รีวิว Galaxy Watch Ultra สมาร์ทวอทช์รุ่นท็อปของ Samsung ที่ปีนี้ยกระดับของฮาร์ดแวร์มาแบบไม่ใช่แค่ Pro แต่ถึง Ultra กันแล้วครับ อัปเกรดทั้งวัสดุและดีไซน์ให้พรีเมี่ยมยิ่งขึ้น ความสามารถที่จัดเต็มกว่าเดิม รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ที่ได้จาก Galaxy AI อีกด้วย การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร คำว่า Ultra ใหม่นี้น่าตื่นเต้นแค่ไหน ติดตามได้ในรีวิวนี้เลยครับ!

สรุปสเปค Galaxy Watch Ultra
- ขนาดตัวเรือน : 47.1 x 47.4 x 12.1 มม.
- น้ำหนัก : 60.5 กรัม
- หน้าจอ : Super AMOLED ขนาด 1.5″ (47 มม.)
- ความละเอียด 480 x 480 พิกเซล
- กระจกกันรอย : Sapphire Crystal
- ชิปเซ็ต : Exynos W1000 5-Core (3nm)
- RAM : 2GB
- Storage : 32GB
- แบตเตอรี่ : 590mAh
- ระบบชาร์จ : รองรับชาร์จไว (ด้วยแท่นชาร์จไร้สายพอร์ต USB-C)
- เซ็นเซอร์ : Samsung BioActive Sensor (Optical Heart Rate + Electrical Heart Signal + Bioelectrical Impedance Analysis), Temperature Sensor, Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Light Sensor
- การเชื่อมต่อ : LTE, Bluetooth 5.3, Wi-Fi 2.4+5GHz, NFC, GPS/Glonass/Beidou/Galileo
- มารตรฐานความทนทาน : 10ATM + IP68 / MIL-STD-810H
- ระบบปฏิบัติการ : Wear OS 5 (One UI 6 Watch)

แกะกล่อง Galaxy Watch Ultra
ก่อนจะไปชมดีไซน์ตัวเครื่องและการใช้งาน เราขอมาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์กันก่อนดีกว่าว่าให้อะไรมาบ้างเนาะ ตัวกล่องจะมาในทรงสูงพื้นดำที่ด้านหน้ามีชื่อรุ่นและภาพประกอบครบ สีที่เราได้มารีวิวก็เป็นสี Titanium Gray พร้อมสาย Marine Band สีส้มนั่นเองครับ

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องแยกระหว่างตัว เรือน Galaxy Watch Ultra กับสาย ซึ่งในกล่องตัวเรือนจะมีเอกสารคู่มือกับที่ชาร์จไร้สายพอร์ต USB-C อยู่ด้วยครับ

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ Galaxy Watch Ultra จะมีด้วยกัน 4 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเรือน Galaxy Watch Ultra
- สาย Marine (สำหรับกิจกรรมทางน้ำ) สีส้ม
- ที่ชาร์จไร้สาย USB-C
- เอกสารคู่มือ

ดีไซน์ที่ลงตัว พรีเมี่ยม และแข็งแกร่งที่สุด
เอาล่ะ…ได้เวลายลโฉม Galaxy Watch Ultra แบบเต็ม ๆ กันแล้วล่ะครับ ดีไซน์รอบนี้ปรับใหม่หมดแบบ Cushion Design ที่มีสไตล์และแตกต่างจาก Galaxy Watch ที่ผ่าน ๆ มาเพราะเป็นการผสานของตัวเรือนทรงเหลี่ยมกับหน้าปัดวงกลมได้อย่างลงตัว ได้อารมณ์ของความแข็งแกร่งแต่ยังไม่ต้องปรับตัวเยอะในการแสดงผลครับ

ซึ่งตัววัสดุของตัวเรือนก็มีการยกระดับให้ทนทานมากขึ้นกับไทเทเนียมเกรด 4 แบบ Glass Sandwich คือด้านบน-ล่างจะมีความมันวาวหรู ๆ กับแกนกลางที่เป็นผิวด้าน แค่เห็นก็รู้สึกถึงความมีลูกเล่นแล้วล่ะครับ

และแน่นอนว่าเน้นในเรื่องความแข็งแกร่ง ที่หน้าจอก็เลยใช้กระจก Sapphire Crystal ที่ทนรอยและการกระแทกได้ระดับสูงสุด พอบวกกับวัสดุตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 4 ก็ทำให้ Galaxy Watch Ultra นั้นแข็งแกร่งที่สุดใน Galaxy ตอนนี้แล้วล่ะครับ!

สีส้มที่แทรกเข้ามาเพิ่มความ Ultra
ส่วนสีสันอย่างที่บอกไปว่าเราได้สี Titanium Gray มา ตัวเรือนจะเป็นสีเทาเข้มที่มีความนุ่มลึก และก็ยังแทรกสีส้มที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ของรุ่น Ultra เข้ามาอีก ทำให้ดีไซน์ดูมีลูกเล่นและไม่จำเจจนเกินไป ซึ่งสีส้มนี้ก็ยังใช้ร่วมกับปุ่มกดด้านข้างด้วยนะ และพอมารวมกับตัวสาย Marine Band สีส้มก็ทำให้เข้ากันไปใหญ่เลยว่าไหมล่ะครับ

Quick Button ใหม่เพิ่มเข้ามาเฉพาะ Ultra
นอกจากจะปรับดีไซน์ภายนอกใหม่หมดแล้ว Galaxy Watch Ultra ก็ยังมีการเพิ่มปุ่มลัดใหม่ที่ Samsung เรียกว่า Quick Button เข้ามาด้วยครับ ซึ่งปุ่มนี้จะอยู่ระหว่างปุ่มโฮมและปุ่มย้อนกลับ ซึ่งมีสีส้มล้อมรอบเพิ่มความเด่นอย่างที่เราบอกไปครับ

ซึ่งเราสามารถตั้งค่าปุ่มนี้เป็นทางลัดเข้าสู่แอปหรือฟีเจอร์บางอย่างด่วน ๆ ตามชื่อ Quick Button ล่ะครับ ในค่าเริ่มต้นจะตั้งไว้เป็น My Exercise เพื่อเข้าถึงการออกกำลังเลือกหมวดหมู่ได้แบบทันทีนั่นล่ะครับ

และนอกจากการกดเพียงครั้งเดียวเพื่อใช้งานด่วน ๆ แล้ว ที่ Quick Button นี้ยังสามารถใช้งานเป็นปุ่มขอความช่วยเหลือกับ Siren mode โดยให้เรากด Quick Button ค้างไว้ 5 วินาที จะเป็นการส่งเสียงไซเรนดัง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ เสียงแหลม 85 เดซิเบลสามารถทะลุผ่านสภาพแวดล้อมได้ไกลถึง 180 เมตรเลยด้วย

หน้าจอ Super AMOLED วงกลมแบบนาฬิกาหรู
อะ…ขอย้อนกลับมาดูตัวหน้าจออีกครั้งเนาะ Galaxy Watch Ultra นั้นมาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 1.5″ ความละเอียด 480×480 พิกเซล ซึ่งถือว่าแสดงผลได้สวยตามสไตล์ Samsung ครับ คมชัดเยี่ยมและรองรับความสว่างสูงสุดถึง 3000nits สู้แสงกลางแจ้งบ้านเราได้สบายครับ

และจุดที่เราชอบจริง ๆ ก็คือเรื่องรูปทรงที่แม้ตัวเรือนจะมาแบบเหลี่ยมขึ้น แต่ตัวหน้าจอจริง ๆ ยังคงเป็นแบบวงกลม ทำให้พวก Watch Faces หรือการแสดงผลแอปต่าง ๆ ไม่ต้องปรับตัวกันเยอะ ใช้ของเดิมได้หมด ซึ่งตรงนี้ Samsung ก็ตั้งใจให้เป็นจอแบบกลมด้วย เพราะความเป็นหน้าปัดกลมจะดูหรูหราคล้ายกับพวกนาฬิกาแบรนด์จริง ๆ ไม่ใช่ทรงเหลี่ยมน่ะเนาะ

ในเรื่องการแสดงผล Galaxy Watch Ultra จะมีโหมด Night mode หรือโหมดกลางคืนใหม่ที่จะเปลี่ยนหน้าปัดทั้งหมดเป็นโทนสีแดง เพื่อถนอมสายตาด้วย ตรงนี้จะทำให้เรามองรายละเอียดหรือข้อมูลได้ครบถ้วนอยู่ แต่แสงไม่จ้าเกิน เราลองมาแล้ว เวลาใช้ตอนมืดจอแบบนี้ช่วยให้สบายตาขึ้นเยอะจริง ๆ ครับ

เซ็นเซอร์ BioActive ใหม่ แม่นยำยิ่งขึ้นอีก
ที่ด้านหลังของตัวเรือนเราจะเห็นเซ็นเซอร์ BioActive ชุดใหม่ที่รวมเอา Optical Heart Rate + Electrical Heart Signal + Bioelectrical Impedance Analysis เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมการจัดเรียงแบบใหม่ที่ Samsung เคลมว่ามีความแม่นยำเพิ่มขึ้นถึง 30% เลยทีเดียวครับ

ขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นเป็น 47 มม.กับเทคโนโลยีที่ให้มาของ Galaxy Watch Ultra และด้วยเซ็นเซอร์บวกกับความอลังการของดีไซน์ น้ำหนักของตัวเครื่องก็เพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา ซึ่งรุ่นนี้จะมีน้ำหนักตัวเรือนอยู่ราว 60.5 กรัม เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว แต่ได้ความแน่นหนาและฟีเจอร์เพิ่มเข้ามาก็ปรับตัวให้ชินได้ไม่ยากอะไรครับ

สายแบบใหม่ ใช้งานได้หลากหลาย
สำหรับสายของ Galaxy Watch Ultra ก็อย่างที่เห็นเลยครับ มาในรูปแบบใหม่ อย่างที่เห็นในรีวิวนี้คือสาย Marine Band ที่ออกแบบมาเพื่อกิจกรรมทางน้ำโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถสวมใส่ใช้งานทั่วไปได้ดีด้วยวัสดุที่ทีความนุ่ม และช่องระบายมากมาย แห้งเร็วแม้ใส่เล่นกีฬาทางน้ำก็ตาม

นอกจากนี้ Samsung ยังมีตัวเลือกสายแบบอีก 2 แบบให้เลือกคือ Trail Band สำหรับการออกกำลังกายประเภทวิ่งเทรลเป็นสายผ้าที่ทนทานและยืดหยุ่น กับสาย PeakForm Band ที่เป็นซิลิโคนแบบไฮบริดที่จะใส่ออกกำลังกายหนัก ๆ หรือแฟชั่นเรียบหรูก็ได้เช่นกัน
และตัวสายรอบนี้ก็ออกแบบมาใหม่ให้แข็งแรงในการยึดกับตัวเรือนด้วยขายึดไทเทเนียม แต่ก็ถอดเปลี่ยนได้ง่ายขึ้นด้วยปุ่มกดเพียงปุ่มเดียว กดปุ๊บก็ดึงออกมาได้ปั๊บ ทำให้ใครที่ชอบเปลี่ยนสายให้เข้ากับประเภทการออกกำลังกาย หรือแมทช์เข้ากับชุดต่าง ๆ นั้นสะดวกขึ้นอีกเยอะเลยครับ

กันน้ำขั้นสุดด้วยมาตรฐาน IP68/10ATM
เห็นว่ามีสายสำหรับกิจกรรมทางน้ำแบบนี้ แน่นอนว่า Galaxy Watch Ultra นั้นมีมาตรฐานกันน้ำระดับ IP68 มาให้ใส่ลงน้ำได้ และยังอัปเกรดมาตรฐาน 10ATM ความดันน้ำทะเลที่ 100 เมตร เพิ่มมาให้อีกหนึ่ง ช่วยให้เราใส่ Free Dive/Snorkeling ได้แบบไม่สะท้านกันเลยครับ เพราะสามารถทนความลึกต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 500 เมตรจนถึง 9,000 เมตรเหนือระดับน่ำทะเลกันเลยครับ!

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Galaxy Watch Ultra ก็ถือว่าเป็นอัปเกรดแบบครั้งใหญ่ ให้เป็นสมาร์ทวอทช์สุดแกร่งด้วยบอดี้ไทเทเนียมเกรด 4 กระจกหน้าจอ Sapphire Crystal ที่ดีที่สุด มีลวดลายและสีส้มที่แทรกเข้ามาเพิ่มลุค Extreme กับปุ่ม Quick Button ที่ช่วยให้เราพร้อมสั่งงานในทุกเวลา พร้อมทั้งสายแบบใหม่ที่พอทุกอย่างรวมกันก็ให้ความพรีเมี่ยมแบบที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์จริง ๆ ครับ!

มาพร้อม Watch OS 5 และ One UI 6 Watch
Galaxy Watch Ultra จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดอย่าง Wear OS 5 ที่ทาง Samsung พัฒนาร่วมกับ Google และครอบทับด้วย One UI 6 Watch เข้าไปอีกที ทำให้มีลูกเล่นและความน่าเชื่อในแบบของ Galaxy Watch ครับ การเชื่อมต่อก็ง่ายเพราะรองรับฟีเจอร์ Google Fast Pair แค่เปิดเครื่องแล้วเอามาใกล้กันก็จะมี Pop-Up ให้กดจับคู่กันแล้ว

ส่วนแอปที่ใช้จัดการจะเป็น Galaxy Wearable ของ Samsung เลยครับ (มีติดอยู่บนสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy อยู่แล้ว) ในตัวแอปก็จะมีพวกสถานะของตัววอทช์รวมถึงการตั้งค่าต่าง ๆ อยู่ในนี้ด้วยครับ

การควบคุมต่าง ๆ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้ว เราก็สามารถทำได้ผ่านวอทช์โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟนได้เลยด้วย เราสามารถเลื่อนซ้ายไปเพื่อดูหน้า Tiles ต่าง ๆ อาทิ หน้า Daily Activity, หน้าการออกกำลังกาย, ข้อมูลสุขภาพ, การนอน, สภาพอากาศ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเข้าไปเพิ่มหรือเอาส่วนที่ไม่ใช้ออกได้จากการตั้งค่าโดยการแตะค้างหรือจะไปจัดการผ่านแอป Galaxy Wearable ก็ได้เช่นกัน

หรือถ้าอยากดูข้อมูลสุขภาพแบบภาพรวมผ่านสมาร์ทโฟน ก็ใช้ผ่านแอป Samsung Health ได้เลยครับ ในนี้จะมีข้อมูลที่ Galaxy Watch Ultra เก็บมาได้ทั้งหมดรวมอยู่แล้ว

ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมถึง 3 เท่า!
สำหรับสเปคภายในของ Galaxy Watch Ultra นั้นมีการอัปเกรดชิปเซ็ตเป็น Exynos W1000 แบบ 5-Core ขนาด 3nm ซึ่ง Samsung เคลมว่ามีประสิทธิภาพ CPU ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า ช่วยให้การใช้งานราบรื่นกว่าเดิมมาก ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล อีกทั้งตัวชิปยังช่วยจัดการพลังงานได้ดีกว่าเดิมอีก 30% เลยด้วย เท่าที่เราลองใช้งานดูก็พบว่าทำงานได้ลื่นไหล และราบรื่นในทุกสถานการณ์อย่างที่ว่าไว้จริง ๆ ครับ

การติดตามที่แม่นยำ
อย่างที่บอกว่า Galaxy Watch Ultra นั้นมาพร้อมเซ็นเซอร์ BioActive เวอร์ชั่นใหม่ที่ตรวจจับกิจกรรมต่าง ๆ ของเราได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจได้ได้เสมอแม้จะออกกำลังกายอย่าง ว่ายน้ำ, สกีน้ำ, พายเรือคายัก หรือวินด์เซิร์ฟติดตามได้ทั้งหมด รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายด้วย

มี GPS ย่านความถี่แบบคู่ พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์
ใครที่เป็นสายวิ่งในเมืองหรือ City Run ก็คงจะถูกใจ Galaxy Watch Ultra ไม่น้อย เพราะรุ่นนี้มาพร้อม GPS ย่านความถี่แบบคู่ ที่แม่นยำที่สุดของ Galaxy Watch โดยใช้ทั้งย่านความถี่ L1 และ L5 มั่นใจได้ว่าการระบุตำแหน่งที่แม่นยำ ไม่หลงทางแน่นอน

Galaxy AI มาแล้วบน Galaxy Watch
Galaxy AI เข้ามามีบทบาทกับสมาร์ทโฟนของ Samsung ตั้งแต่ต้นปี และตอนนี้ก็ถูกส่งต่อมาถึง Galaxy Watch Ultra รุ่นนี้แล้วด้วย ซึ่งเทคโนโลยี AI ที่ว่านี้จะเข้ามามีช่วยให้การตรวจจับสุขภาพหรือการออกกำลังกายสนุกขึ้นด้วยระบบ Energy Score นั่นเองครับ!

ซึ่งระบบ Energy Score นี้จะรวมเอาข้อมูลของร่างกายเราที่ Watch ตรวจจับได้มาวิเคราะห์และแสดงผลออกมาเป็นคะแนนให้เราดูในแต่ละวัน คะแนนของเราวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง พร้อมที่จะสร้างความท้าทายให้ตัวเราต่อไปรึยัง ถ้ายังไม่พร้อม ให้ลองปรับการนอนหลับ, การออกกำลังกาย และสิ่งอื่น ๆ ดู เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้ น่ะ…แค่คิดก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะครับ

โดย Energy Score นั้นจะวิเคราะห์จาก 4 ปัจจัยหลักของเราได้แก่
- การนอนหลับ
- กิจกรรม
- อัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับ (SHR)
- ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับ (SHRV)

มี Wellness Tips หรือฟีเจอร์ที่ทำให้เราสนใจสุขภาพมากขึ้น ด้วยการแนะนำโปรแกรมดูแลสุขภาพ ที่ตรงกับความชอบและเป้าหมายของแต่ละคน รวมถึงเสริมสร้างพัฒนาการให้การออกกำลังได้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ Race หากเราวิ่งหรือปั่นจักรยานในสถานที่เดิมเป็นประจำ AI จะรู้และจะเปรียบเทียบความเร็วกับครั้งที่แล้วแบบเรียลไทม์ ช่วยให้เรามีแรงกระตุ้นอยากวิ่งหรือปั่นเร็วขึ้นกว่าเมื่อวานเพื่อเอาชนะตัวเอง และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

Advanced Sleep Monitoring ดูแลเราแม้ยามหลับ บอกสิ่งที่เราไม่รู้ ระหว่างนอน
สุขภาพที่ดี การนอนก็เป็นส่วนสำคัญ จะเห็นว่า Galaxy Watch นั้นใส่เรื่องนี้มาหลายรุ่น และบน Galaxy Watch Ultra นี้ก็จะเก่งขึ้นอีกเพราะได้ความสามารถของ AI มาจัดการ ให้การนอนหลับของเราที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วยความสามารถดังนี้
- การวัดคุณภาพการนอนได้ละเอียดและแม่นยำ (Deep, REM, Light, Awake)
- บันทึกและวิเคราะห์รูปแบบการนอนออกมาเป็นคาแรคเตอร์เฉพาะตัว พร้อมข้อแนะนำ เพื่อพัฒนาการนอนให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
- ตรวจจับการกรนระหว่างนอน สามารถอัดเสียงไว้เพื่อปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญได้ในอนาคต (Snoring Detection)
- วัดออกซิเจนในเลือดขณะหลับ (SpO2 – Blood Oxygen)

AI ที่ช่วยเสนอการตอบกลับได้ในทุกที่
นอกจากฟีเจอร์สุขภาพและการออกกำลังกายที่มี AI ช่วยแล้ว ในเรื่องการสื่อสาร Galaxy Watch Ultra ก็ยังได้มี AI เข้ามาเสริมการทำงานให้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย อย่างการตอบกลับด่วน ที่ Galaxy AI จะวิเคราะห์ข้อความก่อนหน้าในแชท แล้วก็จะเสนอตัวเลือก Smart Reply ที่สอดคล้องกับอารมณ์ของการแชทเพื่อให้เราตอบแชทได้แบบทันทีแบบไม่ต้องพิมพ์ข้อความเพิ่มหรือเปิดบนสมาร์ทโฟนเลยล่ะครับ

จีบเพื่อสั่งงานได้ด้วยนะ
อีกหนึ่งความสามารถเก๋ ๆ จาก Galaxy AI ก็คือบน Galaxy Watch Ultra เราสามารถสั่งงานด้วยการจีบนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง 2 ครั้งได้ด้วย อาทิ ตอนเราจะถ่ายรูปแบบสั่งไปที่สมาร์ทโฟนก็ใช้การจีบนิ้วเพื่อลั่นชัตเตอร์ได้เลย, มีสายเข้าก็ไม่ต้องมาแตะรับสายแค่จีบนิ้วก็รับได้ หรือปิดเสียงการแจ้งเตือนก็ได้เช่นกัน สะดวกขึ้นเยอะนะครับ เท่าที่ลองใช้มา

เครื่องมือสำคัญกรณีฉุกเฉิน มีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ยังดีกว่าตอนจะใช้แล้วไม่มี
สำหรับกรณีฉุกเฉิน Galaxy Watch Ultra ก็ยังมีฟีเจอร์อย่าง Fall Detection กรณีบังเอิญหกล้ม ตกบันได รถชน หรืออื่น ๆ ที่เกิดการกระแทก ซึ่งระบบจะตรวจจับได้ภายใน 1 นาที หากไม่มีการขยับ และไม่ตอบสนอง (กดยืนยันใน Watch) Watch Ultra จะทำการโทรออกเบอร์ SOS ที่ตั้งไว้ทันที แน่นอนว่าฟีเจอร์แบบนี้ไม่มีใครอยากใช้จริง แต่ถ้าจังหวะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา มีติดไว้ก็อุ่นใจกว่า ถูกไหมล่ะครับ

แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 100 ชม.
มาปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่กันครับ แน่นอนว่าการที่เป็นรุ่น Ultra ไม่ได้มีดีแค่ฟีเจอร์หรือดีไซน์ที่หรูหราขึ้นเท่านั้น เพราะ Galaxy Watch Ultra ยังได้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น ให้เราได้ใช้งานได้นานกว่าเดิม โดย Samsung เคลมว่าในการใช้งานทั่วไปแบบปิด AOD ได้นานถึง 80 ชม. หรือถ้าเปิดก็จะได้ 60 ชม. แต่ถ้าอยากให้อึดสูงสุดก็ยังมีโหมด Power Saving mode ที่ยืดอายุการใช้งานได้สูงสุดถึง 100 ชม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเลยทีเดียวครับ เท่าที่เราใช้งานมาจริง ๆ ก็ชาร์จเต็ม 1 ครั้งก็ใช้งานได้ราว 3 วันกว่าจะชาร์จอีกครั้ง โอเคเลยนะ

ส่วนระบบชาร์จ Galaxy Watch Ultra ก็ชาร์จแบบไร้สายผ่านที่ชาร์จที่ให้มาในกล่องได้เลยครับ ซึ่งเป็นระบบชาร์จเร็วที่ไวใช้ได้เลย แต่น่าเสียดายที่รอบนี้ Watch Ultra ไม่รองรับระบบชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi แล้ว หมายความว่าเราไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ Wireless PowerShare ของสมาร์ทโฟน Galaxy แบ่งแบตเตอรี่มาให้เหมือนรุ่นก่อน ๆ ได้แล้วนั่นเองครับ

ราคาเปิดตัว Galaxy Watch Ultra
สำหรับ Galaxy Watch Ultra จะเปิดตัวมารุ่นเดียวเลยคือ 47มม. แบบ LTE มีให้เลือก 3 สีคือ Titanium Gray (สีที่รีวิว), Titanium White และ Titanium Black ครับ เปิดราคามาที่
Galaxy Watch Ultra = 23,900 บาท
และยังมีโปรโมชั่นเมื่อซื้อคู่กับ Galaxy Z Fold6 หรือ Z Flip6 ลดเพิ่ม 30% ตั้งแต่วันนี้ – 1 กันยายน 2567 ด้วยครับ

สรุปแล้ว “นี่คือ Galaxy Watch รุ่นท็อปสุด หรูที่สุด และแกร่งที่สุดเท่าที่ Samsung เคยทำมา”
สรุปแล้ว Galaxy Watch Ultra ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทวอทช์เรือธงที่ดีที่สุดรุ่นใหม่เท่าที่ Samsung เคยทำมา ทั้งดีไซน์ที่อัปเกรดขึ้นมาให้หรูหราแบบที่มองแว้บแรกก็รู้เลยว่านี่ไม่ใช่รุ่นทั่วไปแน่นอน เสริมความแกร่งของวัสดุเข้าไปด้วยตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 4 กันน้ำได้ระดับ 10ATM ปุ่ม Quick Button พิเศษ และสีส้มที่แทรกเข้าไปได้อย่างพอดีและลงตัว นอกจากนี้เรื่องฟีเจอร์ก็ยังอัดแน่นมาครบ มีการเสริมด้วย Galaxy AI อันเก่งกาจ ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม ทั้งหมดนี้สมแล้วที่ให้ชื่อ Ultra ตามท้ายครับ ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ระดับสูงสุดไว้ใช้งานทั่วไปจนถึงการออกกำลังกายลุยได้เต็มที่ เราว่าไม่ควรพลาด Galaxy Watch Ultra จริง ๆ ครับ!
