Buying Guides
แล็ปท็อปธุรกิจ โน้ตบุ๊คสำหรับการทำงาน น่าซื้อ น่าใช้ ปี 2022
การเลือกโน้ตบุ๊ค หรือ แล็ปท็อปธุรกิจ ปี 2022 ช่วยให้ทำงานสำเร็จลุล่วงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในขณะเดินทาง เบาพอที่จะพกพาได้ตลอดวัน ต้องมีคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยม และหน้าจอที่คมชัดและอ่านง่ายด้วย
แล็ปท็อปธุรกิจ สำหรับการทำงานที่ดีที่สุด
ถ้าให้พูดถึงแล็ปท็อปที่มีความน่าสนใจมากที่สุดในตอนนี้ หลานคนก็น่าจะนึกถึง Lenovo ThinkPad X1 Nano เป็นแล็ปท็อปธุรกิจที่ดีที่สุด เพราะมีน้ำหนักเบาและใช้งานได้ยาวนาน ด้วยน้ำหนักเพียง 962 กรัม ไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 13 นิ้วที่คมชัดด้วยอัตราส่วน 16:10 ซึ่งช่วยให้ทำงานกับโค้ดและเอกสารได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังมีระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าหรือลายนิ้วมือ สวิตช์สำหรับปิดกล้องเว็บแคม และฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวทางธุรกิจอื่นๆ แต่ก็ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือไม่มีพอร์ตมากพอในการเชื่อมตอ่พร้อมกัน โดยมีพอร์ต USB-C Thunderbolt 4 เพียง 2 พอร์ต ดังนั้นอาจจำเป็นต้องซื้อ USB Hub เมื่อต้องการเสียบอุปกรณ์เสริมจำนวนมาก
หากต้องการให้แล็ปท็อปธุรกิจแปลงเป็นแท็บเล็ตได้ ก็อาจมองไปที่ HP Spectre x360 ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดี เป็นรุ่นที่มีความเรียบหรูและบางเพียง 0.67 นิ้ว แม้ว่าจะหนักกว่า ThinkPad X1 Nano แต่เป็นรุ่นที่ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง หน้าจอที่สวยหรูและมีสไตล์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับปากกาสไตลัสสำหรับจดบันทึกหรือวาดภาพระหว่างการประชุม
สำหรับแฟนๆ ของ Apple ที่กำลังมองหาแล็ปท็อปสำหรับธุรกิจที่มีน้ำหนักเบาและมีอายุการใช้งานยาวนาน รุ่นที่แนะนำก็จะเป็น MacBook Air ที่มาพร้อมชิป M1 ใหม่ เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพที่สูงสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ MacBook Air โดยที่ยังคงขนาดเล็กและเบาเพื่อการพกพาไปใช้งานได้คล่องตัวทุกที่
แล็ปท็อปธุรกิจ ที่ดีที่สุด ซื้อได้แล้ววันนี้
1. Lenovo ThinkPad X1 Nano
- จอแสดงผล: 13 นิ้ว ความคมชัด 2K
- CPU: Intel Core i5-1130G7 | Intel Core i7-1160G7
- GPU: Intel Iris Xe
- RAM: 8GB – 16GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 256 – 1TB SSD
ThinkPad X1 Nano ของ Lenovo เป็นแล็ปท็อปสำหรับธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ใช้งานได้ยาวนาน และพกพาสะดวก ด้วยน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม จึงเป็นแล็ปท็อปที่เบาที่สุด และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 12 ชั่วโมง เพียงพอสำหรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องใช้ที่ชาร์จ และยังมีรุ่น 4G/5G หากต้องการเชื่อมต่อทุกที่ทุกเวลา
นอกจากฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมาตรฐานและระดับความทนทานของ ThinkPad แล้ว ยังใช้โปรเซสเซอร์ Intel 11th Gen Tiger Lake เพื่อประสิทธิภาพความเร็วการทำงานได้อย่างเต็มที่ และคีย์บอร์ดการพิมพ์ที่ฉับไว แต่อาจจำเป็นต้องซื้อ USB Hub เมื่อต้องการเสียบอุปกรณ์เสริมจำนวนมาก
2. HP Spectre x360 14
- จอแสดงผล: 14 นิ้ว 1920 x 1280 พิกเซล หรือหน้าจอสัมผัส OLED 3000 x 2000 พิกเซล
- CPU: Intel Core i7-1165G7
- GPU: Intel Iris Xe
- RAM: 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 512GB SSD
HP Spectre x360 14 เป็นแล็ปท็อปธุรกิจที่มาพร้อมการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและสวยงาม ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งการเล่นและการทำงาน มีความบางเฉียบเพียง 0.67 นิ้ว แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงจากเลือกปรับสเปคเพิ่มเติม แต่ภาพรวมทั้งหมดและความทนทานนั้นคุ้มค่ากับราคา
นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับปากกา Tilt Pen MPP2.0 แบบชาร์จได้ ซึ่งเหมาะสำหรับศิลปินดิจิทัลหรือใครก็ตามที่ต้องการจดบันทึกด้วยลายมือระหว่างการประชุมหรือวาดภาพสร้างสรรค์ผลงานได้ทันที
3. ASUS Zenbook 14X OLED
- จอแสดงผล: 14 นิ้ว 1800 x 2880 พิกเซล OLED
- CPU: Intel Core i7-1165G7 หรือ i5-1135G7
- GPU: Intel Iris Xe
- RAM: 16GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 512GB SSD
ASUS Zenbook 14X OLED (UX5401E) โน้ตบุ๊ครุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบหรู ที่เหมาะกับการพกพา ได้หน้าจอ OLED ยกระดับความคมชัดและสีสันขึ้นไปอีกขั้น พร้อมกันนี้ยังมีสเปคที่จัดเต็มเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน หรือสายกราฟิกก็ตอบโจทย์ทั้งหมด
เรื่องเสียงจากลำโพง ก็ยังให้เสียงที่ยอดเยี่ยมมีลำโพงแบบ Stereo พร้อมจูนเสียงด้วย Harman/Kardon อีกต่างหาก มั่นใจได้เลยว่าเวลาเราดูหนัง หรือฟังเพลงเสียงที่ได้จะกระหึ่มถูกใจแน่นอน และระบบชาร์จรุ่นนี้รองรับได้สูงสุด 100W
4. Apple MacBook Air ชิป M1
- จอแสดงผล: 13.3 นิ้ว 2560 x 1600 พิกเซล
- CPU: Apple M1
- GPU: GPU 8-core
- RAM: 8GB – 16GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 2TB SSD
Apple เปลี่ยนแปลงแล็ปท็อปครั้งใหญ่ด้วยชิป M1 และ MacBook Air เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เครื่องแรกที่ได้รับชิปนี้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพดีกว่า Air ทุกรุ่นเท่าที่เคยมีมา พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 14 ชั่วโมง และกล้องเว็บแคมที่ให้คุณภาพคมชัด แสดงสีได้แม่นยำกว่าเมื่อก่อนมาก และคีย์บอร์ดสำหรับการพิมพ์ที่สนุกมากขึ้น
โดยรวมแล้ว MacBook นั้นทำออกมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ และสำหรับผู้ที่ต้องการพกพาติดตัวไปทุกที่ MacBook Air ชิป M1 จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด ทั้งประสิทธิภาพการทำงาน อายุแบตเตอรี่ และสามารถใช้จัดการทุกอย่างตั้งแต่การนำเสนอในการประชุมไปจนถึงเซสชั่นการทำงานตามร้านกาแฟ
5. Dell XPS 13
- จอแสดงผล: 13.4 นิ้ว 1920 x 1080 พิกเซล, 3840 x 2160 พิกเซล หรือ 3.5K OLED
- CPU: Intel Core i3, i7 เจนเนอเรชั่นที่ 11
- GPU: Intel UHD จนถึง Intel Iris Xe
- RAM: 8GB – 16GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 2TBGB SSD
Dell XPS 13 เป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม จอแสดงผลที่สวยงาม และการออกแบบที่บางเฉียบ จุดแข็งทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เจ้ารุ่นนี้เป็นแล็ปท็อปสำหรับธุรกิจที่ยอดเยี่ยม และแม้ว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่จะไม่ดีเท่ากับแล็ปท็อปอื่นๆ บางรุ่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน แต่ก็เพียงพอที่ใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องเสียบชาร์จ
นอกจากนี้แล้ว ยังมาพร้อมตัวเลือกหน้าจอสัมผัส OLED ความคมชัด 3.5K ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน เนื่องจากแผงหน้าจอแบบ OLED จะให้สีดำสนิท สีสันสดใส และอัตราส่วนคอนทราสต์สูง และลงตัวอย่งมากสำหรับการใช้งานบน XPS 13
6. Microsoft Surface Laptop 4
- จอแสดงผล: 13.5 นิ้ว 2256 x 1504 พิกเซล หน้าจอสัมผัส
- CPU: Intel Core i5, i7 เจนเนอเรชั่นที่ 11 หรือ Ryzen 5, 7 4000-series
- GPU: Intel Iris Xe หรือ Radeon
- RAM: 8GB – 32GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 1TB SSD
Microsoft Surface Laptop 4 เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานทางธุรกิจ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีความใกล้เคียงกับแล็ปท็อป Windows รุ่นเรือธง และมาพร้อมกับการติดตั้ง Windows 10 ที่สะอาดตามากขึ้นเพราะไม่มี Bloatware
หากใครที่กำลังมองหาแล็ปท็อป Windows ระดับพรีเมียมที่ทำงานได้จากทุกที่ Microsoft Surface Laptop 4 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลย พร้อมคีย์บอร์ดที่สะดวกสบายด้วยปุ่มขนาดพอดีตัว อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง และอัตราส่วนการแสดงผล 3:2 ของหน้าจอที่เหมาะกับการอ่านและแก้ไขเอกสารได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการทำสิ่งต่างๆ ระหว่างเดินทาง
7. Acer Swift 3 (AMD)
- จอแสดงผล: 14 นิ้ว 1920 x 1080 พิกเซล
- CPU: AMD Ryzen 7 4700U
- GPU: AMD Radeon
- แรม: 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 512GB SSD
หากใครมีงบประมาณที่จำกัดแต่อยากได้แล็ปท็อปที่คุ้มค่า Acer Swift 3 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยในปีนี้ เจ้าแล็ปท็อปเครื่องนี้มาพร้อมโปรเซสเซอร์ AMD ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน น้ำหนักเบา นอกจากนี้ยังมีพอร์ตต่างๆ มากกว่าแล็ปท็อปบางรุ่นอีกด้วย ได้แก่ USB Type-C, HDMI และ USB-A
นอกจากนี้ ก็ยังติดตั้งเครื่องอ่านลายนิ้วมืออีกสำหรับสแกนลายนิ้วมือได้ด้วย แป้นพิมพ์ยังเหมาะสำหรับการทำงานที่ไม่ส่งเสียงรบกวนด้วยปุ่มที่เงียบ และจอแสดงผลของ Swift 3 อาจไม่ได้ดีที่สุดด้วยข้อจำกัดของราคาแต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในอาคาร และลำโพงก็ใช้งานได้ในระดับที่น่าพอใจ
8. Dell XPS 15 OLED
- จอแสดงผล: 15.6 นิ้ว 3.5K
- CPU: Intel Core i7 เจนเนอเรชั่นที่ 11
- GPU: Nvidia GeForce RTX 3050 Ti
- RAM: 16GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 512GB SSD
ถ้าต้องการแล็ปท็อปสำหรับธุรกิจที่มีหน้าจอขนาดใหญ่สวยงาม ก็ต้องมองไปที่ XPS 15 ด้วยดีไซน์บางและมีสไตล์ ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม และดีไซน์ส่วนต่างๆ ได้อย่างลงตัว เช่น คีย์แคปที่ใหญ่ขึ้นและทัชแพดที่ตอบสนองได้ดีซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 60%
นอกจากนี้ Dell ยังได้ออกรุ่น XPS 15 พร้อมตัวเลือกหน้าจอสัมผัส OLED แบบ 3.5K สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการอัปเกรด แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะอย่างที่ทราบกันว่า OLED มีสีดำสนิท สีสันสดใส และอัตราคอนทราสต์สูงนั่นเอง
9. Lenovo Yoga 9i
- จอแสดงผล: 14 นิ้ว 1080p
- CPU: Intel Core i7-1185G7
- RAM: 16GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 512GB SSD
Lenovo Yoga 9i เข้าสู่ตลาดแล็ปท็อปแบบ 2-in-1 ด้วยราคาที่แข่งขันได้ ไม่เพียงแต่มีโปรเซสเซอร์ Core i7 เจนเนอเรชั่นที่ 11 ล่าสุด มีปากกาสไตลัสในตัว และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเท่านั้น แต่จอแสดงผลที่ให้มาก็มีสีสันที่สดใสและลำโพงที่ทรงพลังอีกด้วย
สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อที่มีให้ ได้แก้ USB-C Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ต USB-A ซึ่งอาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่เป็นตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับแล็ปท็อปแบบ 2-in-1
10. Infinix INBOOK X2
- จอแสดงผล: 14 นิ้ว 1080p
- CPU: Intel Core i3, i5, i7
- RAM: 4GB – 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB – 512GB SSD
Infinix INBOOK X2 เป็นแล็ปท็อปคุณภาพดี ราคาย่อมเยาสำหรับผู้เริ่มต้น มีความบางเบา พกพาง่าย หน้าจอสวยงาม พร้อมใช้งานได้ยาวนาน และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย โดดเด่นด้วยหน้าจอสีสันสดใส ขนาดกว้าง 14 นิ้ว พร้อมความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล มีช่วงสี 100% sRGB และความสว่างของหน้าจอสูงถึง 300 nits
ตัวเครื่องมาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 50Wh ชาร์จไว 45 วัตต์ และสายชาร์จ Type C ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 11 ชั่วโมงโดยไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน อีกทั้งยังมาพร้อมระบบปฎิบัติการ Windows 11 และ CPU จาก Intel Core i3/i5/i7 ให้เลือกตามรูปแบบการใช้งาน
วิธีเลือกแล็ปท็อปธุรกิจที่ดีที่สุด
ประสิทธิภาพ: หากต้องการใช้งานเพียงแค่การทำงานพื้นฐานทั่วไป จัดการกับอีเมลและท่องเว็บ การเลือกใช้ CPU ระดับกลาง (Core i5 หรือ AMD A10) และ RAM 4GB-8GB ก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพเพื่อการเล่นเกมหนักๆ และการตัดต่อวิดีโอ ก็ควรเลือกรุ่นที่ใช้ Core i7 และ RAM ขนาด 16GB
กราฟิกและเกม: แล็ปท็อปสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้สามารถเล่นเกมทั่วไปได้สบายๆ โดยควรเลือกอย่างน้อยก็ต้องเป็น Core i5 และ RAM 8GB ขึ้นไป แต่หากสำหรับเกมที่มีกราฟิกระดับสูง ให้มองหาแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะไปเลยก็ได้
ขนาดตัวเครื่อง: พิจารณาว่าจริงๆ แล้วต้องการได้แล็ปท็อปสำหรับธุรกิจในรุปแบบใด เช่น Dell ThinkPad X1 Nano และ HP Elite Dragonfly นั้นบางและเบา ในขณะที่เครื่องที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ เช่น Dell XPS 15 อาจไม่สะดวกมากนักในการพกพาตลอดทั้งวัน
ไม่ว่าจะเลือกแล็ปท็อปในรูปแบบหรือสเปคตามความต้องการแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลายคนต้องมีก็คือการเลือกเมาส์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่จำเป็นด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลที่ทางทีมงาน iphone-droid.net แนะนำ แล็ปท็อปธุรกิจ ที่ดีที่สุดและเหมาะกับการใช้งาน รวมไปถึงงบประมาณด้วย อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ