IT News
เปิดตัว Samsung Galaxy Note 20 Series ที่สุดของ Power Phone แห่งปี สเปคจัดเต็ม พร้อม S-Pen ใหม่
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อยสำหรับ Samsung Galaxy Note 20 Series ที่มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Galaxy Note 20 และ Galaxy Note 20 Ultra โดยแต่ละรุ่นเป็นอย่างไรมาดูกันครับ
Samsung Galaxy Note 20 Ultra
มากันที่รุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 20 Ultra ที่ใช้ดีไซน์ที่มีความเรียบที่ด้านหลังพร้อมเป็นผิวด้านเรียบร้อย (เฉพาะสี Mystic Bronze), ย้าย S-Pen มาฝั่งซ้าย และที่มุมทั้ง 4 ด้านจะไม่มีความโค้งคล้ายกับ Note Series รุ่นก่อนๆ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic White และ Mystic Black
หน้าจอแสดงผลของ Galaxy Note 20 Ultra มาพร้อม Infinity-O Display ชนิด Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 2K+ หรือ WQHD+ (3088 x 1400 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz (ต้องใช้ความละเอียด FHD+), HDR10+ อัตราส่วน 21:9 และครอบทับด้วยกระจกสุดแกร่งอย่าง Gorilla Glass Victus รุ่นแรกของโลกที่ป้องกันกระจกแตกจากการตก 2 เมตร
ภายในขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Snaodragon 865+ Exynos 990 Octa-core, RAM 8/12GB + ROM 128/256/512GB รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD สูงสุด 1TB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 4500mAh รองรับ Fast Charge 45W, Wireless Charging 2.0 กำลังไฟ 15W และ Wireless Power Share 9W
ด้านกล้องหลัง Galaxy Note 20 Ultra มีทั้งหมด 4 เลนส์ แบ่งเป็น เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง รูรับแสง f/1.8 + เลนส์ Ultra Wide-Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + เลนส์ Periscope 5x ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมสูงสุด 50 เท่า และเลนส์พิเศษอย่าง Laser Focus ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
กล้องหลังของ Galaxy Note 20 Ultra สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 8K รวมถึงแคปภาพจากวิดีโอที่ความละเอียด 33 ล้านพิกเซลได้เช่นเดิม โดยในการถ่ายแบบ Pro Video Mode สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ไมโครโฟนตัวไหนในการบันทึก ได้แก่ ไมค์ตัวหน้า, ไมค์จากอุปกรณ์บลูทูธ หรือไมค์จากที่เสียบด้วย USB Type-C อยู่ โดยฟีเจอร์ใหม่สามารถนำวิดีโอที่ถ่ายมาสร้างเป็นคลิปที่ตัดต่อใส่เพลงแบบอัตโนมัติทันที
พระเอกของรุ่นนี้อย่างปากกา S-Pen นั้นรองรับค่า Latency ที่น้อยลงอยู่ที่ 9ms ช่วยให้ตอบสนองได้แบบเรียลไทม์มากขึ้น รวมถึงการใช้งานเป็น Pointer คล้ายเมาส์บนคอมพิวเตอร์ได้ เพียงแค่กดค้างที่ปุ่มบน S-Pen เอาไว้, สามารถวาดเพื่อสั่งการแบบ Air Gesture ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องจ่อบนหน้าจอแล้ว
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ จะรองรับการแชรืข้อมูลแย่างรวดเร็วอย่าง Nearby Share คล้ายกับ AirDrop ครับ แต่จะใช้งานกับสมาร์ทโฟน Android ทุกรุ่น ต่างจาก Quick Share ที่มีใน One UI 2.1 ที่แชร์ได้เฉพาะสมาร์ทโฟน Samsung ด้วยกันเองเท่านั้น และ Samsung DeX สามารถใช้งานแบบไร้สายได้แล้ว
Samsung Galaxy Note 20
มาต่อที่รุ่นน้อง Galaxy Note 20 ใช้ดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่นพี่ครับ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic Green และ Mystic Gray แต่หน้าจอแสดงผลจะเป็นแบบแบนไม่โค้ง Super AMOLED Plus ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 60Hz, HDR10+ อัตราส่วน 20:9 และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5
สเปคภายในจะเหมือนกับ Ultra แต่ความจุจะต่างกันครับ มี RAM 8GB + ROM 128/256GB มีแบตเตอรี่ความจุ 4300mAh รองรับ Fast Charge 25W, Wireless Charging 2.0 และ Wireless Power Share เหมือนกัน ส่วน S-Pen จะใช้งานได้เหมือนกับรุ่น Ultra
ในส่วนของกล้องหลังก็ต่างกันครับ โดยมี 3 เลนส์แบ่งเป็นเลนส์หลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 + เลนส์ Ultra Wide-Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ จะเหมือนกับ Note 20 Ultra ครับ
ราคาต่างประเทศ
- Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G : เริ่มต้น 1,299 ยูโร (ประมาณ 47,000 บาท)
- Samsung Galaxy Note 20 4G : เริ่มต้น 949 ยูโร (ประมาณ 34,000 บาท)
- Samsung Galaxy Note 20 5G : เริ่มต้น 1,049 ยูโร (ประมาณ 38,000 บาท)
โดยวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะอยู่ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ในบางประเทศ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยอดใจรอกันในพรุ่งนี้ หรือ วันที่ 6 สิงหาคม 63 ครับ