Connect with us

Smart Review

รีวิว Redmi Watch 3 ให้คุณมั่นใจทุกการสวมใส่ด้วยดีไซน์ทันสมัยบอดี้โลหะ | จอ AMOLED 1.75″ | กันน้ำระดับ 5ATM

Published

on

รีวิว Redmi Watch 3 สมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดจาก Xiaomi ที่มาพร้อมสโลแกนเลิศ ๆ ว่า “ให้คุณมั่นใจทุกการสวมใส่” แอบบอกก่อนว่ารุ่นนี้มาพร้อมจุดเด่นเพียบ ๆ ตั้งแต่ดีไซน์ทันสมัยพร้อมบอดี้โลหะ, หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.75″ สุดคมชัด, แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 12 วัน หรือจะเป็นมาตรฐานกันน้ำระดับ 5ATM อีก! เรียกว่าครบเครื่องจริง ๆ การใช้งานจะมั่นใจขนาดไหน ดีไซน์สวยถูกใจรึเปล่า มาติดตามกันได้จากรีวิวนี้เลยครับ!

สรุปสเปค Redmi Watch 3

  • ขนาดวอทช์ : 42.6 x 36.5 x 9.99 มม.
  • น้ำหนักวอทช์ : 37.3 กรัม (รวมสาย)
  • วัสดุตัวเรือน : High-gloss metal texture
  • หน้าจอ : AMOLED 1.75” ความละเอียด 390 x 450 พิกเซล (341 ppi)
  • ความสว่างสูงสุด : 600 nits
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2
  • กันน้ำ : มาตรฐาน 5ATM
  • เซ็นเซอร์ : Heart rate sensor พร้อม blood oxygen sensor, Accelerometer, Gyroscope. Geomagnetic sensor, GPS sensor
  • แบตเตอรี่ : ใช้งานได้นานสูงสุด 12 วัน

แกะกล่อง Redmi Watch 3

ก่อนอื่นเรามาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์กันก่อนเลยดีกว่า Redmi Watch 3 มาพร้อมกล้องสีขาวเรียบง่าย ที่ด้านหน้าจะมีภาพประกอบของอุปกรณ์พร้อมชื่อรุ่นชัดเจนครับ

อุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาก็จะมีด้วยกัน 3 อย่างประกอบด้วย

  • สมาร์ทวอทช์ Redmi Watch 3
  • ที่ชาร์จหัว USB-type-A
  • เอกสารคู่มือและใบรับประกัน

โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 1.75″

อย่าได้เสียเวลาเลย เรามายลโฉม Redmi Watch 3 ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ หน้าจอของรุ่นนี้ให้มาขนาดใหญ่ถึง 1.75″ เรียกว่าใหญ่เตะตาตั้งแต่เปิดเครื่องกันเลยทีเดียว ในเรื่องสีสันและความคมชัดก็จัดเต็มตามสไตล์หน้าจอ AMOLED ครับ สู้แสงก็ดีด้วยความสว่างสูงสุดถึง 600nits ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย

อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 70% ให้พื้นที่การรับชมที่กว้างและคมชัด ซึ่งช่วยให้สามารถดูการแจ้งเตือนและข้อความหลายรายการบนหน้าจอเดียวได้

ดีไซน์เรียบง่าย แต่หรูหราไม่น้อย

กรอบของตัวเรือนสร้างขึ้นด้วยการเคลือบโลหะมันวาวสูง (High-gloss metal texture) โดยใช้เทคโนโลยี NCVM ซึ่งมอบรูปลักษณ์และความรู้สึกระดับพรีเมียม Redmi Watch 3 ในบ้านเราจะมีให้เลือก 2 สีสุดคลาสสิก 2 สี ได้แก่ สีดำและสีงาช้าง ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวก็เป็นสีดำอย่างที่เห็นครับ

ที่ด้านขวามือของตัวเรือนจะมีปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวเพื่อเข้าหน้ารวมแอปหรือกลับสู่หน้าหลัก มอบความเรียบหรูและเรียบง่ายได้เป็นอย่างดี

สาย TPU สวมใส่สบาย

ตัวสายของ Redmi Watch 3 จะเป็นสาย TPU ที่มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างดี และผิวสัมผัสก็เป็นมิตรกับข้อมือ ช่วยให้เราสวมใส่ได้อย่างสบายข้อมือ ไม่ระคายเคือง แม้จะใส่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องก็ตามครับ

และก็แน่นอนว่าเราสามารถถอดเปลี่ยนสายได้เองเพียงแค่กดปุ่มที่ด้านหลังและดึงออกมาครับ

เซ็นเซอร์ HRM ครบที่ด้านหลัง

ที่ด้านหลังตัวเรือนจะโลโก้ของ Redmi ถัดลงมาตรงกลางมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่สามารถใช้วัด Heart Rate ได้พร้อมกันนี้ยังใช้กับการวัดออกซิเจนในเลือดได้ด้วย ส่วนล่าสุดจะเป็นพอร์ต POGO Pin ที่เอาไว้เชื่อมต่อกับที่ชาร์จครับ

กันน้ำลึกได้ระดับ 50 เมตร

และที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทวอทช์ยุคนี้ก็คือความสามารถกันน้ำครับ ซึ่ง Redmi Watch 3 นี้ไม่ใช่แค่กันละอองน้ำหรือฝนได้เท่านั้น เพราะได้มาตรฐานมาถึง 5ATM คือลงน้ำลึกได้ที่ระดับ 50 เมตรเลย เข้าใจว่าปกติเราคงไม่ลงน้ำลึกขนาดนั้นแต่ที่จะบอกคือถ้าใครที่ชอบใส่นาฬิกาสว่ายน้ำเพื่อตรวจจับไปด้วย รุ่นนี้ทำได้สบาย ๆ ครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Redmi Watch 3 ก็ลงตัวด้วยความเรียบง่ายของรูปลักษณ์ และก็ดูหรูหราด้วยกรอบเรือนแบบโลหะ หน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 1.75″ สว่างเพียงพอต่อการใช้งาน มีเซ็นเซอร์มาให้ครบพร้อมทั้งมาตรฐานกันน้ำระดับ 50 เมตรอีกต่างหาก เรียกว่าสมสโลแกนที่ว่า “ให้คุณมั่นใจทุกการสวมใส่” จริง ๆ ครับ

การใช้งานร่วมกับแอป Mi Fitness

สำหรับแอปที่ทำงานร่วมกับ Redmi Watch 3 ตัวนี้คือแอป Mi Fitness ที่มีให้ดาวน์โหลดทั้ง iOS และ Android ครับ แอปออกแบบมาให้เข้าใจง่ายและซิงค์กับสมาร์ทโฟนได้อย่างลงตัวผ่านระบบ Bluetooth 5.2 ครับ

ในแอปจะมีค่าที่เก็บมาได้จาก Redmi Watch 3 บอกด้วย อาทิ

  • ข้อมูลการนอน
  • ข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ
  • ข้อมูลการเดิน และแคลลอรี่ที่เผาผลาญ
  • ข้อมูลการออกกำลังกายในแต่ละวัน 
  • ข้อมูลการยืน
  • ข้อมูลออกซิเจนในเลือด
  • ข้อมูลความเครียด

เรียกว่าในแอปนี้รวมไว้ให้หมด หรือจะเป็นการตั้งค่าอื่น ๆ เช่นการแจ้งเตือน รูปแบบ Watch Faces ก็ปรับได้จากในแอปด้วยเช่นกันครับ

Watch Faces มีให้เลือกโหลดกว่า 200 แบบ

แน่นอนว่าความเป็นสมาร์ทวอทช์ก็ต้องมีตัวเลือกหน้าปัดหรือ Watch Faces ให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย ซึ่งบน Redmi Watch 3 นั้นจะมีมาให้ติดเครื่อง 6 แบบ แต่ถ้าอยากได้เพิ่มเติมก็สามารถเลือกดาวน์โหลดได้ในหมวด Online จะมีให้ดาวน​์โหลดอีกเป็น 200 แบบเลยด้วยครับ เรียกว่าเข้าไปเลือกปรับแต่งเพิ่มเติมกันได้จากในแอป Mi Fitness เลยครับ

มาพร้อม GPS ในตัวและโหมดการออกกำลังกายกว่า 121 โหมด

ในเรื่องการออกกำลังกายก็ไม่ต้องห่วงครับ Redmi Watch 3 ออกแบบมาเพื่อรองรับกิจกรรมออกกำลังกาย รวมถึงการว่ายน้ำและโต้คลื่น ทั้งยังรองรับระบบการระบุตำแหน่งด้วยดาวเทียมหลัก 5 ระบบ เพื่อรับประกันประสบการณ์การทำงานที่เชื่อถือได้ด้วยความเร็วในการระบุตำแหน่งที่เร็วขึ้น ความแม่นยำสูง และข้อมูลการติดตามการเคลื่อนไหวที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ Redmi Watch 3 ยังมีโหมดกีฬากว่า 121 โหมด ซึ่งรวมโหมดกีฬาที่จดจำอัตโนมัติ 6 โหมด พร้อมด้วยโหมดวัดออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ การนอน และฟังก์ชั่นตรวจสอบสุขภาพอื่น ๆ

ใช้คุยโทรศัพท์ได้ด้วยลำโพงระดับ HD

อีกหนึ่งความสามารถเจ๋ง ๆ ของ Redmi Watch 3 ก็คือตัว Watch มาพร้อมกับลำโพง HD และไมค์ตัดเสียงรบกวนในตัว ทำให้เราสามารถรับสายผ่าน Bluetooth ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างราบรื่นและไร้รอยต่อมากขึ้น อย่างเช่นเวลาที่เรามือไม่สะดวกจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมารับสายก็กดรับและคุยผ่ายข้อมือได้เลย

แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 12 วัน

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Xiaomi เคลมว่า Redmi Watch 3 นั้นสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 12 วัน ซึ่งถือว่าเพียงพอมากในการใช้งานจริง เท่าที่เราลองใช้งานมาจริง ๆ ก็ถือว่าอยู่ได้ 7 – 10 วันจริง มั่นใจได้เลยว่าชาร์จครั้งหนึ่งก็ใช้งานกันยาว ๆ ใครที่ไม่ชอบชาร์จสมาร์ทวอทช์ทุกวัน ถูกใจสิ่งนี้!

ราคา Redmi Watch 3

สำหรับราคาค่าตัวของ Redmi Watch 3 จะเปิดมาที่ 3,490 บาท มีให้เลือก 2 สีคือสีดำ (Black) และสีงาช้าง (Ivory) โดยจะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษเมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน – 31 พฤษภาคมเหลือเพียง 2,990 บาทเท่านั้นครับ!

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทวอทช์ที่ให้คุณมั่นใจทุกการสวมใส่ในราคาสบายกระเป๋า”

สรุปแล้ว Redmi Watch 3 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ที่มาพร้อมความสามารถครบเครื่องทั้งหน้าจอที่ใหญ่ 1.75″ แสดงผลได้ดีสู้แดดเก่ง ดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ก็หรูหราไปพร้อมกัน ฟีเจอร์การออกกำลังกายที่มากถึง 121 โหมด เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดออกซิเจนในเลือดได้ หรือจะเป็นการนอนก็ได้เหมือนกัน แถมยังได้แบตเตอรี่ที่อึดใช้งานได้ 12 วันต่อการชาร์จ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็ช่วยให้มั่นใจในทุกการสวมใส่แล้วใช่ไหมล่ะครับ ว่าเราจะใช้งานกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจริง ๆ ในราคาสบายกระเป๋าล่ะเนาะ

Android News13 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News13 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News14 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review16 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News18 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

IT News18 ชั่วโมง ago

Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผสานรวมกับ Siri, ข้อความเสียงและวิดีโอ และอื่นๆ เพียบ

ในวันนี้ Meta ได้ทำก...

Android News19 ชั่วโมง ago

น่าสนนะ ! หลุดสเปคแท็บเล็ต OnePlus Pad Pro โมเดลใหม่ เตรียมใช้หน้าจอ 13″ คมชัดระดับ 3K

OnePlus Pad Pro เคยเ...

Android News19 ชั่วโมง ago

ลือ…Galaxy S25 Ultra มีต้นทุนสูงกว่า S24 Ultra ถึง $110 อาจทำให้ราคาเปิดตัวสูงขึ้นอีกในปีหน้า!?

ลือกันต่อกับ Galaxy ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก