Smart Review
Review OPPO R7s ซีรีย์รุ่นล่าสุด กับสไตล์ชัดที่สุดแห่งความแรง
OPPO มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีบนมือถือ ตั้งแต่ก้าวเริ่มเป็นมือถือรุ่นแรกที่มีหน้าจอความละเอียด Full HD อย่าง OPPO Find 5 และก็ยังเป็นรุ่นแรกที่มีหน้าจอความละเอียด 2K กับ OPPO Find 7 รวมถึงระบบชาร์จที่เร็วที่สุดอย่าง VOOC หรือแม้แต่ OPPO R5 ที่บางที่สุดในเวลานั้น และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ OPPO ได้รังสรรค์มือถือที่ผสมผสานระหว่างความสวยงามและประสิทธิภาพอย่างลงตัวกับ OPPO R7s
ความลงตัวที่สานต่อจาก R7 Plus ที่มาพร้อมสไตล์ชัดกับที่สุดแห่งความแรง และเพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยวถนัดมือในแบบ R7 Lite OPPO R7s จึงจัดสเปคอัดแน่นเช่นเคยแต่ลงตัวมากขึ้น
R7s มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูหรูหราด้วยสี Golden และ Rose Gold กับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วบนความละเอียด Full HD และเลือกใช้หน้าจอแบบ AMOLED ที่มีขอบโค้ง 2.5D ช่วยให้ขอบจอโค้งมนมีผิวสัมผัสที่ดี และมีหน้าจอที่ทนทานมากขึ้นด้วยกระจก Gorilla Glass 4 กับตัวเครื่องที่มีน้ำหนัก 155 กรัม
เมื่อมองดูตามขอบมุมต่างๆ ก็จะเห็นว่า OPPO R7s มีการเก็บรายละเอียดได้ดีและสวยงาม แม้ว่าตัวเครื่องจะมีการออกแบบภายนอกให้ดูเป็นแฟชั่นหรูหราด้วยโลหะพรีเมี่ยม แต่ก็มีงานประกอบที่แน่นหนาให้ความรู้สึกทนทานและแข็งแกร่ง
กล้องหลังเลือกใช้เลนส์คุณภาพอย่าง Schneider-Kreuznach optics ที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าเลือกใช้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลที่มีมุมกว้างถึง 84 องศาช่วยให้เก็บภาพ Selfie ได้กว้างกว่า
ด้านสเป็กภายในเลือกใช้ซีพียู Snapdragon 615 กับแรมที่ให้มามากถึง 4 GB และพื้นที่ภายในตัวเครื่อง 32 GB ที่สามารถใส่ microSD เพิ่มได้อีก 128 GB ส่วนการเชื่อมต่อก็รองรับการใช้งาน 2 ซิมและ 4G และสิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือแบตเตอรี่ขนาด 3070 mAh และ VOOC Flash Charge ที่ช่วยให้การชาร์จเพียง 30 ก็ได้แบตเตอรี่เพิ่มถึง 75%
OPPO R7s ขับเคลื่อนด้วย Android 5.1 และ ColorOS 2.1 แต่ที่แปลกตาไปจากรุ่นก่อนๆ ก็คือการย้ายปุ่มควบคุมด้านล่างมาไว้บนหน้าจอแทน และที่น่าสนใจก็คือฟีเจอร์ใหม่อย่าง Lockscreen magazine ที่จะช่วยเปลี่ยนความจำเจบนหน้าล็อกสกรีน ด้วยภาพที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คล้ายกับดูภาพสวยๆ บนปกนิตยสาร และที่สำคัญก็คือสามารถเลือกหมวดหมู่ของภาพได้ 6 แบบคือ Travel, Automobiles, Sports, Art, Life และ World
จุดเด่นอีกอย่างของ ColorOS ที่ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ดีก็คือการสั่งงานด้วยท่าทางหรือ Gesture & motion ที่แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- การควบคุมระหว่างปิดหน้าจอ
- การควบคุมระหว่างเปิดหน้าจอ
- การควมคุมการโทร
ทำให้สามารถเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ หรือวาดนิ้วลงบนหน้าจอเพื่อเรียกใช้คำสั่งต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างคำสั่งใหม่ๆ ได้ด้วย ส่วนคำสั่งที่น่าสนใจก็อย่างเช่น
- เคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ
- กดที่ปุ่ม home 2 ครั้งเพื่อปิดหน้าจอ
- ลากนิ้วจากมุมขอบล่างมาที่กลางจอ เพื่อเรียกใช้งานโหมดสำหรับการใช้งานด้วยมือเดียว
- ยกเครื่องแนบหูเพื่อรับสายโทรเข้า
- ลาก 3 นิ้วลงเพื่อจับภาพหน้าจอ
ในการจับภาพหน้าจอนอกจากจะใช้วิธีดั้งเดิมคือการกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง รวมถึงการใช้ Gesture อย่างการลาก 3 นิ้วลงแล้วก็ยังสามารถจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ ได้ด้วยการกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มเพิ่มเสียง
ในช่วงที่หลายคนเริ่มใส่ใจกับสุขภาพของดวงตาและสรรหาฟิล์มตัดแสงสีฟ้า เพื่อให้ใช้งานได้สบายตามากขึ้น OPPO R7s ก็มีโหมดตัดแสงสีฟ้าในชื่อ Eye protection display และยังสามารถเลือกตัดแสงสีฟ้าได้ถึง 4 ระดับ ซึ่งผลที่ได้ก็จะทำให้หน้าจอเป็นโทนอุ่นสบายตามากขึ้น
นอกจากตัว Eye protection display ที่ช่วยถนอมสายตาก็ยังมี Night mode เพื่อให้เปิดอ่านเว็บในยามค่ำคืนได้สบายตามากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนสีสันของหน้าเว็บให้เป็นโทนมืด
ถ้าย้อนไปเมื่อราว 2 ปีก่อน OPPO ใช้วิธีการแบ่งพื้นที่ในตัวเครื่องทำให้ติดตั้งแอพได้ไม่เต็มความจุ แต่รุ่นหลังๆ ได้แก้ไขปัญหานี้แล้วรวมถึง OPPO R7s ด้วย ส่วนของระบบจัดการไฟล์ในตัวเครื่องก็มีตัวช่วยสำหรับลบขยะ และมีระบบซ่อนไฟล์ให้ใช้งานด้วย
และแม้ว่าจะให้แรมมามากถึง 4 GB แต่ก็ยังมีระบบ Automatic cleaning ที่ช่วยวิเคราะห์และจัดการบริหารแรมให้เครื่องลื่นไหลตลอดเวลา ซึ่งสามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามใจชอบ
หนึ่งในจุดเด่นของ OPPO ก็คือระบบ Security Center ที่ช่วยดูแลให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา โดยไม่ต้องไปเสียเวลาหาแอพมาติดตั้งเพิ่มเอง ซึ่งสามารถจัดการได้ทั้งเรื่องของแรม, การควบคุมเน็ต, การบล็อกเบอร์, การจัดการสิทธิ์ของแอพต่างๆ และการเข้ารหัสล็อกแอพ หรือแม้แต่การจัดการพลังงานแบตเตอรี่
แต่ถ้ายังรู้สึกว่า Security Center ยังจัดการได้ไม่มากพอก็ยังมี Notification center ที่เป็นศูนย์รวมเพื่อควบการแจ้งเตือนได้ง่ายขึ้น โดยสามารถอนุญาตและตั้งค่าการแสดงผลแจ้งเตือนได้ และรุ่นนี้ยังรองรับการตั้งเวลาสำหรับเปิด-ปิดเครื่องเหมือนรุ่นก่อนๆ ที่สำคัญคือรุ่นนี้รองรับ OTG ด้วย เพียงแต่ต้องเข้าไปเปิดใช้ความสามารถนี้ก่อน
ข้อดีของหน้าจอแบบ AMOLED ก็คือการแสดงผลของสีดำได้มืดสนิทต่างจากจอของคู่แข่ง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของจอ AMOLED และจอแบบนี้จะประหยัดพลังงานเป็นพิเศษเมื่อแสดงผลสีดำ ทำให้บางคนเลือกเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีดำเพื่อให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานมากขึ้น
เรื่องของกล้องไม่มีใครกังขาในความเป็นสุดยอดของกล้อง selfie ที่ถ่ายออกมาได้บิวตี้สวยเนียนไม่หลอกตา ส่วนกล้องหลังที่ใช้งานแบบไม่อิงสเป็กก็ถือว่าทำได้น่าประทับใจมาก และยังมีโหมดให้ใช้งานมากมาย ซึ่งถ้าให้หยิบมาเฉพาะที่เด่นๆ ก็คงมี HDR ที่ประมวลผลออกมาได้สวยมาก หรืออย่าง Ultra HD ที่ประมวลผลให้ได้ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และที่น่าสนใจก็คือ Ultra HD ของ OPPO R7s ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจกว่ารุ่นก่อนๆ
แม้ว่าโดยรวม OPPO R7s จะยังไม่มี Manual mode ที่เก่งเท่ากับเรือธงค่ายอื่น แต่การแยกโหมดออกมาชัดๆ อย่างเช่น Slow shutter ก็มีข้อดีตรงที่ว่าผู้ใช้ทั่วไปเรียนรู้ได้ง่ายและไม่สับสน เรียกได้ว่าเก็บทุกภาพสวยได้แบบมืออาชีพเลยทีเดียว
ข้อดีอีกอย่างก็คือ OPPO R7s สามารถกดค้างที่หน้าจอเพื่อล็อกแสงและจุดโฟกัสได้ และยังสามารถเลื่อนขึ้น-ลงเพื่อปรับชดเชยแสงได้ เมื่อใช้งานในที่แสงน้อยก็มีการจัดการ noise(จุดแสงรบกวนในภาพ) ได้เป็นอย่างดี
หากโหมดอัติโนมัติยังเก็บภาพได้ไม่ถูกใจ ก็สามารถเรียกใช้โหมด Colorful Night ขึ้นมาช่วยได้ ซึ่งโหมดนี้นอกจากจะเหมาะกับการถ่ายแสงสียามค่ำคืน ก็ยังช่วยประมวลผลลด noise ให้น้อยลงอีกด้วย ชมภาพสวยๆจากด้านล่างได้เลย
สรุปสเปคของ OPPO R7s
จุดเด่น
- Ram 4GB
- หน้าจอกว้าง 5.5 นิ้ว ใหญ่เต็มตา จับถนัดมือ
- VOOC Flash Charge ชาร์จเพียง 30 นาที ได้แบตเตอร์รี่มากถึง 75%
- แบตเตอร์รี่ อึด ทนนาน ด้วยขนาด 3,070 มิลลิแอมป์
- คมชัดด้วยกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- แกร่งด้วยบอดี้โลหะพรีเมี่ยมทั้งตัวเครื่อง
- โดดเด่นพิเศษด้วยสี Rose gold และ Gloden
- หน้าจอ AMULED สีสันสดใส พร้อมขอบจอโค้ง 2.5 มิติ
- รองรับ 4G 2 sim
- ระบบปฏิบัติการณ์ ColorOS2.1 บนพื้นฐาน Android 5.1
- ราคา 14,990 บาท
ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่ http://www.oppo.com/th/smartphone-r7s