Android Tips
Android ทำงานช้า แนะนำวิธีเพิ่มความเร็ว ง่าย ๆ อัปเดทใหม่ 2022
Android ทำงานช้า ต้องทำอย่างไร? ผู้ใช้งานหลายคนอาจสังเกตเห็นว่าเมื่อใช้งานไปสักระยะจะพบว่าตัวเครื่องเริ่มทำงานช้า อืด หรืออาจค้างบ้าง ต่างจากตอนซื้อมาใหม่ ๆ วันนี้จะพามาดูวิธีเพิ่มความเร็วให้กับมือถือ Android ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่กี่คลิก ดูคลิปที่นี่
วิธีเพิ่มความเร็ว Android
1. ลบแอปพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้ออกจากเครื่อง
หลายครั้งที่เรามักจะดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชั่นไว้บนตัวเครื่องเยอะแยะมากมาย แต่จริง ๆ กลับใช้งานเพียงไม่กี่แอพฯเท่านั้น ซึ่งหากมีแอปอยู่บนเครื่องมากเท่าไหร่ ก็จะกินพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องมากเท่านั้น และส่งผลต่อการทำงานของเครื่องอีกด้วย ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานก็ควรลบออกจากเครื่องไปเลย
2. ลบไฟล์ในเครื่องที่ไม่จำเป็น
เมื่อใช้งานมือถือไปได้สักระยะก็จะมีไฟล์ที่เคยเก็บไว้ในเครื่องเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะรูปภาพที่ถ่ายจากกล้องถ่ายรูปของมือถือเอง และไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งต่าง ๆ ด้วย ซึ่งไฟล์เหล่านี้เองที่กินพื้นที่ตัวเครื่อง ทำให้พื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องลดลงโดยไม่จำเป็น และส่งผลต่อการทำงานของตัวเครื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานแล้วก็ควรลบออกจากเครื่อง หรือถ่ายโอนไปเก็บไว้บนที่จัดเก็บภายนอกก็ได้
3. เคลียร์แคช
รู้หรือไม่ว่าแอปพลิเคชั่นที่เราใช้งานอยู่นั้นจะมีการเก็บไฟล์แคชเอาไว้ในตัวเครื่อง เพื่อให้การเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นในครั้งต่อไปทำงานได้เร็วขึ้น แต่เมื่อผ่านไปนาน ๆ ก็จะมีปริมาณขนาดไฟล์ที่เพิ่มขึ้นจนบางครั้งขนาดใหญ่เป็น GB ดังนั้นควรจะเคลียร์แคชเหล่านี้ออกไปบ้าง
เข้าไปดูขนาดไฟล์แคชได้ที่เมนูการตั้งค่า >> ที่จัดเก็บ >> แตะที่ข้อมูลแคชเพื่อทำการเคลียร์แคช
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ได้เพิ่มแอปพลิเคชั่นระบบที่สามารถวิเคราะห์และแก้ไขทุกอย่างในตัวเครื่องได้ในคลิกเดียว ซึ่งก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป แต่สามารถช่วยให้ตัวเครื่องกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานสามารถจัดการได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง
4. อัปเดทตัวเครื่องเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
หลายครั้งที่ปัญหาการใช้งานตัวเครื่องเกิดจากระบบปฏิบัติการหรือความผิดพลาดของซอฟต์แวร์บางอย่างที่ทำให้ตัวเครื่องทำงานผิดพลาดหรือบกพร่องได้ ดังนั้นอย่าลืมเช็คเวอร์ชั่นที่ใช้งานอยู่และถ้ามีรายการอัปเดทซอฟต์แวร์รุ่นใหม่มา ระบบก็จะมีรายละเอียดบอกว่ามีอะไรใหม่และมีการแก้ไขอะไรหรือไม่ ซึ่งก็แนะนำให้กดอัปเดทกันได้เลย
5. เลือก microSD card ให้เหมาะกับรุ่นมือถือ
microSD card เป็นหน่วยความจำแบบแฟลซสำหรับเพิ่มพื่นที่จัดเก็บให้กับมือถือ แต่หากเลือกใช้รุ่นที่ไม่เหมาะกับมือถือก็จะส่งผลต่อการทำงานได้ ทั้งขนาดความจุ และความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่แตกต่างกันนี้เองที่สำคัญในการเลือกใช้
มือถือในปัจจุบันจะรองรับ microSD card อย่างน้อยก็ได้ 64GB และสูงสุด 2TB ซึ่งในรายละเอียดข้างกล่องมือถือจะมีบอกไว้อยู่แล้วว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไหร่ แล้วเราสามารถใส่ขนาดความจุมากกว่าที่บอกไว้ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ แต่อาจส่งผลต่อการทำงานของมือถือ
Class | ความเร็วต่ำสุด | ความเร็วสูงสุด | ไฟล์ข้อมูล | ไฟล์เพลง | รูปภาพทั่วไป | วิดีโอ SD | วิดีโอ HD(720p) | วิดีโอ HD(1080p) |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2 | 2 MB/s | 8 MB/s | √ | √ | √ | √ | ||
4 | 4 MB/s | 15 MB/s | √ | √ | √ | √ | √ | |
6 | 6 MB/s | 20 MB/s | √ | √ | √ | √ | √ | √ |
10 | 10 MB/s | 30 MB/s | √ | √ | √ | √ | √ | √ |
หากเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในปัจจุบันจะใช้ Class 10 เป็นอย่างต่ำ ด้วยขนาดกล้องที่มีความละเอียดสูงขึ้น จึงเหมาะกับการเก็บภาพ รวมถึงไฟล์วิดีโอที่มีความละเอียดสูง ซึ่ง Class ที่สูงขึ้นก็ย่อมมีราคาที่แพงขึ้นด้วยตามลำดับ
นอกจากนี้แล้วยังมี Class 10 และมีเลข 1 หรือเลข 3 ในตัว U ด้วยเรียกว่า UHS-1 หรือ UHS-3 โดยย่อมาจาก Ultra-High Speed Bus มีอัตราความเร็วอ่านเขียนข้อมูลสูงมาก โดย UHS-1 มีความเร็วสูงถึง104MB/s และ 300MB/s ซึ่งเร็วเร็วกว่า Class 10 ธรรมดา เหมาะกับการจัดเก็บไฟล์มีเดียที่มีคุณภาพสูงโดยเฉพาะมือถือเรือธงลำใหม่ที่ต้องการบันทึกวิดีโอ 2K หรือ 4K
6. หากทำงานช้าจนทนไม่ไหวแล้ว รีเซ็ตคืนค่าโรงงาน
Android ทำงานช้า จนทนไม่ไหว เริ่มไม่ตอบสนอง หรือทำงานผิดปกติไปจากเดิม และลองแก้ปัญหาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วก็ยังไม่หาย วิธีสุดท้ายที่จะแก้ปัญหาคือทำการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset) โดยวิธีการนี้ใช้ได้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ทุกรุ่น แต่อาจแตกต่างกันไปบ้างตามเมนูของแต่ละรุ่น
ก่อนการทำ Factory reset อย่าลืมสำรองข้อมูลไว้ด้วยนะครับ เพราะข้อมูลบนเครื่องจะหายหมด เหมือนเครื่องที่เพิ่งซื้อมาใหม่ !!!
อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ