Smart Review
รีวิว HUAWEI FreeBuds SE 2 หูฟังไร้สายระดับเริ่มต้นราคาเบา ๆ สวมใส่สบาย | ใช้งานยาวนาน 40 ชม. | มาตรฐานกันน้ำ IP54
รีวิว HUAWEI FreeBuds SE 2 หูฟังไร้สายระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่ล่าสุดจาก HUAWEI ที่มาพร้อมจุดเด่นน้ำหนักเบาฟังยาว ๆ ใช้งานเพลิน ๆ พร้อมสเปคเด่นไม่มีกั๊ก อาทิ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 40 ชม., น้ำหนักของหูฟังที่เบาสบายเพียง 3.8 กรัมต่อข้าง, รองรับฟีเจอร์สั่งงานด้วยการสัมผัส หรือจะเป็นมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 อีกด้วย ทั้งหมดที่ว่ามานี้เปิดราคามาเพียง 1,499 บาทเท่านั้น ฮั่นแน่…ชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะครับ ถ้างั้นอย่าเสียเวลามาติดตามรีวิวของ HUAWEI FreeBuds SE 2 รุ่นนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!
คุณสมบัติ HUAWEI FreeBuds SE 2
- น้ำหนักเคสชาร์จ : ประมาณ 33 กรัม
- น้ำหนักหูฟัง : ประมาณ 3.8 กรัม (ต่อข้าง)
- ขนาดไดรเวอร์ : 10 มม.
- ระบบตัดเสียงรบกวน : รองรับ Call noise cancellation
- Bluetooth : 5.3
- มาตรฐานกันฝุ่น-กันน้ำ : IP54
- แบตเตอรี่ : หูฟัง 41mAh (ต่อข้าง) เคสชาร์จ 510mAh
- เวลาการชาร์จ : หูฟัง 1 ชม. เคสชาร์จ 1.50 ชม.
- สีที่วางจำหน่าย : ขาว Ceramic White, ฟ้า Isle Blue
แกะกล่อง HUAWEI FreeBuds SE 2
ก่อนจะไปดูตัวหูฟังและฟีเจอร์เรามาแกะเช็กอุปกรณ์ที่ให้มาก่อนดีกว่าครับ HUAWEI FreeBuds SE 2 จะมาพร้อมกล่องขนาดมาตรฐานใช้สีขาวพร้อมชื่อรุ่นและภาพประกอบของตัวหูฟังชัดเจน สีที่เราได้มารีวิวก็เป็น นั่นเองครับ
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาก็ตามมาตรฐานครบ แบ่งเป็นทั้งหมด 4 อย่างดังนี้ครับ
- หูฟังพร้อมเคสชาร์จ HUAWEI FreeBuds SE 2
- สายชาร์จ USB-A to USB-C
- EarTips ขนาด S และ L
- เอกสารคู่มือและใบรับประกัน
ดีไซน์เรียบง่ายพกพาสะดวก
ได้เวลายลโฉม HUAWEI FreeBuds SE 2 กันแล้วครับ ต้องบอกเลยว่าดีไซน์ของรุ่นนี้ออกแบบมาได้เรียบง่ายและก็พกพาได้สะดวกด้วยเคสชาร์จแนวตั้งที่มีความโค้งมนสวยงาม แถมยังหยิบถือหรือพกพาได้อย่างสะดวกอีกด้วย ที่ด้านหน้าเคสชาร์จจะมีโลโก้ HUAWEI อยู่ชัด ๆ ไม่มีหลงแบรนด์กันแน่นอนครับ
ผิวสัมผัสของตัวเคสจะเป็นแบบ Glossy มันวาว ก็ให้สวยหรูแบบกำลังดี ส่วนสีสันก็เรียบง่าย อย่างสีฟ้า Isle Blue ที่เราได้มารีวิวก็มีความพาสเทลหน่อย ๆ ดูสบายตาและผ่อนคลายดีไม่น้อยเลยล่ะครับ
เมื่อเปิดเคสชาร์จออกมาไฟสถานะด้านหน้าจะติดขึ้นเพื่อเป็นการบอกความจุแบตเตอรี่ที่มีตอนนี้แบ่งเป็น สีเขียว, สีเหลือง, สีแดงครับ ส่วนตัวหูฟังก็จะถูกบรรจุอยู่ในเคสชาร์จอย่างดีและสามารถหยิบขึ้นมาใช้งานได้อย่างสะดวกครับ
สวมใส่สบายด้วยน้ำหนักเพียง 3.8 กรัมต่อข้าง
ไฮไลท์หลักของ HUAWEI FreeBuds SE 2 ในรอบนี้คือมาพร้อมกับน้ำหนักที่เบามาก เพียงข้างละ 3.8 กรัมเท่านั้น แถมยังผ่านการทดสอบตามหลักสรีรศาสตร์อย่างละเอียดด้วยตัวอย่างกว่า 300,000+ รูปแบบ ทำให้มั่นใจได้ว่าเวลาสวมใส่แล้วจะรู้สึกสบายหูและยึดเกาะได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ตัวหูฟังเองก็มาในทรง Open-Ear มาตรฐานที่น่าจะถูกใจใครที่ชอบความสบายไม่แน่นหูแบบกลุ่ม In-Ear ผ่านการออกแบบที่พิถีพิถันเพื่อช่วยลดแรงกดในช่องหูทำให้เวลาเราสวมใส่ก็จะรู้สึกสบายหูไม่อึดอัด แม้จะใส่ใช้งานเป็นเวลานานก็ตาม
ที่เราชอบจริง ๆ ก็คือความโค้งมนของตัวหูฟังตรงนี้ช่วยให้เราสวมใส่ได้แบบพอดีและไม่บาดหู ถือว่าออกแบบมาได้ดีนะ เพราะปกติแล้วหูฟังทรง Open-Ear จะมีความโดดเด่นในเรื่องน้ำหนักและความโปร่งในการสวมใส่ แต่หลายรุ่นก็มักมีปัญหาในเรื่องความคมจนทำให้เจ็บเวลาสวมใส่อยู่บ้าง แต่ไม่มีกับ HUAWEI FreeBuds SE 2 นี้แน่นอนครับ
ควบคุมแบบสัมผัสได้ด้วย
ที่ตัวก้านหูฟังของ FreeBuds SE 2 จะมี Touch Panel มาให้เราแตะสั่งงานได้ด้วย ตรงนี้ HUAWEI ได้ทำพื้นผิวให้เว้าลงไปเล็กน้อย ทำให้เราสามารถใช้นิ้วแตะสั่งงานได้สะดวกแม้ไม่เห็นจุดที่ต้องสัมผัสก็ตาม ส่วนคำสั่งควบคุมก็เพียงแค่แตะ 2 ครั้งเพื่อเล่นเพลง-หยุดเพลง หรือแตะเพื่อรับสาย-วางสาย เป็นต้น
กันน้ำ IP54 ทนเหงื่อ ทนฝนได้
นอกจากนี้ HUAWEI FreeBuds SE 2 ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 ด้วย ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าแม้จะใส่ออกกำลังกายที่มีเหงื่อออกมา หรือต้องลุยฝุ่นปรอย ๆ ตัวหูฟังก็จะไม่เกิดอันตรายจนพังไปแน่นอนครับ
พอร์ตชาร์จแบบ USB-C ใช้งานง่าย
ขอวนกลับมาที่ตัวเคสชาร์จอีกรอบที่ด้านล่างจะมีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C ก็ง่ายต่อการชาร์จเพราะจะใช้ร่วมกับของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตก็ได้เลยครับ ส่วนปุ่ม Reconnect หรือปุ่มรีเซ็ตการจับคู่รอบนี้ไม่มีที่ตัวเคสแล้ว แต่ยังมีวิธีอยู่เดี๋ยวเราอธิบายกันอีกทีในหัวข้อการใช้งานเนาะ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ HUAWEI FreeBuds SE 2 ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีครับ ด้วยขนาดที่กะทัดรัดทั้งตัวเคสชาร์จพกพาได้ง่าย กับหูฟังที่น้ำหนักเบาเพียง 3.8 กรัมต่อข้าง ผ่านการทดสอบมาหลากหลายสวมใส่ได้สบายไม่เจ็บหรือบาดหู ควบคุมผ่านระบบสัมผัสได้ด้วย สีสันก็เรียบง่ายแต่มองไม่เบื่อ จะมีจุดสังเกตอยู่บ้างก็ตรงผิวมันวาวของตัวเคสชาร์จที่อาจจะเลอะและเป็นรอยขนแมวได้ง่ายหน่อย ใครซีเรียสเรื่องความสวยงามอยู่ตลอดอาจจะต้องใช้อย่างระวังกันิดครับ
เชื่อมต่อได้ง่ายดาย
มาลองเชื่อมต่อกันเลยดีกว่า HUAWEI FreeBuds SE 2 ถ้าเราใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์ของ HUAWEI จะช่วยให้เราเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็วมาก เพราะเพียงแค่เราเปิดฝาเคสชาร์จและนำมาใกล้ ๆ สมาร์ทโฟนก็จะเข้าสู่โหมดจับคู่พร้อม Pop-up Pairing ขึ้นมาให้เราแตะเชื่อมต่อได้ทันที
ส่วนใครที่มีหลายอุปกรณ์อยากกดรีเซ็ตสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อ ให้เราใช้การแตะค้างที่ตัวหูฟังค้างไว้ 3 วินาที จนไฟสถานะบนเคสชาร์จเปลี่ยนเป็นสีขาวก็ถือเป็นการเข้าสู่โหมดจับคู่ใหม่แล้วล่ะครับ
ส่วนของแอปที่จะใช้งานร่วมกับหูฟัง HUAWEI FreeBuds SE 2 คือ HUAWEI AI Life ซึ่งถ้าเป็นสมาร์ทโฟน HUAWEI อยู่แล้วก็เพียงแค่อัปเดตก็จะพร้อมใช้งานทันที แต่ถ้าเป็นระบบอื่นก็ดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากที่นี่เลยครับ
โดยในแอปนี้จะมีข้อมูลของตัวหูฟังทั้งเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่คงเหลือ การตั้งค่าเพิ่มเติมทั้งคำสั่งสัมผัสที่ตัวหูฟัง หรือรูปแบบ Equalizer ของหูฟังเราสามารถเลือกปรับได้จากตรงนี้ได้หมดเลยครับ
ราบรื่นด้วย Bluetooth 5.3
เรื่องการเชื่อมต่อ HUAWEI FreeBuds SE 2 มาพร้อม Bluetooth 5.3 เวอร์ชั่นล่าสุด จึงช่วยให้เราเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้ง HarmonyOS, Android หรือ iOS ได้อย่างราบรื่น แก้ปัญหาความเข้ากันได้จากรุ่นก่อน ๆ ไปหมดสิ้น เวลาเราใช้งานก็จะมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นไม่ว่าจะฟังเพลงหรือดูหนัง
ลองฟังกันเลยไหม ?
มามะ…ได้เวลามาลองฟังกันจริงจังแล้วล่ะครับ HUAWEI FreeBuds SE 2 มีไดร์เวอร์ขนาด 10 มม. ถือว่าใหญ่เพียงพอที่จะมอบคุณภาพเสียงที่คมชัด เท่าที่เราลองฟังเพลง Pop ทั่วไปดูก็พบว่าเสียงที่ได้นั้นออกมากลาง ๆ เบสมีเล็กน้อยและออกไปทางกว้าง ๆ แต่ก็เพียงพอในการฟังเพลงแบบเพลิน ๆ
ด้วยความที่เป็นหูฟังแบบ Open-Ear เสียงจึงไม่ได้แน่นในหูมากเท่าพวก In-Ear อยู่แล้ว แต่ก็แลกมากับความสบายเวลาสวมใส่ด้วย เพราะเราจะไม่อึดอัดและแน่นอยู่ในหูจนเกินไป มีเสียงภายนอกลอดเข้ามาบ้าง ใช้ฟังเพลงแบบชิว ๆ เพลิน ๆ ที่ไม่เน้นคุณภาพเสียงเว่อวังถูกใจอยู่ครับ
สายดูหนังก็ซิงค์เสียงได้ดีไม่มีดีเลย์ ดูได้เพลิน ๆ แต่ถ้าจะเอามาเล่นเกมเน้น ๆ ตรงนี้อาจเป็นข้อพิจารณานิดหน่อยว่าการซิงค์อาจจะมีดีเลย์อยู่บ้าง ไม่ได้ตรงแบบเป๊ะ ๆ ครับ
มีระบบตัดเสียงรบกวนในการคุยโทรศัพท์ด้วย
ส่วนเรื่องการตัดเสียงแน่นอนว่าด้วยทรงของหูฟังอาจจะไม่ได้เน้นการทำงานด้านนี้นัก แต่หากใครที่ชอบใช้หูฟังคุยโทรศัพท์ HUAWEI FreeBuds SE 2 นี้จะมีความสามารถตัดเสียงรบกวนขณะคุย (Call noise cancellation) มาให้ด้วย ช่วยให้เราพูดคุยกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีไมโครโฟนคู่ที่มีอยู่ในหูฟังนั่นเองครับ
แบตเตอรี่จุใจ ใช้งานได้นานสูงสุด 40 ชม.
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ HUAWEI FreeBuds SE 4 มาพร้อมแบตเตอรี่ที่อัปเกรดขึ้น ตัวเคสชาร์จได้มา 510mAh ส่วนหูฟังก็ข้างละ 41mAh ซึ่งทาง HUAWEI เคลมว่าหูฟังเมื่อชาร์จเต็มสามารถใช้งานได้นานถึง 9 ชม.เลยทีเดียว และเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จแบบแบตฯเต็ม ๆ ก็จะรวมกันได้ถึง 40 ชม. เรียกว่าชาร์จจนเต็มก็ใช้งานกันยาว ๆ ได้เลย
หรือถ้าใช้งานจนเกือบหมดแล้ว FreeBuds SE 2 ก็ยังมีความสามารถชาร์จเร็วที่ชาร์จเพียง 10 นาที ใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้อีก 3 ชม.แล้วล่ะครับ
ราคาและโปรโมชั่น
HUAWEI FreeBuds SE 2 เปิดราคามาที่ 1,499 บาท มีให้เลือก 2 สีคือสีขาว Ceramic White และสีฟ้า Isle Blue มีโปรโมชั่นพิเศษเมื่อซื้อช่วง 9.9 ได้ราคาพิเศษเพียง 799 บาท และยังได้รับของแถมเป็นกระเป๋า HUAWEI มูลค่า 490 บาทไปอีกด้วย สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านค้าทางการของหัวเว่ยบน Lazada เท่านั้น
ช่องทางการสั่งซื้อ >> https://bit.ly/3spjd50
สรุปแล้ว “นี่คือหูฟังไร้สายระดับเริ่มต้นที่สวมใส่สบาย ๆ ใช้งานเพลิน ๆ ในราคาเบา ๆ”
สรุปแล้ว HUAWEI FreeBuds SE 2 ก็ถือเป็นหูฟังไร้สายระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่ที่มอบฟีเจอร์และการใช้งานได้อย่างครบครัน ทั้งดีไซน์ที่ผ่านการคิดออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน น้ำหนักเบาสวมใส่สบาย คุณภาพเสียงที่ใช้งานได้ดีฟังเพลง ดูหนังได้เพลิน ๆ มีความสามารถกันน้ำกันฝุ่น IP54 มาให้เราไม่ต้องกังวล หรือจะเป็นแบตเตอรี่ที่ให้เราใช้งานได้สูงสุดถึง 40 ชม.เรียกว่าครบเครื่องจนแอบเกินความว่าเริ่มต้นไปสักนิดด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้เปิดราคามาไม่ถึง 1,500 บาท แถมถ้าได้ซื้อช่วงโปรพิเศษก็ไม่ถึง 800 บาท คุ้มขนาดนี้ใครที่กำลังเล็งหูฟังไร้สายราคาเบา ๆ อยู่เราว่าก็ไม่ควรพลาดแล้วล่ะ!