Connect with us

Smart Review

รีวิว Samsung Galaxy Watch6 สุขภาพดีแบบสมาร์ทไปด้วยกันในทุกวัน!

Published

on

รีวิว Galaxy Watch6 สมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดจาก Samsung ที่จะมาช่วยให้เราสุขภาพดีและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทุกวัน รอบนี้อัปเกรดดีไซน์ใหม่ด้วยหน้าจอที่เต็มตามากขึ้น, แข็งแกร่งมากขึ้นแต่ตัวเรือนบางลง, ปรับเปลี่ยนสไตล์ประจำวันได้ง่ายกว่าเดิม, ชิปประมวลผลใหม่เร็วขึ้นอีก 18% และที่ขาดไม่ได้ฟีเจอร์เรื่องสุขภาพสุดสมาร์ทที่มีมาให้แบบครบถ้วนเหมือนเดิม

หลังจากที่เราลองใส่ใช้งานมากกว่า 1 สัปดาห์วันนี้ก็ขอมารีวิว Galaxy Watch6 แบบเต็ม ๆ ให้ทราบถึงประสบการณ์การใช้งานกันหน่อย เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจอยู่เนาะ พร้อมแล้วติดตามครับ!

สเปค Galaxy Watch6 (44mm)

  • ขนาดตัวเรือน : 42.8 x 44.4 x 9.0 มม.
  • น้ำหนัก : 33.3 กรัม
  • หน้าจอ : Super AMOLED ขนาด 1.5″
  • ความละเอียด 480 x 480 พิกเซล
  • กระจกกันรอย : Sapphire Crystal
  • ชิปเซ็ต : Exynos W930 Dual-Core 1.4GHz
  • RAM : 2GB
  • Storage : 16GB
  • แบตเตอรี่ : 425mAh
  • ระบบชาร์จ : รองรับชาร์จไว (ด้วยแท่นชาร์จไร้สายพอร์ต USB-C)
  • เซ็นเซอร์ : Samsung BioActive Sensor (Optical Heart Rate + Electrical Heart Signal + Bioelectrical Impedance Analysis), Temperature Sensor, Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Light Sensor
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3, Wi-Fi 2.4+5GHz, NFC, GPS/Glonass/Beidou/Galileo
  • มารตรฐานความทนทาน : 5ATM + IP68 / MIL-STD-810H
  • ระบบปฏิบัติการ : Wear OS Powered by Samsung (Wear OS 4)

ดีไซน์ที่เรียบง่ายเหมือนเดิม แต่จอใหญ่ขึ้นอีก 20%

มาชมดีไซน์ของ Galaxy Watch6 กันเลยครับ มองเผิน ๆ รุ่นนี้ก็แทบจะคล้ายกับ Galaxy Watch5 ที่เราเคยรีวิวไปเลย ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายหน้าปัดวงกลมแบบ Flat พร้อมตัวเรือนแบบ Matellic ดูหรูหรา แต่ถ้าเราดูการแสดงผลที่หน้าจอดี ๆ จะเห็นว่าขนาดหน้าจอของรุ่นนี้เต็มตามากขึ้น

ใช่แล้วครับรอบนี้ Galaxy Watch6 ขยายขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น 1.5″ (จากเดิม 1.4″) หรือคิดเป็น 20% เลยทีเดียว ซึ่งการขยายหน้าจอในครั้งนี้เป็นการลดขอบสีดำลงถึง 30% จึงทำให้ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นในขณะที่ตัวเรือนไม่ได้ใหญ่ขึ้นอีกด้วยครับ

ตัวเรือนที่บางลง ชวนสวมใส่มากขึ้น

ไม่ใช่แค่จอใหญ่ขึ้นอย่างเดียว ตัวเรือนของ Galaxy Watch6 ก็มีความบางลงจากรุ่นก่อนเหลือเพียง 9 มม. (จากเดิม 9.8 มม.)เพื่อทำให้ง่ายขึ้นต่อการสวมใส่ รวมถึงน้ำหนักที่เบาลงด้วย อย่างรุ่นที่เราได้มารีวิวเป็นขนาด 44 มม.ก็เบา 33.3 กรัม (รุ่นก่อน 33.5 กรัม) สวมใส่ได้สบายมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

และความแข็งแกร่งก็ไม่ธรรมดาเพราะใช้วัสดุเป็น Armor Aluminium แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป ๆ เลยด้วย ที่ตัวเรือนจะมีปุ่มกด 2 ปุ่มเหมือนเคยปุ่มบนเป็นปุ่มโฮมให้เรากดย้อนกลับไปหน้าแรกได้ส่วนปุ่มล่างจะเป็นปุ่มฟงัก์ชั่นที่ให้เราเลือกตั้งค่าได้ว่าจะใช้งานเป็นปุ่มย้อนกลับหรือปุ่ม Recent Apps ก็ได้ครับ ส่วนตรงกลางระหว่าง 2 ปุ่มนี้ก็จะเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนานั่นเองครับ

หน้าจอ Super AMOLED สว่างชัดทุกสภาพแสง

ขอวนมาพูดเรื่องหน้าจออีกสักนิด Galaxy Watch6 ใช้หน้าจอ Super AMOLED คุณภาพสูง ความละเอียด 450×450 พิกเซล สวยคมชัดอ่านรายละเอียดบนหน้าจอได้ครบถ้วน อีกทั้งความสว่างสูงสุดที่มากถึง 2000nits มากถึงรุ่นก่อนถึง 2 เท่า ทำให้เราใช้งานกลางแจ้งได้ง่ายขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ตัวขอบจอนั้นยังรองรับฟีเจอร์ Touch Bezel ที่ให้เราเลื่อนรอบ ๆ หน้าจอ (ตรงขอบสีดำ) เหมือนวงแหวนรอบกรอบหน้าปัดได้อีกด้วย เพิ่มตัวเลือกในการหมุนหรือเลือกโหมดไปอีกแบบครับ

มีเซ็นเซอร์อยู่ครบที่ด้านหลัง

และที่ด้านหลังของเรือนจะมีเซ็นเซอร์ในการใช้งานครบทั้ง เซ็นเซอร์ Bioelectrical Impedance Analysis (BIA), เซ็นเซอร์ Heart Rate Monitor หรือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิอินฟราเรด จัดมาแน่น ๆ แบบนี้ความสามารถไม่ต้องห่วงเลยล่ะครับ

เปลี่ยนสายนาฬิกาข้อมือได้ง่าย ๆ ในคลิกเดียว

ส่วนสายรอบนี้ก็ปรับรูปแบบใหม่เพิ่มปุ่มกดในการถอดสายเข้ามาเพื่อให้ง่ายต่อการถอดเปลี่ยนยิ่งขึ้น จากเดิมที่เป็นเขี้ยวเล็ก ๆ ที่เราต้องง้างแล้วดึงออก รอบนี้ก็เป็นปุ่มที่ใหญ่พอตัว กดและดึงออกได้ทันที หรือตอนจะใส่กลับก็กดปุ่มและดันกลับเข้าไปเท่านี้เป็นอันเรียบร้อย

ส่วนตัวสายก็มีให้เลือกหลายแบบอย่างรุ่นที่เราได้มารีวิวเป็นสายหนังสีดำที่มากับตัวเรือนสี Graphite ได้ความเท่อย่างลงตัว ผิวสัมผัสที่ด้านนอกจะเป็นหนัง Eco-Leather ให้ความเรียบหรู ในขณะที่ด้านในที่สัมผัสกับข้อมือของเราจะเป็นซิลิโคนที่มีความนุ่มและไม่ระคายเคือง ทำให้เวลาสวมใส่ก็ได้ทั้งสัมผัสที่นุ่มนวลไม่มีผลกับเหงื่อ แต่ก็ยังได้รูปลักษณ์ที่หรูหราทางการแบบหนัง Eco-Leather อีกด้วย อันนี้เราว่าออกแบบมาได้ดีมากเลย

หมดห่วงเรื่องรอยขีดข่วนด้วยกระจก Sapphire Crystal

ในเรื่องความทนทาน Galaxy Watch6 ยังคงใช้กระจกหน้าจอสุดแกร่งอย่าง Sapphire Crystal ที่ทาทานสุด ๆ พร้อมให้เราใช้งานอย่างสมบุกสมบันได้แบบไม่ต้องกังวลว่าหน้าจอจะเป็นรอยได้ง่าย ๆ ตรงนี้เราลองทดสอบแบบไม่ตั้งใจโดยการฟาดเข้ากับขอบโต๊ะอย่างจังมาแล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นเลยครับหน้าจอไม่มีแม้แต่รอยขนแมวให้กวนใจเลย 

กันน้ำได้ทุกโหมดเพราะมีทั้ง IP68 และ 5ATM

ส่วนเรื่องกันน้ำก็หายห่วงเช่นกันเพราะ Galaxy Watch6 นั้นได้มาตรฐาน IP68 และ 5ATM ช่วยให้ตัววอทช์ทรหดพอเพื่อเป็นคู่หูอยู่ในทุกการผจญภัย จะลุยฝนหนัก ๆ ที่อยู่ ๆ ก็ตกในช่วงนี้ หรือจะออกกำลังกายทางน้ำด้วยเลยก็เอาอยู่ครับมาตรฐานระดับนี้แล้ว

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Galaxy Watch6 แม้ภายนอกจะคล้ายเดิมมาก แต่อย่างที่บอกว่าการอัปเกรดหลัก ๆ คือหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นถึง 20% บวกกว่าน้ำหนักและความบางที่ลดลงอีก ก็ช่วยให้ตอนเราใส่ใช้งานจริงนั้นยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ดูลงตัวกับการใช้งานมากกว่าเดิม และในเรื่องดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายจากรุ่นก่อนก็ยังคงเป็นจุดเด่นที่ให้เราแมทช์ได้กับทุกลุคอยู่แล้วด้วย การอัปเกรดแค่จุดที่ควรก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพียงพอแล้วล่ะครับ

เชื่อมต่อผ่านแอป Galaxy Wearable

ในเรื่องการเชื่อมต่อ Galaxy Watch6 ก็สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอป Galaxy Wearable ได้เลย (มีติดอยู่บนสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy อยู่แล้ว) จับคู่ไม่ยุ่งยากก็ตามขั้นตอนปกติครับ ในตัวแอปก็จะมีพวกสถานะของตัววอทช์รวมถึงการตั้งค่าต่าง ๆ อยู่ในนี้ด้วย

หรือจะเป็นการปรับแต่งเพิ่มเติมอย่างพวก Watch Faces, การแจ้งเตือน, หรือการตั้งค่าอื่น ๆ เพิ่มเติมก็สามารถเข้ามาปรับได้จากในแอปทั้งหมด

ใช้ระบบ WearOS และ One UI 5.0 Watch

ส่วนระบบปฏิบัติการของ Galaxy Watch6 ก็ใช้เป็น Wear OS Powered by Samsung ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Google กับ Samsung โดยมีการครอบหน้าตา One UI 5.0 Watch เข้าไปอีกที พวกไอคอนแอปต่าง ๆ ก็มีความเรียบง่ายคล้ายบนสมาร์ทโฟน Galaxy นั่นแหละครับ การควบคุมต่าง ๆ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้ว เราก็สามารถทำได้ผ่านวอทช์โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟนได้เลยด้วย

เราสามารถเลื่อนซ้ายไปเพื่อดูหน้า Tiles ต่าง ๆ อาทิ หน้า Daily Activity, หน้าการออกกำลังกาย, ข้อมูลสุขภาพ, การนอน, สภาพอากาศ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเข้าไปเพิ่มหรือเอาส่วนที่ไม่ใช้ออกได้จากการตั้งค่าโดยการแตะค้างหรือจะไปจัดการผ่านแอป Galaxy Wearable ก็ได้เช่นกัน

ลากจากบนลงล่างจะเป็นหน้า Quick Panel หรือ Toggle ที่จะมีให้เราเลือกเปิด-ปิด AOD, ระบบเสียง, WiFi คล้ายกับที่เราใช้กันบนสมาร์ทโฟนนั่นเองครับ

เลื่อนไปทางขวาจากหน้าหลักก็จะเป็นหน้าการแจ้งเตือนซึ่งแน่นอนว่าตัว Watch6 นี้รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบอยู่แล้วไม่มีปัญหา อ่านได้ตอบได้จากข้อมือเราเลยล่ะครับ

หรือจะเป็นการเลื่อนจากล่างขึ้นบนตรงนี้จะเป็นหน้ารวมแอปทั้งหมดครับ แน่นอนว่าด้วยความเป็นระบบ WearOS ก็จะได้เปรียบในเรื่องการดาวน์โหลดแอปต่าง ๆ เพิ่มเติมจาก Play Store ด้วย

ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นถึง 18%

สำหรับสเปคภายในของ Galaxy Watch6 นั้นมีการอัปเกรดชิปเซ็ตเป็น Exynos W930 แบบ Dual-Core ความเร็ว 1.4GHz ซึ่งหากเทียบกับ Exynos W920 เดิมบน Watch5 ก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 18% เลยทีเดียว เท่าที่เราลองใช้งานดูก็พบว่าทำงานได้ลื่นไหล ไม่มีอาการสะดุดให้เห็นเลยครับ

ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน

มาต่อในเรื่องฟีเจอร์สุขภาพต่าง ๆ ของ Galaxy Watch6 กันบ้าง จากที่เห็นว่ารุ่นนี้มีเซ็นเซอร์มาให้แบบเพียบ ๆ เพราะฉะนั้นการตรวจจับข้อมูลต่าง ๆ นั้นก็ทำได้ครบถ้วนไม่มีขาดเช่นกัน ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยเซ็นเซอร์ PPG ในตัวจะวัดอัตราการเต้นของหัวใจเป็นระยะ ๆ ขณะที่เราสวมใส่ Galaxy Watch6 อยู่ และจะแจ้งเตือนคุณหากอัตราการเต้นของหัวใจนั้นสูงหรือต่ำเกินไป หรือจะใช้เซ็นเซอร์ ECG เพื่อทำการวัดที่ละเอียดกว่าเดิมก็ได้

ตรวจจับการนอนได้อย่างละเอียด

หรือจะเป็นการตรวจจับการนอนหลับ Galaxy Watch6 ก็สามารถติดตามขั้นตอนการนอนหลับ และคำนวณออกมาเป็นคะแนนเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ว่าความสม่ำเสมอของการนอนหลับในช่วงค่ำคืนได้เพื่อพัฒนาการนอนหลับโดยรวมของเรา ซึ่งเราสามารถเช็กข้อมูลได้ผ่านข้อมือโดยที่ไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟนเลยด้วยครับ

รู้จักร่างกายของเราได้จากภายในสู่ภายนอกได้ด้วย BIA

แต่ทีเด็ดสุด ๆ คงหนีไม่พ้นการตรวจวัดเก็บข้อมูลร่างกาย Body Composition อย่างละเอียดด้วยเซ็นเซอร์ Bioelectrical Impedance Analysis (BIA) ใน Galaxy Watch6 ช่วยให้เราเข้าใจร่างกายได้ดียิ่งขึ้น เพราะบอกข้อมูลร่างกายของเราได้ทั้ง มวลกล้ามเนื้อโครงร่าง, มวลไขมัน, ไขมันในร่างกาย, ดัชนีมวลกายหรือว่า BMI เรียกว่าครบอย่างกับไปตรวจสุขภาพกันเลยทีเดียวครับ!

ติดตามการออกกำลังกายได้มากถึง 90 โหมด

หรือจะเป็นสายออกกำลังกาย Galaxy Watch6 ก็สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเราในการออกกำลังกายได้กว่า 90 แบบ ซึ่งรวมไปถึงการว่ายน้ำในร่มหรือเล่นโยคะ หรือจะสร้างการออกกำลังกายแบบกำหนดเองก็ได้ โดยที่ไม่ต้องมาคอยกดปุ่มเริ่มต้นให้วอทช์ตรวจจับเลย เพราะ Watch6 จะรับรู้และบันทึกการออกกำลังกายที่เลือกอย่างการวิ่ง การเดิน และแม้แต่การปั่นจักรยานให้โดยอัตโนมัติครับ

ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่วางใจได้

ส่วนเรื่องฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย Galaxy Watch6 ก็รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่เสมอ หากเราสะดุดล้ม การตรวจจับการล้มจะตรวจพบได้และถามว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ สำหรับกรณีฉุกเฉินอื่น ๆ เพียงแค่กดปุ่มโฮม 5 ครั้งเพื่อส่ง SOS ไปยังหน่วยบริการฉุกเฉินต่าง ๆ แค่นี้ก็อุ่นใจได้เพราะเราจะได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญแล้วล่ะครับ

ฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์เพิ่มความสะดวกในการใช้งานเมื่อเชื่อมกับสมาร์ทโฟน

เป็นสมาร์ทวอทช์ทั้งทีนอกจากฟีเจอร์สุขภาพและการออกกำลังกายแล้ว ฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์ทั่วไปก็ต้องมีครบถูกไหมล่ะครับ อย่างการรับแจ้งเตือนก็ทำได้ดีอย่างที่บอกไปภาษาไทยครบ ตอบกลับข้อความได้จากข้อมือ, การแจ้งเตือนสายเข้าก็ทำได้แถมเรายังสามารถคุยโทรศัพท์ผ่านข้อมือได้โดยตรง, หรือจะใช้เป็นเครื่องควบคุมเครื่องเล่นเพลง สตรีมเพลงโดยตรงจากตัว Watch6 เลยก็ได้อีก

ใช้งานเป็นรีโมทถ่ายรูปก็ได้ด้วยนะ

สำหรับสายเซลฟี่หรือถ่ายรูป ตัว Watch6 ก็มีฟีเจอร์รีโมทชัตเตอร์ที่เพียงเราจับคู่วอทช์เข้ากับสมาร์ทโฟน Galaxy Z Flip5 เราก็สามารถถ่ายภาพจากระยะไกลได้ง่าย ๆ แถมการควบคุมนี้ยังทำได้ทั้งโหมดภาพนิ่งและวิดีโอ ซูมเข้า-ออกผ่าน Touch Bezel และด้วยความที่หน้าจอของ Watch6 รอบนี้ใหญ่ขึ้นเราก็จะได้เห็นภาพตัวอย่างชัดขึ้นอีกจากข้อมือเลยด้วยไงครับ

แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 40 ชม.

ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Samsung เคลมว่า Galaxy Watch6 นั้นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 40 ชม.หรือก็ประมาณเกือบ 2 วันต่อการชาร์จ เท่าที่เราลองใช้งานก็อยู่ในเกณฑ์นั้นจริงครับ ใช้งานหนึ่งวันจะเหลือราว ๆ 50 – 60% ปิดเครื่องและใช้งานต่อในวันถัดไปก็จะได้ประมาณ 2 วันพอดี แต่หากมีการใส่ติดตามการนอนไปด้วยก็คงต้องคอยชาร์จกันทุกวันแทนล่ะครับ

แต่ยังโชคดีที่ Galaxy Watch6 นั้นมีระบบชาร์จไวที่สามารถชาร์จแบตฯ 45% ได้ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น ตื่นเช้ามาก็ชาร์จทิ้งไว้ระหว่างเตรียมตัวก็ได้แบตเตอรี่กลับมาพอสมควรแล้วครับ หรือถ้าฉุกเฉินจริง ๆ Watch6 ก็ยังรองรับชาร์จไร้สาย Qi มาตรฐานด้วย วางชาร์จกับฝาหลังสมาร์ทโฟนที่ฟีเจอร์ Wireless Power Share ก็ได้เหมือนกันครับ

ราคา Galaxy Watch6

สำหรับ Galaxy Watch6 Series จะเปิดตัวมาด้วยกัน 4 รุ่น โดยจะแบ่งเป็นรุ่น Galaxy Watch6 และ Galaxy Watch6 Classic มีราคาและรุ่นย่อยดังนี้

Galaxy Watch6

  • หน้าปัด 40 มม. มีให้เลือกสีกราไฟท์และสีทอง
  • Bluetooth : ราคา 9,900 บาท
  • หน้าปัด 44 มม. มีให้เลือกสีกราไฟท์และสีเงิน
  • Bluetooth : ราคา 11,900 บาท

Galaxy Watch6 Classic

  • หน้าปัด 43 มม. มีให้เลือกสีดำและสีเงิน
  • Bluetooth : ราคา 13,900 บาท
  • LTE :  ราคา 15,900 บาท (มีเฉพาะสีดำ)
  • หน้าปัด 47 มม. มีให้เลือกสีดำและสีเงิน
  • Bluetooth : ราคา 14,900 บาท
  • LTE :  ราคา 16,900 บาท (มีเฉพาะสีดำ)

สรุปแล้ว “นี่คือ Galaxy Watch6 รุ่นอัปเกรดที่ปรับให้น่าใช้ยิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน”

สรุปแล้ว Galaxy Watch6 ก็ถือเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Samsung Galaxy Ecosystem อยู่แล้ว แม้ภายนอกรอบนี้จะไม่ได้ปรับเยอะแบบครั้งใหญ่ แต่ก็ถือว่าเป็นการปรับในจุดที่ใช้งานได้จริง มอบประสบการณ์ที่ดีงามยิ่งขึ้นในการใช้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นแต่ตัวเครื่องบางลง, หน้าจอสว่างเพิ่มเป็น 2 เท่า, ดีไซน์สายใหม่ให้เราถอดเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น เป็นต้น ส่วนจุดที่เคยทำได้ดีมากอยู่แล้วทั้งฟีเจอร์สุขภาพ, ฟีเจอร์การออกกำลังกาย หรือความทนทานด้วยกระจก Sapphire Crystal มาตรฐานกันน้ำ 5ATM ก็ยังมีอยู่ครบ และที่สำคัญจุดเด่นของระบบ WearOS ที่ Samsung เลือกใช้ก็ยังได้เปรียบในเรื่องการโหลดแอปเพิ่มเติมอีกด้วยเนาะ ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอทช์เรือนแรกมาใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ของตัวเองอยู่ Galaxy Watch6 รุ่นนี้ก็น่าพิจารณาไม่น้อยเลยล่ะครับ!

Android News1 ชั่วโมง ago

Dave2D ทำการทดสอบ Snapdragon 8 Elite ได้การประหยัดพลังงานสูงขึ้นถึง 43%

นับว่าเป็นการอัปเกรด...

Android News2 ชั่วโมง ago

คาดหวัง ! Ice Universe เผย One UI 7.0 จะมีแอนิเมชันและการเปลี่ยนฉากต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมมาก

หลังจากที่เคยมีรายงา...

Android News3 ชั่วโมง ago

Redmi Note 14 5G Series ยืนยันเปิดตัวในอินเดียวันที่ 9 ธ.ค. มาพร้อมสโลแกน “Super Camera, Super AI”

Xiaomi ได้ประกาศวันเ...

Apple News4 ชั่วโมง ago

ลือ ! Apple กำลังสร้าง ‘LLM Siri’ ในปี 2026 บน iOS 19

ตามรายงานของ Bloombe...

Android News18 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News19 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News19 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review22 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก