Smart Review
รีวิว Samsung Galaxy Z Fold3 5G สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นที่สามคุ้มไหมกับราคา 57,900 บาท !!
รีวิว Galaxy Z Fold3 5G สมาร์ทโฟนหน้าจอพับรุ่นใหม่ล่าสุดของ Samsung รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่สามแล้ว มีการปรับปรุงในหลาย ๆ ส่วนให้น่าใช้ยิ่งขึ้น ทั้งขนาดที่บางเบาลงกว่าเดิม หน้าจอที่ลื่นไหล 120Hz ทั้งจอนอกและจอใน กล้องหน้าใต้หน้าจอครั้งแรกของแบรนด์ ชิปเซ็ตที่แรงขึ้นเป็น Snapdragon 888 และการรองรับที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นทั้งการกันน้ำและปากกา S Pen
หลังจากที่เราได้ใช้งานมากกว่า 1 สัปดาห์เต็ม ก็เจอเรื่องที่อยากแชร์มากมายทีเดียว วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net เลยจะมารีวิวการใช้งานจริงของ Galaxy Z Fold3 5G ให้ชมกันว่าคุ้มค่าแค่ไหนกับสมาร์ทโฟนจอพับราคาเกินครึ่งแสนเครื่องนี้ ติดตามครับ !
สรุปสเปค Samsung Galaxy Z Fold3 5G
- หน้าจอนอก : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2” ความละเอียด HD+ (2268 x 853 พิกเซล) refresh rate 120Hz
- หน้าจอใน : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6” ความละเอียด QWGA+ (2208 x 1768 พิกเซล) refresh rate 120Hz
- CPU : Snapdragon 888 Octa-core 2.84GHz (5nm)
- GPU : Adreno 660
- RAM : 12GB
- ROM : 256GB/512GB
- แบตเตอรี่ : 4400mAh
- ระบบชาร์จ : 25W Super Fast Charge
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 12MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
- 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°
- 12MP กล้อง Tele f/2.4 Optical Zoom 2x
- กล้องหน้า (หน้าจอนอก) : 10MP f/2.2
- กล้องหน้า (หน้าจอใน) : กล้องใต้หน้าจอ 4MP f/1.8
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6e, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
- รองรับปากกา Stylus : S Pen
- กันน้ำ : มาตรฐาน IPX8
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 (One UI 3.1.1)
- สีสัน : Phantom Black, Phantom Green, Phantom Silver
ดีไซน์ที่รวมเอามือถือและแท็บเล็ตเข้าด้วยกัน
ขอเริ่มที่เรื่องดีไซน์กันก่อนเลยละกันครับ Galaxy Z Fold3 5G นั้นยังคงคอนเซ็ปต์เดิมตั้งแต่ Fold รุ่นแรกคือเน้นการใช้งานแบบลูกผสมคือรวมเอามือถือและแท็บเล็ตไว้ด้วยกันด้วยกลไกการพับ-กางหน้าจอเพื่อย่อ-ขยายสัดส่วนของตัวเครื่องนั่นเองครับ
ตัวเครื่องมาพร้อม 2 ขนาดหน้าจอคือหน้าจอด้านนอกที่ 6.2” ความละเอียดระดับ HD+ (2268 x 853 พิกเซล) เป็นจอแบบ Dynamic AMOLED 2X ให้สีสันที่สวยตามสไตล์จอของ Samsung ครับ แม้จากสเปคแล้วความละเอียดจะไม่ได้เยอะระดับ FHD+ แต่ด้วยขนาดจอที่ไม่ใหญ่มาก บวกกับความสดของจอทำให้ความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมเลย
ส่วนหน้าจอด้านในเมื่อเรากางออกมาจะได้จอ 7.6” เต็มตาเหมือนแท็บเล็ตไซซ์เล็กสักเครื่องเลยก็ว่าได้ครับ ชนิดหน้าจอก็จะเป็น Dynamic AMOLED 2X ความละเอียดระดับ QWGA+ (2208 x 1768 พิกเซล) เช่นเดียวกับหน้าจอด้านนอกครับ สีสันและความคมชัดหายห่วงเลย เป็นจอ Samsung ที่ไว้ใจได้อย่างมาก รายละเอียดและความคมชัดสมกับเป็นรุ่นเรือธง
ตัวฟิล์มกันรอยที่ติดมาให้บน Galaxy Z Fold3 5G นั้น Samsung เคลมว่ามีความทนทานมากขึ้นกว่า 80% ทำให้เราสบายใจมากขึ้นเวลาจะแตะใช้งาน แต่ความรู้สึกเวลาเราแตะยังมีความนิ่ม ๆ อยู่บ้างเหมือนเราสัมผัสกับฟิล์มกันรอยมากกว่าสัมผัสกับกระจกของสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไปน่ะครับ
ตัวรอยขั้นกลางของหน้าจอยังมีให้เห็นอยู่เหมือนเดิม รวมถึงการสัมผัสก็รับรู้ได้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ บางอย่างรึเปล่า เลยทำให้ตัวหน้าจอคงรูปไว้ได้ดีมาก แม้จะพับ-กางบ่อย ๆ ก็ตาม ส่วนตัวเราคิดว่าตัวรอยนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่ หากใช้งานทั่วไปในมุมมองปกติ ก็ไม่ได้กวนใจเราจนอดไม่ได้อย่างที่คิดครับ
กล้องใต้หน้าจอครั้งแรกของ Samsung
หนึ่งในทีเด็ดของ Galaxy Z Fold3 5G คือเรื่องกล้องหน้าตัวใหม่ที่ทาง Samsung ใช้เทคโนโลยี Under Display Camera หรือกล้องหน้าใต้จอนั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้หน้าจอด้านในของ Z Fold3 5G นั้นแสดงผลได้เต็มตามากขึ้น จากรุ่นเดิมเราจะเห็นว่ามีกล้องหน้าเป็นรูอยู่อาจจะกวนสายตาเราบ้างเวลาดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมแบบเต็มจอ
รอบนี้รูกล้องนั้นจะเนียนตามากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หายไปเลยอย่างที่หลาย ๆ คนคิดครับ เพราะตรงรูกล้องจะมีพิกเซลที่หยาบกว่าส่วนอื่น ๆ อยู่พอสมควร ถ้าเราเพ่งจริง ๆ จะเห็นได้ว่ากล้องอยู่ตรงนี้แหละ แต่ถ้าในการใช้งานทั่วไป ยิ่งเป็นการดูคอนเทนต์ที่มีสีสด ๆ ตัวกล้องนี้จะเนียนตามาก มองเผิน ๆ ก็เหมือนหน้าจอที่เต็มไปทั้งหมดไม่มีรูกล้องมากวนใจจริง ๆ เลยครับ
บอดี้สุดแข็งแกร่ง
ขนาดตัวเครื่องแน่นอนว่าเมื่อเราพับหน้าจอเข้าหากัน เราก็จะได้สมาร์ทโฟนที่มีความหนากว่ารุ่นทั่ว ๆ ไปพอสมควร ตามสเปคแล้ว Z Fold3 5G ตอนพับจะหนาที่ 16 มม. และหนักถึง 271 กรัม ถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปก็คงจะดูว่าหนักและหนาหน่อย แต่ถ้ามองนี่เป็นแท็บเล็ตหน้าจอเล็กด้วย เวลากางหน้าจอออกจะบางเพียง 6.9 มม. เท่านั้น ก็ไม่ถือว่าหนาและหนักจนเกินไปถูกไหมล่ะครับ
บอดี้งานประกอบรอบนี้ใช้กรอบเป็นโลหะที่เพิ่มความแข็งแกร่งในการใช้งานขึ้น ตัวบานพับก็ยังได้ความแข็งแรงเมื่อเราพับ-กางอยู่เหมือนเคย ตรงนี้ Samsung เคลมว่าสามารถพับ-กางได้มากถึง 200,000 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งตัวบานพับก็ให้ความรู้สึกที่แข็งแรงจริง ๆ เราสามารถปรับมุมมองได้หลากหลาย ไม่มีล็อคตายตัวว่าจะเป็นกี่องศาหรือกี่ระดับ ตรงนี้ให้เรานึกถึงพวกจอแล็ปท็อปครับอยากได้มุมประมาณไหนก็กางเอาได้
เวลาพับหน้าจอเข้าหากันก็จะแนบสนิทขึ้นบนรุ่นนี้ ถึงแม้จะไม่เรียบสนิทไปเลย แต่ช่องว่างระหว่างหน้าจอก็แนบขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
การวางปุ่มกดของ Galaxy Z Fold3 5G ออกแบบมาได้ดีครับ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่ฝั่งขวามือของตัวเครื่องทั้งหมดเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกและทำความคุ้นเคยได้ง่ายทั้งพับและกางจอออก
ลำโพงของตัวเครื่องก็จะอยู่ที่บน-ล่างของตัวเครื่องเวลาจับเครื่องในแนวตั้ง ออกแบบมาดีเหมือนกันครับเพราะทั้งไม่ว่าจะเราใช้เครื่องแบบพับจอหรือกางออกมาก็จะได้ลำโพง 2 ตัวกระจายเสียงออก 2 ทิศทางเหมือนกัน
พอร์ตการเชื่อมต่อของ Galaxy Z Fold3 5G จะเป็นพอร์ต USB type-C อยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องแน่นอนว่าไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้แล้ว
ส่วนช่องใส่ซิมจะอยู่ที่ด้านข้างของตัวเครื่องรอบนี้เพิ่มช่องใส่ซิมมาให้รองรับ 2 ซิมได้แล้วครับ ใครที่อยากใช้งาน 2 เบอร์พร้อมกันก็ใส่ได้เลย แต่การเพิ่ม micro-SD ทำไม่ได้เหมือนเดิมครับ
ฝาหลังผิวด้านกระจก Gorilla Glass Victus
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังตัวเครื่องกันบ้าง Galaxy Z Fold3 5G จะมาพร้อมกระจกผิวด้านในทุกสี ช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือเวลาสัมผัสได้ดีขึ้น และความรู้สึกเวลาสัมผัสก็พรีเมี่ยมขึ้นอีกหน่อย ตัวกระจกกันรอยนั้นอัปเกรดขึ้นมาเป็น Gorilla Glass Victus แล้วทั้งหน้าจอด้านนอกและฝาหลัง ช่วยให้เรามั่นใจในความทนทานได้อีกระดับ
ดีไซน์ที่ด้านหลังก็เรียบง่ายครับ มีเพียงโมดูลกล้องที่ยื่นขึ้นมาจากตัวเครื่องนิดหน่อย พร้อมเลนส์กล้อง 3 ตัวเด่น ๆ ที่เดี๋ยวเราจะมาอธิบายสเปคกับการใช้งานกันอีกทีให้หัวข้อกล้องเนาะ
กันน้ำมาตรฐาน IPX8
อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Galaxy Z Fold3 5G ก็คือนี่เป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของโลกที่รองรับการกันน้ำตามมาตรฐาน IPX8 นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้งานได้อย่างสบายแม้จะเจอละอองน้ำหรือโดยน้ำกระเด็นใส่ ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นที่ดีมาก ๆ เพราะหากเราซื้อสมาร์ทโฟนจอพับในราคาครึ่งแสนมาแล้วโดนน้ำจนเสียขึ้นมาก็คงไม่แฮปปี้เท่าไหร่ว่าไหมครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ Galaxy Z Fold3 5G ก็ทำได้ดีครับ อย่างที่บอกไปว่าคอนเซ็ปต์หลักของสมาร์ทโฟนพับได้แบบนี้คือการรวมเอามือถือกับแท็บเล็ตเข้าด้วยกันในเครื่องเดียว ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งมากขึ้น ความทนทานที่มีมากขึ้นทั้งบนหน้าจอและรอบ ๆ ตัวเครื่อง อีกทั้งยังเพิ่มเรื่องคุณสมบัติกันน้ำอีก ถือว่าทำเรื่องดีไซน์ได้ลงตัวมากขึ้นไปอีก
ประสบการณ์การใช้งานน่าประทับใจ ?
มาต่อกันในเรื่องประสบการณ์การใช้งานกันครับ อย่างที่บอกไปว่า Galaxy Z Fold3 5G ว่าถูกออกแบบมาให้เหมือนมือถือและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว งั้นขอพูดเรื่องขนาดหน้าจอกับสัดส่วนกันก่อนที่หน้าจอนอกของ Galaxy Z Fold3 5G นั้นจะมีความยาวแบบผิดแปลกจากหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปนิดหน่อยคือ 24.5:9 (สมาร์ทโฟนทั่วไปจะอยู่ที่ 20:9 หรือ 19.5:9) นั่นหมายความว่าตัวจอขนาด 6.2” นี้จะมีความสูงแต่แคบกว่าจอ 6.2” ของ Galaxy S21 อยู่พอสมควร
ในส่วนของการใช้งานทั่วไป ก็ถือว่าใช้งานได้ดีระดับหนึ่งเพราะเป็นหน้าจอเต็ม ๆ ที่แสดงผลได้ค่อนข้างครบถ้วนครับ แต่ความยาวของหน้าจอที่ด้านข้างจะแคบว่าทรงปกติ ต้องใช้ความเคยชินและปรับตัวในการใช้สักพัก อย่างเวลาเราพิมพ์ข้อความด้วยมือเดียว เรากดได้ทั่วในมือเดียวก็จริง แต่จังหวะกดผิดก็มีเยอะขึ้นเพราะปุ่มค่อนข้างเล็กครับ
ส่วนหน้าจอด้านในก็มีอัตราส่วนที่แบบ 22.5:18 ซึ่งจะค่อนข้างเป็น Square ออกไปทางแท็บเล็ตเลย ซึ่งหากมองในมุมการดูคอนเทนต์ก็อาจจะไม่ได้เหมาะมากนัก แต่ถ้าเน้นใช้งานทำงาน พิมพ์งานอัตราส่วนแบบนี้ก็จะเหมาะไม่น้อยเลย ซึ่งพออัตราส่วนข้างนอกที่ยาวมาก ๆ แล้วกางออกมาเจอจตุรัสสุด ๆ ก็แอบงงอยู่หน่อย ๆ แต่หากมองว่า 2 หน้าจอนี้เป็น 2 อุปกรณ์ไปเลย ก็รับได้อยู่ในจุดนี้ครับ
ในเรื่องการตอบสนองตรงนี้เราชอบนะ เพราะทั้งหน้าจอนอกและในรอบนี้รองรับ refresh rate สูง 120Hz แล้ว ความแตกต่างในการตอบสนองก็ไม่มีอีกเลย จะไถฟีด Instagram อยู่ที่จอด้านนอกแล้วอยากดูใหญ่ขึ้นกางจอออกมาก็จะลื่นไหลเท่ากัน ไม่ขัดใจครับ
สำหรับการดูคอนเทนต์วิดีโอ บนหน้าจอนอกก็คงไม่ได้เหมาะเท่าไหร่เพราะมีจอด้านในที่ใหญ่สะใจกว่ามากอยู่แล้ว แต่ถ้าจะใช้ดูแบบจอนอกจริง ๆ จะได้อารมณ์ประมาณสมาร์ทโฟนจอเล็กยุคก่อนที่มีหน้าจอราว ๆ 4.7″ – 5″ เพราะเมื่อเราดูวิดีโออัตราส่วนแบบ 16:9 ก็จะมีขอบดำขึ้นมาราว ๆ นั้นเลย
แต่ถ้าดูที่จอหลักด้านในขนาด 7.6″ ใหญ่ขึ้นกว่าไซซ์ทั่วไปแน่นอน แต่ด้วยความที่อัตราส่วนเป็นจัตุรัสซะมาก การดูหนังก็อาจจะไม่เต็มจอจริง ๆ มีขอบดำให้เห็นเยอะอยู่ แต่ถึงยังไงก็ยังได้จอที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปอยู่ดี เว้นซะแต่ว่ารุ่นที่นำมาเทียบกันเป็นรุ่นจอใหญ่จริง ๆ อย่างในทีนี้เราเทียบกับ S21 Ultra ถ้าเป็นสเกลวิดีโอ 16:9 ทั่วไปก็จะเหลือขอบดำทำให้ตัวคอนเทนต์ดูเล็กกว่า แต่ถ้าเป็นสเกล 18:9 หรือ 20:9 ที่เต็มจอของสมาร์ทโฟนทั่วไป อันนี้เราจะเห็นว่าของ S21 Ultra แอบแสดงผลได้เยอะกว่าแล้วครับ
แต่ถ้าตัดเรื่องเล็กน้อย ๆ เรื่องขอบจอหรือขนาดจริง ๆ ที่แสดงได้ออกไป ในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้ยอดเยี่ยมเลยครับความละเอียดระดับสูงของหน้าจอด้านในทำให้เราเห็นรายละเอียดและสีสันที่ดีมาก และการใช้กล้องใต้หน้าจอแบบใหม่นี้ช่วยให้เราเห็นหน้าจอเต็มตามากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุดแต่ก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญของการใช้กล้องแบบใหม่นี้ครับ
ลำโพงที่ Stereo ที่เสียงดีมากกกก ! ภาพยอดเยี่ยมแล้วเสียงก็ไม่น้อยหน้า รุ่นนี้ได้ลำโพงคู่ Stereo ซ้าย-ขวาชัดเจนเวลาเราจับเครื่องแนวนอน การวางตำแหน่งทำได้ดีเลยด้วย ช่วยให้เสียงที่ออกมากระจายเป็น 2 ทิศทาง ทั้งแบบพับจอหรือกางจอ ถ้าเราถือให้ตัวลำโพงอยู่ด้านล่างบริเวณอุ้งมือก็จะช่วยให้อุ้งมือป้องให้เสียงยิงมาที่ด้านหน้าโดยตรงกว่าเดิม
เหมาะกับการใช้งานหลายแอปจริง ๆ
อย่างที่บอกว่าหน้าจอด้านในของ Galaxy Z Fold3 5G นั้นเหมาะกับทำงานดีไม่น้อย ยิ่งการทำงานหลายแอปพร้อม ๆ กัน บน OneUI 3.1.1 นี้ก็มีการปรับแต่งซอฟต์แวร์มาให้รองรับการทำงานหลายหน้าจอได้อย่างเสถียรยิ่งขึ้น จะแบ่ง 2 จอใช้งาน 2 แอปพร้อมกัน ฝั่งหนึ่งดูข้อมูล อีกฝั่งกรอกข้อมูลก็สะดวก หรือจะเป็นฝั่งหนึ่งดูวิดีโอไปด้วย อีกฝั่งดูฟีดโซเชี่ยลไปพร้อม ๆ กันก็ไม่ติดครับ
ซึ่งด้วยหน้าจอที่ใหญ่เราสามารถใช้งานได้มากถึง 4 แอปในหน้าจอเดียวเหมือนกับพวก Galaxy Tab เลยครับ จะแบ่งจอฝั่งซ้ายเป็นโซเชี่ยลดู Facebook พร้อมเปิด YouTube และฝั่งขวาเข้าช้อปปิ้งออนไลน์ไปด้วย ดึงหน้าต่างเล็กลอย ๆ เช็กอีเมลอีกก็ได้ แสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ของหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นแบบที่สมาร์ทโฟนทั่วไปทำไม่ได้จริง ๆ ครับ
เพื่อให้การใช้งานสมบูรณ์ที่สุดให้เปิดฟีเจอร์ Multi windows for all apps ก่อนที่ Settings > Advanced features > Labs > Multi window for all apps
ซอฟต์แวร์ OneUI 3.1.1 ที่ปรับแต่งมาเฉพาะ
ในเรื่องซอฟต์แวร์ Galaxy Z Fold3 5G ใช้ OneUI 3.1.1 เวอร์ชั่นพิเศษที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะ ในการทำงานที่หน้าจอด้านนอกก็จะเป็นเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่หากกางออกมาตัวจอในจะแสดงผลเป็นขนาดแท็บเล็ตเลย อย่างพวกหน้าตั้งค่า หน้าแอปหลักของเครื่องแตกต่างจากจอนอกโดยสิ้นเชิง ให้ความรู้สึกเหมือนเราพกทั้งมือถือและแท็บเล็ตไว้ในเครื่องเดียวจริง ๆ ครับ
หรืออย่างการใช้งานร่วมกับหน้าจอพับ ในแอปที่รองรับแล้วตัวหน้าจอจะสามารถปรับไปตามการใช้งานด้วย อาทิ YouTube เมื่อเราพับจอครึ่งหนึ่งให้ตัวเครื่องตั้งได้ ในส่วนบนจะเป็นตัววิดีโอ ส่วนช่วงล่างจะเป็นรายละเอียดคลิปและพวกคอมเมนต์ต่าง ๆ หรือดู Netflix หน้าจอส่วนบนเป็นวิดีโอส่วนล่างเป็นเครื่องมือควบคุมก็ได้เช่นกัน
เพื่อให้การใช้งานสมบูรณ์ที่สุดให้เปิดฟีเจอร์ Flex mode panel ก่อนที่ Settings > Advanced features > Labs > Flex mode panel
แถบลัดอย่าง Edge Panel ที่มุมขวา ปกติบนสมาร์ทโฟนเราก็แค่เรียกใช้งานแอปแบบด่วน ๆ ได้ แต่บน Z Fold3 5G จะมีตัวเลือกให้เราปักหมุดแถบ Edge Panel ไว้ที่มุมจอได้เลย ให้อารมณ์เหมือนเรามี Taskbar ของคอมพิวเตอร์ติดอยู่ที่มุมจอ จะเลือกใช้แอปไหนก็เปิดขึ้นมาจากมุมนั้น ง่ายและสะดวกไปอีกแบบ แต่ความสามารถนี้เราต้องเข้าไปเปิดเพิ่มเติมก่อนในหมวด Labs ครับ
ตั้งค่าที่ Settings > Adavanced Features > Labs > Pin your favourite apps
รองรับ S Pen ครั้งแรกของสมาร์ทโฟนจอพับ
อีกไฮไลท์เด็ดของ Galaxy Z Fold3 5G คือเรื่องการรองรับปากกา S Pen ที่จะช่วยให้เราสร้างคอนเทนต์ได้ง่ายและสะดวกขึ้น แต่…ตัว S Pen นี้ก็จะต้องใช้รุ่นพิเศษอย่าง S Pen Fold Edition ด้วย เนื่องจากตัวหน้าจอนั้นเป็นจอแบบพิเศษซึ่งไม่สามารถใช้กับ S Pen แบบปกติได้ครับ โดยตัว S Pen Fold Edition นี้ตัวหัวปากกาจะมีความนุ่มกว่าและสามารถหดลงไปได้เมื่อเรากดแรง ๆ เพื่อลดการขีดข่วนที่แรงเกินไปบนหน้าจอของ Z Fold3 5G นั่นเองครับ
ซึ่งตัวซอฟต์แวร์เองก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเราใช้งาน S Pen ของอันไหนอยู่ หากเรานำ S Pen ของ Galaxy Note หรือ S21 Ultra มาจ่อที่ตัวหน้าจอจะมี Pop Up เตือนขึ้นมาทันทีว่า ห้ามใช้งานด้วยนะ เพราะอาจเกิดอันตรายกับหน้าจอได้ครับ
สเปคระดับสูงสุด
มาเข้าเรื่องประสิทธิภาพกันบ้าง Galaxy Z Fold3 5G มาพร้อมสเปคระดับสูงสุดที่มีให้ในตอนนี้แล้ว ทั้งชิปเซ็ต Snapdragon 888 5G แรม 12GB และรอมเริ่มต้นที่ 256GB เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปจนถึงทำงานหนัก ๆ อย่างการเล่นเกมหรือใช้งานหลาย ๆ แอปบนหน้าจอเดียวอย่างยิ่ง อย่างที่เห็นไปเราสามารถเปิดแอปพร้อม ๆ กันได้ 4 แอปบนจอเดียว แต่ก็ยังไม่เจออาการกระตุกให้เห็นเลย
คะแนนทดสอบของ Galaxy Z Fold3 5G ต้องบอกว่าสูงมากเช่นกัน เราทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark นี่ออกมาสูงถึง 709865 คะแนน ไม่ต้องห่วงเลยครับ สุดจัดจริง ๆ
ส่วนคะแนนของ GeekBench ก็สูงเช่นเดียวกันได้คะแนน Single-Core ไปที่ 1089 คะแนน และ Multi-Core ไปถึง 3119 คะแนนครับผม
เล่นเกมได้แรงถึงใจ
วัดประสิทธิภาพไปแล้วถึงคราวมาเล่นเกมกันต่อเลย ซึ่งเรื่องเกมเราขอแบ่งเป็น 2 เรื่องก็คือประสิทธิภาพจริง ๆ ของตัวเครื่องในการเล่นเกม และการใช้งานบนหน้าจอทั้ง 2 แบบละกันครับ โดยเกมที่เราใช้ทดสอบกับ Galaxy Z Fold3 5G จะเป็นเกมฮิตอย่าง ROV, Asphalt 9, PUBG, Call of Duty Mobile และ Genshin Inpact เชื่อว่าหลายคนคงอยากทราบว่าเป็นยังไงเมื่อเล่นบนรุ่นนี้เนาะ
เล่น ROV บน Galaxy Z Fold3 5G
ในเรื่องประสิทธิภาพแน่นอนว่าสเปคที่เห็นนี้คงไม่มีเกมไหนที่เล่นไม่ได้แน่นอน เกม ROV เราปรับภาพได้ที่ระดับสูงสุดทั้งหมด เฟรมเรตสูงเปิดได้ ไม่มีปัญหาในการเล่นครับ เฟรมเรตในเกมรันได้นิ่ง ๆ ที่ 61- 60fps ตลอดทั้งเกมแม้จังหวะตีกันนัว ๆ ก็ไม่มีตกเลย การตอบสนองของหน้าจอเวลาเล่นก็ดีมากด้วย
เล่น Asphalt 9 บน Galaxy Z Fold3 5G
Asphalt 9 เกมแข่งรถภาพสวยที่สุดก็เลือกปรับกราฟิกเป็น High Quality เปิด 60fps ได้แบบไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ตัวเกมเล่นได้อย่างลื่นไหล สมกับสเปคนี้มาก ๆ ใครที่ชื่นชอบเกมนี้พอได้เล่นบนจอใหญ่ ๆ ก็คงถูกใจเข้าไปอีก
เล่น PUBG บน Galaxy Z Fold3 5G
มาถึงคิว PUBG เลือกคุณภาพกราฟิกได้สูงสุดถึง Ultra HD เลยครับให้ภาพที่สวยงามแบบสุด ๆ ส่วนเฟรมเรตถ้าปรับกราฟิกที่ Ultra HD จะเหลือแค่ Ultra ให้เลือก แต่ถ้าอยากได้เฟรมเรตที่ลื่นขึ้นเป็น Extreme ต้องเลือกเอาว่าจะลดกราฟิกลงมาแค่ HD หรือ HDR แทนไหม ในที่นี้เราเลือก Ultra HD กับ Ultra ไว้ ภาพสวยสมจริงแถมเฟรมเรตก็โอเคพอแล้ว ไม่มีปัญหาเลยครับ
เล่น Call of Duty บน Galaxy Z Fold3 5G
ส่วน Call of Duty อันนี้ได้สุดทุกอย่างไม่ต้องเลือกลดอะไรไปครับ กราฟิกเลือกได้ที่ Very High คู่กับเฟรมเรตระดับ Max เลย รวมถึงเปิดลบรอยหยักและเอฟเฟกต์อื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน ตัวเกมเล่นได้ลื่นไหลมาก ตัวหน้าจอด้านในที่มีฟิล์มกันรอยแบบเฉพาะมาให้ก็ให้ความนุ่มมือดีไปอีกแบบ เล่นเกมแนวนี้ไม่เจอปัญหาครับ
เล่น Genshin Impact บน Galaxy Z Fold3 5G
สำหรับเกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact ปรับได้สูงสุดทุกอย่างเช่นกัน เปิด 60fps ด้วยแล้วก็เล่นได้ดีครับ แต่เล่นไปสักพักความร้อนก็จะมีให้เห็นบ้าง และแน่นอนว่าพอร้อนบ้างก็จะมีอาการเฟรมดรอปให้เห็นเป็นครั้งคราว แต่โดยรวมถ้าเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เจออาการกระตุกจนหงุดหงิดครับ
เล่นเกมกับทั้ง 2 หน้าจอบน Z Fold3 5G
มาต่ออีกเรื่องคือเรื่องการเล่นเกมกับหน้าจอทั้ง 2 แบบ แน่นอนว่าหน้าจอด้านนอกนั้นเล็กไปหน่อยสำหรับการเล่นเกมแบบจริงจัง แต่อัตราส่วนของจอกลับมีความใกล้เคียงกับของสมาร์ทโฟนทั่วไปมากกว่า เช่นเราเล่น ROV บนจอนอก เราก็จะได้เห็นฉากซ้าย-ขวาเพิ่มอย่างเต็มอิ่มเพราะจอยาวมาก แต่พวกปุ่มความคุมจะอยู่เขยิบเข้ามาตรงกลางมากกว่าเพราะเป็นตำแหน่งมาตรฐานในการแสดงผลของสมาร์ทโฟนทั่วไป
แต่หากเรากางจอออกมาเราจะได้ความใหญ่ของจอขึ้นจริง แต่สัดส่วนของจอจะเป็นทรงจตุรัสทำให้เวลาเล่น ROV ตัวละครจะขยายใหญ่ขึ้นในขณะที่ความกว้างของฉากจะถูกลดลงเหมือนซูมเข้าไปอีกประมาณนั้นครับ
การใช้สเกลหน้าจอแบบนี้ไม่ได้เป็นผลเสียกับทุกเกมซะทีเดียว เพราะเกมที่อาศัยความกว้างของฉากในมุมมองอื่นเช่น PUBG เราจะได้เปรียบขึ้นมาทันที บนจอเล็ก PUBG จะมีขอบดำไม่ได้แสดงผลเต็มไปสุดขอบ แต่ถ้าเราเล่นแบบกางจอออกพื้นที่จะเห็นได้มากขึ้นอีกเยอะ สังเกตได้จากเวลาเล่นจอนอกตัวละครจะเห็นแค่ครึ่งตัวในขณะที่เล่นกับจอหลักเราจะเห็นถึงเท้าเลย ให้มุมมองที่กว้างกว่าชัดเจนครับ
PUBG บนจอ 6.2″ (หน้าจอนอก) PUBG บนจอ 7.6″ (หน้าจอหลัก)
แต่ก็ใช่ว่า Samsung จะไม่มีสิธีแก้เรื่องอัตราส่วนนี่เลยซะทีเดียวเพราะ Samsung นำเสนอการปรับแต่อัตราส่วนหน้าจอเองเฉพาะแอปได้เอง ผ่านฟีเจอร์ Labs ตรงนี้เราสามารถเลือกได้ว่าอยากให้แอปหรือเกมไหน ๆ ตั้งค่าเป็น 16:9 หรือ 4:3 แน่นอนว่าอย่างเกม ROV อาจจะเหมาะกับ 16:9 ก็เลือกไปได้เลย ทีนี้เวลาเราเล่นเกมจะมีขอบจอบน-ล่างขึ้นมาอีกหน่อย แต่อัตราส่วนในเกมจะเหมาะกว่า ถือว่าออกมาแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่งล่ะเนาะ
วิธีตั้งค่าอัตราส่วนแอปเองเข้าไปที่ Settings > Advanced Feature > Labs > Customize app aspect ratio
ROV ที่ปรับแต่ง Aspect Ratio เป็น 4:3 ROV ที่ปรับแต่ง Aspect Ratio เป็น 16:9
ความต่อเนื่องในการเล่นเกมล่ะ เล่นต่อเนื่องได้ไหม ? เท่าที่ลองสัมผัสมาใน 5 เกมหลักนี้มีเพียง 2 เกมคือ Asphalt 9 และ Genshin Impact เท่านั้นที่รองรับการเล่นแบบต่อเนื่องคือเริ่มเกมจากจอนอกแล้วกางหน้าจอออกเพื่อเล่นจอหลักก็จะต่อเนื่องได้เลยโดยที่สเกลไม่เพี้ยน แต่หากลองกับ ROV, PUBG หรือ Call of Duty สเกลของเกมจะถูกตั้งไว้ที่การเปิดครั้งแรก เช่น เล่นที่ Call of Duty ที่จอเล็กแล้วไม่ถนัดอยากจะกางออกมาเล่นจอใหญ่ให้เห็นชัด ๆ สเกลภาพจะเพี้ยนไปเลย ต้องออกเกมแล้วกดเข้าใหม่ตอนที่กางจอถึงจะสมบูรณ์ครับ
ก็คร่าว ๆ ประมาณนี้ละกันครับ สำหรับเรื่องการเล่นเกม ในเรื่องประสิทธิภาพหายห่วงจะเล่นเกมไหนก็คงไม่ติดอยู่แล้ว เรื่องการรองรับกับหน้าจออันนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ครับ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องอยากเล่นบนหน้าจอใหญ่อยู่ดีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดของ Galaxy Z Fold3 5G น่ะเนาะ
กล้องถ่ายภาพมากถึง 5 ตัว
มาต่อกันที่เรื่องกล้อง Galaxy Z Fold3 5G ให้กล้องมาทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน รวมเป็นกล้องหลัง 2 ตัว กล้องหน้า 2 ตัวที่หน้าจอนอกและหน้าจอหลักด้านใน มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 12MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
- 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°
- 12MP กล้อง Tele f/2.4 Optical Zoom 2x
- กล้องหน้า (หน้าจอนอก) : 10MP f/2.2
- กล้องหน้า (หน้าจอใน) : กล้องใต้หน้าจอ 4MP f/1.8
เห็นได้ชัดว่า Galaxy Z Fold3 5G ให้กล้องมาแบบที่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ได้เน้นหวือหวาแบบซีรีส์ Galaxy S ที่ความละเอียดสูงช่วงซูมเยอะ แต่ที่ให้มาก็ครบพอแล้วครับ กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 12MP เป็นชุดเดิมกับที่เคยอยู่ใน Z Fold2 5G เลย ซึ่งเป็นตัวที่ดีพอแล้วในความคิดเรา ส่วนกล้องหน้าให้มา 10MP มาตรฐานที่จอนอกและ 4MP กล้องใต้หน้าจอแบบใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ลูกเล่นของความเป็นสมาร์ทโฟนจอพับ
แต่ด้วยความพิเศษของสมาร์ทโฟนจอพับ Galaxy Z Fold3 5G จึงมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราถ่ายรูปได้สนุกขึ้นไปอีก อย่างแรกคือใช้ความสามารถของจอพับได้ที่เราสามารถแบ่งส่วนของหน้าจอเป็น 2 ส่วนและใช้ตัวเครื่องเป็นขาตั้งในการถ่ายภาพได้ด้วย อันนี้ดีมากเลยส่วนบนจะเป็น Viewfinder แสดงผลส่วนที่เราจะถ่าย ส่วนล่างจะเป็นหน้า Preview แสดงภาพล่าสุดที่ถ่ายบวกกับเครื่องมือในการถ่ายครับ
อีกแบบจะเป็นการกางจอออกแล้วใช้พื้นที่ 2 ฝั่งให้เป็นประโยชน์ จอฝั่งซ้ายเป็นหน้า Preview รูปที่เราเพิ่งถ่ายไปล่าสุด ฝั่งขวาเป็นหน้า UI กล้องปกติ ตรงนี้ใช้ประโยชน์ได้สำหรับใครที่อยากถ่ายภาพคุมธีมในท่าเดิมมุมเดิมหรืออยากดูภาพแบบด่วน ๆ ก่อนว่าถ่ายมาโอเคไหม อันนี้ให้เลือกที่มุมซ้ายบนได้เลย
หรือจะใช้หน้าจอด้านหลังเป็น Viewfinder อีกตัวให้คนหน้ากล้องได้เห็นภาพก่อนจะถ่ายก็ได้ ตรงนี้คือดีมาก ๆ ใช้ประโยชน์จากหน้าจอพับได้อย่างดีเลย ทีนี้เวลาจะถ่ายรูปให้แฟน ให้เพื่อนก็ไม่ต้องกังวลว่าภาพจะถูกใจไหมแล้ว แอ็คท่าได้ตามสะดวกเลย แล้วค่อยให้ช่างภาพกดถ่ายพอ
คุณภาพจากกล้องหลังของ Galaxy Z Fold3 5G ก็ทำได้ดีสมกับเป็น Samsung ครับเก็บรายละเอียดได้ดี สีสันก็สวยสด ถ่ายวิวถ่ายคนไม่ผิดหวัง ระยะของภาพก็มีให้เลือกทั้งมุมกว้าง Ultra Wide 123º มุมปกติ และซูมก็ได้ Optical 2x กำลังดี อย่างที่บอกไปว่ากล้องอาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ที่ให้มาก็เพียงพอมากแล้วกับการใช้งานครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Galaxy Z Fold3 5G
เซลฟี่ด้วย Z Fold3 5G
มาพูดถึงเรื่องเซลฟี่กันบ้าง Galaxy Z Fold3 5G ให้กล้องเซลฟี่มา 2 ตัวคือกล้องหน้าในหน้าจอนอกความละเอียด 10MP และกล้องใต้หน้าจอความละเอียด 4MP กล้องหน้าของจอนอกนั้นคุณภาพอยู่ในระดับมาตรฐานของกล้องหน้าทั่วไปจาก Samsung
ส่วนกล้องหน้าใต้หน้าจอ 4MP นั้นเราแอบประทับใจที่ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ครับ ในเรื่องความคมอาจจะไม่ได้คมจัดชัดจริงแบบกล้องหน้าปกติเพราะด้วยเทคโนโลยีใต้หน้าจอจะมีความนัว ๆ อยู่นิดหน่อย แต่หลังจากกดถ่ายตัวซอฟต์แวร์จะมีการจัดการให้ภาพสวยและมีมิติมากขึ้นอีกหน่อย ซึ่งคุณภาพออยู่ในเกณฑ์ดีถ้าใช้งานลงโซเชี่ยลหรือ Video Call นี่โอเคอยู่ แต่ถ้าเราอยากซูมดูรายละเอียดอีกหน่อยหรือครอปภาพไปใช้จะเริ่มเห็นความแตกของภาพบ้าง เพราะความละเอียดที่ให้มาไม่เยอะมากนักครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าใต้จอ 4MP ของ Galaxy Z Fold3 5G
ภาพเซลฟี่จากกล้องหน้า 10MP ภาพเซลฟี่จากกล้องหน้าใต้จอ 4MP
เซลฟี่ได้ด้วยกล้องทุกตัว
ถ้าคิดว่าคุณภาพในการเซลฟี่จากกล้องใต้หน้าจอหรือกล้องหน้าในจอนอกจริง ๆ ยังดีไม่พอ ก็ใช้กล้องหลังเซลฟี่เลยดีไหมล่ะ ? ใช่ครับอ่านไม่ผิด Galaxy Z Fold3 5G มาพร้อมฟีเจอร์เซลฟี่ที่ให้เราใช้กล้องหลังในการเซลฟี่ได้ด้วยแถมยังได้ทั้ง 3 ตัวเลย โดยวิธีใช้งานให้เราเปิดกล้องหน้าในหน้าจอนอกจากนั้นเลือกไอคอน Selfie ที่มุมขวาบน ตัวเครื่องจะบอกให้เรากางหน้าจอออกให้กล้องหลังมาอยู่ที่ด้านหน้าเรา เท่านี้เราก็จะสามารถเซลฟี่ด้วยกล้องหลังได้แล้ว กล้องหลังคุณภาพเยี่ยมหรืออยากจะเก็บมุมกว้างสุด ๆ ด้วย Ultra Wide เลยก็ไม่มีปัญหา
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับแล้วกล้องหลักก็ให้คุณภาพระดับสูงกว่าจริง ๆ หรืออยากได้มุมที่กว้างเวลาเซลฟี่กลุ่มก็ใช้ Ultra Wide เอาเลย คือเป็นสมาร์ทโฟนที่เซลฟี่ได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ รุ่นหนึ่งเลยนะเนี่ย Galaxy Z Fold3 5G
เซลฟี่ด้วยกล้องหลัง Ultra Wide 12MP เซลฟี่ด้วยกล้องหลัก 12MP
เซลฟี่ด้วยกล้องหน้า 10MP (หน้าจอนอก) เซลฟี่ด้วยกล้องใต้หน้าจอ 4MP (หน้าจอหลัก)
แบตเตอรี่ที่แอบน่าเป็นห่วง
มาปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่เหมือนเคยครับ Galaxy Z Fold3 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4400mAh ถ้ามองจากตัวเลขก็เหมือนจะเยอะอยู่ แต่ถ้ามองอีกมุมว่ารุ่นนี้เหมือนมี 2 ร่างในเครื่องเดียว ถ้าใช้งานที่จอนอก 6.2″ เป็นหลักเราจะได้แบตเตอรี่ที่อึดมากครับเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปตลอดทั้งวันแน่นอน แต่ ๆ แล้วแบบนั้นจะซื้อจอพับมาเพื่อ !?
ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานสลับกันไปแต่ใช้หน้าจอหลักด้านในเป็นส่วนมาก จะสัมผัสได้ว่าแบตเตอรี่นั้นไม่อึดเท่าไหร่ เพราะถ้าเราเล่นจริงจัง ๆ กับหน้าจอหลักซะมาก แบตฯอาจไม่เพียงพอทั้งวัน ตรงนี้แอบเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพรอบด้านขนาดนี้ แต่มีแบตฯไม่เพียงพอเท่าไหร่ เป็นหนึ่งในจุดสังเกตที่เราอยากให้ทราบไว้ล่ะครับ
ชาร์จไว 25W นะ ก็โอเค
แต่โชคดีที่ Galaxy Z Fold3 5G ยังมีระบบชาร์จไว 25W Super Fast Charge มาให้ ช่วยชาร์จแบตเตอรี่ขึ้นมาได้ไวพอสมควร แถมที่ชาร์จก็ใช้ที่รองรับ PD 3.0 ได้เลย ไม่ต้องไปหารุ่นพิเศษมาใช้ให้ยุ่งยากครับ ตัวเครื่องยังรองรับ Wireless Charging ที่ 10W รวมถึง Reverse Wireless Charging 4.5W เพื่อแบ่งปันให้กับอุปกรณ์อย่างพวกหูฟังหรือสมาร์ทโฟนที่รองรับมาตรฐาน Qi ได้อีกด้วย
เปิดจองแล้ว ราคาเริ่มต้น 57,900 บาท
Galaxy Z Fold3 5G เปิดจำหน่ายรอบพิเศษแล้วกับแคมเปญซื้อก่อนคุ้มกว่า ‘First to Unfold’ ตั้งแต่วันนี้ – 22 ส.ค. 64 และได้เครื่องก่อนเป็นกลุ่มแรกในไทย (วันที่ 2 ก.ย. 64 เป็นต้นไป) โดยมีให้เลือก 2 ความจุคือ 256GB และ 512GB มีราคาดังนี้
- Galaxy Z Fold3 5G (12GB + 256GB) ราคา 57,900 บาท
- Galaxy Z Fold3 5G (12GB + 512GB) ราคา 61,900 บาท
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่มีสเปคไฮเอนด์ที่สุดในเครื่องเดียวกัน”
สำหรับ Galaxy Z Fold3 5G ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในร่างเดียวกัน ได้ความเป็นนวัตกรรมทั้งจอพับได้ที่ลงตัว มีลูกเล่นที่ตอบโจทย์มากกว่าแค่มีหน้าจอพับเท่ ๆ กล้องใต้หน้าจอที่ให้เราได้สัมผัสหน้าจอที่เต็มกว่าที่เคย พร้อมสเปคที่สูงสุดในแบบที่หาได้ในเวลานี้ ทั้ง Snapdragon 888 คู่กับแรม 12GB หน้าจอที่ยอดเยี่ยมแบบ Dynamic AMOLED 2X 120Hz เป็นความลงตัวที่มากขึ้นกว่าที่เคย ส่วนจุดสังเกตก็มีอยู่บ้างคือเรื่องแบตเตอรี่ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานหนัก ๆ สักเท่าไหร่ และหน้าจอนอกที่อัตราส่วนไม่คุ้นเคยเลย เวลาใช้งานก็ติดขัดอยู่บ้างหากไม่ได้ปรับตัวเข้าหาจริง ๆ นอกนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมในแบบที่จะหาได้จากสมาร์ทโฟนพับได้ในทุกวันนี้แล้วล่ะครับ
คุ้มค่าไหมกับราคา 57,900 บาท !?
สุดท้ายนี้อยากพูดถึงความคุ้มค่าของ Galaxy Z Fold3 5G อีกสักหน่อย เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงพอตอบตัวเองได้แล้วว่าความสามารถที่ Galaxy Z Fold3 5G มอบให้นั้นตอบโจทย์เรารึเปล่าหากแลกกับค่าตัวเกินครึ่งแสนแบบนี้ คอนเซ็ปต์ของสมาร์ทโฟนฝาพับรุ่นนี้ก็คือให้ความสะดวกสบายในการพกพาและประสิทธิภาพที่มากกว่า เพราะเหมือนเราพกทั้งมือถือและแท็บเล็ตติดตัวไปได้ตลอดเวลา ถ้าเราได้ใช้ประโยชน์จากข้อนี้เน้น ๆ ยังไงก็คุ้มครับ แล้วถ้าถามว่างบเท่านี้ซื้อสมาร์ทโฟนดี ๆ สักเครื่องคู่กับแท็บเล็ตไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ? อันนี้ก็ต้องดูที่ความต้องการว่าเราอยากเพิ่มพื้นที่ในกระเป๋าอีกไหม เพราะอย่างลืมว่าแท็บเล็ตเราไม่สามารถพกติดตัวไปได้ตลอดเหมือน Z Fold3 5G ตัวนี้แน่ ๆ สุดท้ายแล้วความคุ้มค่าก็คงขึ้นอยู่กับการใช้งานนั่นล่ะเนาะ…
จุดเด่น
- ดีไซน์พรีเมี่ยม งานประกอบสุดยอด
- มี 2 ไซซ์ในเครื่องเดียว ซอฟต์แวร์รองรับเยอะ
- หน้าจอ refresh rate 120Hz ทั้ง 2 จอใช้งานลื่นไหล
- ชิปเซ็ต Snapdragon 888 แรงตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- กล้องทั้ง 5 ตัวใช้งานได้ดี
- กันน้ำตามมาตรฐาน IPX8
- รองรับ S Pen ด้วย
จุดสังเกต
- แบตเตอรี่ไม่อึดเท่าไหร่เมื่อใช้งานหน้าจอใหญ่ (กางจอ)
- หน้าจอนอกอัตราส่วนไม่คุ้น ต้องปรับตัวนิดหน่อย