Smart Review
รีวิว Samsung Galaxy Watch นาฬิกาเพื่อคนรักสุขภาพรุ่นใหม่ของปีนี้
Galaxy Watch นาฬิกาอัจฉริยะหรือสมาร์ทวอชในชื่อใหม่รุ่นแรกของ Samsung ซึ่งมาสานต่อความสำเร็จจากรุ่น Gear S3 และ Gear Sport ที่มีความโดดเด่นด้านการดีไซน์ เลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับจากผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
Galaxy Watch ถือเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ทาง Samsung พยายามผลักดันให้ผู้ใช้งานเลือกเป็นตัวที่จะคอยเก็บข้อมูลด้านการออกกำลังกายและสุขภาพที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen เพื่อท้าชนกับคู่แข่งหลายค่ายในปัจจุบัน
Galaxy Watch มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ 42 มม. และ 46 มม. ซึ่งรุ่นใหญ่นอกจากจะได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นแล้ว ยังได้แบตเตอรี่ที่เยอะกว่ารุ่นเล็กด้วย และสีตัวเรือนก็แตกต่างกันด้วย แต่สายนาฬิกาสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ทั้ง 2 รุ่น
สรุปข้อมูลสเปคเด่นของ Samsung Galaxy Watch (46 มม.)
- ราคาเปิดตัว 12,900 บาท (กันยายน 2018)
- กรอบตัวเรือนสแตนเลสสตีลสีเงิน ตัวเรือนสีดำ
- หน้าจอ 1.3 นิ้ว (33 มม.) หน้าจอแสดงผลแบบวงกลม Super AMOLED (360 x 360 พิกเซล) ครอบด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass DX+
- แบตเตอรี่ 472 mAh รองรับการชาร์จไร้สาย WPC
- ขนาดตัวนาฬิกา 46 x 49 x 13 มม.
- น้ำหนัก 63 ก. (ไม่รวมสายนาฬิกา)
- ขนาดสาย 22 มม. (เปลี่ยนสายได้)
สรุปข้อมูลสเปคเด่นของ Samsung Galaxy Watch (42 มม.)
- ราคาเปิดตัว 11,900 บาท (กันยายน 2018)
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ กรอบตัวเรือนสแตนเลสสตีลสีดำ ตัวเรือนสีดำ และอีกสีคือ โรสโกลด์
- หน้าเจอ 1.2 นิ้ว (30 มม.) หน้าจอแสดงผลแบบวงกลม Super AMOLED (360 x 360 พิกเซล) ครอบด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass DX+
- แบตเตอรี่ 270 mAh รองรับชาร์จไร้สาย WPC
- ขนาดตัวนาฬิกา 41.9 x 45.7 x 12.7 มม.
- น้ำหนัก 49 ก. (ไม่รวมสายนาฬิกา)
- ขนาดสาย 20 มม. (เปลี่ยนสายได้)
สรุปสเปคเด่นของ Samsung Galaxy Watch ทั้ง 2 รุ่น
- ความทนทานของตัวนาฬิกา กันน้ำได้ 5ATM หรือลึกสูงสุด 50 เมตร, IP68 และมาตรฐาน MIL-STD-810G
- ระบบปฏิบัติการ Tizen Based Wearable OS 4.0
- ชิปประมวลผล Exynos 9110 Dual-core 1.15GHz
- ความจำตัวเครื่อง 4GB
- แรม 0.75GB
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2, Wi-Fi b/g/n, NFC, A-GPS/Glonass
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyro, Barometer, HRM, Ambient Light
- รองรับการใช้งาน Bixby
- สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Samsung และ Android ค่ายอื่นๆ ที่รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0 ขึ้นไป หรือ iPhone 5 ขึ้นไปที่รันระบบปฏิบัติการ iOS 9.0 ขึ้นไป
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
Samsung Galaxy Watch เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มีการพัฒนาด้านดีไซน์ให้ออกมาสวยงาม และยังคงเป็นหน้าจอแบบกลม 360 องศา ให้ความรู้สึกและสัมผัสที่ใกล้เคียงกับนาฬิกาของจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยตัวเรือนหรือตัวเครื่องใช้วัสดุที่เป็นสแตนเลสสตีลที่ทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำเค็ม รวมไปถึงสามารถกันกระแทก และทนความร้อนได้ตามมาตรฐาน MIL-STD-810G
จุดเด่นของ Galaxy Watch คือการดีไซน์กรอบหน้าปัดให้หมุนได้ และมีรอยหยักคล้ายฟันเฟือง สามารถหมุนกรอบส่วนนี้ไปทางซ้ายหรือไปทางขวาได้ เพื่อใช้ควบคุมการปรับตั้งค่าต่าง ๆ ในหน้าจอขณะที่กำลังใช้งานอยู่
ด้านขวาของตัวนาฬิกามีปุ่มกด 2 ปุ่ม โดยปุ่มบนจะเป็นปุ่มย้อนกลับ (Back) และอีกปุ่มจะเป็นทั้งปุ่ม Power (กดค้างเพื่อปิดเครื่อง / ปุ่มโฮม (กดหนึ่งครั้งเพื่อกลับหน้าจอหลัก) / เป็นปุ่มเมนูแอพ (ในหน้าจอหลัก กดหนึ่งครั้งเพื่อเรียกใช้ดูรายการแอพ) และมาพร้อมไมโครโฟนจำนวน 1 ตัว สำหรับใช้โทรศัพท์ และใช้สั่งงานด้วยคำสั่งเสียง
ขอบอีกด้านของตัวนาฬิกาจะมีช่องลำโพง
ด้านหลังตัวนาฬิกามีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (HRM) ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบใหม่ที่มีความแม่นยำมากขึ้นว่าเดิมเมื่อเทียบกับ Gear S3 ที่ตัวเซ็นเซอร์จะแตกต่างออกไป
สายนาฬิกาที่มีให้ในกล่องจะเป็นสายแบบซิลิโคนอย่างดี มีความยาวให้เลือกใช้งานจำนวน 2 ขนาด โดยสายของ 42 มม. เป็นขนาด 20 มม. และสายของรุ่น 46 มม. เป็นขนาด 22 มม. ดังนั้นจะไม่สามารถใช้สายร่วมกันได้ระหว่าง 2 รุ่นนี้
ถ้าใครเบื่อสายเดิมๆ ที่มีให้ในกล่องก็สามารถถอดเปลี่ยนสายเองได้ง่าย ๆ เพียงกดที่สลัก และสามารถใช้กับสายนาฬิกาทั่วไปได้ด้วย
Samsung Galaxy Watch 46 มม. มีหน้าจอแสดงผลแบบกลมขนาดกว้าง 1.3 นิ้ว และรุ่นเล็ก 42 มม. มีหน้าจอขนาด 1.2 นิ้ว แต่มีความละเอียดเท่ากัน 360 x 360 พิกเซล เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ทำให้การแสดงผลมีสันที่สวยสมจริง
หน้าปัดนาฬิกาที่เหมือนกับของจริงมาก และปกป้องหน้าจอด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass DX+ ที่มีการออกแบบมาเพื่อให้ทนการกระแทกและป้องการรอยขีดข่วน ได้มาตรฐาน MIL-STD-810G และกันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
ในการเริ่มต้นใช้งาน ต้องทำการเชื่อมต่อ Galaxy Watch กับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable เพื่อให้ระบบตั้งค่าการใช้งานในครั้งแรก สามารถใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนของ Samsung เพื่อรองรับทุกฟีเจอร์อย่างสมบูรณ์ หรือใช้ Android ค่ายอื่นก็ได้เช่น รวมไปถึง iPhone ด้วย แต่จะถูกจำกัดการใช้งานบางฟีเจอร์
สำหรับแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable บนสมาร์ทโฟนเมื่อเชื่อมต่อกับ Galaxy Watch แล้ว จะมีการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือของตัวนาฬิกา พื้นที่จัดเก็บ หน่วยความจำแรม และตั้งค่าต่างๆ ให้กับตัวนาฬิกาผ่านแอพนี้ได้เลย
หลังจากเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเปิดใช้งานครั้งแรกแล้ว ก็สามารถสวมใส่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสมาร์ทโฟนติดตัวตลอดเวลา และสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นได้เลยจาก Galaxy App Store แต่ยังข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนแอพที่สามารถติดตั้งได้ หรือถ้าต้องการแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ผ่านบนสมาร์ทโฟน
การแสดงผลการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนมาบน Galaxy Watch ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น คือแสดงผลได้ทั้งข้อความ รูปภาพ และตอบกลับได้ด้วยข้อความเสียง, การใช้นิ้ววาดภาพลงบนหน้าจอ, เลือกตัวอิโมจิ หรือพิมพ์ข้อความก็ได้
การเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา ทำได้โดยการแตะค้างในหน้าจอหน้าปัดนาฬิกา แล้วปัดไปทางซ้าย-ขวาหรือหมุนกรอบนาฬิกาเพื่อเลือกหน้าปัดที่ต้องการ ซึ่งหน้าปัดอื่น ๆ ก็ยังสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้
นาปัดนาฬิกามีการพัฒนาให้แสดงผลแบบ 3 มิติที่ดูเหมือนของจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข เข็มนาฬิกา หรือแม้แต่แสงเงาเมื่อเอียงดูเวลาก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับนาฬิกาจริงมากๆ
Galaxy Watch ทำงานบนแพลตฟอร์ม Tizen 4.0 สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ และใช้รับสายเรียกเข้า พร้อมคุยได้ทันทีด้วยไมโครโฟนกับลำโพงที่ติตตั้งมาในตัว ซึ่งไมโครโฟนที่มีในตัวนอกจากจะใช้โทรศัพท์แล้ว ยังสามารถใช้สั่งงาน Bixby ด้วยคำสั่งเสียงได้ด้วย
Galaxy Watch ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ดีสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งมาพร้อมเซ็นเซอร์วัดความสูงและความดันบรรยากาศ (Altimeter/Barometer) สามารถใช้เป็นมาตรวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล และวัดแรงดันบรรยากาศ รวมไปถึงมี GPS ในตัว
การวัดอัตรากาาเต้นของหัวใจสามารถติดตามและวัดผลได้ตลอดทั้งวันแบบอัตโนมัติ หรือแตะเองก็ได้เช่นกัน ซึ่งเอฟเฟ็กต์ขณะกำลังวัดก็ดูสวยงามด้วยการแสดงเป็นรูปคลื่นหัวใจ
ด้านการออกกำลังกาย Galaxy Watch สามารถจับรูปแบบการออกกำลังกายที่แตกต่างกันได้หลากหลายรูปแบบทั้งภายในยิม กิจกรรมกลางแจ้งภายในสวนสาธารณะ หรือแม้แต่การออกกำลังกายที่สระว่ายน้ำ
ข้อมูลด้านการออกกำลังกายและการติดตามกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวันจะถูกซิงค์เพื่อเก็บเป็นข้อมูลกับแอพ Samsung Health ซึ่งในปัจจุบันมีหน้าตาที่สวยงาม สรุปผลการกำลังกายที่ดูง่ายมากขึ้น และสามารถซิงค์ข้อมูลสุขภาพร่วมกับแอพอื่นได้ด้วย เช่น การนอนหลับกับ Fitbit เป็นต้น
สำหรับแบตเตอรี่ของ Galaxy Watch 42 มม. ชาร์จเต็ม 100% ใช้งานได้ประมาณ 1-2 วัน ใส่ใช้งานทั่วไป นับก้าวเดิน วิ่งออกกำลังกายในฟิตเนส และรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนตลอดทั้งวัน และหากเปิดใช้งานการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนจะอยู่ได้ราว 2 วันขึ้นไป ในขณะที่ Galaxy Watch 46 มม. ซึ่งมีแบตเตอรี่มากกว่ารุ่นเล็ก ใช้งานทั่วไปเหมือนกัน พบว่าในหนึ่งวันจะเหลือแบตเตอรี่ราว 70% ซึ่งถ้าใช้งานจนหมดก็จะอยู่ได้นานมากกว่า 3 วัน
สรุปจุดเด่น
- Samsung Galaxy Watch มีรูปลักษณ์เหมือนกับนาฬิกาจริงๆ ที่ใช้งานได้มากกว่านาฬิกา วัสดุมีความแข็งแรงสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง ทั้งกันน้ำ กันฝุ่น และกันกระแทก
- หน้าจอ Super AMOLED ทำให้หน้าจอมีสีสันสดใส สวยงาม พร้อมกรอบนาฬิกาที่หมุนได้ ทำให้การใช้งานบนตัวนาฬิกาทำได้ง่ายขึ้น และสะดวกขึ้นมาก
- ตัวนาฬิกามีทั้งไมโครโฟนและลำโพงในตัว เมื่อมีแจ้งเตือนสายเรียกเข้ามาบนตัวนาฬิกาก็ทำให้รับสายพร้อมคุยกันได้จากตัวนาฬิกาโดยตรง
- ตอบโจทย์สำหรับใช้เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย ด้วยฟีเจอร์ที่รองรับการติดตามการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบทั้งในร่มและกลางแจ้ง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานหลายวันวันต่อการชาร์จเต็ม ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- Galaxy Watch ค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ก็จะได้เปรียบในเรื่องความรู้สึกที่เหมือนนาฬิกาจริงๆ และมีความทนทาน
- การใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนค่ายอื่นจะมีข้อจำกัดบางฟีเจอร์