ข่าวประชาสัมพันธ์
”สแนปอาส์ค” สุดยอดแอปพลิเคชันติวเตอร์ส่วนตัว ถามได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
ครั้งแรกในไทย..”สแนปอาส์ค” สุดยอดแอปพลิเคชันติวเตอร์ส่วนตัวแห่งเอเชีย มิติใหม่การเรียนการสอนนอกห้องเรียน ตอบโจทย์การศึกษายุค 4.0 ถามได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง จับคู่กับผู้ติวให้ภายใน 1 นาที ถูกต้อง ชัดเจน ตรงใจ ด้วยติวเตอร์คุณภาพจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
สแนปอาส์ค(ประเทศไทย) ประกาศความร่วมมือกับสแนปอาส์ค (ฮ่องกง) เตรียมเปิดตัว “สแนปอาส์ค”แอปพลิเคชันติวเตอร์ส่วนตัวครั้งแรกในไทยที่ให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาสามารถถามบทเรียนหรือข้อสงสัยทางวิชาการได้ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมรอรับคำตอบจนเข้าใจกระจ่างชัดได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากติวเตอร์คุณภาพ คัดสรรจากรุ่นพี่นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำ ด้วยจุดเด่นระบบจับคู่กับติวเตอร์ที่เหมาะสมให้ภายใน 1 นาทีโดยเฉลี่ย พร้อมระบบโค้ชเตรียมสอบ (Exam Coach) ที่ใช้เทคโนโลยี Machine Learning และ AI วิเคราะห์จุดอ่อนในแต่ละรายวิชาของนักเรียนแต่ละคน แล้วนำมาสร้างโจทย์ข้อสอบตัวอย่างเพื่อพัฒนาการเรียนรู้เป็นรายบุคคล มั่นใจตอบโจทย์เด็กที่ต้องการเรียนรู้นอกห้องเรียนในยุคการศึกษา 4.0 และเพิ่มโอกาสหารายได้ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องการเป็นติวเตอร์ออนไลน์ด้วย เริ่มให้บริการในไทยปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.snapask.com
มิสเตอร์ ทิโมธี หยู ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท สแนปอาส์ค (ฮ่องกง) จำกัด กล่าวว่า “จากประสบการณ์ส่วนตัวช่วงเรียนในมหาวิทยาลัยฮ่องกงที่มีนักเรียนขอให้ช่วยสอนพิเศษตอนเย็นหลังเลิกเรียน ทำให้ได้ทราบว่าศูนย์กวดวิชาแบบดั้งเดิมนั้นตอบสนองความต้องการของนักเรียนเป็นรายบุคคลได้ไม่ครบถ้วน จึงเกิดความคิดสร้างสรรค์พัฒนา “สแนปอาส์ค” แอปพลิเคชันติวเตอร์ส่วนตัวขึ้นในปี 2558 โดยมีวิสัยทัศน์ต้องการช่วยเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านติวเตอร์คุณภาพที่เป็นนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แอปพลิเคชัน “สแนปอาส์ค” ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วเอเชียทั้ง ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน มีติวเตอร์ในสังกัดมากกว่า 30,000 คน และได้ช่วยติวเด็กนักเรียนมาแล้วมากกว่า 500,000 คน ล่าสุดที่เมืองไทยได้มอบสิทธิ์การบริหารแก่บริษัท สแนปอาส์ค (ประเทศไทย) ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจากการสำรวจตลาดไทยพบว่า ผู้ปกครองหลายคนต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับหลักสูตรนอกโรงเรียนสูงถึง100,000 บาทต่อปี รวมทั้งนักเรียนประสบปัญหาได้รับการบ้านมากและยาก จึงมั่นใจว่า “สแนปอาส์ค” จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนและผู้ปกครองในยุคนี้ ซึ่ง สแนปอาส์ค ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดให้บริการเพิ่มในอีกกว่า 30 ประเทศ ภายในปี 2563 ด้วยมุ่งหวังที่จะขึ้นเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการศึกษานอกเวลาเรียนอันดับ 1 ของโลก”
นายชวัล เจียรวนนท์ ซีอีโอ บริษัท สแนปอาส์ค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “สแนปอาส์ค” ประสบความสำเร็จในทั้ง 7 ประเทศชั้นนำ และเป็นที่น่ายินดีที่ประเทศไทยได้รับสิทธิ์ในการให้บริการแอปพลิเคชันนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุค 4.0 ที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญมากต่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเยาวชน โดยสแนปอาส์ค จะเป็นผู้จัดหาติวเตอร์ที่ดีที่สุดให้กับนักเรียน ซึ่งจะเป็นเสมือนติวเตอร์ส่วนตัวรายแรกของประเทศไทย โดยนักเรียนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงติวเตอร์คุณภาพได้ทันที เพียงมีอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนที่มีแอปพลิเคชันสแนปอาส์คเท่านั้น เมื่อส่งคำถาม ระบบอัลกอริทึมอัจฉริยะจะเชื่อมโยงติวเตอร์ผู้เชี่ยวชาญวิชานั้นๆ มาตอบภายใน 1 นาทีแบบตัวต่อตัวและอธิบายจนเข้าใจ ในขณะเดียวกัน แอปนี้ยังมีความโดดเด่นด้านการใช้เทคโนโลยี Machine Learning และ AI มาวิเคราะห์จุดอ่อนรายบุคคล แล้วสร้างโจทย์ให้ฝึกหัดตอบคำถาม จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนได้อย่างดียิ่งตรงตามเป้าหมาย นอกจากนี้ “สแนปอาส์ค” ยังเป็นช่องทางให้นิสิตนักศึกษาที่ไม่สะดวกไปสอนพิเศษด้วยตนเอง ได้แสดงความสามารถเป็นติวเตอร์ โดยถ่ายทอดความรู้ด้านวิชาการที่เป็นประโยชน์ให้แก่นักเรียน อีกทั้งยังเป็นรายได้เสริมสำหรับนิสิต นักศึกษาที่เป็นติวเตอร์ด้วย ซึ่งขณะนี้ บริษัท กำลังอยู่ในระหว่างคัดสรรติวเตอร์คุณภาพเพื่อมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนแอปพลิเคชัน “สแนปอาส์ค” ในไทย โดยนิสิตนักศึกษาที่สนใจ สามารถสมัครเข้ามาได้ที่ thaicontact@snapask.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.snapask.com”
ทั้งนี้ ในช่วงแรก “สแนปอาส์ค” จะเปิดบริการ 5 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเปิดให้นักเรียนทดลองใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายคนละ 2 คำถาม ขณะที่ค่าบริการจะเริ่มต้นเพียง 179 บาท/5คำถาม และแพ็กเกจแบบรายเดือนเริ่มต้นเฉลี่ยเพียง 1,667 บาท รวมทั้งมีแผนที่จะเพิ่มฟีเจอร์โค้ชเตรียมสอบ (Exam Coach) ด้วยระบบ Data Analytics and Machine Learning เพื่อช่วยให้นักเรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้เฉพาะบุคคล สร้างความมั่นใจในการเข้าสอบครั้งสำคัญ