Smart Review
รีวิว Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ดีไซน์เรียบหรูที่ลงตัว พร้อมกล้องถ่ายรูปได้สว่างกว่า
Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge สมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการดีไซน์ใหม่ ดูเรียบหรู และลงตัวอย่างที่ไม่มีมาก่อนจาก Samsung ด้วยตัวเครื่องโลหะแล้วครอบทับด้วยกระจกกันรอยขีดข่วน ทำให้ทั้ง 2 รุ่นดูมีมิติและสวยงามกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา
สรุปสเปค Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge
- เครือข่าย 2G, 3G, 4G LTE
- ขนาดซิม Nano SIM
- ขนาดตัวเครื่อง 143.4 x 70.5 x 6.8 มม.
- น้ำหนัก 138 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 5.1 นิ้ว Super AMOLED Capacitive ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล กระจกกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4 โดยรุ่น Galaxy S6 edge จะมีขอบจอโค้งทั้งสองข้าง
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop
- ชิปเซ็ต Exynos 7420
- ซีพียู Octa-core 2.1 GHz (Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & Quad-core 2.1 GHz Cortex-A57)
- จีพียู Mali-T760
- แรม 3GB
- ความจำตัวเครื่อง 32GB (ไม่รองรับความจำภายนอก)
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล แฟลช LED
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi, Bluetooth 4.1, Infrared, NFC
- GPS/A-GPS, GLONASS, Beidou
- แบตเตอรี่ 2,550 mAh (Galaxy S6)
- แบตเตอรี่ 2,600 mAh (Galaxy S6 edge)
ตัวเครื่อง ดีไซน์ และหน้าจอแสดงผล
Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ตัวเครื่องเป็นโหละแล้วครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 4 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากจะช่วยปกป้องตัวเครื่องแล้ว ยังให้มุมมองที่มีมิติเมื่อแสงตกกระทบด้วย หากมองในมุมที่ต่างกันรวมถึงสีของแสงที่ตกกระทบตัวเครื่องด้วย จะทำให้เรามองเห็นเฉดสีของตัวเครื่องเปลี่ยนไปด้วย
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมหน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว Super AMOLED ความคมชัดระดับ Quad HD (1440 x 2560 พิกเซล) ความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ประมาณ 577 พิกเซลต่อนิ้ว สัดส่วนของหน้าคิดประมาณ 71% ของพื้นที่ตัวเครื่อง โดยรุ่น Galaxy S6 edge จะมีความโดดเด่นเพิ่มเข้ามาคือ ขอบจอโค้งทั้ง 2 ด้าน
ขอบด้านล่างตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge มีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน, ช่องเสียบ micro USB, ไมโครโฟน และช่องสำหรับเสียงลำโพง
ขอบด้านบนตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S6 มีรูเล็ก ๆ ซึ่งเป็นไมโครโฟน และอินฟราเรด ในขณะที่ Samsung Galaxy S6 edge ก็มีไมโครโฟนและอินฟราเรดเช่นกัน แต่จะมีช่องใส่ถาดซิมขนาด Nano SIM อยู่ในส่วนนี้ด้วย เหตุผลที่ช่องใส่ถาดซิมย้ายมาอยู่ตรงส่วนนี้ก็เพราะว่าขอบข้างซ้ายและขวาของ S6 edge นั้นเหลือพื้นที่บางมาก เพราะถูกดีไซน์ให้เป็นพื้นที่ของหน้าจอที่โค้งลงมานั่นเอง
ขอบด้านข้างขวาของ Samsung Galaxy S6 มีปุ่มปิด/เปิดเครื่องหรือใช้สำหรับปิด/เปิดหน้า และช่องใส่ถาดซิมขนาด Nano SIM ในขณะที่ Samsung Galaxy S6 edge จะมีเพียงปุ่มเดียวคือ มีปุ่มปิด/เปิดเครื่องหรือใช้สำหรับปิด/เปิดหน้า โดยทั้ง 2 รุ่นไม่รองรับความจำภายนอกจึงไม่มีช่องเสียบ microSD
ขอบทางด้านซ้ายของทั้ง 2 รุ่นมีปุ่มปรับระดับเสียงที่มีดีไซน์ยาวรีแตกต่างจาก Galaxy S5 คือจะแยกออกจากกันระหว่างปุ่มเพิ่มเสียงกับปุ่มลดเสียง นอกจากนี้แล้วขอบของตัวเครื่องยังมีดีไซน์แบบใหม่ที่ดูสวยงามไปอีกแบบ
เหนือหน้าจอของ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge มีไฟ LED แจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ, เซ็นเซอร์วัดระยะใกล้/เซ็นเซอร์วัดแสง, ลำโพงสำหรับเสียงสนทนา และเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล F1.9 จากการทดสอบถ่ายได้สว่างขึ้นจริง
ด้านล่างหน้าจอยังคงความเป็น Samsung คือมีปุ่มสัมผัส 2 ปุ่มอยู่ระหว่างปุ่มโฮม แต่ทั้ง 2 รุ่นใหม่นี้มาพร้อมปุ่มโฮมที่ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วที่สะดวกมากขึ้น สามารถแตะเพื่อสแกนลายนิ้วมือได้เลย ไม่ต้องรูดนิ้วเหมือนรุ่นที่ผ่านมา
ด้านหลังของทั้ง 2 รุ่นครอบทับด้วยกระจกกันรอยเช่นเดียวกับด้านหน้า มีเลนส์กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีลักษณะนูนขึ้นมา ส่วนข้าง ๆ เลนส์กล้องคือไฟแฟลช LED สำหรับช่วยถ่ายภาพในที่มืด และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ จะเห็นว่าลำโพงไม่ได้อยู่ด้านหลังอีกต่อไปแล้ว เพราะถูกย้ายไปอยู่ที่ขอบด้านล่างตัวเครื่องแทน
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด แต่ก็ยังมีความเป็น Samsung เหมือนเดิม คือมองแล้วรู้เลยว่าคือ Samsung นั่นเอง แม้ว่าไอคอนแอพพลิเคชั่นบางตัวจะเปลี่ยนไปก็ตาม
เข้าสู่หน้าหลักหรือหน้าโฮมด้วยการปัดหน้าจอขณะล็อก นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแตะที่ไอคอนกล้องเพื่อปัดเข้าสู่การใช้งานกล้องถ่ายรูปได้ด้วย หรือจะแตะที่ไอคอนการโทรเพื่อปลดล็อกหน้าจอไปยังฟังก์ชั่นการโทรได้ทันทีเช่นกัน
การแจ้งเตือนแบบใหม่ที่แสดงรายการเรียงอยู่หน้าล็อกสกรีน สามารถปัดเพื่อลบรายการแจ้งเตือน หรือแตะเพื่อดูรายละเอียดการแจ้งเตือนแต่ละรายการได้จากหน้าล็อกสกรีน
เมื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge จะเห็นว่าในหน้าแรกจะมีทั้งไอคอนแอพพลิเคชั่น วิดเจ็ตค้นหาจาก Google และวิดเจ็ตสภาพอากาศ เมื่อปัดไปทางด้านขวาเพื่อดูหน้าทางด้านซ้ายจะเป็นในส่วนของแมกกาซีนข่าวจากแอพ Flipboard ในขณะที่หน้าทางด้านขวาก็เป็นหน้าที่เรียงไอคอนแอพต่าง ๆ และวิตเจ็ตเริ่มต้นที่ใส่มาให้เป็นวิตเจ็ตโปรโมชั่นจาก Samsung Galaxy
ในหน้าโฮม เมื่อจีบ 2 นิ้วเข้าหากันหรือแตะค้างบริเวณพื้นที่ว่าง จะเข้าสู่การปรับแต่งและตั้งค่าหน้าจอได้ ได้แก่ เปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, เพิ่มวิดเจ็ต และในที่สุด Samsung ก็เพิ่มระบบเปลี่ยนธีมเข้ามาให้แล้ว นอกจากนี้ก็ยังสามารถลบ/เพิ่มหน้าโฮมได้จากในส่วนนี้เช่นกัน
ธีมที่มาบน Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge มีทั้งหมด 3 ธีม และสามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากร้านค้า ซึ่งมีธีมให้เลือกดาวน์โหลดอีกเพียบและฟรี
มีธีมที่น่าสนใจอย่าง Avengers – Age of Ultron ซึ่งเมื่อเลือกเปลียนธีมแล้ว ทุกอย่างจะถูกเปลี่ยนไปใช้ของตัวธีมแต่ละตัวทันที่ ทั้งภาพวอลเปเปอร์, ไอคอนแอพพลิเคชั่น และหน้าล็อกสกรีน เป็นต้น แต่ผู้ใช้ก็สามารถเข้าไปปรับแต่งแต่ละส่วนเองได้
กลับมาในส่วนของ App Drawer จะเรียงแบบ 4 x 5 แถว ปัดซ้ายขวาเพื่อเลื่อนหน้าถัดไป และเมื่อแตะที่เมนูแก้ไขที่อยู่ตรงมุมขวาบนจะสามารถลบหรือถอนการติดตั้งแอพพลิเคชั่นระบบได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลบแอพพลิเคชั่นที่ไม่ต้องการและไม่ได้ใช้งานออกจากเครื่องได้โดยไม่ต้องรูทเครื่อง
เมื่อแตะที่ปุ่ม Recent Apps (ปุ่มซ้ายสุด) จะเข้าสู่หน้าแสดงรายการแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานล่าสุด ซึ่งสามารถเลื่อนดูแล้วแตะเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นนั้นได้ทันที หรือจะปิดการทำงานก็ได้
ในส่วนของ Control Panel เปลี่ยนไปเล็กน้อย และดูง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ จะมีพื้นหลังสีขาว จากเดิมบน Android 4.4 จะมีพื้นหลังสีดำ นอกจากนี้แล้วเมนูสำหรับแก้ไขในส่วนของไอคอนการตั้งค่าต่าง ๆ ก็เปลี่ยนมาใช้คำว่า แก้ไข เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้น จากเดิมจะเป็นไอคอนสัญลักษณ์ ซึ่งบางครั้งผู้ใช้เองก็อาจจะงงว่าไอคอนนี้คือเมนูอะไร
ในส่วน Control Panel ยังได้เพิ่ม S Finder และการเชื่อมต่อด่วน ให้ใช้งานด้วย สำหรับเมนูการเชื่อมต่อด่วน เป็นการเรียกใช้งานหรือเรียกดูการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในที่เดียว นอกจากนี้แล้วอุปกรณ์เสริมที่เชื่อมต่อกันอยู่ยังแสดงปริมาณแบตเตอรี่ให้ดูด้วย
เมนูเกี่ยวกับการตั้งค่าจอภาพจะมีหลัก ๆ คือ ปรับความสว่าง, ปรับขนาดตัวอักษร, เวลาพักหน้าจอ และมีโหมดสำหรับปรับจอภาพตามโหมดต่าง ๆ ได้ด้วย ได้แก่ โหมดแสดงผลแบบปรับได้เพื่อปรับปรับช่วงสี ระดับสี และความคมชัดอัตโนมัติ, โหมดโรงภาพยนต์ AMOLED, โหมดถ่ายรูป AMOLED และโหมดพื้นฐาน
ฟีเจอร์ขอบจอโค้งของ Samsung Galaxy S6 edge ในเมื่อมีขอบจอโค้ง แน่นอนว่าต้องมีฟีเจอร์ที่ประโยชน์ได้ เริ่มจากเข้าไปที่เมนูการตั้งค่า >> ขอบจอ เพื่อดูว่ารุ่นนี้มีอะไรแตกต่างไปจาก Galaxy S6 บ้าง
Edge Lighting เป็นการตั้งค่าให้หน้าจอขอบสว่างเมื่อมีสายโทรเข้าหรือได้รับการแจ้งเตือนต่าง ๆ ตามเบอร์โทรที่ตั้งค่าเอาไว้ หากต้องการใช้งานฟีเจอร์นี้ให้ทำการเปิดใช้งานในส่วนของ Edge Lighting เอาไว้ครับ โดยฟีเจอร์นี้ขอบจอจะสว่างเมื่อคว่ำหน้าสมาร์ทโฟนเอาไว้ครับ
People edge เป็นการตั้งค่าหน้าจอขอบให้สว่างเป็นสีต่าง ๆ ทั้งหมด 5 สี เมื่อมีการแจ้งเตือนจากเบอร์โทรนั้น ๆ ซึ่งสามารถตั้งค่าได้สูงสุด 5 เบอร์เท่านั้นตามจำนวนสีแจ้งเตือน และเมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว สามารถปัดขอบจอเพื่อดูรายชื่อที่ตั้งเอาไว้ได้ โดยสามารถแตะเพื่อโทรหาและส่งข้อความหารายชื่อนั้น ๆ ได้ด้วย
สำหรับ People edge จะแสดงสีต่าง ๆ ที่ขอบจอเมื่อมีการแจ้งเตือนค้างอยู่ ซึ่งสีที่แสดงนั้นจะเป็นสีตามรายชื่อที่ตั้งค่าเอาไว้นั่นเอง เราสามารถลากแถบสีเพื่อดูรายละเอียดการแจ้งเตือนได้
เลือกการแจ้งเตือน ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการได้ขอบจอสว่างเมื่อมีการแจ้งเตือนใดบ้าง ได้แก่ สายที่ไม่ได้รับ, ข้อความ และอีเมล
สตรีมข้อมูล คือการแสดงฟีดข่าวที่ขอจอเมื่อหน้าจอหลักดับ สามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงอะไรบ้าง และปรับตำแหน่งการสตรีมข้อมูลต่าง ๆ ได้ด้วย อยากแสดงฟีดอะไรบ้างก็ติ๊กถูกตามใจชอบเลยครับ
นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดฟีดข่าวเพิ่มเติมได้ด้วย ตอนนี้ก็มีจาก BILD, LINE Whoscall และ RSS Feeds for Adge คาดว่าในอนาคตน่าจะมีเพิ่มเข้ามาอีก
นาฬิกากลางคืน เป็นการแสดงนาฬิกาและวันที่ในขณะที่หน้าจอหลักดับ ฟีเจอร์นี้ก็มีประโยชน์สำหรับการดูเวลาในช่วงกลางคืน ไม่ต้องเปิดหน้าจอหลักให้แสบตา
ตำแหน่งหน้าจอขอบ แม้จะมีขอบจอทั้ง 2 ด้าน แต่ก็เลือกใช้งานได้เพียง 1 ด้านเท่านั้น จะซ้ายหรือขวาก็ตามความถนัดเลยครับ ^^
S Health 4.0
แอพพลิเคชั่นสำหรับการจัดการและจัดเก็บข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งเวอร์ใหม่นี้หน้าตาและฟีเจอร์เปลี่ยนไปจากเดิมจนแทบจะจำไม่ได้ แต่ก็ยังใช้งานง่ายเหมือนเดิม ข้อมูลแต่ละส่วนจะแสดงเป็นภาพกราฟิกสวยงาม และกราฟิกแสดงรายละเอียดรายวัน รายชื่อโมงด้วย และถ้าทำได้ถึงเป้าหมายก็จะมี Badge รางวัลให้ด้วย
เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ
อินเตอร์เฟซขณะวัดอัตราการเต้นหัวใจก็เปลี่ยนไป ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดนี้จะแสดงเป็นกราฟคลื่นหัวใจขณะทำการวัด สามารถวัดและจัดเก็บข้อมูลได้ผ่านในตัวแอพ S Health 4.0
Peel Smart Remote
ตัวควบคุมทีวีและอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่านอินฟราเรด ใช้ได้กับทีวีหลายรุ่น และกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม เรียกได้ว่าใช้แทนรีโมทที่มากับทีวีได้เลยครับ
Smart Manager
แอพพลิเคชั่นจัดการระบบด้วยคลิกเดียว แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, ความจำแรม และระบบป้องกันอุปกรณ์
- ในส่วนของแบตเตอรี่ สามารถเข้าไปปรับการตั้งค่าการใช้งานหรือจัดการการใช้พลังงานได้ รวมถึงเลือกไปใช้โหมดประหยัดพลังงานจากในส่วนนี้ได้ด้วย
- ที่จัดเก็บ เป็นการจัดการในส่วนของการใช้พื้นที่ความจำตัวเครื่อง สามารถเข้าไปจัดการลบไฟแคช และอื่น ๆ หรือถอนการติตตั้งแอพที่ไม่ได้ใช้งานได้ ระบบนี้ใช้ของ Clean Master นั่นเอง
- RAM สำหรับจัดการและคืนความจำแรมให้กับระบบ บางครั้งเมื่อเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นหลาย ๆ ตัว ความจำเร็วก็จะถูกใช้งานและอาจทำให้ระบบทำงานไม่ได้หรือค้าง
- ระบบป้องกันอุปกรณ์ คือตัวสแกนไวรัสซึ่งใช้ระบบของ McAfee และเป็นการจัดการรวมถึงควบคุมการใช้งานตัว My KNOX
S Planner
ปฏิทินของ S Planner ก็ปรับเปลี่ยนอินเตอร์เฟซใหม่ แสดงสภาพอากาศได้ในแต่ละวันด้วยไอคอนได้สวยงาม และเมื่อปัดจากขอบล่างขึ้นด้านบนก็จะแสดงรายละเอียดของวันนั้น ๆ ส่วนเครื่องหมายบวกสีเขียว ๆ สำหรับเพิ่มอีเวนท์ลงในไปในแต่ละวันครับ
Microsoft Apps
Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge มีแอพของ Microsoft ติดตั้งมาให้ด้วย ได้แก่ OneDrive ซึ่งให้พื้นที่ฟรีมากถึง 100GB และ Skype
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge อยู่ที่ปุ่มโฮม แตะเพื่อสแกนได้เลย ไม่ต้องรูดนิ้วอีกต่อไปแล้ว สามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่เมนูการตั้งค่า >> หน้าจอล็อกและระบบป้องกัน >> ลายนิ้วมือ
สามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้สูงสุด 4 ลายนิ้วมือ ในการเพิ่มลายนิ้วมือแต่ละครั้งค่อนข้างใช้เวลานานในการบันทึกให้ทั่วทั้งนิ้วมือ แต่เมื่อใช้ปลดล็อกถือว่าทำงานได้เร็วมาก อีกทั้งยังสามารถวางนิ้วมือลงบนปุ่มโฮมได้จากทุกมุม ประโยชน์ของฟีเจอร์นี้หลัก ๆ คือใช้สำหรับปลดล็อกเมื่อเข้าสู่ระบบเว็บ และสำหรับ Samsung account
แบตเตอรี่และการประหยัดพลังงาน
Samsung Galaxy S6 มีแบตเตอรี่ฝังอยู่ภายในตัวเครื่องขนาด 2,550 mAh และ Galaxy S6 edge มีแบตเตอรี่ 2,600 mAh ทั้งคู่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเองได้ ซึ่งขนาดแบตเตอรี่ที่ให้มาถือว่าน้อยหากเทียบกับขนาดหน้าจอและความคมชัดของหน้าจอ รวมถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ
นอกจากนี้แล้วในส่วนฟีเจอร์ด้านพลังงานแบตเตอรี่ก็มีโหมดประหยัดพลังงานมาให้ 2 โหมดคือ โหมดประหยัดพลังงานธรรมดา ซึ่งไม่แตกต่างจากการปิดโหมดเท่าไหร่ และโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง โหมดนี้จะเปลี่ยนหน้าจอสีเป็นจอขาวดำ แต่ยังคงใช้งานแอพพลิเคชั่นได้เหมือนเดิมในหน้าจอแบบขาวดำ ซึ่งทำให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
ผลทดสอบคะแนน Benchmark
Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ใช้ชิปเซ็ต Exynos 7420 ซีพียู Octa-core 2.1 GHz (Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & Quad-core 2.1 GHz Cortex-A57) จีพียู Mali-T760 และแรม 3GB
AnTuTu Benchmark 64-bit : Galxy S6 ได้ 65,442 คะแนน และ Galaxy S6 edge ได้ 64,824 คะแนน
Quadrant Standard : Galxy S6 ได้ 35,922 คะแนน และ Galaxy S6 edge ได้ 36,409 คะแนน
Geekbench 3
- Single-core : Galxy S6 ได้ 1,428 คะแนน และ Galaxy S6 edge ได้ 1,436 คะแนน
- Multi-core : Galxy S6 ได้ 4,605 คะแนน และ Galaxy S6 edge ได้ 4,571 คะแนน
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- Pressure Sensor ตรวจวัดความกดอากาศ
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ทดสอบเล่นเกม Modern Combat 5: Blackout บน Samsung Galaxy S6 และถ่ายคลิปวิดีโอด้วยกล้องของ Samsung Galaxy S6 edge ที่ความละเอียด UHD 4K
ทดสอบเล่นเกม Asphalt 8: Airborne บน Samsung Galaxy S6 และถ่ายคลิปวิดีโอด้วยกล้องของ Samsung Galaxy S6 edge ที่ความละเอียด UHD 4K
กล้องถ่ายรูป
Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge มีกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลที่อัตราส่วนภาพ 16:9 และขนาดภาพสูงสุด 2988 x 5312 พิกเซล ตัวกล้องมีระบบกันภาพสั่นไหว OIS (Optical image stabilization) พร้อมระบบออโต้โฟกัส, โฟกัสแบบติดตามวัตถุเคลื่อนที่ และแฟลช LED ช่วยถ่ายภาพในที่มืดหรือแสงน้อย
จุดเด่นของกล้อง Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge คือรูรับแสง F1.9 ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำออกมาได้สว่างและดีกว่าเดิมเมื่อเทียบกับกล้อง Galaxy S5 ที่มีค่ารูรับแสงแคบกว่า นอกจากนี้ก็ยังรองรับการแนบแผนที่ลงในรูปภาพ, แตะหน้าจอเพื่อโฟกัสภาพ, มีระบบตรวจจับใบหน้า, Auto HDR และการถ่ายภาพโหมดพาโนรามา ยังไม่หมดแค่นั้น โหมดการถ่ายภาพยังสามรถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ด้วย ได้แก่
- โฟกัสที่เลือก สามารถเปลี่ยนโฟกัสของรูปภาพหลังจากถ่ายแล้ว จะโฟกัสที่วัตถุหน้า หรือหลัง หรือโฟกัสทั้งคู่ก็ได้
- พาโนรามา เป็นการถ่ายภาพต่อเนื่องในแนวนอนหรือแนวตั้ง
- ช็อตเสมือนจริง โหมดกล้องตัวใหม่ที่ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพรอบวัตถุได้แบบ 360 องศา หลังจากถ่ายแล้วก็สามารถเลือนดูภาพไปรอบ ๆ ได้
- กีฬา เป็นการถ่ายภาพที่กำลังเคลื่อนไหวเร็ว โหมดนี้จำช่วยให้การโฟกัสภาพชัดขึ้น
- เสียงและช็อต โหมดตัวนี้มีให้ใช้งานก่อนหน้านี้แล้วในหลาย ๆ รุ่น คือการถ่ายภาพแล้วบันทึกเสียงลงไปได้ 2-3 วินาที
- อาหาร โหมดสำหรับถ่ายภาพอาหารให้ออกมามีสีสันน่ากินขึ้น
- ช็อตรอบทิศทาง เป็นการถ่ายภาพแบบ 360 องศารอบตัวเรา หรือที่รู้จักกันในชื่อ Photo Sphere
- GIF เป็นโหมดถ่ายภาพแบบเคลื่อนไหว เหมาะการถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวไปมา เช่น ใบไม้ปลิวขณะลมพัด, น้ำตก เป็นต้น
และสำหรับคนชอบเซลฟี่ ก็จะมีโหมดเซลฟี่และโหมดหน้าสวยมาให้ด้วย
สำหรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลัง สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงในระดับ 4K หรือ 2160p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที, ความละเอียด 1440p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที, ความละเอียด 1080p ที่ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาที, ความละเอียด 720p ที่ความเร็ว 120 เฟรมต่อวินาที, และบันทึกวิดีโอแบบ HDR
เพิ่มเติมสำหรับการบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด 2160p และ 1440p จะสามารถบันทึกได้นานสูงสุดเพียง 5 นาทีต่อการบันทึกแต่ละครั้ง
ในส่วนของกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.9 และมีโหมด Auto HDR เช่นเดียวกับกล้องหลัง นอกจากนี้แล้วในการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าสามารถใช้นิ้วแตะที่เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแล้วปล่อยนิ้วเพื่อกดถ่ายรูปได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ในโหมดพาโนรามา (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยโหมดเซลฟี่จากกล้องหน้าของ Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge (แตะที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)
ตัวอย่างวิดีโอความละเอียด 2160p (4K) ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างวิดีโอ Time-lapse หรือเคลื่อนไหวเร็ว ในอัตราเร่งความเร็ว 16X
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์เรียบหรู ตัวเครื่องโหละครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 4 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- หน้าจอแสดงผล 5.1 นิ้ว Super AMOLED Capacitive ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล
- ระบบปฏิบิติการ Android 5.0.2 Lollipop และรองรับการอัปเดทเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ในอนาคต
- หน่วยประมวลผล Exynos 7420 Octa-core 2.1 GHz กับแรม 3GB
- รองรับ 4G LTE ในไทย
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่น OIS และรูรับแสง F1.9
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- แบตเตอรี่ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเครื่อง และแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
- ไม่รองรับ microSD
ขอขอบคุณ Samsung (ประเทศไทย)