Connect with us

Smart Review

รีวิว Samsung Galaxy S23 Ultra การอัปเกรดใหม่ที่เต็มไปด้วยความ “พี๊คคค” อย่างแท้จริง!

Published

on

รีวิว Galaxy S23 Ultra เรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung ที่เรียกว่าสร้างปรากฎการณ์ความ “พี๊คคค” ไปอย่างถล่มทลายตั้งแต่เปิดจอง เพราะรอบนี้อัปเกรดเยอะทั้งกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 200MP ชิปเซ็ตใหม่ Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy อัปเกรดจริงด้วยหน่วยความจำแบบใหม่ RAM LPDDR5X Storage UFS 4.0 ที่เร็วขึ้น 2 เท่า! สานต่อความสำเร็จของรุ่นก่อนได้อย่างสมศักดิ์ศรีทีเดียว

และหลังจากที่เราใช้งานมาจนเต็มที่ วันนี้ก็จะมารีวิวให้ชมทั้งจุดที่ปรับปรุงไปจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด และจุดที่ยังติดใจเราอยู่ จะมีอะไรบ้าง ติดตามได้จากรีวิวเต็ม Galaxy S23 Ultra นี้เลยครับ!

สรุปสเปค Samsung Galaxy S23 Ultra

  • หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2x ขนาด 6.8”
  • ความละเอียด : WQHD+ (3080 x 1440 พิกเซล)
  • Refresh Rate : 1-120Hz แบบ LTPO
  • ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy Octa-core 3.36GHz (4nm)
  • GPU : Adreno 740
  • RAM : 8GB/12GB
  • ROM : 256GB/512GB/1TB
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ระบบชาร์จไว : 45W Super Fast Charging
  • กล้องหน้า : 12MP f/2.2
  • กล้องหลัง : 4 ตัว
    • 200MP กล้องหลัก f/1.7 OIS
    • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
    • 10MP กล้อง Tele 3X f/2.4 OIS
    • 10MP กล้อง Periscope 10X f/4.9 OIS
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
  • รองรับเครือข่าย 5G
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3, NFC และใช้พอร์ต USB Type-C
  • รองรับ S Pen
  • กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
  • สีสัน : ดำ Phantom Black, ครีม, เขียว และม่วง Lavender

แกะกล่อง Galaxy S23 Ultra

รอบนี้เราได้เครื่องมาพร้อมกล่องครบเลยก็จะขอแกะกล่องให้ชมกันนิดหน่อยละกันเนาะ ที่หน้ากล่องรอบนี้ปรับดีไซน์ไปอีกนิดหน่อย ใช้ภาพประกอบเป็นฝาหลังตัวเครื่องพร้อมสีสันที่แยกไปตามสีเครื่องจริง ๆ เลย และอย่างที่เห็นครับสีที่เราได้มารีวิวคือสีครีมนั่นเอง

ตัวกล่องยังคงมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดเหมือนเดิม รอบนี้รักษ์โลกมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนวัสดุที่ติดป้องกันตัวเครื่องเป็นกระดาษทั้งหมด และของภายในกล่องก็ให้มาแค่ 4 อย่างเหมือนเดิมประกอบด้วย

  1. ตัวเครื่อง Galaxy S23 Ultra
  2. สายชาร์จ USB-C to C
  3. เอกสารคู่มือ
  4. เข็มจิ้มถาดซิม

ให้มาแค่นี้เลย ส่วนฟิล์มกันรอยก็ไม่มีติดมาให้แล้วนะครับ (จริง ๆ ก็ไม่มีตั้งแต่รุ่นก่อนแล้ว)

ดีไซน์ที่คล้ายเดิม แต่ลงตัวขึ้นจนสัมผัสได้

ได้เวลาชมมาชมดีไซน์เต็ม ๆ ของ Galaxy S23 Ultra แล้วครับ เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นตัวดีไซน์มาเยอะแล้ว และทุกครั้งที่เห็นก็มักจะรู้สึกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “เหมือนเดิมมาก” ใช่แล้วครับ ดีไซน์โดยรวมของ S23 Ultra รอบนี้แทบไม่ต่างจาก S22 Ultra เดิมอย่างมีนัยสำคัญเลย ทั้งทรงเครื่องที่เป็นแบบเหลี่ยมตัดบน-ล่าง กล้องหลังที่วางเรียงกันแบบไม่มีกรอบอะไรมาคลุม

แต่ถ้าเราลองมาดูที่กรอบเครื่องจะเห็นว่ารอบนี้ Samsung เพิ่มความเหลี่ยมของกรอบเครื่องขึ้นและลดความโค้งของหน้าจอลงอีกหน่อย ทำให้เวลาเราจับถือจะได้ความรู้สึกที่มั่นคงและเต็มมือกว่าเดิมอย่างสัมผัสได้เลยล่ะครับ

นอกจากนี้ด้วยความที่หน้าจอมีความโค้งที่ลดลงจึงทำให้เวลาเราใช้งานจะได้ความรู้สึกเต็มตาขึ้นอีกหน่อย แต่ก็ยังได้ความเซ็กซี่จากความโค้งของหน้าจอรวมถึงสัมผัสที่ลื่นไหลเวลาใช้งาน Gesture Navigation อีกด้วยครับ

หน้าจอสเปคเดิม ก็ยังสวยเว่อวังเหมือนเดิมแหละ

ไหน ๆ ก็มาเรื่องจอแล้ว เราขอต่อที่สเปคหน้าจอกันเลยละกันครับ Galaxy S23 Ultra ยังได้หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8″ เท่าเดิม เป็นจอ Infinity-O ที่มีรูกล้องหน้าอยู่ตรงกลางเหมือนกัน ซึ่งถ้าไม่นับเรื่องความโค้งที่น้อยลงก็แทบจะไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อนเลยครับ

แต่…ความอลังการของหน้าจอ S22 Ultra เมื่อปีที่แล้วก็ยังถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของตลาดอยู่ดีทั้งความละเอียดสูงสุด WQHD+ (3088 x 1440 พิกเซล), Refresh rate ที่ปรับได้ตั้งแต่ 1 – 120Hz, มาตรฐานที่รองรับ HDR10+ หรือความสว่างสูงสุดที่ 1750nits เรียกว่าเป็นหน้าจอที่สวยสุด ๆ ที่ถึงแม้จะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ยังหาคู่แข่งมาเทียบได้ยากอยู่เลยล่ะครับ

ถ้าเอามาดูคอนเทนต์จริง ๆ จะรู้สึกได้เลยว่าสวยเต็มอิ่มเอามาก ๆ แถมด้วยความที่ความโค้งของจอลดลงอย่างที่บอกไป ทำให้เวลาเราดูคอนเทนต์แบบตรง ๆ จะได้ภาพที่เต็มขึ้นอีกนิดด้วย บอกแล้วว่าสัมผัสได้จริง ๆ

อ๊ะ…ลืมบอกไปตัวกระจกหน้าจอของ Galaxy S23 Ultra รอบนี้อัปเกรดขึ้นเป็น Gorilla Glass Victus 2 แล้วด้วยนะ ทนต่อการตกมากขึ้นและใช้วัสดุรีไซเคิลที่เพิ่มความรักษ์โลกเข้าไปอีกด้วยแหละ

ตำแหน่งที่กดได้ถนัดมือเหมือนเดิม

ด้วยความที่ของเดิมดีอยู่แล้ว ตำแหน่งปุ่มกดของ Galaxy S23 Ultra ก็ยังวางไว้ในมุมเดิมคือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power อยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องทั้งหมด ซึ่งพอกรอบเครื่องมีพื้นที่มากขึ้นทำให้เวลาเราแตะหรือกดปุ่มก็สะดวกขึ้นอีกนิดด้วยจากความรู้สึกเราน่ะนะ

ด้านบน-ล่างก็ยังตัดเหลี่ยมไปหมดมีความ Boxy มาก ๆ ด้านบนมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนพร้อมเส้นเสาอากาศ

ส่วนด้านล่างก็มีพอร์ตการเชื่อมต่อ, ไมโครโฟน, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง, ช่องใส่ซิม และช่องเก็บปากกา S Pen เหมือนเดิมครับ

ลำโพงเสียงดีขึ้นอีก!

แม้ตำแหน่งของลำโพงยังอยู่ที่มุมเดิมไม่เปลี่ยนแต่การอัปเกรดในรอบนี้ Galaxy S23 Ultra จะมอบเสียงลำโพงได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอีกพอสมควร เสียงเบสแน่นขึ้น ให้มิติที่ดีขึ้นและแน่นอนว่ายังคงรองรับเอฟเฟกต์เสียงจาก Dolby Atmos เหมือนเดิม ใครที่ชอบดูหนัง ฟังเพลงผ่านลำโพงตัวเครื่องรอบนี้เสียงดีขึ้นอีก!

กล้องหลังที่อลังการขึ้น

ขอวนดูที่ดีไซน์กล้องหลังกันอีกสักที แม้จะบอกว่าดีไซน์คล้ายเดิมมาก แต่ถ้าเราสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ากรอบเลนส์กล้องมีการเพิ่มความโค้งว้าวของตัวกรอบเลนส์เข้าไปอีก และขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งหากเทียบกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากกล้องหลัก 108MP มาเป็น 200MP ก็ถือว่าไม่ได้ใหญ่เทอะทะจนเกินเบอร์ มีความลงตัวในแบบที่รับได้อยู่ครับ

มุมเครื่องที่ยังเหลี่ยมเหลือเกิน

ชมไปหลายจุดแล้วสำหรับข้อดีที่ติดมาจากรุ่นก่อน จะไม่พูดถึงจุดขัดใจก็คงไม่ได้เนาะ เรื่องแรกก็คือความเหลี่ยมของตัวเครื่องที่ยังคงมีมุมทิ่มอุ้งมืออยู่เหมือนเดิม ถ้าเราใช้งานแบบไม่ใส่เคสเลยอาจจะโดนอยู่บ่อย ๆ เวลาถือเครื่องแบบจับเต็มมือ

แต่ก็นะ…เชื่อว่าสุดท้ายแล้วส่วนใหญ่ก็คงใส่เคสกันอยู่แล้ว และพักหลัง Samsung เองก็มีเคสออกมารองรับกันเพียบ หรือจะเป็น 3rd Party อย่าง Casetify ก็มีให้เลือกมากมายไม่แพ้กันครับ

จอย่นมีจริงไหม มีผลกับการใช้งานแค่ไหน !?

และอีกเรื่องที่มีพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องก็คือเรื่อง “จอย่น” ที่บอกตรง ๆ ว่าเครื่องที่เราได้มารีวิว รวมถึงเครื่องที่เราสั่งซื้อไปก็พบเหมือนกันหมดครับ ซึ่งจะพบบริเวณมุมล่างของหน้าจอเป็นคลื่น ๆ เมื่อมีการกระทบกับแสง แต่ก็ไม่ใช่จุดใหญ่แบบกวนสายตาเรามาก ๆ บอกเลยว่าในการใช้งานทั่วไปไม่เป็นจุดสังเกตขึ้นมาแน่นอน เราตอบคำถามให้ตรงนี้เลยว่าไม่มีผลกับการใช้งานเราเลย เพียงแต่ปัญหานี้ดูจะเป็นผลกับใจเราซะมากกว่า เพราะเรือธงระดับนี้แล้วอะเนอะ น่าจะทำให้เนียน ๆ ไปเลย

กันน้ำมาตรฐาน IP68 เหมือนเดิม

ซึ่งจากการแถลงของ Samsung เองก็ให้เหตุผลว่าด้วยกระบวนการผลิตที่ใส่ความสามารถกันน้ำเข้ามา ตัวหน้าจอจึงอาจเจออาการย่นได้แต่ไม่กระทบกับการใช้งานแน่นอน ก็พอให้อภัยได้สำหรับเหตุผลล่ะเนาะ ซึ่ง Galaxy S23 Ultra ก็มาพร้อมความสามารถกันน้ำกันฝุ่น IP68 เหมือนเดิมคือลงน้ำได้ 1.5 เมตรนาน 30 นาทีครับผม

S Pen ใส่ในเครื่องได้เหมือนเดิม ดึงใช้งานสะดวก

Galaxy S23 Ultra ยังคงมาพร้อม S Pen ในตัวเหมือนเดิม เราสามารถกดเพื่อให้ปลายด้ามเด้งขึ้นมาเพื่อดึงออกมาได้อย่างสะดวกเหมือนเดิมครับ ซึ่งสีสันของ S Pen จะเป็นสีดำด้านทั้งหมดจะมีสีตรงปลายด้ามเท่านั้นที่เป็นสีสันของตัวเครื่องครับผม

ซึ่งตัว S Pen ในรอบนี้ก็ยังมีรูปร่างแบบเดียวกับของ S22 Ultra เลย หัวยังแหลมน่าใช้งาน พร้อมปุ่มกด 1 ปุ่มเหมือนเดิม ถ้าไม่นับตรงปลายด้ามที่มีความโค้งน้อยลงตามทรงของกรอบเครื่องแล้ว ก็แทบไม่มีจุดแตกต่างที่เราสังเกตได้เลยครับ

S Pen ไม่มีความสามารถใหม่ แต่ก็ยังเป็นปากกา Stylus ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่ดี

สำหรับ S Pen ของ Galaxy S23 Ultra รอบนี้นอกจากดีไซน์จะเหมือนเดิมแล้วความสามารถก็ยังให้มาเท่ากับ S22 Ultra เดิมทั้งหมดด้วย เช่นเดียวกับหน้าจอแหละครับ ถึงจะไม่มีอะไรมาใหม่แต่ของเดิมก็คือที่สุดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรองรับแรงกด 4096 ระดับ ความหน่วงต่ำแค่ 2.8ms หรือความสามารถกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ไปด้วย

ฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ผู้ใช้ S Pen เคยชินทั้ง Screen Off Memo ที่ติดมากับแอป Samsung Notes เฉพาะของ Samsung Galaxy เท่านั้น ช่วยให้เราได้จดโน้ต, บันทึกหรือวาดรูปแบบด่วน ๆ ได้เพียงแค่ดึง S Pen ออกมาเท่านั้น

หรือจะเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ในการจดโน้ตมาก ๆ อย่างการแปลงตัวอักษรจากลายมือที่ทำได้แม่นยำมาก แม้ลายมือเราจะไม่ได้บรรจงมาก หรือจดแบบเร็ว ๆ ก็ยังแปลงออกมาได้ตรงพร้อมให้ไปใช้งานต่อในแอปอื่น ๆ

ฟีเจอร์ S Pen Remote ที่ใช้สั่งการชัตเตอร์ถ่ายรูป เลื่อนรูปภาพ เปลี่ยนหน้าสไลด์นำเสนอ ก็มีมาให้ใช้งานเหมือนเดิม ใครที่ติดมาตั้งแต่รุ่นก่อนเวลาจะเซลฟี่หรือตั้งกล้องถ่ายรูปก็ยังใช้งานได้ครบหมดเหมือนเดิมครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์และ S Pen ก็อย่างที่เราเห็นไปครับมีความเหมือนเดิมอยู่มาก แต่จุดที่เหมือนเดิมอยู่แล้วก็ยังคงดีมาก ๆ จนถึงตอนนี้แบบไม่ต้องสงสัย จุดที่ปรับเปลี่ยนบางอย่างก็มอบประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้นอย่างสัมผัสได้เลยอย่างเช่นเรื่องหน้าจอที่โค้งน้อยลง กรอบเครื่องที่จับถนัดมือขึ้น เรียกว่าเป็นดีไซน์ที่ไม่หวือหวามากนัก แต่ลงตัวในการใช้จริงก็ไม่ผิดนักครับ ข้อดีของแบบนี้ก็คงเป็นเรื่องที่เราไม่ต้องปรับตัวมากนักกับดีไซน์ล่ะมั้งครับ แต่ใครที่อยากได้ความสดใหม่ไปเลยอาจจะไม่ถูกใจตรงนี้ก็ได้นะ

3 จุดเด่นความ “พี๊คคค” ของ Galaxy S23 Ultra

หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะติดใจว่าในหัวข้อก็บอกไว้แล้วว่ารุ่นนี้อัปเกรดได้อย่าง “พี๊คคค” จริง ๆ แต่ในเรื่องดีไซน์ที่ผ่านมายังแอบเฉย ๆ อยู่เลยนี่นา ใช่แล้วครับความพี๊คคคของรุ่นนี้เริ่มจากตรงนี้ต่างหาก เพราะรอบนี้การอัปเกรดหลัก ๆ ไปอยู่ที่ภายในแทบทั้งหมด ถ้าแค่มองผ่านหรือดูจากภาพอาจจะไม่รู้สึกนัก แต่ถ้าได้ลองใช้งานจริงจะสัมผัสได้เลย รอบนี้อัปเกรดมา 3 อย่างหลักตามความ “พี๊คคค” ที่มี “ค” 3 ตัวเลยครับคือ คมชัด, ความลื่นไหล และควบคุม

คมชัดอย่าง “พี๊ค” ด้วยกล้องใหม่ 200MP

เริ่มต้นด้วยจุดขายหลักของรุ่นนี้อย่างเรื่องความคมชัด เพราะรอบนี้ Galaxy S23 Ultra อัปเกรดกล้องหลักในรอบ 3 ปีจากเดิม 108MP มาเป็น 200MP เสียที! ทำให้เพิ่มทั้งความคมชัดและการถ่ายภาพในหลาย ๆ สถานการณ์ได้ดีขึ้นไปอีกครับ แถมยังได้ AI ที่เก่งกาจกว่าเดิมมอบพลังการซูมที่เป็นไฮไลท์มาตั้งแต่หลายรุ่นก่อนให้ดีกว่าเดิมอีกด้วย

ก่อนจะไปเจาะรายละเอียดของแต่ละกล้องกันเรามาสรุปสเปคกล้องของ Galaxy S23 Ultra กันก่อนดีกว่า รอบนี้ยังได้กล้องหลังมา 4 ตัวเหมือนเดิม มีสเปคดังนี้เลย

  • 200MP กล้องหลัก f/1.7 OIS
  • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2
  • 10MP กล้อง Tele 3X f/2.4 OIS
  • 10MP กล้อง Periscope 10X f/4.9 OIS
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K/30fps, 4K/60 – 30fps, Super slow motion FHD/960fps

อย่างที่เห็นเลยว่ากล้องหลักของ Galaxy S23 Ultra นั้นอัปเกรดขึ้นมาเป็น 200MP เพิ่มจากรุ่นก่อนที่ 108MP มาพอสมควรเลย และความครบเครื่องของระยะก็ยังเหมือนเดิมคือเราสามารถถ่ายได้ตั้งแต่ Ultra Wide 0.6X, Tele Optical Zoom 3X, Tele Optical Zoom 10X ไปจนถึง Tele Digital Zoom 100X เลยทีเดียวครับ

เก็บแสงได้มากขึ้นด้วยเทคนิค Binning แบบ 16-in-1

แต่ในการถ่ายภาพทั่วไปถ้าจะเก็บภาพมาเป็น 200MP ตลอดก็คงจะหนักพื้นที่เครื่องน่าดู ในโหมดปกติกล้องจึงเก็บภาพมาที่ 12MP เหมือนเดิม แต่ด้วยขนาดพิกเซลที่เพิ่มมากขึ้นจะใช้เทคนิค Binning ได้มากขึ้นเป็น 16-in-1 รวมแสงให้เราได้ภาพที่คมชัด เก็บรายละเอียดได้ดีทั้งกลางวันกลางคืน รวมถึงยังมี AI ที่คอยจัดการประมวลผลภาพได้เก่งยิ่งขึ้น ปรับภาพไปตามซีนได้รวดเร็วกว่าเดิมด้วย

คุณภาพของกล้องต้องบอกเลยว่าทำได้ยอดเยี่ยมอย่างเคย การปรับจูนสีออกมาสวยสดใสแบบที่ไม่เว่อจนเกินไป การจัดการ Dynamic Range ที่ยอดเยี่ยมด้วย Super HDR เก็บรายละเอียดของแสงได้อย่างครบถ้วน ขนาดเซ็นเซอร์ก็ใหญ่เพียงพอต่อการละลายฉากหลังได้เป็นธรรมชาติและยังได้ระยะโฟกัสที่ดีไม่ต้องถอยออกไปเยอะ และรอบนี้การประมวลผลต่อหลังถ่ายทำได้เร็วขึ้นมากด้วย เราแทบไม่เจอจังหวะหมุน ๆ หลังถ่ายเสร็จเลยล่ะครับ

มีโหมดความละเอียดสูงใช้ได้ทั้ง 200MP และ 50MP

อย่างที่บอกไปว่าเซ็นเซอร์กล้องหลักของ S23 Ultra นั้นให้มามากถึง 200MP ซึ่งในการถ่ายภาพทั่วไปจะได้ที่ 12MP เพื่อการใช้งานที่สะดวกและไฟล์ไม่ใหญ่มากนักอย่างที่บอกไป แต่แน่นอนว่าถ้าอยากได้ความละเอียดเต็ม 200MP ก็ยังสามารถเลือกใช้งานได้เช่นกัน แถมรอบนี้ด้วยความที่ขนาดพิกเซลเยอะมาก เราจะเลือกไปที่ 50MP แล้วใช้รูปแบบ Binning 4-in-1 ก็ได้ด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็บอกเลยว่าคมมาก จะครอปแบบ 100% – 200% ก็ยังสบาย ๆ ถ่ายภาพกว้างมาเลือกครอปใช้บางส่วน หรือแยกเป็น 2 ภาพก็ยังไหว

กล้อง Ultra Wide เก็บมุมกว้าง ถ่าย Macro ได้ด้วย

ต่อมาเป็นกล้อง Ultra Wide ที่ให้ความละเอียดมา 12MP เหมือนเดิมมุมกว้าง 120º เท่าเดิม แต่ด้วย AI ที่เก่งขึ้นทำให้คุณภาพโดยรวมของภาพนั้นสวยคมชัดขึ้นไปอีก ไฟล์ที่ได้ทำออกมาได้ดีเลยครับ สีสันใกล้เคียงกับกล้องหลักพอสมควร ให้ทั้งมุมกว้างที่เก็บรายละเอียดได้ดีสุด ๆ

และเหมือนเคยกล้อง Ultra Wide ยังมี Autofocus ให้เราใช้เป็นกล้อง Macro ที่โฟกัสภาพใกล้ ๆ ระดับ 2.5 ซม.ได้ด้วย ตรงนี้ Samsung จะใช้ชื่อเรียกว่า Focus Enhancer ซึ่งด้วยความที่เป็น Macro จากกล้องคุณภาพสูง ผลลัพธ์ที่ได้จึงสวยคมอยู่ไม่น้อยเลยล่ะครับ

ซูมโหดขึ้นอีก ระดับ 30X ไม่มัวแล้ว

มาต่อกันที่ 2 กล้องสุดท้ายอย่างกล้องซูม เมื่อปีที่แล้ว S22 Ultra สร้างชื่อไว้เยอะมากกับการซูมที่คมชัดและคล่องตัวตั้งแต่ระดับ 10X – 20X ได้แบบน่าประทับใจ รอบนี้ Galaxy S23 Ultra ก็ยังอัปเกรดขึ้นไปอีก แม้จะได้กล้องซูม Optical Zoom มา 2 ระยะ 3X และ 10X เหมือนเดิมก็ตาม แต่ความเก่งของ AI ที่บอกไปช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นชัดเจนครับ

ในระยะ 3X คงไม่ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วเพราะเป็นระยะมาตรฐานที่ใช้กันในเรือธงหลาย ๆ รุ่น ตรงนี้ S23 Ultra ทำได้ดีมากเพราะเพิ่มระยะให้เราเข้าใกล้ได้โดยไม่ต้องเดินเข้าไป ช่วยเพิ่มระยะให้เราเข้าใกล้ได้แบบมุมมองของภาพยังเที่ยงตรงไม่บวมหรือเบี้ยวจนเกินไป

ส่วนระยะไกลกว่านั้นตั้งแต่ 10X ขึ้นไป ตรงนี้จะสลับมาใช้กล้อง Periscope อีกตัวแทน ซึ่งช่วยให้เราได้ภาพที่คมชัดไปอีกแบบ ในระยะ 10X ถ้าโฟกัสเข้ากดยังไงก็ชัดครับ แถมรอบนี้ยังมีกล้องหลักตัวใหม่ 200MP ที่เข้ามาช่วยในการประมวลผลหลังจากระดับ 10X ขึ้นไปด้วย ทำให้ในระยะ 20X – 30X ก็ยังคงคมชัดอยู่มาก ต่างจากรุ่นก่อนที่ถ้าเลย 20X ไปก็อาจจะเบลอไปแล้ว

Portrait mode ตัดขอบอย่างเนียน คุณภาพเยี่ยม

ในโหมด Portrait ของ Galaxy S23 Ultra ยังคงใช้งานได้ 2 ระยะคือ 1X หรือ 3X ซึ่งจะสลับไปใช้ตามกล้องในระยะนั้น ๆ จริงจริงครับ พอมี 2 ระยะแบบนี้ก็เหมาะกับการถ่ายคนมาก ๆ อยากได้เต็มตัวก็กดที่ 1X หรืออยากได้ครึ่งตัวได้ระยะก็ใช้ 3X ไปเลย รอบนี้ยังคงตัดขอบเก็บมุมได้อย่างเนียน แถมเพิ่มเอฟเฟกต์ HDR ให้ฉากหลังเวลาย้อนแสงได้แบบครบถ้วน เอฟเฟกต์มีให้เลือกใช้และปรับทีหลังได้มากมาย

นอกจากภาพนิ่งแล้ว โหมด Portrait Video ก็มีมาให้ใช้งานด้วย ซึ่งความดีงานของโหมดนี้ก็คือเราสามารถปรับระดับความเบลอและเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้ขณะถ่ายเลยด้วย อยากเบลอมาก เบลอน้อย หรืออยากใส่เอฟเฟกต์ดูสีทำได้หมดขณะถ่ายเลย แถมความละเอียดในรอบนี้ก็เลือกได้ที่ 4K/30fps แล้ว คมชัดขึ้นไปอีกเยอะเลย

Nightography กลางคืนที่เก่งขึ้นทุกช่วง

มาถึงโหมดกลางคืนหรือ Nightrography กันบ้าง Galaxy S23 Ultra ยังคงเน้นจุดนี้เหมือนเดิม แต่ด้วยความที่ซูมก็เก่งขึ้นแล้ว รอบนี้เราเลยสามารถใช้งานโหมดกลางคืนได้คมชัดในทุกระยะเลย กลางคืนสวยยันซูม 10X เลยก็ว่าได้ แถมการประมวลผลยังเร็วและใช้งานได้แบบทันทีทันใดเลยด้วย

กล้องหน้า 12MP ลดความละเอียดลง แต่คุณภาพไม่ลดตาม

กล้องหน้าของ Galaxy S23 Ultra ถ้าดูจากสเปคแล้ว อาจจะดูลดคุณภาพน้อยลงกว่าเดิมเพราะจาก 40MP รอบนี้เหลือ 12MP แทน แต่แน่นอนว่าเปลี่ยนทั้งทีจะมา Downgrade ได้ไง การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม ด้วยเซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่มี Autofocus ให้ภาพคมชัดและแม่นยำ ส่วนคุณภาพที่เราลองใช้งานก็ยังคงยอดเยี่ยมและแอบดีกว่ารุ่นก่อนด้วยซ้ำไปครับ

วิดีโอกันสั่นยอดเยี่ยมขึ้นเป็น 2 เท่า สมูทสุด คมชัดเยี่ยม

ส่วนเรื่องวิดีโอ Galaxy S23 Ultra ก็จัดเต็มขึ้นด้วยการเพิ่มความนิ่งของกันสั่นได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า ทำให้ในการใช้งานทั่วไปนั้นกันสั่นทำได้ดีขึ้นจริง ทั้งความเนียนเวลาเดินถ่ายหรือจะขยับเร็ว ๆ ตอนแพนกล้องก็ยังไม่เจออาการกระตุกเลย แต่ตรงนี้ต้องระบุไว้หน่อยว่าที่เราทดสอบนั้นเป็นเฟรมเรตแบบ 30fps เท่านั้น แต่ในเฟรมเรตที่ลื่นขึ้นแบบ 60fps กลับเจออาการกระตุกในกล้องหลัก (ตัวเดียว) ที่แค่แพนไป-มาหรือลงเท้าเวลาเดินก็เจอด้วย ตรงนี้คาดว่ายังเป็นบัคของซอฟต์แวร์อยู่ในขณะนี้ อนาคตคงมีการอัปเดตออกมาแก้เพิ่มเติมครับ

วิดีโอสูงสุด 8K/30fps ที่ใช้งานได้จริงแล้ว!

สำหรับโหมดวิดีโอ Galaxy S23 Ultra ก็อัปเกรดความละเอียดสูงสุดมาที่ 8K/30fps แล้วด้วย แถมระยะของภาพก็ไม่มีการครอปเข้าไปด้วย หมายความว่าเราเคยถ่าย 4K/30fps ในมุมมองไหนถ้าเปิด 8K ก็ได้ระยะเท่ากัน อีกทั้งเฟรมเรตก็มากขึ้นเป็น 30fps ทำให้เราสามารถถ่ายวิดีโอได้แบบลื่นไหลในความละเอียดสูงสุด

ส่วนโหมดวิดีโอกันสั่นเทพอย่าง Super Steady รอบนี้ก็เพิ่มตัวเลือกความละเอียดสูงสุดขึ้นเป็น QHD/60fps แล้วด้วย ช่วยให้เราได้คลิปแบบความละเอียดสูงขึ้นพร้อมเฟรมเรตที่ลื่นไหลในฉบับกันสั่นเทพแบบสุด ๆ แล้วล่ะครับ

นี่แหละคือความพี๊คแรกของ Galaxy S23 Ultra กับเรื่อง “คมชัด” ของกล้องที่ยกระดับขึ้นจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดทั้งภาพนิ่งที่ถ่ายได้สูงสุดถึง 200MP กันแล้ว นอกจากนี้ทั้งมุมกว้างพิเศษหรือการซูมก็ยังทำได้ชัดมีมิติกว่าเดิมอีก และที่ขาดไม่ได้เลยคือวิดีโอที่เราสามารถถ่ายความละเอียดสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด เป็นที่น่าพอใจมากจริง ๆ ครับ

ความลื่นไหลที่ “พี๊ค” ขึ้นอย่างแท้จริง

มาต่อกันที่ความพี๊คที่ 2 กับเรื่องความลื่นไหล Galaxy S23 Ultra มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ที่มีความพิเศษกว่ารุ่นปกติด้วย CPU Octa-Core ความเร็วพิเศษ 3.36GHz (รุ่นปกติ 3.2GHz) แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะหน่วยความจำที่ให้มายังเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า ทั้ง RAM แบบ LPDDR5X และ Storage แบบ UFS 4.0 มอบความแรงในแบบที่สัมผัสได้อย่างแท้จริงเลยล่ะครับ

ในส่วนของความจุรอบนี้ให้ความจุรุ่นเริ่มต้นมาที่ 8GB + 256GB แล้ว และก็มีรุ่นความจุสูงขึ้นไปอีก 2 ระดับคือ 12GB + 512GB กับ 12GB + 1TB เนื่องจากตัวเครื่องไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอก (microSD) ได้แล้ว ก่อนจะซื้อก็เลือกความจุกันให้ดีล่ะครับ ส่วนเรื่อง RAM อาจจะไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะแม้เริ่มต้นจะให้มา 8GB แต่ก็ยังมีฟีเจอร์ RAM Plus ที่จำลองได้มากถึง 8GB อีก ให้ความลื่นไหลที่เพียงพอมาก ๆ แล้ว

แต่…เท่านั้นยังไม่พอเพราะในส่วนของซอฟต์แวร์ Galaxy S23 Ultra ยังมาพร้อมกับ Android 13 ที่ครอบทับมาด้วย One UI 5.1 เวอร์ชั่นล่าสุด ที่มอบความลื่นไหลขึ้นอย่างผิดหูผิดตาจากรุ่นก่อน ทุกอนิเมชั่นในการขยับ ทุกการตอบสนองบอกเลยว่าเป็นความลื่นไหลที่เรารอคอยจริง ๆ ในที่สุด One UI ก็ลื่นไหลขนาดนี้แล้ว!

เดี๋ยวจะไม่เชื่อว่าความแรงที่มากขึ้นนี่มันระดับไหน เราก็เลยทดสอบผ่ายแอป Benchmark 2 ตัวหลักให้เห็นคะแนนกันเลย ด้วยความเร็วของ CPU ที่มากขึ้น 34% และ GPU แรงขึ้น 41% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เราทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark ก็ได้คะแนนเพิ่มขึ้นเยอะจริง ๆ ได้ไป 1231101 คะแนนกันเลย

ส่วนฝั่ง Geekbench เราใช้เวอร์ชั่น 6 ล่าสุดที่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบแล้วด้วย ก็ได้คะแนน Single-Core ออกมาสูงถึง 2066 คะแนน และ Multi-Core พุ่งไปที่ 5389 คะแนนเลยทีเดียวครับ

เล่นเกมเลยดีกว่า ลื่นทุกเกมเลยไหม!?

ที่ว่าแรง ๆ คะแนนสูง ๆ เราคงต้องมาทดสอบการเล่นเกมเพื่อลงสนามจริงสักหน่อย เพราะในการใช้งานทั่วไปด้วยสเปคนี้ก็ลื่นหัวแตกกันอยู่แล้ว เกมที่เราใช้ทดสอบ Galaxy S23 Ultra รอบนี้มี 3 เกมกราฟิกอลังการทั้งหมด ประกอบด้วย Asphalt 9, Call of Duty และ PUBG ครับ

เล่น Asphalt 9 บน Galaxy S23 Ultra

เริ่มที่ Asphalt 9 ก่อนเลย เกมแข่งรถที่ภาพสวยที่สุดตอนนี้ ในการตั้งค่าเราปรับได้ที่ระดับ High Quality หรือสูงสุดอยู่แล้ว และยังปรับเฟรมเรตไปที่ 60fps ได้ด้วย เรียกว่าเต็มรูปแบบที่เกมจะเลือกตั้งค่าได้แล้วก็ว่าได้ ตัวเกมทำได้อย่างลื่นไหลเอามาก ๆ เฟรมเรตลื่น ๆ แบบ 60fps ตลอด แถมภาพก็ยังสวยบนความละเอียด WQHD+ มาก ๆ ไม่เจออาการภาพแตกหรือหยาบ ๆ เลย ยิ่งแสดงผลบนหน้าจอขนาดใหญ่ 6.8″ แบบนี้ยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่ครับ

เล่น Call of Duty บน Galaxy S23 Ultra

มาต่อกันที่เกมยิงสุดมันส์อย่าง Call of Duty ด้วยชิประดับท็อปสุดเราจึงเลือกปรับระดับกราฟิกได้ที่ Very High คู่กับเฟรมเรตแบบ Max เลยครับ ทุกเอฟเฟกต์เสริมก็เปิดได้หมดด้วย เท่าที่เล่นมาแบบจริงจัง S23 Ultra เล่นเกมแนวนี้ได้ดีมาก ๆ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่สะใจและไม่ยาวจนเกินไป บวกกับสเปคที่แรงเหลือ ๆ เล่นได้อย่างลื่นไหลตลอดทั้งเกม ไม่เจออาการกระตุกให้เห็นเช่นกัน ลำโพงคู่ที่เสียงดีขึ้นก็ช่วยให้เราเล่นได้สะใจทั้งเสียงกระสุนหรือเสียงฝีเท้าของศัตรูก็ชัดเจนและแม่นยำ

เล่น PUBG บน Galaxy S23 Ultra

ปิดท้ายที่อีกเกมยิงอย่าง PUBG เราสามารถปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตได้ 2 แบบคือ Ultra HD + Ultra หรือ HDR + Extreme ในการทดสอบเราเลือกไปที่อย่างหลังเพื่อให้ได้เฟรมเรตลื่น ๆ หน่อยและภาพก็ยังสวยกำลังดี เท่าที่เล่นในโหมด Arena บอกเลยว่าทำได้ดีมาก ๆ ภาพสวย ความลื่นไหลถูกใจ และอย่างที่บอกไปว่าตัวหน้าจอที่มีขนาดใหญ่และตอบสนองได้ฉับไว เจอปุ๊บแตะยิงได้แบบทันที ก็ทำให้เราได้เปรียบและเล่นได้อย่างถูกใจไม่น้อยครับ!

และเรื่องความลื่นไหลก็เป็นอีกจุดที่พี๊คขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกันเพราะความเร็ว แรงที่เราได้รับจาก Galaxy S23 Ultra นั้นมอบประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างตั้งแต่ UI ที่เข้า-ออกแอปได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหลกว่าเดิม ความแรงระดับจักรวาลของ Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ก็ยังตอบสนองทุกการทำงานได้อย่างไร้ที่ติอีกต่างหากครับ

ควบคุมทุกอย่างได้อย่าง “พี๊ค” จริง

และในเรื่องพี๊คสุดท้ายของ Galaxy S23 Ultra ก็คือการควบคุมในที่นี้หมายถึงการจัดการพลังงานรวมถึงความร้อนด้วยครับ อย่างที่เห็นในเรื่องความแรงจากการทดสอบประสิทธิภาพไปแล้วทำคะแนนได้สูงสุด ๆ ในเรื่องการเล่นเกมก็ลื่นไหลเอามาก ๆ แต่ความร้อนและแบตเตอรี่กลับยังใช้งานได้อย่างดี ไม่ถึงกับร้อนจนถือใช้งานไม่ได้ และแบตเตอรี่ก็ไม่ได้ไหลซะด้วย!

ด้วยการเพิ่ม Vapor Chamber หรือระบบระบายความร้อนด้วยแผ่นทองแดงให้ใหญ่ขึ้นระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม ทำให้ตัวเครื่องนั้นไม่ได้ร้อนสะสมที่ฝาหลังตลอดเวลาเหมือนรุ่นก่อน แต่ถ้าจะบอกว่าไม่ร้อนเลยก็คงจะโม้เกินจริง เรียกว่ากระจายความร้อนออกจากตัวเครื่องได้เร็วขึ้นถึงจะถูก ทำให้ถ้าเราเล่นเกมหรือใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ ก็จะรู้สึกที่ระดับอุ่น ๆ และหากพักเครื่องไว้สักครู่กลับมาเล่นต่อก็จะเย็นเร็วขึ้นนั่นเองครับ

และอีกเรื่องที่เราต้องชื่นชม Galaxy S23 Ultra มาก ๆ ก็คือเรื่องแบตเตอรี่ครับ เพราะรอบนี้จัดการแบตฯได้ดีมาก สมกับที่โฆษณาว่าใช้งานได้ตลอดทั้งวันเสียที (จริง ๆ โปรโมทแบบนี้หลายรุ่น) จะด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ที่จัดการแบตฯได้ดี หรือซอฟต์แวร์ที่ฉลาดขึ้น ใด ๆ แล้วคือช่วยให้เราใช้งานได้อย่างสบายใจมาก แม้ในช่วงแรกที่ระบบกำลังเรียนรู้ก็ให้ความรู้สึกว่าอึดแล้ว เราสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันในการทำงานหนัก ๆ ทั้งเล่นเกม ถ่ายรูป โซเชี่ยลเป็นหลักประมาณนั้น นี่คืออีกเรื่องที่ Samsung ควบคุมมาได้อย่างดีจริง ๆ ครับ

ชาร์จไว 45W เหมือนเดิม เราว่าเร็วเพียงพอแล้ว

สำหรับระบบชาร์จ Galaxy S23 Ultra ให้ระบบชาร์จไว Super Fast Charging 2.0 ที่ความเร็ว 45W เท่าเดิม และอย่างที่บอกไปว่าอะแดปเตอร์ชาร์จก็ไม่มีให้เหมือนเดิม แต่จุดที่ดีมากคือระบบชาร์จไวของ Samsung นั้นใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ที่รองรับ PD ได้ ใครที่มีอะแดปเตอร์ที่รองรับอยู่แล้วก็ใช้งานควบคุ่กันได้เลย หรือของรุ่นก่อนก็ใช้งานได้เช่นกัน ซึ่งความเร็วสูงสุดที่ 45W ในความรู้สึกเราก็คิดว่าเพียงพอแล้วล่ะ ไม่ได้ช้ามากและก็เร็วกำลังดี ด้วยความที่แบตฯอึดขึ้น คงไม่ต้องคอยชาร์จบ่อย ๆ เหมือนรุ่นก่อนแล้วอะนะ

ทั้งหมดนี้ก็เป็น 3 ความพี๊คคคที่เราได้รับจาก Galaxy S23 Ultra จริง ๆ ครับ อย่างที่บอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ต้องใช้งานจริงถึงจะรู้เท่านั้น และแน่นอนว่าเป็น 3 จุดที่แก้ Pain Point ของ Galaxy S22 Ultra เดิมได้อย่างหมดจด ทั้งเรื่องกล้องที่ดีขึ้นคมชัดขึ้น, ความลื่นไหลเร็วแรงที่ตอบสนองดีขึ้น หรือการควบคุมพลังงานและความร้อนที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เป็นความพี๊คคคที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้เราหลงรัก S23 Ultra อย่างเต็มเปาจริง ๆ

ราคาเริ่มต้น 43,900 บาท มีให้เลือก 3 ความจุ

สรุปราคากันสักหน่อยครับ Galaxy S23 Ultra เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเรียบร้อย มีให้เลือก 3 รุ่นความจุมีราคาแต่ละรุ่นดังนี้

  • รุ่น 8GB + 256GB ราคา 43,900 บาท
  • รุ่น 12GB + 512GB ราคา 49,900 บาท
  • รุ่น 12GB + 1TB ราคา 59,900 บาท

โดยจะมีให้เลือก 4 สีคือ สีเขียว, สีม่วง Lavender, สีครีม (สีที่รีวิว) และสีดำ Phantom Black ครับผม

สรุปแล้ว “นี่แหละคือการอัปเกรดที่สมกับความพี๊คคคอย่างแท้จริง”

สรุปแล้ว Galaxy S23 Ultra ก็ถือเป็นการอัปเกรดในปัญหาเดิมของรุ่นก่อนให้ “พี๊คคค” สมกับสโลแกนอย่างแท้จริง แม้ภายนอกจะไม่ต่างกันมาก แต่อย่างที่เราบอกว่าถ้าได้สัมผัสจริง ๆ จะรู้ว่าการอัปเกรดในครั้งนี้ช่วยมอบประสบการณ์ให้แตกต่างไปจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน กับ 3 ความพี๊คคคที่เราได้บอกคือ 1.ความคมชัดของกล้องที่ยกระดับมาถึง 200MP ถ่ายภาพนิ่งได้ชัดขึ้นทุกระยะ วิดีโอที่สูงขึ้นในทุกโหมดและวิดีโอ 8K แบบใช้งานจริงก็มาแล้ว 2.ความลื่นไหล ที่ได้ชิปที่แรงที่สุด Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy มี UI ที่ปรับจูนมาดีมาก สมูท ไม่ติดขัด 3.ควบคุมทุกอย่างได้อย่างหมดจด ทั้งความร้อนที่ระบายได้ดีไม่สะสมจนขัดใจเวลาใช้งานนาน ๆ แบตเตอรี่ที่อึดขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รอดถ้าถ่ายรูปหนัก ๆ อีกต่อไป ซึ่งเราว่าแค่ 3 ความพี๊คคคนี้ก็เพียงพอต่อการเป็นเรือธงที่ครบเครื่องในตอนนี้แล้ว แต่นั่นคือเรื่องที่อัปเกรดมาจากรุ่นก่อนเท่านั้น เพราะถ้าไม่นับเรื่องใหม่ S23 Ultra ก็ยังมีทั้งหน้าจอระดับท็อปของวงการ, ปากกา S Pen ที่ช่วยในการทำงานอีกเยอะ หรือ Ecosystem ที่แข็งแกร่งอีกด้วยครับ แต่ถ้าถามเราว่าจุดที่ยังติดใจอยู่มีไหม ก็คงเป็นเรื่องรูปลักษณ์ที่อาจจะคล้ายเดิมไปหน่อย ถ้ามาจาก S22 Ultra ก็อาจจะไม่ได้ประทับใจในความสวยงามขึ้นเท่าไหร่แค่นั้นเองครับ

สรุปอีกทีก็คือในนาทีนี้ใครที่มองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น กล้อง, สเปค, ความสามารถพิเศษอื่น เราว่าไม่มีรุ่นไหนเหมาะเท่า Galaxy S23 Ultra แล้วล่ะครับ!

Android News20 นาที ago

คาดหวัง ! Ice Universe เผย One UI 7.0 จะมีแอนิเมชันและการเปลี่ยนฉากต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมมาก

หลังจากที่เคยมีรายงา...

Android News1 ชั่วโมง ago

Redmi Note 14 5G Series ยืนยันเปิดตัวในอินเดียวันที่ 9 ธ.ค. มาพร้อมสโลแกน “Super Camera, Super AI”

Xiaomi ได้ประกาศวันเ...

Apple News2 ชั่วโมง ago

ลือ ! Apple กำลังสร้าง ‘LLM Siri’ ในปี 2026 บน iOS 19

ตามรายงานของ Bloombe...

Android News17 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News17 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News18 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review20 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News21 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก