Buying Guides
Netflix และ Disney+ Hotstar จุดเด่น จุดด้อย อันไหนดีกว่ากัน?
Netflix และ Disney+ Hotstar เป็นบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน แต่อันไหนดีกว่ากัน และเชื่อว่าหลายคนก็กำลังหาจุดแตกต่างของทั้งสองบริการนี้ วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ได้รวบรวมข้อมูลน่าสนใจมาฝากทุกคนแล้วครับ
ด้วยบริการสตรีมมิ่งที่มีอยู่มากมาย การตัดสินใจว่าจะสมัครใช้บริการใดจึงเป็นเรื่องยาก Netflix และ Disney+ Hotstar เป็นสองตัวเลือกยอดนิยม โดยแต่ละตัวเลือกมีฟีเจอร์และเนื้อหาที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละบริการเพื่อช่วยให้ทุกคนตัดสินใจว่าบริการใดเหมาะกับตนเองที่สุด
Netflix
Netflix ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดย Reed Hastings และ Marc Randolph โดยเป็นบริการให้เช่าดีวีดี ในขณะนั้น Blockbuster เป็นบริการให้เช่าวิดีโอสัญชาติสหรัฐที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมนี้ แต่ Hastings และ Randolph มองเห็นโอกาสที่จะพลิกโฉมตลาดด้วยการนำเสนอบริการแบบบอกรับสมาชิกที่อนุญาตให้ลูกค้าเช่าดีวีดีออนไลน์และจัดส่งถึงบ้าน บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว และในปี 2545 มีสมาชิกมากกว่า 600,000 ราย อย่างไรก็ตาม เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น รูปแบบธุรกิจของ Netflix ก็เริ่มเปลี่ยนเช่นกัน
ในปี 2007 Netflix ได้เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถชมภาพยนตร์และรายการทีวีได้ทันทีบนคอมพิวเตอร์ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรูปแบบธุรกิจของบริษัท เนื่องจากได้ย้ายจากการเช่าดีวีดีจริงและไปสู่การสตรีมแบบดิจิทัล เมื่อความนิยมของการสตรีมเพิ่มขึ้น Netflix ก็เริ่มลงทุนอย่างมากกับเนื้อหา Original โดยผลิตรายการยอดนิยมอย่าง House of Cards, Orange is the New Black และ Stranger Things การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้แตกต่างจากคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมเนื้อหาที่เสนอให้สมาชิกได้มากขึ้น ปัจจุบัน Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งชั้นนำของโลก โดยมีสมาชิกมากกว่า 200 ล้านรายในกว่า 190 ประเทศ
Netflix ราคา ปี 2023
Netflix มีแพ็คเกจที่หลากหลายเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย แพ็คเกจที่เลือกจะกำหนดจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถใช้รับชม Netflix ได้ในเวลาเดียวกัน
- มือถือ: 99 บาท/เดือน
- พื้นฐาน: 169 บาท/เดือน เริ่ม 21 กุมภาพันธ์ 2023 (จากราคา 279 บาท/เดือน)
- มาตรฐาน: 349 บาท/เดือน
- พรีเมียม: 419 บาท/เดือน
ทุกแพ็คเกจจะสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไว้ในอุปกรณ์ทุกเครื่อง และรับชมภาพยนตร์และรายการทีวีได้แบบไม่จำกัด ตามจำนวนเครื่องที่แจ้งไว้ในแต่ละแพ็คเกจ
รายละเอียด | มือถือ | พื้นฐาน | มาตรฐาน | พรีเมียม |
---|---|---|---|---|
ค่าบริการรายเดือน (บาท) | 99 บาท | 169 บาท | 349 บาท | 419 บาท |
จำนวนหน้าจอที่สามารถรับชมได้พร้อมกัน | 1 | 1 | 2 | 4 |
จำนวนโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่สามารถใช้ดาวน์โหลดเนื้อหา | 1 | 1 | 2 | 4 |
รับชมภาพยนตร์และรายการทีวีได้แบบไม่จำกัด | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ |
รับชมในโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ |
รับชมในแล็ปท็อปหรือทีวี | ✓ | ✓ | ✓ | |
รับชมได้ในรูปแบบ HD | ✓ | ✓ | ||
รับชมได้ในรูปแบบ Ultra HD | ✓ |
หมายเหตุ: แพ็คเกจมือถือรองรับการใช้งานในอุปกรณ์ Android ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 5.0 (Lollipop) ขึ้นไป และอุปกรณ์ iOS เวอร์ชัน 12.0 ขึ้นไป แพ็คเกจนี้ไม่รองรับการส่งต่อหรือการถ่ายทอดข้อมูลหน้าจอจากอุปกรณ์มือถือ
จะเห็นว่าแพ็คเกจที่สามารถรับชมที่ความละเอียดสูงสุดในรูปแบบ Ultra HD นั้นต้องเป็นสมาชิกแบบพรีเมียมเท่านั้น รองรับการรับชมได้พร้อมกัน 4 เครื่อง ซึ่งก็จะเหมาะกับการใช้งานเป็นครอบครัวหลายคน
จุดเด่นของ Netflix
- เนื้อหาที่หลากหลาย
- คอนเทนต์ Original
- อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
ข้อดีอย่างหนึ่งของ Netflix คือเนื้อหาที่หลากหลาย ตั้งแต่ภาพยนตร์คลาสสิกไปจนถึงภาพยนตร์ออกใหม่ มีเนื้อหาสำหรับทุกคน นอกจากนี้ Netflix ยังลงทุนอย่างมากในการสร้างเนื้อหา Original โดยผลิตเนื้อหาที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมหรือซีรี่ส์ชื่อดังอย่างเช่น Stranger Things และ The Crown อีกทั้งอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายทำให้ง่ายต่อการค้นหาและรับชมรายการและภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ
จุดด้อยของ Netflix
- ภาพยนตร์ใหม่จำนวนจำกัด
- การหมุนเวียนเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
- อาจมีราคาแพงสำหรับผู้ใช้หลายคน
แม้ว่า Netflix จะมีเนื้อหาที่หลากหลาย แต่ข้อเสียที่ชัดเจนที่สุดประการหนึ่งคือมีภาพยนตร์ใหม่ให้เลือกจำกัด นอกจากนี้ เนื้อหาบน Netflix จะมีการหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่ารายการหรือภาพยนตร์เรื่องโปรดของเราอาจดูได้ไม่นาน และหากต้องการแชร์บัญชีผู้ใช้หลายคน ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
Disney+ Hotstar
Disney+ Hotstar เป็นบริการสตรีมมิ่งที่มีเนื้อหาหลากหลาย รวมถึงภาพยนตร์ รายการทีวี และเนื้อหา Original เป็นความร่วมมือระหว่างดิสนีย์และสตาร์อินเดีย และมีให้บริการในอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย และบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการสมัครรับข้อมูลแบบชำระเงินจะให้การเข้าถึงเนื้อหาและฟีเจอร์ระดับพรีเมียม
คอนเทนท์ที่ได้รับความนิยม เช่น Loki S-2 ของ Marvel Studios, The Mandalorian และ Star Wars Visions Vol.2 จาก Lucasfilm และรายการทีวีเรียลลิตี้ The Kardashians นอกจากนั้นก็ยังมีรายการจาก STAR ซึ่งรวบรวมรายการจาก 20th Century Studios, Disney Television Studios, FX และ Searchlight Pictures เช่น American Born Chinese รวมถึงรายการต่างๆจากแถบเอเชีย เช่น SUGA: Road to D-DAY, j-hope IN THE BOX, Pandora: Beneath the Paradise, Call It Love, Gannibal, Yakuza Lover, The Files of Young Kindaichi และ Summer Time Rendering
Disney+ Hotstar ราคา ปี 2023
ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป Disney+ Hotstar จะมีแพ็กเกจหลัก 2 รายการ ได้แก่ แพ็กเกจมือถือ และ แพ็กเกจพรีเมียม ซึ่งทั้ง 2 แพ็กเกจนี้จะมาในรูปแบบรายเดือนและรายปี
- แพ็กเกจมือถือ: ราคา 99 บาทต่อเดือน
- แพ็กเกจมือถือ: ราคา 799 บาทต่อปี
- แพ็กเกจพรีเมียม: ราคา 289 บาทต่อเดือน
- แพ็กเกจพรีเมียม: ราคา 2,290 บาทต่อปี
ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2566 แพ็กเกจของสมาชิกปัจจุบันจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียมรายปี ที่ให้ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ดูพร้อมกันได้หลายจอ, สร้างโปรไฟล์ส่วนตัว, ดูผ่านทีวีซัมซุง สำหรับการต่ออายุสมาชิกในรอบบิลถัดไป ราคาแพ็กเกจจะอยู่ที่ 2,290 บาทต่อปี
หากทำการชำระค่าบริการสมาชิกผ่านบุคคลที่สาม การเรียกเก็บค่าบริการและการตั้งค่าบัญชี จะต้องดำเนินการผ่านช่องทางบุคคลที่สามเท่านั้น
แพ็กเกจมือถือ | แพ็กเกจพรีเมียม | |
ค่าบริการราคารายเดือน* | 99 บาท | 289 บาท |
ค่าบริการราคารายปี* | 799 บาท | 2,290 บาท |
สามารถสตรีมได้ทุกเรื่อง | ✓ | ✓ |
ดาวน์โหลดและดูแบบไม่ใช้อินเทอร์เน็ต(เฉพาะเนื้อหาบางเรื่องและดูบนมือถือเท่านั้น) | ✓ | ✓ |
จำนวนโปรไฟล์ที่สร้างได้ | สูงสุด 7 โปรไฟล์ | สูงสุด 7 โปรไฟล์ |
จำนวนอุปกรณ์ที่สตรีมได้ | 1 หน้าจอ | 4 หน้าจอ |
สตรีมผ่าน Airplay หรือ การแคสต์ | X | ✓ |
ความคมชัดสูงสุด | สูงสุดระดับ HD (720p) | สูงสุด 4K Ultra HD (2160p) |
คุณภาพเสียงสูงสุด | ระบบเสียงสเตอริโอ | Dolby 5.1, Dolby Atmos, Dolby Vision |
อุปกรณ์ที่สามารถสตรีมได้ | มือถือ และ แท็บเล็ต | มือถือ, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป, ทีวี |
*กำหนดให้สมัครสมาชิก และ อาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคาร
เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้ควรทราบว่า Disney+ Hotstar นั้นรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ใดบ้าง เพื่อให้สามารถเลือกแพ็กเกจและใช้งานได้ตรงตามความต้องการ ดังนี้
แพ็กเกจมือถือ | แพ็กเกจพรีเมียม |
รองรับบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตเท่านั้น มือถือ Android 5.0 ขึ้นไป แท็บเล็ต Android 5.0 ขึ้นไป iOS 11.0 ขึ้นไป iPadOS 10.0 ขึ้นไป | รองรับบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต มือถือ Android 5.0 ขึ้นไป แท็บเล็ต Android 5.0 ขึ้นไป iOS 11.0 ขึ้นไป iPadOS 10.0 ขึ้นไป เว็บบนมือถือ LG TV (web OS 4.0 หรือสูงกว่า ไม่รองรับ TV M3) |
เบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อป Chrome (เวอร์ชัน 75 ขึ้นไป) Safari (เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป) Microsoft Edge (เวอร์ชัน 79 ขึ้นไป) Firefox | |
อุปกรณ์เชื่อมต่อกับทีวี Android TV (OS 7.0 ขึ้นไป) Chromecast [Gen2 ขึ้นไป (Firmware 1.43 ขึ้นไป)] Apple tvOS 11 ขึ้นไป (Gen 4 ขึ้นไป) Samsung TV (รุ่นปี 2018 ระบบปฏิบัติการ Tizen) (ไม่รองรับเว็บเบราว์เซอร์บนทีวี) |
จะเห็นว่าแพ็กเกจที่สามารถรับชมความละเอียดสูงสุด 4K Ultra HD ต้องเป็นสมาชิกแบบ แพ็กเกจ Disney+ Hotstar พรีเมียม เท่านั้น ซึ่งรองับการรับชมได้ทั้งบนมือถือ, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป และทีวี
จุดเด่นของ Disney+ Hotstar
- สิทธิพิเศษในการเข้าถึงเนื้อหาของ Disney, Marvel และ Star Wars
- ราคาถูกกว่า
- ตัวเลือกที่เหมาะสำหรับครอบครัว
ข้อดีอย่างหนึ่งของ Disney+ Hotstar คือการเข้าถึงเนื้อหาของ Disney, Marvel และ Star Wars แบบเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคล ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์คลาสสิกของดิสนีย์ ซีรีส์ใหม่ของ Marvel และแฟรนไชส์ Star Wars ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีราคาที่สามารถจ่ายได้ด้วยการสมัครสมาชิกรายเดือนซึ่งถูกกว่าแผนมาตรฐานของ Netflix และสุดท้ายคือมีตัวเลือกที่เหมาะสำหรับครอบครัวให้เลือกมากมาย ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก
จุดด้อยของ Disney+ Hotstar
- เนื้อหาที่ไม่ใช่ของดิสนีย์มีจำนวนจำกัด
- ไม่มีตัวเลือกสำหรับการถ่ายทอดสดทางทีวี
- ความพร้อมให้บริการในต่างประเทศที่จำกัด
แม้ว่า Disney+ Hotstar จะนำเสนอเนื้อหาของ Disney, Marvel และ Star Wars ที่หลากหลาย แต่การเลือกเนื้อหาที่ไม่ใช่ของดิสนีย์นั้นมีจำกัด สิ่งนี้อาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องการรับชมเนื้อหาของดิสนีย์เป็นหลัก แต่สำหรับผู้ที่มองหาตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น Netflix อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า นอกจากนี้ ก็ยังไม่มีตัวเลือกสำหรับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ซึ่งอาจเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับแฟนกีฬาหรือผู้ที่ต้องการรับชมการถ่ายทอดสด รวมไปถึงไม่มีให้บริการในหลายๆ ประเทศ
สรุป Netflix และ Disney+ Hotstar อันไหนดีกว่ากัน?
ต้องบอกว่าไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจนระหว่าง Netflix และ Disney+ Hotstar โดยทั้งสองบริการมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและพฤติกรรมการรับชมของแต่ละคน หากเป็นแฟนตัวยงของเนื้อหา Disney, Marvel และ Star Wars การเลือก Disney+ Hotstar อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม หากกำลังมองหาตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นและการถ่ายทอดสดทางทีวี Netflix อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ท้ายที่สุดแล้ว การตัดสินใจเลือกบริการที่เหมาะกับความต้องการและความชอบมากที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง
อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ