อาร์ทีบีฯ ตอกย้ำความสำเร็จการเป็นผู้นำตลาดหูฟัง True Wireless ด้วยการส่งนวัตกรรมหูฟังอัจฉริยะภายใต้แบรนด์ “จาบร้า” (Jabra) ในซีรีย์ อิลีท (Elite) ลุยตลาดพร้อมกันถึง 3 รุ่น “Jabra Elite 75t” “Jabra Elite Active 75t” และ “Jabra Elite 45h” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเสียงสุดล้ำที่พัฒนาขึ้นใหม่มากมาย และดีไซน์ใหม่ที่มาในรูปทรงกะทัดรัดกว่าเดิม แต่มีความจุของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น เพื่อเติมเต็มความต้องการคอเพลงที่ต้องการฟังคุณภาพในทุกที่ทุกเวลาอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเดินหน้ารุกตลาดออนไลน์แบบจัดหนัก มั่นใจกวาดยอดขายปี 2563 เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 15%
ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดหูฟังในปี 2563 ว่า “แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ภาพรวมตลาดหูฟังที่มีคุณภาพยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 80% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหูฟังไร้สาย True Wireless เป็นตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการใช้งาน ซึ่งอาร์ทีบีฯ สามารถสร้างการเติบโตได้สูง ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการนำนวัตกรรมหูฟัง True Wireless รุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ชั้นนำเข้ามาทำตลาดต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพและตอบรับกับความต้องการของคนรักเสียงเพลง ควบคู่ไปกับกลยุทธ์การทำตลาดที่ตรงใจกลุ่มลูกค้านักฟังเพลงรุ่นใหม่”
สำหรับทิศทางการทำตลาดหูฟังในปีนี้ อาร์ทีบีฯ ได้วางกลยุทธ์เชิงรุกด้วยการผนึกกับแบรนด์ชั้นนำที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยนำผลิตภัณฑ์หูฟังที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ความต้องการของผู้บริโภคเข้ามาขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำตลาดออนไลน์แบบจัดหนักมากขึ้น เพื่อขยายฐานให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้านักฟังเพลงครอบคลุมทุกกลุ่มยิ่งขึ้น โดยล่าสุดทางบริษัทฯ ได้จับมือร้าน .Life ผู้นำทางร้านค้าดิจิตอลไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยม ส่งสุดยอดนวัตกรรมหูฟังอัจฉริยะจาบร้าพร้อมกันถึง 3 รุ่นคือ Jabra Elite 75t, Jabra Elite Active 75t และ Jabra Elite 45h ลุยตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดหูฟังระดับพรีเมี่ยม ที่ผู้บริโภคจะมองหาสินค้าที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีสูงอย่างจาบร้า จากร้านค้าที่ทันสมัย และน่าเชื่อถืออย่างดอทไลฟ์(.Life)นั่นเอง
ขณะที่ คุณวิมลมาลย์ วัฒนสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันแม้จะมีแบรนด์หูฟังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจำนวนมาก แต่จาบร้า (Jabra) ยังคงเป็นแบรนด์หูฟังแรกๆ ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับและเลือกซื้อมาถึงทุกวันนี้ เนื่องมาจากคุณภาพของหูฟังที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน รวมถึงการออกแบบที่ยอดเยี่ยมตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในแต่ละกลุ่มได้อย่างดีที่สุด
สำหรับ Jabra Elite 75t เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของหูฟังในตระกูล Elite ที่พัฒนาต่อยอดมาจากความสำเร็จของหูฟังรุ่น Jabra Elite 65t ให้มีคุณสมบัติการถ่ายทอดเสียง รวมถึงการออกแบบอย่างพิถีพิถัน และการเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์แบบ โดยมาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่แน่นขึ้น แบตเตอรี่ที่ยาวนาน แต่ในขนาดที่เล็กลงถึง 20% จึงสวมใส่ได้สบายและกระชับมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ใช้ชาวเอเชีย และผู้หญิง นอกจากนั้นยังมีไมโครโฟนถึง 4 ตัว ซึ่งจะช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอกขณะกำลังสนทนา เพื่อให้ได้ยินเสียงที่คมชัดในทุกสภาวะ ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถกันฝุ่นและละอองน้ำได้ในระดับ IP55 รวมถึงมีฟังก์ชั่น Jabra Sound + ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงเพลงด้วยตัวเองได้อย่างอิสระตามความต้องการ รวมไปถึง การอัพเดทเฟิร์มแวร์ที่สามารถทำให้หูฟังมีฟังก์ชันที่ดีขึ้น และฉลาดขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นยังรองรับการใช้งานด้วยเสียงอย่าง Amazon Alexa, Siri และ Google Assistant เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้สมาร์ทฟังก์ชันต่างๆ ที่สำคัญยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่ารุ่นเดิมถึง 50% โดยรองรับการใช้งานได้ยาวนาน 7.5 ชั่วโมง และชาร์จได้เพิ่มอีกรวมเป็น 28 ชั่วโมง แต่หากแบตเตอรี่ไม่พอ เพียงชาร์จไฟแค่ 15 นาที ก็สามารถจะใช้งานได้ต่อเนื่องอีก 60 นาที มี พร้อมวางจำหน่ายในราคา 6,290 บาท
ส่วน Jabra Elite Active 75t เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless สำหรับผู้ที่ใช้ออกกำลังกาย เพราะมีมาตราฐานกันฝุ่นและละอองน้ำได้ถึงระดับ IP57 ซึ่งสามารถจมอยู่ในน้ำได้ลึกไม่เกิน 1 เมตร ในเวลาไม่เกิน 30 นาทีเลยทีเดียว นอกจากสเป็คที่เทียบเท่ากับตัว Jabra Elite 75t แล้ว ตัว Jabra Elite Active 75t ยังมีการเคลือบผิวของหูฟังด้วยวัสดุพิเศษ ที่ช่วยทำให้หูฟังยึดเกาะกับหูได้ดีขึ้นอีกด้วย พร้อมวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ด้วยราคา 6,990 บาท
ขณะที่ Jabra Elite 45h เป็นหูฟังแบบครอบหูที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้คอเพลงได้ดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีอย่างเต็มอิ่มในราคาย่อมเยาว์ แต่ยังได้คุณภาพสียงที่ดีและรองรับการใช้งานที่ยาวนาน โดยมาพร้อมกับไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ 40 ม.ม.ทำให้ถ่ายทอดเสียงได้อย่างคมชัด และยังโดดเด่นด้วยระบบไมโครโฟน 2 ตัว ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติเพื่อให้ได้คู่สนทนายินเสียงที่คมชัด นอกจากนี้ ยังรองรับการทำงานร่วมกับ Jabra Sound+ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเสียงต่าง ๆ ผ่านมือถือได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย รวมถึงมีเทคโนโลยีใหม่ MySound ที่จะมาช่วงไตรมาสที่ 2 จะเลือกปรับสมดุลของเสียงเหมาะกับการได้ยินของผู้ใช้อีกด้วย ขณะเดียวกัน ตัวหูฟังยังทำจากวัสดุคุณภาพอย่างดี ทำให้หูฟังมีความเบาพกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 170 กรัม ขณะที่แผ่นรองหูฟังมีความนุ่มสวมใส่สบาย นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่น Siri, Amazon Alexa และ Google Assistant โดยทำงานร่วมกับ Jabra Sound + เพื่อปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระ โดยสามารถรองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง และมีระบบ Quick Charge ที่ทำให้คนรักเสียงดนตรีสามารถฟังเพลงได้นานต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง เพียงชาร์จไฟแค่ 15 นาที จึงไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดขณะเดินทาง พร้อมวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ด้วยราคา 3,490 บาท
“จากจุดเด่นของหูฟังจาบร้าในตระกูล Elite ทั้งในเรื่องการออกแบบและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ทำให้เรามั่นใจว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และช่วยให้อาร์ทีบีฯ ยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดหูฟัง True Wireless ได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15%” ดร.บรรพต กล่าวทิ้งท้าย