Featured
รีวิว Samsung Galaxy S8+ ดีไซน์ใหม่สวยล้ำ หน้าจอใหญ่ ไร้กรอบ และกล้องโฟกัสเร็ว
Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ สมาร์ทโฟนใหม่ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ หน้าจอขนาดใหญ่ ไร้กรอบ มาพร้อมระบบความปลอดภัยสแกนม่านตา และกล้องโฟกัสเร็วความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel
ตารางเปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S8, S8+, S7 และ S7 edge
รุ่น | Galaxy S8 | Galaxy S8+ | Galaxy S7 | Galaxy S7 edge |
บาง | 8 มม. | 8.1 มม. | 7.9 มม. | 7.7 มม. |
น้ำหนัก | 155 กรัม | 173 กรัม | 152 กรัม | 157 กรัม |
หน้าจอ | 5.8 นิ้ว WQHD | 6.2 นิ้ว WQHD | 5.1 นิ้ว QHD | 5.5 นิ้ว QHD |
ชิปเซ็ต | Exynos 8895 Octa | Exynos 8890 Octa | ||
ระบบปฏิบัติการ | มาพร้อม Android 7.0 Nougat กับ Grace UX | อัปเดท Android 7.0 Nougat กับ Grace UX | ||
แรม | 4 GB | 4 GB | ||
ความจุเครื่อง | 64 GB | 32GB / 64GB | ||
MicroSD card | เพิ่มได้สูงสุด 256 GB (ช่อง SIM 2) | เพิ่มได้สูงสุด 256 GB (ช่อง SIM 2) | ||
กล้องหลัง | 12 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส Dual Pixel, f/1.7 และแฟลช LED | 12 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส Dual Pixel, f/1.7 และแฟลช LED | ||
กล้องหน้า | 8 ล้านพิกเซล f/1.7 ออโต้โฟกัส | 5 ล้านพิกเซล f/1.7 ฟิกโฟกัส | ||
NFC | ||||
Infrared | ||||
สแกนนิ้วมือ | ปุ่มด้านหลังตัวเครื่อง | ปุ่มโฮมล่างหน้าจอ | ||
สแกนม่านตา | ||||
สแกนใบหน้า | ||||
แบตเตอรี่ | 3,000 mAh Fast Charge | 3,500 mAhFast Charge | 3,000 mAh Fast Charge | 3,600 mAhFast Charge |
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกจาก Samsung ที่เปลี่ยนแปลงในเรื่องของดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในซีรีส์ Galaxy S เท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่เต็มพื้นที่ด้านหน้า เกือบชิดขอบบนกับขอบล่าง และขอบโค้งทั้ง 2 ข้าง
วัสดุหลักของตัวเครื่องเป็นกระจกกันรอย ขอบโค้งเว้าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในขณะที่กรอบตัวเครื่องเป็นโลหะที่ผ่านดีไซน์ได้อย่างลงตัว เรียบสนิทเป็นเนื้อเดียวกับกระจกตัวเครื่อง
นอกจากความโค้งเว้าที่ขอบตัวเครื่องแล้ว ในรุ่น Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ยังดีไซน์ส่วนโค้งให้เท่ากันด้วย (จากเดิมในรุ่น Galaxy S7 edge หน้าจอจะโค้งมากกว่าฝาหลัง) และบริเวณมุมตัวเครื่องก็มีความโค้งมน ทำให้การหยิบจับใช้งานเหมาะมือมากขึ้นด้วย
หน้าจอของ Galaxy S8+ มีขนาด 6.2 นิ้ว แต่ขนาดเท่ากับสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอประมาณ 5.5 นิ้ว จึงทำให้รุ่นนี้ยังสามารถจับใช้งานในมือข้างเดียวได้โดยไม่รู้สึกว่าขนาดจะใหญ่เกินไป เนื่องจากการดีไซน์หน้าจออยู่ในอัตราส่วน 18.5:9 นั่นคือการเพิ่มความยาว แต่ความกว้างยังคงใกล้เคียงกับขนาดเดิม
Galaxy S8+ มีหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ของโค้งมน ความละเอียดระดับ Quad HD (1440 x 2960 พิกเซล) ความสวยงามในการแสดงสีสันบนหน้าจอคงไม่ต้องพูดถึง เพราะความหนาแน่นของจุดพิกเซลมีมากถึง 529 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI)
ความพิเศษของหน้าจอ Galaxy S8 และ Galaxy S8+ คือมีเทคโนโลยีรับรู้แรงกดบริเวณปุ่มโฮมด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถกดหนักลงไปบริเวณปุ่มโฮมเหมือนกับปุ่มกดปกติได้เลย ระบบจะมีการสั่นเตือนในการรับรู้แรงกด
บริเวณเหนือหน้าจอมีเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ได้แก่ เซ็นเซอร์สำหรับสแกนม่านตา กล้องหน้าขนาด 8 ล้านพิกเซล และช่องลำโพงสำหรับเสียงสนทนา
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องถาดใส่ซิมแบบไฮบริด เลือกใส่ซิมการ์ดขนาด Nano SIM ได้พร้อมกัน 2 ซิม หรือจะเลือกใส่ microSD card ในช่องซิม 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องก็ได้
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีไมโครโฟน พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพง
ขอบด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน Bixby
ขอบด้านซ้ายมีปุ่ม Power สำหรับกดปิด/เปิดเครื่อง หรือกดปิด/เปิดหน้าจอ
เลนส์กล้องหลังของ Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ปรับดีไซน์ใหม่ไม่ให้นูนขึ้นมาเหนือฝาหลังแล้ว ตัวกล้องมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED และมีปุ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ฝาหลังของ Galaxy S8+ ไม่สามารถแกะถอดออกเองได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh และตัวเครื่องสามารถกันน้ำ กันฝุ่นได้ มาตรฐาน IP68 คือกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
อุปกรณ์เสริมของ Galaxy s8+ ตัวใหม่อย่างเช่นเคส 2Piece Cover เป็นเคส 2 ชิ้นใส่ประกบด้านหลังตัวเครื่อง โดยมีแผ่นแม่เหล็กช่วยให้เคสยึดติดแน่นหนา
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Galaxy S8+ รันระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat และ Grace UX เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่มีการออกแบบใหม่ ปรับปรุงเฉดสีให้นุ่มนวล ไอคอนแอพพลิเคชั่นที่ดูเรียบง่าย การทำงานที่ช่วยให้เกิดความง่ายในการใช้งาน และด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ 6.2 นิ้ว การถือใช้งานด้วยมือเดียวอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก ซึ่ง Samsung ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้สามารถปัดหน้าจอขึ้นเพื่อเข้าสู่ในส่วนของ App Drawer ได้ หรือปัดลงเพื่อกลับมายังหน้าโฮม โดยไม่ต้องใช้นิ้วมือเอื้อมไปแตะไอคอนใด ๆ บนหน้าจอเลย
เมื่อแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่น จะมีเมนูตัวเลือกเพิ่มเติมเด้งขึ้นมาให้เลือกใช้งาน ซึ่งบางแอพก็จะมีเมนูแตกต่างกันออกไปตามการใช้งานของแอพนั้น ๆ
ในส่วนของ Notification และ Quick Settings มีพื้นหลังเป็นสีขาว แสดงรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ และไอคอนเมนูต่าง ๆ ที่สามารถจัดเรียงตารางไอคอนได้สูงสุด 5 x 3 แถว
การเชื่อมต่อไร้สายของ Galaxy S8+ รองรับเครือข่าย Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac ใช้เป็นจุดกระจายสัญญาณ Wi-Fi Hotspot รองรับ Bluetooth 5.0, NFC และใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด รองรับเครือข่าย 3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม
Samsung Galaxy S8+ เปิดใช้งานฟีเจอร์การโทรบนเครือข่าย 4G LTE หรือ VoLTE และการโทรผ่าน Wi-Fi หรือ VoWiFi ได้เลย
ระบบเสียง Galaxy S8+ สามารถปรับคุณภาพและเอฟเฟกต์เสียงได้ โดยบางเอฟเฟกต์ก็จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับหูฟังที่รองรับเทคโนโลยีเดียวกันด้วย และมีฟังก์ชั่นแยกเสียงจากแอพเดียวด้วยลำโพงหรือหูฟังแยกจากเสียงที่มาจากแอพอื่น
หน้าจอของ Galaxy S8+ มีโหมดตัวกรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา ลดการเมื่อยล้า เหมาะสำหรับการใช้งานในตอนกลางคืน และสีสันการแสดงผลบนหน้าจอก็สามารถปรับให้เหมาะสมของแต่ละประเภทได้ รวมไปถึงความละเอียดของหน้าจอก็สามารถปรับความละเอียดได้เช่นกัน ต่ำสุดที่ระดับ HD เพื่อลดการใช้งานพลังงานสำหรับการใช้งานทั่วไป
สำหรับหน้าจอของ Galaxy S8+ มีอัตราส่วน 18.5:9 ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะให้แอพพลิเคชั่นใดแสดงผลแบบเต็มหน้าจอในอัตราส่วนดังกล่าวได้บ้าง เนื่องจากแอพหรือเกมบางตัวที่ดาวน์โหลดมาติดตั้ง เมื่อเลือกให้แสดงผลแบบเต็มจออาจแสดงผลไม่เหมาะสม จึงต้องมีเมนูให้ผู้ใช้งานเลือกเปิดหรือปิดเองได้ ส่วนแอพพลิเคชั่นระบบที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องได้รับการออกแบบให้รองรับการแสดงผลแบบเต็มหน้าจออยู่แล้ว
หน้าจอของ Galaxy S8+ มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Video Enhancer สำหรับเพิ่มคุณภาพของวิดีโอให้เป็นภาพแบบ HDR ได้ภาพที่สว่างและสีที่คมชัดขึ้นแบบอัตโนมัติ แต่ยังมีข้อจำกัดของแอพที่รองรับ ขณะนี้มีแอพเครื่องเล่นวิดีโอของตัวเครื่องและ YouTube ที่รองรับฟีเจอร์นี้
การตั้งค่าหน้าจอโฮมหรือหน้าจอหลัก สามารถเลือกได้ว่าจะให้มีปุ่มไอคอนแสดงแอพ (App Drawer) หรือซ่อนก็ได้ เพราะว่า Galaxy S8+ สามารถใช้นิ้วปัดขึ้นในหน้าจอโฮมเพื่อเข้าสู่หน้าจอแสดงรายการแอพได้เลย ไม่ต้องแตะที่ปุ่มแสดงแอพก็ได้
ปุ่มนำทางบริเวณล่างหน้าจอ สามารถสลับตำแหน่งการใช้งานได้ระหว่างปุ่มล่าสุด (Recent Apps) กับปุ่มย้อนกลับ (Back) ในขณะที่ปุ่มโฮมที่สามารถกดลงไปได้นั้น ก็สามารถปรับความไวในการรับรู้แรงกดได้ และแถบพื้นหลังก็เปลี่ยนสีได้ด้วย
ระบบธีม (Theme) ที่มีให้ใช้งานบน Galaxy S8+ มีให้เลือกใช้ทั้งที่เป็นธีมสำหรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอทั้งหมด หรือจะเลือกใช้เฉพาะภาพวอลเปเปอร์ ไอคอน และมีรูปแบบของหน้าจอสำหรับฟีเจอร์ Always On Display (AOD) ให้เลือกใช้งานด้วย
ฟีเจอร์การสั่งงานด้ายท่าทางและอื่น ๆ ที่มีให้ใช้งานสำหรับ Galaxy S8+ ได้แก่
- พักหน้าจออัจฉริยะ (Smart stay) : หน้าจอจะเปิดไว้ตลอดเมื่อกล้องหน้าตรวจเจอใบหน้า
- ท่าทางเซ็นเซอร์นิ้วมือ : ปัดขึ้นหรือลงบนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดหรือปิดแผงการแจ้งเตือน
- จับภาพอัจฉริยะ : เป็นการแสดงเมนูตัวเลือกเพิ่มเติมหลังจากกดจับภาพหน้าจอ
- ใช้ฝ่ามือปัดจับภาพหน้าจอ : เป็นการใช้สันมือปัดผ่านหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อจับภาพหน้าจอแทนการปุ่ม Power + ปุ่มลดเสียง
- การโทรโดยตรง : เมื่ออยู่ในหน้าจอรายชื่อติดต่อในสมุดโทรศัพท์หรือข้อความ สามารถยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเพื่อโทรออกไปยังเบอร์บนหน้าจอได้ทันที
- การเตือนอัจฉริยะ : เมื่อมีรายการแจ้งเตือนที่ยังไม่มีอ่านค้างอยู่ โทรศัพท์จะสั่นเมื่อหยิบขึ้นมา
- ปิดเสียงอย่างง่าย : ปิดเสียงแจ้งเตือนโดยการใช้ฝ่ามือวางไปบนเซ็นเซอร์เหนือหน้าจอหรือคว่ำหน้าจอลง
- ปัดเพื่อโทร : ปัดรายชื่อติดต่อไปทางขวาเพื่อโทรออกหรือปัดไปทางซ้ายเพื่อส่งข้อความได้ทันที
- ส่งข้อความฉุกเฉิน : กดปุ่ม Power ติดกัน 3 ครั้ง เพื่อส่งข้อความฉุกเฉินไปยังเบอร์ปลายทางที่ตั้งค่าเอาไว้
แอพพลิเคชั่นพื้นฐานที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องส่วนใหญ่ก็จะรองรับการใช้งานมือเดียวได้ด้วยการลดขนาดหน้าลงมา เลื่อนให้ชิดไปทางขวาหรือซ้ายก็ได้ เพื่อให้สามารถแตะใช้งานในมือเดียวได้สะดวก
Game Launcher เป็นฟีเจอร์สำหรับการตั้งค่าเกมที่รวมไว้ในที่เดียว พร้อมตัวเลือกการประหยัดพลังงานโดยการลดความละเอียด และลดอัตราเฟรมให้น้อยลง และหากเปิดใช้งานการประหยัดพลังงานเอฟเฟ็กต์ของเกมบางอย่างก็จะหายไปด้วยเพื่อลดการใช้งานพลังงาน ก็ถือเป็นทางเลือกสำหรับการเล่นเกม นอกจากนี้ก็สามารถปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ ขณะเล่นเกมได้ด้วย
ในส่วนของการเล่นเกม ยังมีฟังก์ชั่นที่เรียกว่า Game Tools หรือเครื่องมือในการใช้งานร่วมกับการเล่นเกม โดยจะเป็นไอคอนซ่อนอยู่บริเวณขอบจอ มาพร้อมเมนูต่าง ๆ ได้แก่
- เลือกปิด/เปิดการแสดงผลแบบเต็มจอ
- ปิด/เปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม
- ล็อคปุ่มป้องกันการกดโดนปุ่มนำทางและขอบจอของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ถือว่าตอบโจทย์การเล่นเกมได้ดีมาก เพราะในบางครั้งมือเราอาจพลาดไปโดยปุ่มกดตัวเครื่องขณะเล่นเกม อาจทำให้พลาดเควสที่อุตส่าห์ตั้งใจเล่นได้
- ย่อหน้าต่างเกม
- บันทึกวิดีโอหน้าจอขณะเล่นเกม
สำหรับฟังก์ชั่นบันทึกวิดีโอหน้าจอขณะเล่นเกม สามารถใส่ภาพเป็นไอคอนเล็ก ๆ ลงไปได้ด้วย หรือใช้กล้องหน้าในการบันทึกหน้าเราลงไปก็ได้เช่นกัน เหมาะกับนักแคสเกมทั้งหลาย อีกทั้งยังเลือกบันทึกเสียงได้ทั้งจากตัวเกม หรือไมโครโฟนของเครื่องก็ได้
ระบบการปลดล็อคหน้าจอ Galaxy S8+ เริ่มจากระบบการจำแนกใบหน้า เป็นการจดจำใบหน้าของผู้ใช้งาน และสามารถใช้สำหรับปลดล็อคหน้าจอได้เท่านั้น การทำงานสามารถทำได้รวดเร็วมาก แค่กดเปิดหน้าจอขึ้นมาแล้วระบบตรวจพบใบหน้าที่ตรงกับใบหน้าที่ลงทะเบียนไว้ก็จะทำการปลดล็อคได้ทันที
ตัวสแกนลายนิ้วมือ ฟีเจอร์ระบบความปลอดภัยที่สามารถใช้ปลดล็อคตัวเครื่อง ยืนยันบัญชี Samsung และใช้ยืนยันตัวตน Samsung Pass ได้ ได้แก่ สแกนนิ้วมือสำหรับการจ่ายเงินผ่าน Samsung Pay หรือปลดล็อค Secure Folder
ตัวสแกนม่านตา ระบบความปลอดภัยสูงสุดที่สามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ไอดีเท่านั้น ใช้ยืนยันบัญชี Samsung และใช้ยืนยันตัวตน Samsung Pass ได้ ได้แก่ สแกนนิ้วมือสำหรับการจ่ายเงินผ่าน Samsung Pay หรือปลดล็อค Secure Folder ได้ เช่นเดียวกับลายนิ้วมือ
ในหน้าจอล็อคสำหรับสแกนม่านตา สามารถเลือกหน้ากากน่ารัก ๆ ได้ด้วย และจากการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอและอยู่ในระยะห่างที่พอดี ระบบจะทำงานได้รวดเร็วมาก แต่หากสวมใส่แว่นหรืออยู่ในสภาพแสงที่ค่อนข้างมืด อาจต้องเล็งสายตากับเซ็นเซอร์สแกนม่านตาสักครู่
Galaxy S8+ มี Secure Folder หรือโฟลเดอร์ที่ปลอดภัย ติดตั้งมาให้เลย สำหรับแยกเก็บไฟล์ข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ต่างหาก เพราะพื้นที่ในส่วนนี้จะแยกออกมาจากพื้นที่หลักของตัวเครื่อง พร้อมระบบความปลอดภัยด้วยการล็อคโฟลเดอร์ด้วยรหัสผ่านหรือใช้ลายนิ้วมือในการปลดล็อคเพื่อเข้าไปใช้งาน
Secure Folder เหมือนเป็นพื้นที่การใช้งานบนสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง เพราะไฟล์ข้อมูลและแอพพลิเคชั่นในนี้จะแยกออกจากพื้นที่หลักตัวเครื่อง ซึ่งก็เป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบใหม่มาจาก Samsung KNOX เดิม โดยมีหน้าตาการใช้งานที่ดูเรียบง่าย น่าใช้งานมากขึ้น
Secure Folder นอกจากจะช่วยในการเก็บข้อมูลสำคัญแล้ว ยังช่วยให้สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพในเครื่องเดียว เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าในโฟลเดอร์นี้ก็เหมือนเป็นสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง ดังนั้นจะใช้งาน Facebook, LINE, Instagram และแอพอื่น ๆ ได้พร้อมกัน 2 บัญชี ซึ่งเหมาะมากสำหรับการแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน และสามารถ Backup and Restore (BnR) สำรองหรือเรียกข้อมูลกลับมาได้ทุกเวลา
ฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับ Galaxy S8 และ Galaxy S8+ เป็นรุ่นแรกนั่นก็คือ Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถเรียกใช้งานได้จากปุ่มที่เพิ่มมาให้ด้านข้างซ้ายตัวเครื่อง ถัดจากปุ่มปรับระดับเสียง หรือปัดหน้าจอไปทางขวาเพื่อเข้าใช้งานได้เช่นเดียวกัน
Bixby เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่มีความฉลาดที่จะค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ด้วยรูปถ่ายจากกล้องถ่ายรูปได้แบบทันที โดยการใช้งาน Bixby นั้นจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย รวมไปถึงเป็น Dashboard ที่รวบรวมข่าวสาร คอยเตือนเรื่องสำคัญจากแอพที่ใช้งานบ่อย ๆ (น่าเสียดายที่เครื่องทดสอบที่ใช้ในการรีวิวนี้และในขณะนี้ Bixby ยังไม่เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ จึงไม่สามารถทดสอบฟีเจอร์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้งานด้วยคำสั่งเสียงได้)
Samsung Galaxy S8+ มีเครื่องมือสำหรับปรับการทำงานให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้งเพียงคลิกเดียวหลังจากใช้งานไปนาน ๆ ซึ่งระบบจะทำการเคลียร์หน่วยความจำระบบ ปรับการใช้พลังงาน และเมนูบางอย่าง ให้แบบอัตโนมัติ
จากการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy S8+ ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเล่นเกม เล่นโซเชียล ถ่ายรูปทั้งวันประมาณร้อยกว่ารูป แบตเตอรี่อยู่ได้ทั้งวันจนถึงเย็น ๆ เลย ถือว่าอึดพอสมควรหากเทียบกับขนาดหน้าจอและฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานเยอะขนาดนี้
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ Samsung Galaxy S8+
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม
- Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- Pressure Sensor ตรวจวัดความดันบรรยากาศ
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
Samsung Galaxy S8+ รันระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Exynos 8895 Octa-core ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวแรกที่มีกระบวนการผลิตที่ 10 นาโนเมตร แบ่งการทำงานซีพียูออกเป็น 2 ระดับ Quad-core 2.3 GHz และ Quad-core 1.7 GHz ซึ่งทั้ง 2 ตัวจะรวมกันหรือสลับซีพียูตามโหมดการทำงานไปมา มาพร้อมจีพียู Mali-G71 และความจำแรม 4GB
โดยผลการทดสอบ AnTuTu v6.2.7 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 173,718 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าทำได้สูงมาก
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Galaxy S8+ ทำคะแนน Single-Core ได้ 2,024 และ Multi-Core ทำได้ 6,661 คะแนน
สำหรับผลคะแนนจากฐานข้อมูลของ Geekbench 4 ทั้งในส่วนของ Single-Core และ Multi-Core พบว่า Exynos 8895 Octa-core ทำได้ดีกว่าของเดิมในรุ่น Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge ที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos 8890 Octa-core
ทดสอบ 3DMark เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกรวมถึงการเล่นเกม 3D
- Sling Shot ES 3.1 ทดสอบประสิทธิภาพที่ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล ทำได้ 3,160 คะแนน
- Sling shot ES 3.0 ทดสอบประสิทธิภาพที่ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล ทำได้ 3,876 คะแนน
- Ice Storm Unlimited วัดประสิทธิภาพของจีพียู และประสิทธิภาพของซีพียูเปรียบเทียบกันชิปต่อชิป ซึ่งใช้ OpenGL ES 2.0 แบบ Offscreen ด้วยความละเอียดเดียวกันโดยไม่สนใจความละเอียดของตัวเครื่องที่ 720p ทำได้ 27,682 คะแนน
- วัดประสิทธิภาพของจีพียู และประสิทธิภาพของซีพียู ซึ่งใช้ OpenGL ES 2.0 ในส่วนของ Ice Storm ทำคะแนนได้ 13,344 และ Ice Storm Extreme ทำได้ 12,698 คะแนน
ชมคลิปทดสอบเล่นเกมบน Samsung Galaxy S8+
- ทดสอบเกมใหม่ล่าสุด Dynasty Warriors: Unleashed เกมแนว Action RPG และตั้งค่า GFX Quality, FPS และ Resolution ภายในเกมระดับสูงสุด
- ทดสอบเล่นเกม Modern Combat 5: Blackout ซึ่งเป็นเกมแนวแอคชั่นที่ต้องมีการควบคุมทิศทางในทางการเดินตัวละคร และการต่อสู้กับเป้าหมายไปพร้อม ๆ กัน การแตะหน้าจอเพื่อลากจุดเล็งเป้าหมายเท่าได้แม่นยำไม่สะดุด ไม่กระตุก ทำให้เล่นได้อย่างลื่นไหล
- ทดสอบเล่นเกม Yokai Saga ซึ่งเป็นเกม Mobile RPG แบบแอคชั่นเรียลไทม์ที่มีกราฟิกสวยงาม เปิดใช้งานกราฟิกตัวเกมแบบสูงสุด ก็เล่นได้อย่างลื่นไหล
จากการทดสอบใช้งานและเล่นเกมบน Samsung Galaxy S8+ ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos 8895 โดยการเล่นเกมอย่างต่อเนื่องประมาณ 30 นาที เครื่องมีอาการอุ่น ๆ แต่ไม่ร้อนเร็วเหมือนรุ่นก่อน ๆ ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากชิปเซ็ต 10 นาโนเมตรที่ลดการใช้พลังงาน และระบบระบายความร้อนที่จัดการได้อย่างดีด้วย
กล้องถ่ายรูป
Samsung Galaxy S8+ รุ่นโมเดล SM-G955F จากการตรวจสอบด้วย AIDA64 มีเซ็นเซอร์กล้องหลังตัวเลข ISOCELL S5K2L2 ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.7 จากเดิมในรุ่น Galaxy S7 จะเป็นตัวเลข S5K2L1
กล้องหลังของ Galaxy S8+ ถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุดเต็ม 12 ล้านพิกเซลในอัตราส่วน 4:3 หรือจะเลือกปรับอัตราส่วนลดเป็น 16:9 และ 18.5:9 เท่าอัตราส่วนหน้าจอก็ได้ แต่ขนาดของภาพถ่ายจะลดขนาดลงมา
แอพกล้องถ่ายรูปในรุ่น Galaxy S8+ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายในมือเดียว แม้หน้าจอจะมีขนาดใหญ่ก็ตาม โดยการใช้นิ้วปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลือกโหมดถ่ายรูปหรือฟิลเตอร์สำหรับถ่ายรูปได้ทันที
ปุ่มชัตเตอร์บนหน้าจอได้เพิ่มฟังก์ชั่นการซูมเข้ามาให้ด้วย เพียงแตะที่ปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้แล้วลากขึ้นหรือลงเพื่อซูมเข้าหรือซูมออก จากเดิมจะทำได้เพียงการใช้นิ้วมือถ่างหรือหุบบนหน้าจอ ซึ่งจะเห็นว่า Samsung พยายามทำให้สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ยังคงใช้งานมือเดียวได้ง่ายเท่าที่จะเป็นไปได้
ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของกล้อง Galaxy S8+ ที่สังเกตได้ชัดเจนจากการใช้งานจริง พบว่าระบบโฟกัสทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Dual Pixel ไม่ดึงโฟกัสนาน ทำได้แม่นยำ และเมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ก็ทำได้ภายในเสี้ยววินาที ไม่มีหน่วง บางครั้งก็ยังสงสัยว่าชัตเตอร์เก็บภาพไปตอนไหน จนต้องกดดูตัวอย่างภาพถ่ายว่าได้ถ่ายไปแล้วหรือยัง
โหมดโปรของ Galaxy S8+ สามารถตั้งค่าระยะโฟกัส, สมดุลแสงสีขาว (White Balance), ความไวแสง (ISO), ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) ได้นานสุด 10 วินาที, ชดเชยแสง +/-2 (EV) และสามารถกำหนดการโฟกัสแบบโฟกัสทุกจุดหรือเพียงจุดเดียวได้ 3 แบบ ได้แก่ เฉลี่ยหนักกลาง, เมทริกซ์ และเฉพาะจุด
ลูกเล่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในกล้อง Galaxy S8+ สติกเกอร์น่ารัก ๆ สำหรับแต่งใบหน้าที่จะพรีวิวให้เห็นกันแบบเรียลไทม์ก่อนถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอ ซึ่งก็น่าจะช่วยให้การถ่ายรูปมีความสนุกมากขึ้น
กล้องหน้าของ Galaxy S8+ มีค่ารูรับแสง f/1.7 ขยับความละเอียดให้สูงขึ้นเป็น 8 ล้านพิกเซล และมีระบบออโต้โฟกัสด้วย (จากเดิมที่มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบบฟิกโฟกัส) สามารถเลือกใช้งานโหมด Selective Focus หรือโฟกัสที่เลือกได้ด้วย จากเดิมที่เลือกใช้ได้เฉพาะกับกล้องหลังเท่านั้น ทำให้ตอนนี้สามารถเซลฟี่แล้วมาปรับฉากหลังให้เบลอได้แล้ว
ภาพถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy S8+
สรุปจุดเด่น
- ดีไซน์ตัวเครื่องของ Galaxy S8+ ไม่เพียงแต่ได้หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังคงความสวยงาม และมีความรูหราระดับพรีเมียม โดยหน้าจอก็มีความคมชัดสูงระดับ 2K และเป็นแผงหน้าจอแบบ Super AMOLED สีสันสวยงาม
- ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat กับ Grace UX เวอร์ชั่นล่าสุด อินเตอร์เฟซดูเรียบง่าย สีสันมีความนุ่มนวล มาพร้อมชิปเซ็ต Exynos 8895 Octa รุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่ 10nm รุ่นแรก และมีแรม 4GB ทำงานได้อย่างลื่นไหล
- ความจำภายในตัวเครื่อง 64 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 256 GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังไม่นูนเหนือฝาหลังแล้ว มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส Dual Pixel ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ชัตเตอร์ไม่หน่วง, ค่ารูรับแสงกล้อง f/1.7 ถ่ายภาพได้สว่างขึ้น และระบบกันภาพสั่นไหว OIS ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีระบบออโต้โฟกัส และค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อมลูกเล่นในแอพกล้องใหม่ ๆ ทั้งสติกเกอร์น่ารัก ๆ และฟิลเตอร์สวย ๆ ให้เลือกใช้งานได้ทันที
- ตัวเครื่องมีทั้งระบบจดจำใบหน้า สแกนม่านตา และสแกนลายนิ้ว
- แบตเตอรี่ 3,500 mAh ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน และรองรับระบบชาร์จเร็ว
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ฝาหลังเป็นกระจก เกิดคราบรอยนิ้วมือได้ง่าย
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เจาะลึกโปรโมชั่น Samsung Galaxy S8 l S8+ ส่วนลดค่าเครื่องจากทุกค่าย และของแถมเพียบ!
ขอบคุณ Samsung (ประเทศไทย)