Smart Review
รีวิว Samsung Gear S2 ครบทุกฟีเจอร์หมุนรอบหน้าปัดกลม
Samsung Gear S2 นาฬิกาอัจฉริยะที่มาครบทุกฟีเจอร์หมุนรอบหน้าปัดกลม Super AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ทำงานบนแพลทฟอร์ม Tizen มีให้เลือกด้วยกัน 2 สไตล์ คือรุ่น Sport (หรือรุ่น Bluetooth) และ Classic แบบเรียบหรู
สรุปสเปค Samsung Gear S2
รุ่นโมเดล | Gear S2 Sport | Gear S2 Classic |
หน้าปัด | 1.2 นิ้ว วงกลม Super AMOLED 360 x 360 (302 ppi) |
1.2 นิ้ว วงกลม Super AMOLED 360 x 360 (302 ppi) |
กันน้ำ | IP68 | IP68 |
ขนาดตัวเรือน | 42.3 x 49.8 x 11.4 มม. | 39.9 x 43.6 x 11.4 มม. |
น้ำหนัก | 47 กรัม | 42 กรัม |
แพลทฟอร์ม | Tizen | Tizen |
ชิปประมวลผล | Exynos 3250 | Exynos 3250 |
แรม | 512MB | 512MB |
ความจุ | 4GB | 4GB |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 4.1, Wi-Fi, NFC | Bluetooth 4.1, Wi-Fi, NFC |
เซ็นเซอร์ | Acc, Gyro, HRM, วัดความกดอากาศ, แสงรอบข้าง |
Acc, Gyro, HRM, วัดความกดอากาศ, แสงรอบข้าง |
สี | Dark Gray กับ Silver | Blue Black |
แบตเตอรี่ | 250 mAh | 250 mAh |
ฮาร์ดแวร์และดีไซน์
รุ่นที่ใช้ในรีวิวนี้เป็นรุ่น Gear S2 Sport ตัวเรือนสีเงิน (Silver) วัสดุหลักทำมาจากสแตนเลสสตีล มาพร้อมกับสายข้อมือสีขาว มีหน้าจอแสดงผลหรือหนัาปัดแบบกลมขนาด 1.2 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ให้ความหนาแน่นของพิกเซลประมาณ 302 พิกเซลต่อนิ้ว ซึ่งสีสันสดใสคมชัดแน่นอน และด้วยหน้าจอแบบ Super AMOLED ที่ให้อัตราส่วนคอนทราสสูง ทำให้หน้าจอยังคมชัดและมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะใช้งานกลางแจ้งหรือเวลาแสงแดดจ้า
กรอบหน้าปัดของ Gear S2 สามารถหมุนรอบได้ 360 องศา ใช้สำหรับการเลื่อนหน้าจอไปยังหน้าถัดไปหรือย้อนกลับไปยังหน้าจอก่อนหน้า, เลื่อนอ่านอีเมล, ซูมดูแผนที่ รวมไปถึงใช้เลื่อนเมนูต่าง ๆ ในแต่ละแอพพลิเคชั่นด้วย
ปุ่มกดใส่มาให้ 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ จะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ใช้สำหรับย้อนกลับทีละหน้าจอ และปุ่ม Power จะมีขนาดเล็กลงมาหน่อย นอกจากจะใช้เป็นปุ่มปิด/เปิดเครื่องแล้ว ยังสามารถใช้เป็นปุ่มโฮมเพื่อกลับสู่หน้าจอหลักจากทุก ๆ หน้าได้ทันที
สายของรุ่น Sport สามารถถอดเปลี่ยนสลับสีกับรุ่น Sport ด้วยกันได้ ส่วนรุ่น Classic สามารถเปลี่ยนเป็นสายนาฬิกาทั่วไปตามท้องตลาดได้ แต่ไม่สามารถเอาสายของรุ่น Sport ใส่ได้ โดยจุดแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นก็อยู่ที่ดีไซน์และวัสดุของตัวเครื่องและสายข้อมือนั่นเอง
Gear S2 ใช้ชิปประมวลผล Samsung Exynos 3250 Dual-core ความเร็ว 1.0GHz กับแรม 512MB และความจุตัวเครื่อง 4GB พร้อมเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate sensor) ที่อยู่ด้านหลังของตัวเรือนเหมือนกับ Gear รุ่นก่อนหน้านี้, Gyro, Accelerometer, Barometer และ Ambient light sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi, Bluetooth 4.1 และ NFC
Gear S2 มีแบตเตอรี่ 250mAh การชาร์จแบตทำได้ง่ายขึ้นโดยการวางบนแท่นชาร์จไร้สาย ไม่ต้องมองหาช่องเสียบผ่านสายอีกต่อไป เรียกได้ว่ากลับมาถึงก็ถอดวางกับแท่นชาร์จได้เลย สะดวกมาก
ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการทำงาน
Gear S2 ทำงานบนแพลทฟอร์ม Tizen ซึ่งการเริ่มต้นใช้งานต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่รัน Android 4.4 KitKat ขึ้นไป กับแรมอย่างน้อย 1.5GBและต้องเป็นรุ่นที่รองรับด้วย (ตรวจสอบรุ่นได้ที่นี่) ผ่านแอพพลิเคชั่น Samsung Gear Manager (ดาวน์โหลดได้ที่นี่)
หลังจากเชื่อมต่อแล้ว เราสามารถจัดการ Gear S2 ผ่านแอพ Samsung Gear Manager ได้ ทั้งการเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย สวย ๆ ทั้งนั้น และสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ด้วย
กำหนดการตั้งค่าการแจ้งเตือนไปยัง Gear S2 โดยการเลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการให้แจ้งเตือน หรือเลือกได้ว่าจะให้หน้าจอ Gear S2 เปิดเมื่อมีการแจ้งเตือนหรือไม่ เป็นต้น
จัดเรียงแแอพพลิเคชั่นตามการใช้งาน แตะที่รายการแอพพลิเคชั่นแล้วลากขึ้นลงเพื่อจัดลำดับใหม่ได้ ซึ่งเราอาจจะเลือกแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อย ๆ มาไว้ในหน้าแรก รวมไปถึงถอนการติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่ไม่ต้องการออกได้ และสำหรับการส่งเพลงหรือรูปภาพไปยัง Gear S2 สามารถเลือกส่งตามที่เลือกหรือซิงค์แบบอัตโนมัติก็ได้
Samsung Gear Manager จะเป็นในส่วนของแอพพลิเคชั่นสำหรับ Gear โดยเฉพาะ ซึ่งทุกตัวก็จะทำงานบน Gear ได้ สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มได้ทันที และในส่วนของเมนูการตั้งค่า สำหรับกำหนดค่าต่าง ๆ ระหว่างสมาร์ทโฟนกับ Gear อย่างเช่น เราสามารถกำหนดได้ว่าหากกดปุ่มโฮม (ปุ่ม Power) ติดกัน 2 ครั้ง ให้เรียกการทำงานของแอพพลิเคชั่นใด และสำหรับพื้นที่จัดเก็บบน Gear S2 ทั้งหมด 4GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 1.9GB
นอกจากนี้ก็มีฟีเจอร์การค้นหา Gear จากสมาร์ทโฟน เผื่อลืมว่าวางไว้ตรงไหน โดย Gear ต้องเชื่อมต่อ Bluetooth หรือ Wi-Fi อยู่ด้วย
มาดูในส่วนของการทำงานบนหน้าจอ Gear S2 บ้าง เริ่มจากการเลือกหน้าปัดนาฬิกา ทำได้โดยการแตะค้างที่หน้าจอ จากนั้นให้ปัดไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อหน้าปัดนาฬิกาตามต้องการได้เลย มีทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล สวย ๆ ทั้งนั้นเลย หรือจะดาวน์โหลดเพิ่มเติมก็ทำได้เช่นกัน
หน้าจอหลักเลื่อนไปหน้าถัดไปโดยการปัดไปทางซ้ายหรือขวา (หมุนกรอบหน้าปัดก็ได้) ในส่วนนี้เราก็สามารถเพิ่มหน้าข้อมูลที่เราต้องการได้โดยเลื่อนหน้าไปทางขวาจนสุดแล้วแตะเครื่องหมายบวก (+) เช่น เพิ่มตัวนับก้าวเดิน, แสดงเหตุการณ์รายวัน, สภาพอากาศ, เครื่องเล่นเพลง, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ปฏิทิน เป็นต้น
เมื่อเลื่อนจากหน้าโฮมไปทางซ้ายจะเป็นรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ ซึ่งรายการแจ้งเตือนเหล่านี้ก็มาจากที่เราเลือกให้มีการแจ้งเตือนมายัง Gear S2 บนแอพ Gear Manager นั่นเอง ฟีเจอร์เหล่าช่วยให้เราไม่พลาดบางเรื่องที่สำคัญไป
เมนูการตั้งค่าบน Gear S2
การตั้งค่าความสว่างของหน้าจอได้สูงสุดระดับ 10 ซึ่งจากการใช้งานจริงพบว่าความสว่างระดับ 5-6 ก็ยังมองเห็นได้แม้แสงแดดจ้า
ระบบสั่นก็เลือกได้ว่าจะได้สั่นเบา ๆ หรือสั่นแรง ๆ แต่ถ้าไม่ชอบให้มันสั่นก็ปิดได้เช่นกัน
กำหนดการสั่งงานบน Gear S2 เมื่อยกข้อมือขึ้นมาดูหน้าจอจะสว่างอัตโนมัติ ตรงนี้ก็สามารถเลือกปิด/เปิดได้ สำหรับบางสถานการณ์ที่ไม่ต้องการเปิดหน้าจอ นอกจากนี้ก็เลือกได้ว่าจะกำหนดการกดปุ่มโฮม (ปุ่ม Power) ติดกัน 2 ครั้ง ให้เรียกการทำงานของแอพพลิเคชั่นใด โดยการตั้งค่านี้ก็ทำได้ผ่านแอพ Gear Manager
Gear S2 สามารถสั่งรับสายโทรเข้าด้วยเสียงได้ โดยการพูดว่า “Answers” จากนั้นก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาคุยต่อได้เลย หรือสั่งวางสายโดยการพูดว่า “Reject”
การเชื่อมต่อบน Gear S2 รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth, Wi-Fi และ NFC
การกำหนดรหัสผ่านด้วย PIN เพื่อล็อคหน้าจอ (ระบบจะไม่ทำการล็อคหน้าหากยังใส่ไว้ที่ข้อมือ) ระบบจะทำการล็อคหน้าจอเมื่อถอดนาฬิกาออกจากข้อมือ ยังสามารถหยิบมาดูนาฬิกาได้ แต่จะไม่สามารถเข้าไปใช้งานอย่างอื่นได้ จำเป็นต้องใส่รหัสผ่านเพื่อปลดล็อคก่อน ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มความปลอดภัยกับข้อมูลส่วนตัวในขณะที่นาฬิกาไม่ได้อยู่ที่ข้อมือเรานั่นเอง
บน Gear S2 สามารถพิมพ์ข้อความผ่านแป้นพิมพ์สัมผัสบนหน้าจอได้ด้วยนะ สำหรับตอบข้อความสั้น ๆ ก็น่าจะพอช่วยได้ในบางครั้งที่เราไม่สะดวกหยิบมือถือขึ้นมา
ไม่เพียงแต่บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเท่านั้นที่มีโหมดประหยัดพลังงาน บน Gear S2 ก็มีเหมือนกัน หากเปิดใช้งานหน้าจอจะปรับการแสดงผลเป็นสเกลสีเทาและปิดการใช้งานฟังก์ชั่นทั้งหมด เหลือเพียงบางฟังก์ชั่นเท่านั้นที่ยังใช้งานได้เพื่อประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด เหมาะกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่หาไฟฟ้าชาร์จแบตไม่ได้
มาถึงในส่วนของหน้าเรียงไอคอนแอพพลิเคชั่น ทำออกมาได้สวยงามด้วยไอคอนแบบวงกลมแล้วจัดเรียงรอบหน้าปัด และเมื่อหมุนกรอบหน้าปัดจะเป็นการเลื่อนเพื่อเลือกใช้งานแอพพลิเคชั่น ก็ได้อีกอารมณ์หนึ่งนอกเหนือจากการแตะหน้าจอเพื่อเลื่อน
แอพที่ติดตั้งมากับ Gear S2 นอกเหนือจากแอพระบบ ได้แก่ Neki+ Running, S Health ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นแอพด้านสุขภาพ และ Bloomberg กับ CNN เป็นแอพรายงานข่าวชื่อดังทั้ง 2 สำนักข่าว
รูปภาพต่าง ๆ ที่เราถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนสามารถส่งเข้ามาไว้ดูบน Gear S2 ได้ผ่านแอพ Gear Manager ซึ่งการแสดงผลบนหน้าจอ Gear S2 จะไอคอนแบบวงกลม แตะที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่ได้ รวมถึงเพลงต่าง ๆ ก็เช่นเดียวกัน ต้องซิงค์ผ่านแอพ Gear Manager
Gear S2 มีไมโครโฟนในตัว ทำให้เราสามารถใช้คำสั่งเสียงกับ S Voice ได้ เช่น สั่งให้โทรออก, ส่งข้อความ, สั่งเปิดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เป็นต้น ต้องใช้คำสั่งเสียงภาษาอังกฤษ เนื่องจากยังไม่รองรับภาษาไทย
ฟีเจอร์ใช้งานครบครันแบบนี้แล้วแบตเตอรี่จะอยู่ได้นานทั้งวันไหม ซึ่งจากการใช้งานพบว่าเปิดการใช้งานให้แจ้งเตือนตลอดทั้งวัน และแตะใช้งานหน้าจอบ้าง สามารถอยู่ได้นานเกินวันแน่นอนหรือเกือบ 2 วันเลยครับ กลับถึงบ้านก็ถอดวางบนที่แท่นชาร์จไร้สายได้ทันที ไม่ต้องมองหาสายมาเสียบตัวนาฬิกาให้ยุ่งยาก
สรุปจุดเด่นของ Gear S2 ถือว่าเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน หน้าจอคมชัด เมนูการใช้งานเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน พร้อมปรับเปลี่ยนหน้าจอที่เป็นหน้าปัดนาฬิกาได้หลากหลาย เรียกได้ว่าไม่ซ้ำวันซ้ำแบบกันเลย อีกทั้งดีไซน์ที่สวยงามเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ รุ่น Sport และรุ่น Classic