ 2x หรือ 4x ได้อย่างคมชัด มีกล้อง Ultra Wide เก็บมุมกว้างได้อีก หรือจะอยากเข้าใกล้ถ่ายวัตถุก็มีกล้อง Macro ไว้พร้อม ซึ่งการประมวลผลของกล้องก็จะมาในโทนสมจริงอย่างที่บอกไป สีสันอาจจะไม่ได้จัดจ้านมากนัก แต่เราว่าก็เป็นโทนที่ไปปรับแต่งเพิ่มได้ง่าย หรือใครที่ชอบสีตรงเหมือนตาเห็นก็น่าจะถูกใจเลยล่ะครับ

Redmi Note 14 รุ่นน้องกล้องแจ่ม สีสันมาเต็ม

ส่วนรุ่นน้อง Redmi Note 14 ก็อย่างที่บอกไปครับ ได้สีสันที่จัดจ้านกว่า แบบที่สวยสดไปเลย จะถ่ายวิว ถ่ายคน โดดเด้ง ส่วนระยะของภาพก็อาจจะลดทอนลงมานิดหน่อย มีกล้องหลัก 108MP พอใช้งานในระยะ 2x ได้ด้วย มีกล้อง Macro มาให้พอถ่ายใกล้ ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีกล้อง Ultra Wide มาเก็บมุมกว้างสุด ๆ แต่รวม ๆ ก็ถือว่ากล้องทุกตัวที่ให้มาทำหน้าที่ได้ดีเพียงพอสำหรับรุ่นน้องเล็กแล้วล่ะครับ

กล้องหน้า 20MP เซลฟี่สวย

และกล้องหน้าของทั้งคู่ก็ได้ความละเอียดมาที่ 20MP เท่ากัน คุณภาพถือว่าทำได้ดีเลยครับ ในเรื่องการประมวลผลอันนี้จะคล้ายกันใน 2 รุ่นคือมีความเนียนของใบหน้าที่ดี จะใช้โหมด Portrait ก็ละลายหลังสวย บนรุ่น Redmi Note 14 Pro+ 5G จะดีงามในเรื่องความกว้างระดับ 0.8x ด้วยนะ อันนี้ชอบเลย!

โดยรวมในเรื่องกล้องของ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 ก็ทำได้ดีงามสมกับสโลแกน “ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI” เพราะภาพที่ได้ออกมาสวยปัง ใช้งานได้จริง แต่สไตล์ของภาพอาจจะแล้วแต่ความชอบเนาะ รุ่นพี่ใหญ่มาแนวสมจริง ไม่ได้ปรับจนโอเวอร์ คุมโทนและเก็บ Dynamic Range ได้ดี ฝั่งรุ่นน้องเล็กก็สะดวก เน้นสีสัน สนุกสนานตาม กลุ่มเป้าหมาย สมแล้วที่เลือกใช้สโลแกนแบบนี้ เพราะทั้งปังและเป๊ะดีจริง ๆ เลยล่ะครับ

ใช้ Xiaomi HyperOS พร้อมฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ

Redmi Note 14 Series มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ครอบทับมาด้วย Xiaomi HyperOS แล้วครับ มาพร้อมความลื่นไหลใหม่ ๆ พร้อมกับลูกเล่นที่น่าสนใจมากมาย

อย่างความสามารถด้านการปรับแต่งทั้ง การปรับแต่งหน้า Lockscreen แบบใหม่, Art Framing ตกแต่งกรอบภาพสวย ๆ, ฟอนต์ใหม่ Mi Fonts หรือ Widget และการปรับแต่งหน้าจอแบบใหม่ ๆ มอบความสวยงามมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

หรือจะเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะรอบนี้ Redmi Note 14 Series จะมาพร้อมกับ Gemini แล้ว สามารถกดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อพูดคุยหรือพิมพ์สั่งงาน ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้เลยทันที

หรือฟีเจอร์ด้าน AI ใหม่ ๆ ที่พัฒนาร่วมกับ Google อย่าง Circle to Search ก็มีมาให้ใช้งานด้วย แต่อันนี้มีเฉพาะบนรุ่น Redmi Note 14 Pro+ 5G นะครับ รุ่นเล็กยังไม่มีมาให้ใช้ครับ

รวมถึงฟีเจอร์ AI ที่ Xiaomi พัฒนาเองก็มามีให้จัดเต็มกว่า 5 ด้าน อาทิ

  • AI Notes : AI Summary สรุปความ, AI Layout จัดเรียงบรรทัด, AI Proofreading แก้คำผิด, AI Traslate แปลภาษา
  • AI Gallery : AI Image Expansion ขยายภาพเพิ่มเติม, AI Erase Pro ลบคน ลบวัตถุ, AI Film สร้างคลิปสั้น ๆ ด้วย AI
  • AI Recorder : Speaker Regognition แยกแยะเสียงที่บันทึก, AI Translate, AI Summary ถอดเทปจากเสียง
  • AI Subtitles : Real-time transcribe | AI Translate สร้างซับไตเติ้ลแบบเรียลไทม์ และแปลภาษาให้ได้ด้วย
  • AI Interpreter : Interpret face to face แปลภาษาแบบล่ามได้, Interpret call audio แปลภาษาระหว่างโทร

เรื่องซอฟต์แวร์ก็ถือว่า Xiaomi นั้นเอาจริงเอาจังมากขึ้น เพราะใส่มาให้ในรุ่นกลางอย่าง Redmi Note Series แล้ว ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รุ่นท็อป ๆ เท่านั้น ซึ่งพอได้ความสามารถ AI ใหม่ ๆ มาแบบนี้ก็ช่วยให้เราใช้งานคล่องตัวมากขึ้นจริง ๆ เลยล่ะครับ

ประสิทธิภาพครบเครื่อง

มาต่อในเรื่องประสิทธิภาพ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 นั้นใช้ชิปเซ็ตต่างกันไปตามร่นของซีรีส์ รวมถึงความจุด้วยดังนี้เลยครับ

  • Redmi Note 14 Pro+ 5G ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 | ความจุ 12GB+512GB
  • Redmi Note 14 ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G99-Ultra | ความจุ 8GB+256GB

ซึ่งความแรงของแต่ละรุ่นก็ไม่ธรรมดาครับ เราลองทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพคร่าว ๆ ก็ได้คะแนนดังนี้เลย

  • Redmi Note 14 Pro+ 5G = 692508 คะแนน
  • Redmi Note 14 = 422146 คะแนน

ฝั่ง Geekbench 6 เราทดสอบด้าน CPU มาให้ ทั้ง 2 รุ่นได้คะแนนออกมาดังนี้เลยครับ

  • Redmi Note 14 Pro+ 5G = Single-Core 1161 คะแนน | Multi-Core 3076 คะแนน
  • Redmi Note 14 = Single-Core 732 คะแนน | Multi-Core 1973 คะแนน

เล่นเกมโอเคทั้งคู่

ส่วนการเล่นเกม เราลองทดสอบกับ 2 เกมฮิตอย่าง Asphalt 9 Legends Unite และ PUBG Mobile ก็จะได้ประสบการณ์ดังนี้เลยครับ

เล่น Asphalt 9 บน Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14

เริ่มที่ Asphalt 9 ตัวเกมให้เราเลือกปรับกราฟิกได้หลากหลายในอัปเดตล่าสุด บน Redmi Note 14 Pro+ 5G ค่าเริ่มต้นจะปรับทุกอย่างไว้สูงสุดทั้งหมด เราลองเปิด 60fps ก็เล่นได้อย่างราบรื่นดีครับ ส่วน Redmi Note 14 ค่าเริ่มต้นจะเลือกไว้ที่ระดับกลาง ปิด DOF และแสงเงาไปเท่านั้น แต่ยังเปิด 60fps ได้ เล่นได้ลื่น ๆ ล่ะครับ

เล่น PUBG บน Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14

ต่อกันที่ PUBG Mobile บน Redmi Note 14 Pro+ 5G เราสามารถตั้งค่าได้สูงสุดที่ HDR+Extreme ก็เล่นได้ลื่น ๆ เลย ส่วน Redmi Note 14 จะปรับได้สูงสุดที่ HD+High ก็ถือว่าเล่นได้อย่างลื่นไหลทั้งคู่ครับ การควบคุมต่าง ๆ ทำได้ดีเลย เพราะด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ แถมยังมีลำโพงคู่ Stereo เล่นเกมแนวนี้สะใจขึ้นไปอีก

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่สุด 5500mAh

เรื่องแบตเตอรี่ Redmi Note ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้ว รอบนี้ให้แบตเตอรี่มาระดับ 5000mAh+ หมดเลยแบ่งเป็น

  • Redmi Note 14 Pro+ 5G = 5110mAh
  • Redmi Note 14 = 5500mAh

ซึ่งแน่นอนว่าแบตเตอรี่เยอะระดับนี้ ให้เราใช้งานได้แบบหายห่วงทั้งคู่ จะถ่ายรูป เล่นเกมหนัก หรือโซเชี่ยลจัดเต็ม ก็ไม่ต้องห่วงเลย เอาอยู่มาก ๆ ครับ

รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 120W

ส่วนเรื่องชาร์จก็ไม่ต้องห่วงอีกนั่นแหละ Redmi Note 14 Series ได้ระบบชาร์จเร็วมาทั้งคู่ แต่จะมีความเร็วต่างกันไป แบ่งเป็น

  • Redmi Note 14 Pro+ 5G ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
  • Redmi Note 14 ชาร์จเร็ว 33W TurboCharge

เร็วแบบนี้ใช้ชาร์จแบตความจุเยอะ ๆ แป๊บเดียวก็เต็มแล้วล่ะครับ สายใช้งานหนักก็ลุยให้เต็มที่ ใกล้หมดจริง ๆ มารอชาร์จหน่อยก็ใช้ต่อได้อีกยาวแล้วครับ

และที่สำคัญที่สุดคือทั้ง 2 รุ่นนี้ให้ที่ชาร์จแบบตรงความเร็วมาให้เลยในกล่องด้วย ไม่ต้องไปซื้อแยกให้เสียตังค์เนาะ ชาร์จเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย!

ราคาและโปรโมชั่น Redmi Note 14 Series

ปิดท้ายที่ราคาค่าตัวเนาะ Redmi Note 14 Series เปิดตัวมาด้วยกัน 4 รุ่นคือ Redmi Note 14 Pro+ 5G (รุ่นที่รีวิว), Redmi Note 14 Pro 5G, Redmi Note 14 5G และ Redmi Note 14 (รุ่นที่รีวิว) มีราคาแต่ละรุ่นดังนี้เลย

  • Redmi Note 14 Pro+ 5G (12GB+512GB) = 14,990 บาท
  • Redmi Note 14 Pro 5G (12GB+256GB) = 11,990 บาท
  • Redmi Note 14 5G (8GB+256GB) = 9,999 บาท
  • Redmi Note 14 5G (12GB+512GB) = 7,999 บาท
  • Redmi Note 14 (8GB+256GB) = 5,999 บาท

มีโปรโมชั่นสินค้าใหม่ที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค – 2 ก.พ. 68 สำหรับ 3 รุ่นดังนี้ รับของแถมเป็น

  • Redmi Note 14 รับของแถมเป็นกระเป๋าล้อลาก
  • Redmi Note 14 5G รับของแถมเป็นกระเป๋าล้อลาก
  • Redmi Note 14 Pro 5G รับของแถมเป็น Redmi Watch 5 Active

ส่วนโปรโมชั่นสำหรับ Redmi Note 14 Pro+ 5G จะมีโปรโมชั่นเมื่อ Pre-Order ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 ม.ค.68 รับฟรี Redmi Note 14 Series x Bambam Exclusive Gift ด้วย

โดยโปรโมชั่นของทั้ง 4 รุ่นจะได้รับประกันเพิ่มเป็น 2 ปีและประกันจอแตกให้ด้วยครับ

สรุปแล้ว “นี่คือสองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI ในงบไม่ถึง 13,000 บาท”

สรุปแล้ว Redmi Note 14 Series ทั้ง 2 รุ่นที่เราได้รีวิวนี้ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบลงตัว โดยเฉพาะกล้องปังทุกช็อต ภาพเป๊ะด้วย AI ในกลุ่มรุ่นกลางอย่างแท้จริง เพราะได้มาทั้งกล้องความละเอียดสูงระดับ 100MP+ ที่ถ่ายสวย ใช้งานได้จริง มีฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ ให้ใช้งานได้อย่างคล่องตัว ด้านดีไซน์ก็สวยหรูตามสไตล์ Redmi Note Series ประสิทธิภาพทรงพลังทั้งชิปที่เล่นเกมได้ดี ทำงานรวดเร็ว แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ระดับ 5000mAh+ อีกทั้งยังมีระบบชาร์จเร็วแบบสุด ๆ ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่รับต้นปีในงบตั้งแต่ 5,999 – 14,990 อยู่ เราว่า Redmi Note 14 Series นี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียวล่ะครับ!

HUAWEI Mate X6 is now available HUAWEI Mate X6 is now available
HarmonyOS49 นาที ago

สมาร์ทโฟนพับได้สุดล้ำที่ผสมผสานการออกแบบแห่งอนาคตเข้ากับประสิทธิภาพความแข็งแรงเหนือชั้น HUAWEI Mate X6 วางจำหน่ายแล้ววันนี้!!

HUAWEI Mate X6 วางจำ...

Smart Review3 ชั่วโมง ago

รีวิว Redmi Note 14 Pro+ 5G | Redmi Note 14 สองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ “ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI ” กล้องหลัก 200MP | จอ AMOLED 120Hz | ทนทานกว่าในทุกการใช้งาน!

รีวิว Redmi Note 14 ...

IT News19 ชั่วโมง ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 4 – 10 ม.ค. 68

ข่าวเด่นช่วงสิ้นปีระ...

Android News20 ชั่วโมง ago

นี่แหละที่ต้องการ ! Galaxy S25 Ultra ได้หน้าจอสดและสว่างขึ้น 43%

ใกล้เข้าแล้วสำหรับงา...

IT News21 ชั่วโมง ago

เผยเรนเดอร์ Nintendo Switch 2 ยังดีไซน์คล้ายเดิม แต่เพิ่มขนาดจอเป็น 8.4″

ใครที่กำลังรอเกมคอนโ...

Android News22 ชั่วโมง ago

เตรียมเงิน !! แท็บเล็ตเรือธง Xiaomi พร้อมขุมพลัง Snapdragon 8 Elite เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้

ช่วงปีนี้ไม่ใช่แค่สม...

HUAWEI FreeBuds Pro 4, priced at only 5,990 baht with a special promotion HUAWEI FreeBuds Pro 4, priced at only 5,990 baht with a special promotion
Wearable1 วัน ago

HUAWEI FreeBuds Pro 4 ราคาเพียง 5,990 บาท พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ

หูฟังระดับพรีเมียมที...

Teaser is out, get ready to meet the new Galaxy AI Teaser is out, get ready to meet the new Galaxy AI
ข่าวประชาสัมพันธ์1 วัน ago

ทีเซอร์มาแล้ว เตรียมพบ Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่

ซัมซุงเปิดศักราชใหม่...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก