มือถือยอดนิยม รุ่นใหม่ น่าซื้อ น่าใช้ ในปี 2023

มือถือยอดนิยม หลายคนก็ต้องนึกถึงรุ่นที่ขายดีและเป็นรุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ ซึ่งในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงรุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้น เพราะมีหลายรุ่นที่ยังขายดีจนถึงทุกวันนี้ แม้จะเปิดตัวมาแล้วสักพัก ทีมงาน iphone-droid.net ได้รวบรวมมาให้แล้ว ไปดูกันว่ามีรุ่นไหนบ้าง

มือถือยอดนิยม หรือ มือถือรุ่นฮิต ในปี 2023 ส่วนใหญ่จะเป็นระดับกลางและราคาย่อมเยา ทำให้มีผู้ใช้งานเลือกซื้อกันมากที่สุด ด้วยระดับราคาที่จับต้องกันได้ง่ายจากหลากหลายแบรนด์ทั้ง OPPO, vivo, realme, Xiaomi, Samsung รวมไปถึง iPhone รุ่นก่อนหน้าที่แฟนๆ ก็ยังให้ความสนใจ

มือถือยอดนิยม ปี 2023

Samsung Galaxy Z Flip5

• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 39,900 บาท
• รุ่น 8GB + 512GB ราคา 45,900 บาท

มือถือ Samsung Galaxy Z Flip5 มาพร้อมกับขนาดปุ๊กปิ๊กพกพาง่าย หน้าจอหลัก 6.7” แบบ Dynamic AMOLED 2X และหน้าจอด้านนอก 3.4” แบบ Super AMOLED ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 3.78 เท่า ใช้ได้ถึง 11 แอป มอบประสบการณ์พิเศษเฉพาะตัวให้กับผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ก็ได้ปรับปรุงความสามารถด้าน AI ในการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยด้วย Nightography และอัลกอริธึมประมวลสัญญาณภาพด้วย AI ช่วยแก้ไขนอยส์ที่มักจะลดทอนคุณภาพของภาพที่ถ่ายในสภาพแสงน้อย พร้อมกับปรับปรุงรายละเอียดและโทนสีให้ดียิ่งขึ้น

• หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2640 พิกเซล Foldable Dynamic AMOLED 2X, 120Hz, HDR10+
• จอด้านนอก: 3.4 นิ้ว ความละเอียด 720 x 748 พิกเซล Super AMOLED
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
• ชิปเซ็ต: Snapdragon 8 Gen 2
• RAM: 8GB
• ความจุเครื่อง: 256GB/512GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 2 ตัว:
  • กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Ultra-wide 12 ล้านพิกเซล f/2.2
• กล้องหน้า: 10 ล้านพิกเซล f/2.4
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 3700mAh ชาร์จเร็ว 25W

Samsung Galaxy A54 5G

• รุ่น 8GB + 128GB ราคา 13,999 บาท
• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 14,999 บาท

Galaxy A54 5G มีหน้าจอ Infinity-O Display แบบ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz และความสว่างสูงสุด 1,000 นิต ใช้ชิปเซ็ต Exynos 1380 มีแบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 25W และรัน Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1

ด้านการถ่ายรูปมีกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอที่ทำได้สูงสุด UHD 4K Auto Focus พร้อมด้วยระบบกันสั่นไหว OIS + เทคโนโลยีกันสั่น VDIS และกล้องหน้าเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซล สำหรับการถ่าย Vlog ชัดทั้งหน้าทั้งเสียง

• หน้าจอ: 6.4 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล Super AMOLED, 120Hz
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
• ชิปเซ็ต: Exynos 1380
• GPU: Mali-G68 MP5
• RAM: 8GB
• ความจุเครื่อง: 128GB/256GB
• microSD card: รองรับ
• กล้องหลัง: 3 ตัว
  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2
  • กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 32 ล้านพิกเซล f/2.2
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 25W

Samsung Galaxy A34 5G

• รุ่น 8GB + 128GB ราคา 11,999 บาท

Galaxy A34 5G มาพร้อมหน้าจอ Infinity-U แบบ Super AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz เหมือนกัน Galaxy A54 5G ภายในใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 มีแบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 25W และรัน Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1

ตัวเครื่องการันตีคุณภาพให้รองรับการอัปเกรด OS ได้ถึง 4 เจเนอเรชัน รวมไปถึงการอัปเดตระบบความปลอดภัยสูงได้ถึง 5 ปี ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยให้สามารถเข้าถึงทุกการอัปเดตเพื่อยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

• หน้าจอ: 6.6 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล Super AMOLED, 120Hz
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 1080
• GPU: Mali-G68 MC4
• RAM: 8GB
• ความจุเครื่อง: 128GB
• microSD card: รองรับ
• กล้องหลัง: 3 ตัว
  • กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
  • กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 13 ล้านพิกเซล f/2.2
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 25W

iQOO Z7 5G

• รุ่น 8GB + 128GB ราคา 10,999 บาท
• รุ่น 12GB + 256GB ราคา 11,999 บาท

iQOO Z7 5G มือถือยอดนิยม หรือ มือถือรุ่นฮิต ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองทั้งด้านความเร็ว พลังการใช้งานที่เหนือกว่า และประสิทธิภาพการทำงานสำหรับเหล่า Gen Z โดยหนึ่งในฟีเจอร์สุดล้ำได้แก่ เทคโนโลยีชาร์จไว FlashCharge 120W เอาใจคนที่ชื่นชอบสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ๆ

นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นรุ่นที่ออกมาเพื่อการเล่นเกมที่มีอัตราเฟรมเรตสูง พร้อมระบบสั่น 4D Game Vibration และระบบระบายความร้อน Super-Conducting Liquid Cooling Vapor Chamber อีกทั้งยังได้ระบบเสียง Dual Stereo Speakers ที่ให้เสียงรอบทิศทาง และกล้องความละเอียด 64MP Ultra-Sensing OIS

• หน้าจอ: 6.64 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2388 พิกเซล IPS LCD, 120Hz
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย Funtouch OS 13
• ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 782G
• GPU: Adreno 642L
• RAM: 8GB/12GB
• ความจุเครื่อง: 128GB/256GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 2 ตัว:
  • กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 120W

Redmi 12 5G

• รุ่น 4GB + 128GB ราคา 5,999 บาท

Redmi 12 5G สมาร์ทโฟน 5G ในราคาสบายกระเป๋าที่มอบความสะดวกสบายคุ้มค่าเกินราคา มาพร้อมหน้าจอ FHD+ DotDisplay ขนาดใหญ่ 6.79 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตอ Snapdragon 4 Gen 2 พร้อม RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลที่สามารถขยายเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการจัดเก็บที่จุใจมากยิ่งขึ้น และโดดเด่นด้วยฝาหลังกระจกสุดพรีเมียม

• หน้าจอ: 6.79 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2460 พิกเซล IPS LCD, 90Hz
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
• ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 4 Gen 2
• GPU: Adreno
• RAM: 4GB
• ความจุเครื่อง: 128GB
• microSD card: รองรับ
• กล้องหลัง 2 ตัว:
  • กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล f/2.0
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 18W

Redmi Note 12 Pro 5G

• รุ่น 6GB + 128GB ราคา 9,999 บาท
• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 12,990 บาท

Redmi Note 12 Pro 5G มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 1080 มีกล้องระดับเรือธง IMX766 พร้อมระบบกันสั่น OIS หน้าจอแสดงผล 120Hz AMOLED และแบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W Turbo Charge ในขณะที่ดีไซน์ตัวเครื่องมาพร้อมกรอบที่บางและกระจกที่ฝาหลังที่ทำให้ตัวเครื่องมีรูปทรงที่ดูประณีตและลุคแบบพรีเมียม

• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล OLED, 1 พันล้านสี, 120Hz, Dolby Vision, HDR10+
• ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 14
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 1080
• GPU: Mali-G68 MC4
• RAM: 8GB
• ความจุเครื่อง: 256GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 3 ตัว:
  • กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล f/1.9
  • กล้อง Ultra-wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2
  • กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W

Redmi Note 12 Pro+ 5G

• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 14,990 บาท

Redmi Note 12 Pro+ 5G เป็นรุ่นที่น่จะเป็นคำตอบสำหรับใครที่กำลังตัดสินใจ Xiaomi รุ่นไหนดี รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอแสดงผลสีสันสดใส 120Hz AMOLED กล้องคมชัดสูงสุดถึง 200MP เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการพร้อมระบบกันสั่น OIS โดยในรุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 5G รองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos ส่วนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ไฮเปอร์ชาร์จอัจฉริยะ 120W

• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล OLED, 1 พันล้านสี, 120Hz, Dolby Vision, HDR10+
• ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 14
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 1080
• GPU: Mali-G68 MC4
• RAM: 8GB
• ความจุเครื่อง: 256GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 3 ตัว:
  • กล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล f/1.7
  • กล้อง Ultra-wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2
  • กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 120W

Xiaomi 13T

• รุ่น 12GB + 256GB ราคา 15,990 บาท

Xiaomi 13T มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra ใช้เทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตรล่าสุดจาก TSMC มีหน้าจอแสดงผล CrystalRes ขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช สูงสุด 144Hz และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh รองรับเทอร์โบชาร์จ 67W

ด้านการถ่ายภาพมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวเหมือนกับรุ่น 13T Pro คือเลนส์ Summicron ที่ออกแบบร่วมกับ Leica มีสไตล์การถ่ายภาพ Leica แบบดั้งเดิมสองแบบ ได้แก่ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look อันเป็นเอกลักษณ์สุดคลาสสิกจาก Leica

• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1220 x 2712 พิกเซล, AMOLED, 68 พันล้านสี, 144Hz, Dolby Vision, HDR10+
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 8200 Ultra
• GPU: Mali-G610 MC6
• RAM: 12GB
• ความจุเครื่อง: 256GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 3 ตัว:
  • กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล f/1.9
  • กล้อง Telephoto 50 ล้านพิกเซล f/1.9
  • กล้อง Ultra-wide 12 ล้านพิกเซล f/2.2
• กล้องหน้า: 20 ล้านพิกเซล f/2.2
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 67W

Xiaomi 13T Pro

• รุ่น 12GB + 512GB ราคา 19,990 บาท
• รุ่น 16GB + 1TB ราคา 23,990 บาท

Xiaomi รุ่นไหนดี ต้องรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 13T Pro ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+ พร้อม CPU Octa-core ที่ให้ความเร็วสูงสุด 3.35GHz นอกจากนี้ยังมี Arm Immortalis-G715 GPU ในตัว และหน้าจอแสดงผล CrystalRes ขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช สูงสุด 144Hz มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh รองรับการชาร์จ 120W HyperCharge

ด้านกล้องถ่ายรูปมีกล้องหลัง 3 ตัวพร้อมเลนส์ Summicron ที่ออกแบบร่วมกับ Leica (Summicron lenses co-engineered with Leica) และยังมาพร้อมกับเลนส์ไวด์ 50MP ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. และเลนส์ aspherical 7P (7P aspherical lens) และเลนส์เทเลโฟโต้ 50MP ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม.

• หน้าจอ: 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1220 x 2712 พิกเซล, AMOLED, 68 พันล้านสี, 144Hz, Dolby Vision, HDR10+
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 9200+
• GPU: Immortalis-G715 MC11
• RAM: 12GB/16GB
• ความจุเครื่อง: 512GB/1TB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 3 ตัว:
  • กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล f/1.9
  • กล้อง Telephoto 50 ล้านพิกเซล f/1.9
  • กล้อง Ultra-wide 12 ล้านพิกเซล f/2.2
• กล้องหน้า: 20 ล้านพิกเซล f/2.2
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 120W

Apple iPhone 15 Pro Max

• รุ่น 256GB ราคา 48,900 บาท
• รุ่น 512GB ราคา 57,900 บาท
• รุ่น 1TB ราคา 66,900 บาท

iPhone 15 Pro Max ที่ได้รับการออกแบบมาด้วยไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศที่ทั้งแข็งแกร่งและเบา ยังมาพร้อมขอบมนและปุ่มแอ็คชั่นที่ปรับแต่งได้ โดยมีจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว ProMotion 120Hz ใช้ชิป A17 Pro ซึ่งเป็นชิป 3 นาโนเมตรตัวแรกในอุตสาหกรรม และกล้อง Telephoto ใหม่ ซูมแบบออปติคัลได้ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone ถึง 5 เท่า ที่ 120 มม.

• หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1290 x 2796 พิกเซล LTPO Super Retina XDR OLED, 120Hz, HDR10, Dolby Vision
• ระบบปฏิบัติการ: iOS 17
• ชิปเซ็ต: Apple A17 Pro
• GPU: Apple GPU
• RAM: –
• ความจุเครื่อง: 256GB/512GB/1TB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 3 ตัว:
  • กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซล f/2.8
  • กล้อง Ultra-wide 12 ล้านพิกเซล f/2.2
  • LiDAR Scanner
• กล้องหน้า: 12 ล้านพิกเซล f/1.9
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และ USB Type-C
• แบตเตอรี่: ชาร์จเร็ว

Apple iPhone 13

• รุ่น 128GB ราคา 24,900 บาท
• รุ่น 256GB ราคา 28,900 บาท
• รุ่น 512GB ราคา 37,900 บาท

มือถือยอดนิยม หรือ มือถือรุ่นฮิต หากต้องการ iPhone ที่ยังไม่แน่ใจว่าต้องการเน้นอะไรเป็นพิเศษ iPhone 13 และ iPhone 13 mini จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั้งในแง่ของดีไซน์ ขนาดตัวเครื่อง ฟีเจอร์ต่างๆ ประสิทธิภาพตัวเครื่อง และราคา อีกทั้งกล้องหลังคู่ก็ได้รับการออกแบลใหม่ จัดวางเลนส์ในแนวทแยง

iPhone 13 มาพร้อมชิป A15 Bionic ใช้เทคโนโลยี 5 nm มีแผงหน้าจอเป็นชนิด OLED หรือที่เรียกว่าจอภาพ Super Retina XDR ให้สีสันที่สดใสสวยงาม แต่รอยบากที่เป็นพื้นที่ติดตั้งระบบกล้อง TrueDepth บริเวณเหนือหน้าจอของ iPhone 13 มีขนาดที่เล็กลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับ iPhone 12

• หน้าจอ: Super Retina XDR OLED รองรับ HDR10, Dolby Vision ความละเอียด 1170 x 2532 พิกเซล
• ระบบปฎิบัติการ: อัปเดท iOS 16
• ชิปเซ็ต: Apple A15 Bionic
• RAM: 4GB
• ความจุเครื่อง: 128GB / 256GB / 512GB
• กล้องหลัง 2 ตัว:
  • กล้องหลัก 12MP เทียบเท่าเลนส์ 26 มม. รูรับแสง f/1.6 ระบบโฟกัส Dual-Pixel AF และกันสั่น sensor shift OIS
  • กล้อง Ultra-wide: 12MP เทียบเท่าเลนส์ 13 มม. รูรับแสง f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
• กล้องหน้า: 12MP รูรับแสง f/2.2 และ 3D Depth Sensing
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth 5.0, NFC และพอร์ต Lightning
• แบตเตอรี่: ชาร์จเร็ว 20W และ Power Delivery 2.0

OPPO Find N2 Flip 5G

• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 29,990 บาท

OPPO Find N2 Flip มือถือยอดนิยม หรือ มือถือรุ่นฮิต ถือว่าเป็นการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของสมาร์ตโฟนจอพับจาก OPPO ในตลาดประเทศไทย ดูก็รู้ว่ามุ่งมั่นตั้งใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างออกมาดีสมกับสโลแกน “พับที่ดีกว่า” แบบไม่ต้องสงสัย เปลี่ยนภาพจำของสมาร์ตโฟนจอพับที่ดูน่ากังวลในหลายเรื่องไปได้หมดสิ้น การยกเอา 3 เรื่องทั้ง ดีไซน์, กล้องและประสบการณ์การใช้งานมานำเสนอเราว่าเป็นการตีโจทย์ที่ยอดเยี่ยม

ในส่วนของชิปเซ็ตก็โดดเด่นไม่แพ้กันเพราะรุ่นนี้ใช้ชิป Dimensity 9000+ ระดับเรือธงที่ผลิตโดยสถาปัตยกรรม 4nm มอบประสิทธิภาพแนวหน้า แถมยังมีข้อดีในเรื่องการจัดการพลังงานที่ใช้งานได้นาน ความร้อนน้อย ซึ่งเข้ากับสมาร์ตโฟนจอพับที่มีพื้นที่ในการกระจายความร้อนแบบจำกัด

• หน้าจอ: 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2520 พิกเซล Foldable AMOLED, 120Hz, HDR10+
• จอด้านนอก: 3.26 นิ้ว ความละเอียด 382 x 720 พิกเซล AMOLED
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย ColorOS 13
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 9000+
• GPU: Mali-G710 MC10
• RAM: 8GB/12GB/16GB
• ความจุเครื่อง: 256GB/512GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 2 ตัว:
  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
• กล้องหน้า: 32 ล้านพิกเซล f/2.4
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 4300mAh ชาร์จเร็ว 44W

OPPO A78 5G

• รุ่น 8GB + 128GB ราคา 9,999 บาท

OPPO A78 5G สมาร์ทโฟน 5G ราคาต่ำหมื่นที่ครบเครื่องและน่าสนใจสุด ๆ ของ OPPO ตอนนี้ เพราะได้ดีไซน์สวยสุด Trendy พร้อมสีใหม่ สีม่วง Glowing Purple อันโดดเด่นเปล่งประกาย

นอกจากนี้ก็มีหน้าจอ 90Hz ได้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 Platform, มี RAM สูงสุด 8GB + 8GB (ผ่าน RAM Expansion) กล้อง 50MP ถ่ายภาพสวยทั้งวิวและ Portrait, แบตเตอรี่ 5000mAh ใช้งานได้จุใจ รวมถึงระบบชาร์จไว 33W SUPERVOOC อีกด้วย

• หน้าจอ: 6.56 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1612 พิกเซล IPS LCD, 90Hz
• ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย ColorOS 12.1
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 700
• GPU: Mali-G57 MC2
• RAM: 4GB/8GB
• ความจุเครื่อง: 128GB
• microSD card: รองรับ
• กล้องหลัง 2 ตัว:
  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W

OPPO Reno8 T 5G

• รุ่น 8GB + 128GB ราคา 13,990 บาท
• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 14,990 บาท

OPPO Reno8 T 5G มือถือยอดนิยม หรือ มือถือรุ่นฮิต มาพร้อมกล้อง 108MP Portrait Camera ถ่ายพอร์ตเทรตครบจบทุกโหมด ไม่ว่าจะเป็น Bokeh Flare Portrait ที่จะได้เอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้ที่นุ่มนวลหรือเพิ่มความชัดลึกให้กับภาพเหมือนถ่ายด้วยกล้องโปร แถมยังได้กล้อง 40x Microlens Camera

นอกจากนี้ ก็มีหน้าจอ 120Hz ขนาด 6.7 นิ้ว Punch-hole AMOLED พร้อมด้วยหน้าจอ 10-bit พันล้านสี และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4800mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC

• หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล AMOLED, 1 พันล้านสี, 120Hz
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย ColorOS 13
• ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 695 5G
• GPU: Adreno 619
• RAM: 8GB
• ความจุเครื่อง: 128GB/256GB
• microSD card: รองรับ
• กล้องหลัง: 3 ตัว
  • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.7
  • กล้อง Microscope ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/3.3
  • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 32 ล้านพิกเซล f/2.4
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC, และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 4800mAh รองรับชาร์จไว 67W

vivo V29 5G

• รุ่น 12GB + 256GB ราคา 14,999 บาท
• รุ่น 12GB + 512GB ราคา 16,999 บาท

vivo V29 5G มีกล้องหลังความละเอียด 50MP รองรับฟีเจอร์ Aura Light Portrait 2.0 ปรับอุณหภูมิสีของแสงให้กลมกลืนกับทุกสภาพแวดล้อม มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 778G กับ RAM 12GB เทคโนโลยี Memory Booster รองรับ Extended RAM ขยายได้สูงสุดถึง 8GB

นอกจากนี้ก็ใช้งานต่อเนื่องไม่มีสะดุด ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว FlashCharge 80W อัปเกรดใหม่ แบตเตอรี่ขนาด 4600mAh พร้อมหน้าจอความละเอียดสูง 1.5K AMOLED 3D Curved Screen ขนาด 6.78” รองรับรีเฟรชเรท 120Hz อีกด้วย

• หน้าจอ: 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1260 x 2800 พิกเซล AMOLED, 1 พันล้านสี, 120Hz, HDR10+
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13
• ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 778G 5G
• GPU: Adreno 642L
• RAM: 12GB
• ความจุเครื่อง: 256GB/512GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 3 ตัว:
  • กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล f/1.9
  • กล้อง Ultra-wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2
  • กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 50 ล้านพิกเซล f/2.0
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 4600mAh ชาร์จเร็ว 80W

realme 11 Pro 5G

• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 12,999 บาท

realme 11 Pro 5G มาพร้อมกล้อง OIS Prolight 100MP รองรับเอาต์พุตโดยตรง 100MP ทำให้ได้ภาพถ่ายที่ชัดเจนที่สุด ใช้หน้าจอแสดงผลขอบโค้ง Curved Vision Display ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ขนาด 6.7 นิ้ว เหมือนกับรุ่น Pro+ และการตอบสนองการสัมผัสแบบ Turbocharged Touch Sampling ที่ 1260Hz ส่วนแบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC Charge

• หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล, AMOLED, 1 พันล้านสี, HDR10+, 120Hz
• ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
• ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 7050
• GPU: Mali-G68 MC4
• RAM: 8GB
• ความจุเครื่อง: 256GB
• microSD card: ไม่รองรับ
• กล้องหลัง 2 ตัว:
  • กล้องหลัก 100 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f/2.4
• กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
• การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W

วิธีเลือก มือถือยอดนิยม รุ่นไหนดี ปี 2023

1. ประสิทธิภาพ: หากต้องการใช้งานได้ได้อย่างไม่ติดขัด ไม่ว่านจะเล่นโซเชียล ถ่ายรูป เล่นเกม ก็ควรเลือกมือถือที่มี 6GB ขึ้นไป เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
2. ตัวเครื่อง: เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคนอาจมองข้ามในตอนแรก แต่หลังจากใช้งานแล้วก็มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการกันน้ำ และการเลือกขนาดที่เหมาะกับขนาดมือ ก็จะทำให้การจับถือใช้งานนานๆ แล้วไม่เมื่อยด้วย
3. กล้องถ่ายรูป: สิ่งที่ขนาดไม่ได้ในสมาร์ทโฟนเลยก็คือเรื่องกล้องถ่ายรูป นอกจากจะต้องมีความละเอียด มีเลนส์ครบทุกตัวแล้ว ระบบกันสั่น OIS ก็เป็นสิ่งที่ควรต้องมี เพื่อให้การถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอนั้นคมชัด ไม่เบลอ
4. หน้าจอแสดงผล: สำหรับการใช้งานที่เน้นความบันเทิงผ่านหน้าจอเป็นหลัก เช่น ดูหนัง ดูคลิป เล่นโซเชียล ก็ต้องเลือกรุ่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ โดยแผงหน้าจอ AMOLED ก็จะมีสันสันที่สวยงาม
5. กราฟิกและเกม: สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ออกมาเพื่อการเล่นเกมทั่วไปได้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ก็อาจมองหาชิปเซ็ตระดับกลางขึ้นไป รวมไปถึงหน้าจอที่มีรีเฟรชเรท 90Hz ก็จะทำให้การแสดงผลต่างๆ มีความลื่นไหลมากขึ้น ประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอก็จะเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ มือถือยอดนิยม ปี 2023 แนะนำให้เลือกรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของเราและงบที่ตั้งเอาไว้จะดีที่สุด เพื่อการใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพในแบบที่เราต้องการครับ อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ