รีวิว Samsung Galaxy Tab S8 Ultra แท็บเล็ตไซซ์ยักษ์ 14.6″ ใหญ่สุด ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา!

รีวิว Galaxy Tab S8 Ultra แท็บเล็ตรุ่นท็อปสุดของ Samsung ในปีนี้ ใช้คำลงท้ายว่า Ultra กันเลย ใช้คำนี้แล้วจะมาแค่อัปสเปคคงไม่ได้ รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 14.6″ ใหญ่ที่สุดในกลุ่มแท็บเล็ตที่เคยมีมา พร้อมสเปคที่สูงสุดในทุกด้านตั้งแต่ จอ Super AMOLED 120Hz, ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 ขนาด 4nm, แบตเตอรี่ 11200mAh, ชาร์จไว 45W มีปากกา S Pen มาให้ใช้งานคู่กันด้วย

หลังจากที่เราลองใช้งานมากว่าสัปดาห์วันนี้ก็จะมาขอรีวิวใช้ชมแบบจัดเต็มว่าแท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะกับใคร พร้อมแล้วมาติดตามรีวิว Galaxy Tab S8 Ultra ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!

สรุปสเปค Samsung Galaxy Tab S8 Ultra

• ขนาดตัวเครื่อง : 208.6 x 326.4 x 5.5 มม.
• น้ำหนัก : 726 กรัม (รุ่น Wi-Fi) 728 กรัม (รุ่น 5G)
• หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED 14.6” ความละเอียด WQXGA+ (2960 x 1848 พิกเซล) 
• refresh rate : 120Hz
• CPU : Snapdragon 8 Gen 1 (4nm)
• GPU : Adreno 730
• RAM : 8GB
• ROM : 128GB เพิ่ม micro-SD ได้สูงสุด 1TB
• แบตเตอรี่ : 11,200 mAh
• ระบบชาร์จ : รองรับสูงสุด 45W Super Fast Charge
• กล้องหน้าคู่ : 12MP (Wide) + 12MP (Ultra Wide)
• กล้องหลังคู่ : 13MP (Wide) + 6MP (Ultra Wide)
• รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11a/b/g/n/ac/ax), Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C (3.2)
• รองรับปากกา Stylus : S Pen
• ระบบปฎิบัติการ : Android 12 (One UI 4.1)
• วางจำหน่ายสีเดียว : Graphite

จอใหญ่ยักษ์ที่สุด แต่ขอบจอบางเฉียบ!

มาเริ่มต้นกันที่ดีไซน์เลย สิ่งแรกที่เราได้เห็นจากรุ่นนี้คงหนีไม่พ้น “หน้าจอ” ที่แสดงผลได้เต็มตามาก ๆ อย่างที่บอกไปว่า Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 14.6″ ก็คืออลังการมาก ช่วยให้เราใช้งานพื้นที่หน้าจอได้มากกว่าเดิม จากที่ปกติเราอาจจะชินกับจอแบบ 11″ หรือ 12.4″ แต่พอเขยิบขึ้นมาเป็น 14.6″ นี้มันเปลี่ยนไปเยอะมาก มีพื้นที่ให้ใช้สอยมากกว่าเดิมอีกเยอะเลย

กล้องหน้าคู่ที่กับดีไซน์ที่โดดเด่นขึ้นมา

ขอบจอบางขนาดไหน บางขนาดที่เรียกว่ากล้องหน้า 2 ตัวที่ให้มานั้นยังมีขนาดใหญ่เกินขอบจอจนต้องมีรอยบากยื่นออกมานิดหนึ่งเลยทีเดียวครับ ต่างจากรุ่นอื่นเพราะมีกล้อง 2 ตัว (Tab S8/S8+ จะมีกล้องตัวเดียว) ด้วยความตั้งใจว่าอยากให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากที่สุดเพื่อประโยชน์ของการใช้งาน เลยทำให้ต้องมีติ่งเล็กน้อยนั่นเองครับ

ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ต้องมีรอยบากบนแท็บเล็ตด้วย แต่จะบอกว่าในการใช้งานจริงเราแทบจะไม่รู้สึกถึงรอยบากนี้เลย ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่มาก และการกระจายพื้นที่แสดงผลที่เราจะมองมันทั่วถึงไปหมด กับแค่รอยบากเล็ก ๆ บนสุดไม่กวนสายตาแน่นอนครับ

จอ Super AMOLED สวยเต็มตา สีดำเป็นดำสนิท

ในเรื่องการแสดงผลของหน้าจอ Galaxy Tab S8 Ultra ใช้จอ Super AMOLED ที่ขึ้นชื่อเรื่องสีสันและความคมชัดอย่างมากอยู่แล้ว ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานมา ต้องยกให้เป็นหนึ่งในแท็บเล็ตที่มีหน้าจอดีที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ ความคมเข้มของสีดำเนียนสนิท ดูในที่แสงน้อยไม่ออกไปทางเทา ๆ ดูอะไรที่สีสด ๆ ก็สดได้ถูกใจแต่ไม่จี๊ดจ๊าดจนแสบตา

ความละเอียดให้มาที่ WQXGA+ (2960 x 1848 พิกเซล) ก็เพียงพอมาก ๆ บนจอที่ใหญ่ระดับนี้ก็ยังคมชัด เพราะเชื่อว่าด้วยขนาดระดับนี้เราคงไม่ได้มาเพ่งกันใกล้ ๆ แน่นอนเนาะ ใช้อ่านเว็บไซต์หรือดูคอนเทนต์วิดีโอต่าง ๆ ถูกใจแน่นอนครับจอของ Tab S8 Ultra นี้

อัตราส่วนก็เป็นแบบ 16:10 ที่เหมาะกับการใช้เพื่อความบันเทิงได้ด้วย เวลาเราดูหนังหรือซีรีส์ที่มีอัตราส่วนมาตรฐาน 16:9 เราก็จะได้พื้นที่ที่เต็มตาเพราะขอบดำบน-ล่างจะมีแค่นิดหน่อยเท่านั้น และด้วยความดำสนิทของจอ Super AMOLED จึงไม่ขัดสายตาเลยเวลาชมวิดีโอแบบเต็มจอครับ

ตอบสนองไวถึง 120Hz

ส่วนเรื่องการตอบสนองยังได้ refresh rate สูงระดับ 120Hz มาเลย ทำให้การทำงานทุกอย่างลื่นไหลเข้าไปอีก จอใหญ่ระดับนี้มีพื้นที่ให้เราได้เลื่อน ปาด เข้าแอปเยอะ ความลื่นไหลระดับนี้ก็ช่วยให้เราอยากใช้งานมากขึ้นไปอีก สมกับที่เป็นระดับท็อปสุดจริง ๆ ครับ

ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ถึง 14.6″ และอัตราส่วนเป็นแนวนอนซะมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะใช้งานในแนวตั้งไม่ได้เลย ด้วยความยาวของตัวเครื่อง หากเราวางเครื่องในแนวตั้งก็จะได้พื้นที่สำหรับคอนเทนต์ในแนวตั้งที่มากเพียงพอเช่นกัน

ตอบโจทย์ในเรื่องการทำงานหลายหน้าจอ

ความได้เปรียบของแท็บเล็ตก็คือมีพื้นที่หน้าจอที่เยอะกว่าสมาร์ทโฟน ดังนั้นการที่เราจะใช้งานหลาย ๆ แอปพร้อมกันนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก ยิ่งบน Galaxy Tab S8 Ultra มีพื้นที่หน้าจอใหญ่ถึง 14.6″ แบบนี้ การใช้งานแบ่งจอผ่าน Multi Window หรือหลาย ๆ แอปพร้อมก็ยิ่งให้พื้นที่ของแอปที่มากขึ้นไปอีก เราสามารถเรียกแอปได้แบบเร็ว ๆ ผ่าน App Edge ด้านขวา ปาดออกมาแล้วเลือกแอปมาใช้งานได้ทันที

หรือจะเข้าไปตั้งค่าให้มีแถบด้านบนให้เรากดแบ่งจอได้แบบด่วน ๆ ก็ได้เช่นกัน ตรงนี้จะช่วยให้เราแบ่งจอได้ง่ายขึ้น แตะเลือกได้เลยว่าจะแบ่งจอในแนวไหนหรือจะเลือกปิดแอปนั้น ๆ ก็ทำได้โดยไม่ต้องเลื่อนปิดแอปเลยครับ

เปิดตั้งค่าได้ที่ Settings > Advanced features > Labs > เปิด Show multi window menu in full screen view

ความเก่งของแท็บเล็ต Samsung ก็คือ เราสามารถเปิดการใช้งาน Multi Window ได้ในทุกแอป ย้ำนะครับทุกแอป แต่เราต้องเข้าไปเปิดตั้งค่ากันก่อนสักนิด โดยระบบของ One UI จะบังคับให้แอปที่ไม่รองรับการแบ่งหน้าจอทำงานได้ อย่างเช่นเราจะเปิด IG คู่กับ Facebook เล่นไปพร้อมกัน ปกติแล้วจะทำไม่ได้ แต่ Samsung ทำได้!

เปิดตั้งค่าได้ที่ Settings > Advanced features > Labs > เปิด Multi window for all apps

ความคล่องตัวของจอที่ใหญ่ถึง 14.6″ นี้ก็เหมือนเรามีอุปกรณ์มากขึ้นจะแบ่ง 3 จอไปเลยก็ยังใช้พื้นที่ได้เยอะมาก เหมือนเรามี 3 อุปกรณ์อยู่จริง ๆ ไม่มีส่วนไหนถูกลดทอนขนาดลงไปเลย อีกทั้งการจัดการด้าน UI ก็ยังยืดหยุ่นได้อย่างอิสระ ไม่ได้จำกัดว่าแอปนี้ต้องแนวตั้งเท่านั้น แอปนั้นต้องแนวนอนรึเปล่า ทีนี้จะเปิดเว็บเพื่อหาข้อมูล พร้อมกับดู YouTube ไปด้วย และอีกจอก็ยังจดข้อมูลไปด้วยก็ได้อีก หรือถ้าแบ่งสัดส่วนหน้าจอดี ๆ จะแบ่งเป็น 2 จอบนเข้าเว็บ โหลดแอป จอล่างเล่นเกมไปด้วยก็ยังได้ จอใหญ่แบบนี้เต็มอิ่มดีจริง ๆ

บอดี้อลูมิเนียมแข็งแกร่ง

บอดี้ของ Galaxy Tab S8 Ultra ใช้วัสดุอย่างดี Armor Aluminum ที่มีทั้งความทนทานและได้ทั้งในเรื่องป้องกันรอยขีดข่วนของบอดี้ ไม่ต้องกลัวเรื่องการหักงอ จับแล้วรู้สึกเลยว่าแข็งแรง หนักแน่น ไม่ก๊อกแก๊ก ถือใช้งานก็รู้สึกได้เลยว่าพรีเมี่ยมดีจริง ๆ สีที่วางจำหน่ายในไทยจะมีสีเดียวคือสี Graphite ก็คมเข้มสมฐานะดีครับ

น้ำหนักของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 726 กรัมสำหรับรุ่น WiFi และ 728 กรัมสำหรับรุ่น 5G ถือว่าหนักกำลังดี การกระจายน้ำหนักก็ทั่วถึงครับ แต่แน่นอนว่าด้วยขนาดหน้าจอระดับนี้ คงไม่ได้เหมาะกับการถือใช้งานนาน ๆ แน่ รุ่นนี้ออกแบบมาให้ใช้งานเป็นอุปกรณ์ตั้งโต๊ะซะมากกว่า เพราะฉะนั้นเรื่องน้ำหนักอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลักซะทีเดียวอะเนาะ

บางเฉียบแค่ 5.5 มม.พกพาได้ง่ายกว่าแต่มอบประสบการณ์ได้เหมือน PC

Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อมความบางเฉียบเพียงแค่ 5.5 มม.เท่านั้น แต่พออยู่ในมือก็ให้ความกระชับพอดีไม่น้อย ไม่ได้บางเกินไปจนจับลำบากครับ ซึ่งความบางระดับนี้บางกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปอีก แต่ด้วยความสามารถของ Galaxy Tab S8 Ultra ที่มอบให้ได้ดั่งแล็ปท็อปสักเครื่องก็เหมือนว่าเราได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการพกพาที่ง่ายกว่าไปด้วยครับ

ซึ่งความสามารถที่เหมือนแล็ปท็อปหรือ PC สักเครื่องก็คือ DeX mode อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราใช้งาน Galaxy Tab S8 Ultra ได้สะดวกยิ่งขึ้น โหมดนี้จะให้เราเปลี่ยน UI ทั้งหมดของตัวเครื่องให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ PC มีพวกหน้า Taskbar การใช้งานแต่ละแอปที่ลอยเป็นหน้าต่างได้ ช่วยให้เราใช้งานได้หลากหลาย เหมือนเราแปลงร่างให้ Tab S8 Ultra เป็นแล็ปท็อปสักเครื่องเลยทีเดียว

รอบ ๆ ตัวเครื่องวางตำแหน่งได้ดีเลย

การวางตำแหน่งของ Galaxy Tab S8 Ultra ถือว่าทำได้ดีมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่องเมื่อจับถือใช้งานในแนวนอน หรือมุมขวาเมื่อถือใช้งานในแนวตั้ง ซึ่งเวลาเราตั้งหรือถือเครื่องก็จะอยู่ในมุมที่กดถนัดครับ

พอร์ตการเชื่อมต่อจะอยู่ที่ฝั่งขวามือเวลาใช้งานแนวนอนและด้านล่างเวลาใช้งานแนวตั้ง ซึ่งก็เหมาะสมกับการใช้งานอีกเช่นกันครับ เพราะเวลาเราใช้งานแนวนอนก็สามารถเสียบชาร์จหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ได้ง่ายไม่มีอะไรมาบดบัง

ลำโพง 4 ตัวจูนเสียงโดย AKG รองรับ Dolby Atmos ด้วย

Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อมลำโพงถึง 4 ตัววางตำแหน่งได้ดีคือซ้าย-ขวาในการใช้งานแนวนอน และบน-ล่างในการใช้งานแนวตั้ง เสียงที่ออกมายอดเยี่ยม เพราะได้การจูนเสียงโดย AKG มาแล้ว มิติของเสียงดีมาก กระจายออกมาแบบ Stereo เลย ถ้าไม่ได้บอกว่าเสียงที่ได้ยินมาจากแท็บเล็ตก็คงคิดว่าเป็นลำโพงคุณภาพเยี่ยมสักรุ่นเลยก็ว่าได้ครับ

มี POGO PIN เชื่อมต่อกับเคสได้

ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีพอร์ต POGO PIN ที่เอาไว้เชื่อมกับเคสคีย์บอร์ดหรือ Keyboard cover ด้วย เป็น PIN แบบแม่เหล็กที่ติดกรึ่บเข้ากับเคสได้ทันที แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้เคส Keyboard cover มาด้วย อดลองให้เลย

รุ่นที่เราได้มารีวิวเป็นรุ่น 5G ซึ่งก็จะมีช่องใส่ซิมอยู่ที่ด้านบนที่มีช่องใส่ซิมแบบ nano-SIM คู่กับช่องใส่ micro-SD ที่รองรับสูงถึง 1TB เลยด้วยครับ แต่ถ้าเป็นรุ่น Wi-Fi ก็จะเป็นแค่ช่องใส่ micro-SD อย่างเดียวแทนครับ ตรงนี้ก็ถือว่า Samsung ยังใจดีให้เราเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้อยู่ เพราะรุ่นที่ขายในไทยจะมีแค่ความจุ 128GB เท่านั้น ถ้าใช้ไม่พอก็ใส่เพิ่มเอาละกันเนาะ

ระบบรักษาความปลอดภัยครบ สแกนนิ้ว สแกนใบหน้า

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Galaxy Tab S8 Ultra จะมีมาให้ทั้งระบบสแกนใบหน้าแบบทั่วไป และระบบสแกนลายนิ้วมือที่อยู่บนหน้าจอเลยด้วยครับ ตำแหน่งจะอยู่ที่มุมขวามือของตัวเครื่องเมื่อถือใช้งานในแนวนอน และด้านล่างเมื่อถือใช้งานในแนวตั้งครับ การทำงานรวดเร็วดีตำแหน่งก็วางไว้ได้เหมาะสมเลยล่ะครับ

มี S Pen แถมมาในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

Galaxy Tab S8 Ultra นั้นมีปากกา S Pen ติดมาให้ในกล่องเลย พร้อมใช้งานโดยที่เราไม่ต้องไปซื้อเพิ่มให้ยุ่งยาก ตัว S Pen จะมีผิวสัมผัสแบบด้านที่ทำให้จับถือได้ถนัดมือ ขนาดใกล้เคียงกับปากกาจริง ๆ อีกด้วย ดีไซน์ของ S Pen จะมีความโค้งฝั่งหนึ่งและอีกฝั่งเป็นแบบแบนราบ พร้อมปุ่มกด 1 ปุ่มเอาไว้ใช้ในความสามารถ Air Action หรือเรียกคำสั่งลัดอย่าง Air Command ขึ้นมาให้เราได้พร้อมใช้งานฟีเจอร์เด่น ๆ ทั้ง Smart Select, Screen Write, Live Messages, Translate ได้เลย

ฝั่งเรียบนี้ก็สามารถใช้แปะกับตัวเครื่องเพื่อยึดติดด้วยแม่เหล็กได้ ซึ่งตัว S Pen นี้จะมีแบตเตอรี่ในตัวด้วยเพื่อใช้งานคำสั่งผ่าน Bluetooth ได้ วิธีการชาร์จก็เป็นแบบไร้สายแปะเข้าที่แถบสีดำด้านหลังของตัวเครื่องได้เลยครับ

แต่ถึงแม้จะไม่ได้ชาร์จแบตฯเลย ความเก่งของ S Pen ก็คือเรายังสามารถใช้งานฟีเจอร์การขีดเขียนทั้งหมดได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Handwriting to Text ช่วยแปลงตัวอักษรจากลายมือเป็นตัวพิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ, Audio bookmark การจดข้อความพร้อมบันทึกเสียงไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของ S Pen จริง ๆ เพราะปกติแล้ว Stylus ส่วนใหญ่ที่จะมาใช้งานกับแท็บเล็ตมักจะต้องชาร์ตแบตก่อน ถ้าแบตฯหมดระหว่างใช้งานก็เท่ากับว่าต้องเสียเวลารอกันไปก่อน แต่บน S Pen เราสามารถใช้งานฟีเจอร์ขีดเขียน วาดรูป ได้แบบที่ไม่ต้องกลัวแบตฯหมดเลยล่ะครับ เยี่ยมมาก!

S Pen ที่อัปเกรด ตอบสนองเร็วขึ้นไปอีก

ในเรื่องการสร้างสรรค์งานต่าง ๆ บน Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อม S Pen ปากกา Stylus ที่ยอดเยี่ยมที่สุด เราชอบความคล่องตัวของหัวปากกาที่แหลมเหมือนปากกาจริง ๆ ขนาดที่ใหญ่พอเหมาะต่อการจับถือได้อย่างสะดวก แถมยังรองรับแรงกดได้มากถึง 4096 ระดับอีกด้วย ทำให้ใช้ขีด ๆ เขียนเขียนได้อย่างดีมาก

และรอบนี้ S Pen ของรุ่นนี้ก็อัปเกรดในเรื่องความหน่วงได้ดีขึ้นจากเดิม 9ms เขยิบลงมาเหลือ 2.8ms ทำให้เวลาเราขีดเขียนบนหน้าจอจะให้ความรู้สึกที่สมจริงขึ้นไปอีกขั้น เส้นตามหัวปากกามาแบบไม่ขาดกันเลย การเขียนอาจจะไม่เห็นผลมากนัก แต่ถ้าวาดรูปจริงจังก็รู้สึกได้เลยว่า ทันมือขึ้นอีกจริง ๆ ครับ

และด้วยความที่ S Pen ของ Galaxy Tab S8 Ultra มีแบตเตอรี่ในตัวเชื่อมต่อกับเครื่องผ่าน Bluetooth ก็เลยใช้ฟีเจอร์ Air Action หรือ S Pen Remote ได้ด้วย เราจะกดปุ่มเพื่อลั่นชัตเตอร์ เลื่อนรูปภาพ เลื่อนสไลด์นำเสนอ หรือเข้าแอปด่วน ๆ ทำได้หมด ช่วยให้การใช้งานกับแท็บเล็ตจอใหญ่สะดวกขึ้นไปอีก

หรือจะเป็นแอป Third Party อื่น ๆ Samsung ก็มีสิทธิพิเศษจากแอป Clip Studio Paint เวอร์ชั่น Pro ให้ใช้ฟรี ๆ นาน 6 เดือนหรือแอป Noteshelf ที่ใช้จดโน้ตได้ฟรีอีกต่างหากครับ

โดยรวมในเรื่องการทำงานคู่กับ S Pen ของ Galaxy Tab S8 Ultra ก็ยังยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของ Samsung ครับ แถมรุ่นนี้ยังอัปเกรดในเรื่องของความหน่วงและการตอบสนองได้ดีขึ้น และพอได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นไปอีก ก็ตอบโจทย์ในการทำงานคู่ปากกามากขึ้นจะแบ่งหน้าจอวาดเขียน หรือจะจดพร้อมกับเรียนหรือประชุมออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Galaxy Tab S8 Ultra ก็มีความหรูหราและสมกับเป็นแท็บเล็ตเรือธงของ Samsung แต่รอบนี้มาในไซซ์ที่ใหญ่จัดเต็มขึ้นไปอีก ทำงานได้หลากหลายเสมือนแล็บท็อป เนื่องจากมาพร้อมหน่วยประมวลใหม่ Snapdragon 8 Gen1 ขนาด 4nm ที่เร็วแรง ที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา ซึ่งช่วยให้การใช้งานไม่แลค เปิดไฟล์กี่ไฟล์ ใหญ่แค่ไหนก็สามารถทำได้ ไม่ต่างจาก แล็ปท็อป มี Dex Mode ที่ให้ความรู้สึกเหมือนทำงานกับแล็ปท้อป ด้วย UI คุ้นเคย มาพร้อมกับจอที่ใหญ่เทียบเท่า PC แม้เครื่องจะใหญ่ แต่น้ำหนักเบา พกพาสะดวกกว่าเมื่อเทียบกับแล็ปท็อปที่ใหญ่ หนักกว่า และแบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป

ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด One UI 4.1 บน Android 12

มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อมกับ Android 12 ที่ครอบทับด้วย One UI 4.1 มีการปรับแต่งหน้าตา UI มาให้เข้ากับแท็บเล็ตจอใหญ่ได้เป็นอย่างดี ทั้งหน้าเมนูในแอปการตั้งค่าที่แบ่งสัดส่วนชัดเจน การวางไอคอนหรือเลเอาท์ต่าง ๆ ก็ลงตัวทั้งแนวตั้งและแนวนอนเลยล่ะครับ

ในเรื่องความลื่นไหลก็เข้ากันได้ดีกับหน้าจอ refresh rate สูง 120Hz อย่างมาก ยิ่งถ้าเราใช้งานควบคู่กับ Navigation Gesture ก็ยิ่งสะดวกไปอีกแบบ

Galaxy Ecosystem เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Galaxy ได้อย่างไร้รอยต่อ

ความดีงามอีกอย่างของ Galaxy Tab S8 Ultra กับผู้ใช้ Samsung Galaxy ก็คือ Ecosystem ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อมาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งไฟล์หากัน บางทีเราถ่ายคลิปวิดีโอเจ๋ง ๆ บนสมาร์ทโฟน Galaxy มาแล้วอยากตัดต่อเพิ่มเติมบนจอใหญ่ก็ส่ง Quick Share ได้ทันที หรือจะเป็นก็อบข้อความจากบนสมาร์ทโฟนแล้วมาวางข้อความนั้นบน Tab S8 Ultra ก็ง่าย ๆ เพียงใช้ Samsung Account เดียวกัน การซิงค์ข้อความจาก Samsung ด้วยกันจดบันทึกบนมือถือมาต่อบนแท็บเล็ตก็ได้อีก

ประสิทธิภาพขั้นสุดด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 1

มาต่อในเรื่องประสิทธิภาพ Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 ขนาด 4nm แรงที่สุดของฝั่งแท็บเล็ตแอนดรอยด์ตอนนี้ พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมแรม 8GB และรอม 128GB หลาย ๆ การใช้งานที่เราทดสอบมา บอกเลยว่าทำได้ลื่นไหลมาก ทั้งการแบ่งจอทำงานหลาย ๆ แอปพร้อมกัน การเข้า-ออกแอปไม่มีหน่วงหรือช้าให้เห็นเลย

Galaxy Tab S8 Ultra มีให้เลือก 2 โมเดลคือ Wi-Fi และ 5G ซึ่งรุ่นที่เราได้มารีวิวก็เป็นรุ่น 5G ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการใช้งานนอกบ้านที่ต้องการความเสถียรของอินเทอร์เน็ตและความคล่องตัวที่ใช้งานความเร็วสูงได้ตลอดเวลาครับ หรือถ้าเป็น Wi-Fi ก็รองรับไปถึง WiFi 6 ด้วย

เพื่อให้เห็นภาพของประสิทธิภาพที่ Galaxy Tab S8 Ultra ทำได้ เราลองทดสอบคร่าว ๆ ผ่านแอป Benchmark ได้คะแนนจาก AnTuTu Benchmark ไปถึง 864239 คะแนนกันเลย

ส่วนทางฝั่ง GeekBench 5 ก็ได้ Single-Core 1210 คะแนน และ Multi-Core 3279 คะแนนครับ

เล่นเกมกันหน่อยเป็นไง

เกมที่เราจะใช้ทดสอบ Galaxy Tab S8 Ultra รอบนี้มี 3 เกมคือ Asphalt 9, ROV และ Call of Duty Mobile ครับ และผลลัพธ์ก็ออกมาดังนี้ครับ

เล่น Asphalt 9 บน Galaxy Tab S8 Ultra

สำหรับ Asphalt 9 ตัวเกมสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับ High Quality หรือสูงสุด แต่น่าเสียดายที่ยังเปิด 60fps ไม่ได้ คงเพราะตัวชิปยังใหม่ไปหน่อย ในการเล่นจริง ๆ ก็ทำได้ดีเลยครับ กราฟิกสวยอลังการยิ่งเล่นบนหน้าจอใหญ่ขนาดนี้ยิ่งฟิน ระบบเสียงก็ขับออกมาได้อย่างอลังการเป็น Asphalt ที่เว่อวังที่สุดเวอร์ชั่นหนึ่งเลยล่ะครับ

เล่น ROV บน Galaxy Tab S8 Ultra

ต่อมากับเกม MOBA อย่าง ROV ตรงนี้เราปรับกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดเช่นกัน รวมถึงเฟรมเรตสูงก็ได้ด้วย ทำให้ตัวเกมสมบูรณ์ใช้ได้เลย อัตราส่วนแบบ 16:10 ก็กำลังดีครับ ตัวละครไม่ใหญ่เกินไปและเรายังพอเห็นฉากที่กว้างออกมาบ้าง แม้จะไม่เท่าสมาร์ทโฟนที่มีจอยาวกว่านี้ก็ตาม การเล่นทำได้ดีเลยลื่นไหลและเฟรมเรตนิ่งมาก ๆ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ระดับนี้เราคงถือเล่นนาน ๆ ตลอดไฟท์ไม่ได้ อาจจะต้องวางและจิ้ม ๆ เอาแทนเนาะ

เล่น Call of Duty บน Galaxy Tab S8 Ultra

ปิดท้ายที่ Call of Duty เช่นเดียวกันครับ เราเปิดกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดและเฟรมเรต Max เท่าที่เล่นจริง ๆ ถือว่าทำได้ดีเลยในเรื่องความลื่นไหล แต่ภาพกราฟิกอาจจะเห็นความหยาบอยู่บ้างด้วยหน้าจอที่ใหญ่ยักษ์มาก การควบคุมก็สามารถทำได้ผ่านหน้าจอ การวางตำแหน่งปุ่มไม่ได้ยากเกินจะควบคุมครับ

สรุปแล้วในเรื่องการเล่นเกม Galaxy Tab S8 Ultra ถือว่าสอบผ่านในเรื่องประสิทธิภาพเลย เร็ว แรง และลื่นไหล แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่เกินเบอร์ไปมากสำหรับการถือนาน ๆ เราแนะนำว่าหาจอยหรืออุปกรณ์เสริมมาเล่นด้วยแล้วตั้งเครื่องไว้นิ่ง ๆ น่าจะเหมาะกว่าครับ

กล้องคู่ทั้งหน้า-หลัง มุมปกติก็ดี มุมกว้างก็ได้

สำหรับแท็บเล็ตเอาจริง ๆ เราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกล้องสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากสแกนเอกสารหรือถ่ายรูปเล็ก ๆ น้อยน้อย ก็แทบไม่ได้ใช้จริงจังเลย แต่ในยุคที่เราต้องประชุมออนไลน์มากขึ้น การมีกล้องดี ๆ เข้ามาก็น่าจะช่วยได้อีกเยอะ ซึ่ง Galaxy Tab S8 Ultra ก็ให้กล้องคู่มาทั้งหน้า-หลังเลย เป็นมุมมอง Wide และ Ultra Wide ทั้งคู่มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้

กล้องหน้า

• กล้องหลัก 12MP f/2.2
• กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120º

กล้องหลัง

• กล้องหลัก 13MP f/2.0
• กล้อง Ultra Wide 6MP f/2.2

ซึ่งผลลัพธ์ที่ถ่ายได้จากกล้องของ Galaxy Tab S8 Ultra ก็ใช้งานได้ดีเลย กล้องหน้ามีมาให้ 2 ระยะแบบนี้เหมาะมากกับการประชุมออนไลน์หรือจะใช้อัดวิดีโอก็ได้ระยะที่มากพอแถมยังมีฟีเจอร์ Auto Framing ที่คอยครอป-ขยายมุมมองของภาพอัตโนมัติให้ด้วย

ส่วนกล้องหลังก็อย่างที่บอกอาจจะไม่ได้เน้นมากนัก แต่ก็ได้ 2 ระยะที่ช่วยให้เก็บภาพหรือวิดีโอได้ได้ดี คุณภาพและความง่ายในการใช้งานก็ทำได้ดีเลยด้วย

• 

• 

แบตเตอรี่ 11,200mAh ใช้งานสะใจพร้อมชาร์จไว 45W

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Galaxy Tab S8 Ultra ให้แบตเตอรี่มาเยอะถึง 11,200mAh ถือว่าเยอะพอสมควรเลย เท่าที่เราลองใช้งานมาจริง ๆ ถือว่าทำได้ดีเลย ลองใช้เป็นแท็บเล็ตเครื่องหลักเพื่อทำงาน และเล่นเกม ดูหนังฟังเพลงไปด้วยก็เพียงพอต่อการใช้งานทั้งวันอยู่ครับ การจัดการเรื่องแบตเตอรี่ถือว่าสอบผ่านเลยรุ่นนี้ อึดมาก ๆ!

ส่วนระบบชาร์จรุ่นนี้ก็ได้ระบบชาร์จไวสูงสุด 45W มาครับ ซึ่งช่วยได้เยอะถ้าแบตฯใกล้หมดจริง ๆ เราก็ไม่ต้องรอนานมากในการชาร์จ เพราะแบตฯให้มาเยอะขนาดนี้นี่เนอะ

สรุปราคา! มีให้เลือก 2 รุ่น Wi-Fi และ 5G

Galaxy Tab S8 Ultra เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ Wi-Fi และ 5G (รุ่นที่เรารีวิว) โดยมีแค่ความจุเดียวให้เลือกคือ 8GB + 128GB มีราคาดังนี้ครับ

• Galaxy Tab S8 Ultra รุ่น Wi-Fi ราคา 38,900 บาท
• Galaxy Tab S8 Ultra รุ่น 5G ราคา 45,900 บาท

สำหรับผู้ที่สั่งซื้อจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายประกอบด้วย

• YouTube Premium ฟรี 4 เดือน สำหรับผู้ใช้งานใหม่
• Spotify Premium ฟรี 3 เดือนสำหรับผู้ใช้งานใหม่
• Noteshelf – แอปพลิเคชันจดโน้ต ฟรี
• Clip Studio Paint – แอปพลิเคชันวาดรูปฟรี 6 เดือน

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด**

Galaxy Tab S8 Ultra วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ผ่านทาง samsung.com, Samsung Experience Store, และร้านค้าที่ร่วมรายการครับผม

สรุปแล้ว “นี่คือแท็บเล็ตไซซ์ใหญ่ที่สุด ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

สรุปแล้ว Galaxy Tab S8 Ultra ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตไซซ์ใหญ่ที่ออกมาตอบโจทย์คนที่ต้องการพื้นที่การแสดงผลที่มากขึ้น พร้อมสเปคทุกอย่างที่จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก! ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 14.6″ ใหญ่ที่สุดในบรรดาแท็บเล็ตตอนนี้ เต็มเติมทั้งเรื่องความบันเทิงและการทำงานระดับเดียวกับแล็ปท็อป จะแบ่งหน้าจอทำงานก็สะดวก มีพื้นที่ใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น แต่ยังอยู่ในทรงแท็บเล็ตที่พอจะสามารถหยิบถือขึ้นมาใช้งานได้อย่างคล่องตัว มี S Pen ปากกามหัศจรรย์ที่ช่วยให้เราสร้างสรรค์สุดยอดผลงานได้แบบไม่จำกัดแถมมาในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม ไม่ต้องคอยชาร์จเพื่อใช้งาน มีสเปคที่เร็วแรงตอบโจทย์การใช้งานไปได้อีกนานอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 แบบ 4nm ความจุ 8GB + 128GB พร้อมรองรับ micro-SD สูงสุด 1TB แบตเตอรี่ 11200mAh พร้อมชาร์จไว 45W กล้องที่อัปเกรดมาให้ใช้งานถ่ายภาพ วิดีโอคอลหรือประชุมได้อย่างลงตัวขึ้น ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ต Android ไซซ์ใหญ่ (แบบใหญ่จริง ๆ) Galaxy Tab S8 Ultra รุ่นนี้ตอบโจทย์ที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะครับ เพราะไม่มีใครจะให้ขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้อีกแล้ว!

จุดเด่น

• หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 14.6″ ใหญ่และเต็มตาที่สุด แบ่งหน้าจอใช้งานได้พื้นที่มากกว่าที่เคย
• ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 แบบ 4nm เร็ว แรง ตอบโจทย์ทุกการทำงาน
• ดีไซน์สวยงามและวัสดุงานประกอบพรีเมี่ยม
• ลำโพง 4 ตัวเสียง Stereo ยอดเยี่ยม
• กล้องหน้า-หลังคู่ เก็บภาพได้ 2 ระยะใช้งานได้ดี
• แบตเตอรี่ความจุเยอะมาก ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
• มี S Pen แถมมาให้ในกล่องเลย ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องชาร์จ

จุดสังเกต

• ตัวเครื่องมีจอใหญ่ระดับเดียวกับแล็ปท็อป การพกพาอาจยากกว่าแท็บเล็ตทั่วไป