ข่าวประชาสัมพันธ์
Salesforce เปิดตัว Safety Cloud เสริมความปลอดภัยให้การกลับเข้าออฟฟิศของธุรกิจทั่วโลก
- Safety Cloud เป็นตัวช่วยในการตรวจสอบหาความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมรายงานสถานะสุขภาพอย่างรวดเร็วและปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์มเดียว
เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM), ประกาศเปิดตัว Safety Cloud แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างขึ้นโดยอิงจากข้อมูลและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหน้างานของ Salesforce ไม่ว่าจะเป็นทั้งในการเปิดออฟฟิศให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง และจากงานอีเว้นท์ออฟไลน์รวมถึงออนไลน์ต่าง ๆ ที่ Salesforce ได้จัดขึ้น โดยนำมาผนวกเข้ากับแพลตฟอร์มนวัตกรรมด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่มีอยู่เดิม และพัฒนาจนเป็น Safety Cloud แพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ธุรกิจกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเพื่อพบเจอหน้ากันได้อีกครั้งอย่างปลอดภัย
จากข้อมูลผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าการนำผู้คนมาพบปะกันแบบตัวต่อตัวได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างและรักษาวัฒนธรรม บุคลากร และความพึงพอใจ รวมไปถึงมีผลต่อการเติบโตของธุรกิจ
- รายงานผลสำรวจพนักงานล่าสุดของ Salesforce เผยว่า พนักงาน 77% ต้องการพบปะกับเพื่อนร่วมงานและคนในทีมแบบตัวต่อตัว
- ผลสำรวจ American Express Meetings & Events Global Forecast ระบุว่า 81% ของผู้จัดประชุมและอีเว้นท์ต่าง ๆ คาดหวังว่ากิจกรรมอีเว้นท์จะสามารถจัดขึ้นได้แบบตัวต่อตัวอีกครั้งในปี 2022
- Harvard Business Review รายงานว่า ในขณะที่การทำงานรูปแบบไฮบริดจะอยู่ต่อไปในระยะยาว ยังคงมีมติที่เกิดขึ้นใหม่ในหมู่เจ้าของธุรกิจและพนักงานว่า พวกเขาต้องการกลับมาทำงานที่สำนักงานโดยเฉลี่ยสามวันต่อสัปดาห์
“ธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังมองหาวิธีที่ดีที่สุดในการกลับมาเชื่อมต่อกับพนักงาน ลูกค้า และคู่ค้าของตนเอง โดยการนำพวกเขามาพบปะรวมตัวกันในแบบที่ปลอดภัยที่สุด” คุณเบรท เทย์เลอร์, Co-CEO ของ Salesforce กล่าว “การตรวจเชื้อคือสิ่งจำเป็น และ Safety Cloud จะเป็นตัวช่วยให้องค์กรทุกประเภทสามารถลดความซับซ้อนและข้อกังวลใจไปจากการจัดงานพบปะชุมนุมต่าง ๆ พร้อมทั้งช่วยนำผู้คนมาพบหน้ากันได้อีกครั้งด้วยความมั่นใจ”
Safety Cloud ถือเป็นตัวช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยในยุค New Normal โดยทางเซลส์ฟอร์ซได้ใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ จาก Safety Cloud เพื่อเปิดออฟฟิศเซลส์ฟอร์ซกว่า 84 แห่งทั่วโลก และจัดงานอีเว้นท์องค์กรระดับใหญ่ โดยทำให้ให้พนักงาน ลูกค้า และพันธมิตรรู้สึกปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่นงาน Dreamforce ที่จัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา ทางเซลส์ฟอร์ซได้รองรับการตรวจเชื้อโควิด-19 กว่า 21,500 รายการ และตรวจสอบข้อมูลรับรองการฉีดวัคซีนมากกว่า 8,000 รายการ ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานกว่า 4,500 คนสามารถรวมตัวกันได้อย่างปลอดภัย
แดชบอร์ด Safety Cloud ซึ่งรวบรวมข้อมูลการระบุและการลงทะเบียนไว้บนระบบศูนย์กลาง
นอกจากนี้ Safety Cloud ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถ:
- รองรับการตรวจเชื้อโควิด-19 พร้อมรายงานสถานะสุขภาพอย่างรวดเร็วและปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์มเดียวบน Safety Cloud ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่พนักงานตรวจพบเชื้อโควิด-19 พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่สถานที่ทำงานเพื่อยืนยันการติดเชื้อหรือรายงานสถานะสุขภาพแบบตัวต่อตัวเพื่อทำการลา ด้วย Safety Cloud ผลการตรวจจะถูกส่งเข้าไปบนแพลตฟอร์มโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้การติดตามสถานะสุขภาพของพนักงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดายยิ่งขึ้น
- สร้างความยืดหยุ่นและปรับขนาดโปรโตคอลเพื่อรองรับการนำผู้คนมาพบปะกันในอีเว้นท์ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยตามโปรโตคอลด้านสุขภาพและความปลอดภัยของโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้น รวมถึงข้อกำหนดในการตรวจเชื้อและสถานะการฉีดวัคซีน รวมถึงข้อมูลประจำตัวและการลงทะเบียน ตามแนวทางด้านสาธารณสุข ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากธุรกิจของผู้ใช้งานต้องการจัดงานอีเว้นท์สเกลขนาดใหญ่ ก็สามารถจัดการและใช้งานระบบโปรโตคอลสำหรับตรวจเชื้อรูปแบบอัตโนมัติได้ ระบบจะจัดการส่งอีเมล์แบบส่วนตัวเกี่ยวกับข้อกำหนดในการตรวจเชื้อและเดดไลน์ต่าง ๆ เพื่อช่วยระบุผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ก่อนที่งานจะเริ่มต้นขึ้น
- จัดการกระบวนการเพื่อกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ พร้อมรวมข้อมูลระบุตัวตนและสถานะสุขภาพไว้ใน Dreampass ซึ่งเป็นบัตรผ่านสำหรับเข้าพื้นที่เมื่อผ่านการตรวจสอบ ซึ่งทางทีม HR ที่ต้องการให้พนักงานและบุคลากรกลับมาทำงานที่สถานที่ทำงานอย่างปลอดภัย จะสามารถจัดการกระบวนการอัตโนมัติสำหรับเข้าอาคารด้วยบัตรผ่านดิจิทัลที่มีความปลอดภัย เมื่อพนักงานตรวจพบว่าไม่มีเชื้อโควิด-19
Dreampass บัตรผ่านสำหรับเข้าพื้นที่เมื่อผ่านการตรวจสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safety Cloud
- รับชมวิดีโอ Demo ของ Safety Cloud
- อ่าน Salesforce Safety Playbook
การเปิดตัวครั้งแรกของ Safety Cloud จะเน้นการใช้งานเชิงอีเว้นท์ และรองรับการใช้งานในอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดาเท่านั้น โดยฟังก์ชันต่าง ๆ และเครื่องมือเพื่อใช้งานกับสถานที่ทำงานและอื่น ๆ รวมถึงการใช้งานในประเทศต่าง ๆ เพิ่มเติมของ Safety Cloud จะตามมาภายหลังในปี 2022