Apple News
แกะกล่องพรีวิว iPhone 16 Pro Max สี Desert Titanium สวยแค่ไหนกันนะ
iPhone 16 Pro Max ถึงมือเราเรียบร้อย! เป็นรุ่นท็อปสุดของ Apple ในปีนี้ ได้เครื่องมาสด ๆ ร้อน ๆ แบบนี้ก็ไม่อยากเก็บไว้คนเดียวเนาะ ขอมาแกะกล่องให้ยลโฉมกันก่อนเหมือนเคย ให้ได้เห็นสีสันตัวเครื่อง ดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนใหม่นิดหน่อย และเล่าประสบการณ์หลังลอง Camera Control ใหม่ซะด้วยว่าน่าสนใจสักแค่ไหน ถ้าพร้อมแล้วติดตาม พรีวิวแกะกล่องของ iPhone 16 Pro Max กันได้เลยครับ!
แกะกล่อง iPhone 16 Pro Max
ก่อนจะไปชมตัวเครื่องกันแบบชัด ๆ ก็ต้องมาเช็กแพ็กเกจและแกะกล่องกันก่อนเนาะ รอบนี้ iPhone 16 Pro Max จะใช้ภาพด้านหน้าตัวเครื่องอยู่บนพื้นกล่องสีขาว ซึ่งสีที่ด้านหน้าก็จะบ่งบอกถึงสีตัวเครื่องภายในไว้เลย อย่างในรีวิวนี้เราได้สี Desert Titanium สีไฮไลท์ของรอบนี้เลย
แพ็กเกจก็เป็นแบบรักษ์โลกเหมือนเดิม มีสติกเกอร์ให้ฉีกที่ด้านหลัง พร้อมระบุรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ไว้ครบถ้วน รุ่นที่เราได้มาเป็น iPhone 16 Pro Max สี Desert Titanium ความจุ 1TB เนาะ
เปิดกล่องออกมาก็จะเจอกับตัวเครื่อง iPhone 16 Pro Max นอนคว่ำพร้อมอวดสีสันตัวเครื่องอย่างชัดเจน ซึ่งสี Desert Titanium นั้นก็สวยงามอลังการมากจริง แต่เดี๋ยวไว้ดูเต็ม ๆ พร้อมอธิบายฟิลลิ่งให้อีกทีเนาะ
ถัดลงไปจะเจอกับสายชาร์จแบบถักสีขาว USB-C to C ที่วางเต็มกล่อง มีเข็มจิ้มถาดซิมโชว์เด่น ๆ และเอกสารรอบนี้มาในทรงวงรีพอดีช่องกล่อง และตามที่มีลือ ๆ กันรอบนี้ไม่มีแถมสติกเกอร์ Apple มาแล้วนะ
ก็ตามสไตล์ Apple อุปกรณ์ในกล่องให้มาแบบ minimal รักษ์โลกมี 4 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง iPhone 16 Pro Max
- เอกสารคู่มือ
- เข็มจิ้มถาดซิม
- สายชาร์จ USB-C to C
ดีไซน์ iPhone 16 Pro Max
เอาล่ะ! อย่าให้เสียเวลาเนอะ มาดูดีไซน์ตัวเครื่องกันได้แล้ว เริ่มที่สีกันก่อนนี่แหละ สีที่เราได้มาเป็นสี Desert Titanium หรือภาษาไทยก็ ไทเทเนียมทะเล ตรงตัวเลย เอาจริง ๆ โทนของสีนี้ก็คือสีทองที่นวลกว่ารุ่นก่อน ๆ นิดหน่อยครับ เป็นทองที่อมแดงหน่อย ๆ ถ้าให้ใกล้เคียงสุดเราว่าเป็นทองแบบตอน iPhone 11 Pro Max ที่ลดความสดลงน่าจะใช่เลย
ซึ่งยังเป็นสีเซฟ ๆ ที่ใช้ได้ทุกคนอยู่ดี ไม่ได้ทองอร่ามจนเกินไป หรือสว่างจนจืด อยู่ในโทนกลาง ๆ แต่บางมุมถ้าหลบแสงหน่อยก็จะออกชมพูอ่อน ๆ เหมือน Rose Gold ได้เหมือนกันครับ
สีสันที่กรอบเครื่องก็จะมีความเข้มกว่าสีฝาหลังอีกหน่อย วัสดุยังเป็นวัสดุไทเทเนียม เกรด 5 เหมือนเคย ได้ทั้งความพรีเมี่ยมและแข็งแกร่งแบบที่หาได้จากรุ่น Pro เท่านั้น แถมยังได้ผิวสัมผัสแบบด้าน และมีการตัดมุมเหลี่ยม เพิ่มความละมุนมือเมื่อถือใช้งานแบบไม่ใส่เคสจริง ๆ ครับ
ส่วนลวดลาย Brush Finish ที่เคยมีบนรุ่นก่อนแบบเด่นชัด รอบนี้ก็ลดลงให้เหลือพอสังเกตได้บ้างนิดหน่อย ไม่ได้ชัดเท่ารุ่นก่อนแล้ว ซึ่งเราว่าก็ดู Minimal ลง พรีเมี่ยมกันไปคนละแบบเนาะ
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง รอบนี้ iPhone 16 Pro Max ได้อัปเกรดหน้าจอให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.9″ (จากเดิม 6.7″) ซึ่งถือเป็นหน้าจอไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยทำมาเลย เปิดเครื่องขึ้นมาก็สัมผัสถึงความอลังการของหน้าจอได้จริง ๆ เต็มตาสุด ๆ ครับ
แต่ถึงแม้จอจะใหญ่ขึ้นอีกตั้ง 0.2″ แต่ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่จนล้นมือกว่าเดิมมากนัก สูงขึ้นเล็กน้อยและกว้างไม่ถึง 1 มม.เลยด้วยซ้ำครับ สาเหตุที่ทำให้ได้จอใหญ่ขึ้นแต่ตัวเครื่องเพิ่มไม่มากก็เพราะ Apple ไปลดเอาขอบหน้าจอ (สีดำ ๆ) ให้บางลงกว่าเดิมอีก พอขอบดำน้อยลงจอก็เพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง ทำให้แม้จอจะใหญ่จัด แต่เครื่องก็ยังใกล้เคียงรุ่นก่อนเนาะ ทำให้การจับถือเครื่องไม่ต้องปรับตัวมากนัก ใครที่ถือรุ่น Pro Max มาจนชินก็มือแล้ว มารุ่นนี้ก็จะทำความคุ้นเคยได้ไม่ยาก แต่ได้ประโยชน์จากจอใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยด้วย
ส่วนเรื่องการแสดงผล แม้ Apple จะไม่ได้อัปเกรดสเปคจอขึ้นมาจากรุ่นก่อนมากนัก ยังคงใช้จอ Super Retina XDR แบบ OLED เหมือนเดิม มีความสว่างสูงสุด 2000nits เท่าเดิม แต่ของเดิมก็คือยอดเยีย่มมากอยู่แล้ว และพอได้จอที่ใหญ่ขึ้น ขอบจอบางลง ก็ทำให้เวลาเราดูคอนเทนต์แบบเต็มจอมันฟินขึ้น เต็มอิ่มกว่าที่เคย!
ความลื่นไหลก็ได้จอ ProMotion แบบ 120Hz ที่ปัดไป-มาได้อย่างลื่นไหลดีอยู่แล้ว ยิ่งพอมาใช้ร่วมกับ iOS 18 ใหม่ที่ลื่นไหลและปรับแต่งหน้าตาได้เยอะก็ทำให้ถูกใจเข้าไปอีกด้วย
ส่วนตำแหน่งของปุ่มกดต่าง ๆ iPhone 16 Pro Max ยังวางไว้ที่ตำแหน่งเดิมเลย คือมีปุ่ม Power ที่มุมขวา ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งซ้ายพร้อมกับปุ่ม Action ที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกหน่อย การใช้งานต่าง ๆ ยังเหมือนกับตอน iPhone 15 Pro Max ทุกอย่าง ไม่ต้องปรับตัวอะไรเนอะ
ส่วนด้านล่างก็จะมีพอร์ต USB-C และลำโพงกับไมโครโฟนรอบ ๆ ที่วางไว้ตำแหน่งเดิม ไม่มีอะไรแตกต่างครับ
มองเผิน ๆ อาจจะคิดว่า iPhone 16 Pro Max มีดีไซน์ที่เหมือนเดิมไปซะทั้่งหมด แต่…ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าที่มุมขวาด้านล่างของตัวเครื่องจะมีการเว้นช่องใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นตำแหน่งของปุ่ม Camera Control หรือปุ่มควบคุมกล้องนั่นเอง
ปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่กดลงไปได้จริง และยังรองรับแรงกดได้ด้วย หมายความว่าเราสามารถใช้งานได้หลากลายตั้งแต่ การกดลงไปจริง ๆ หนึ่งครั้งเพื่อเข้ากล้อง และกดเพื่อถ่ายรูป หรือจะกดค้างเพื่อถ่ายวิดีโอ
และไม่ใช่แค่เข้าไปแล้วก็กดถ่ายแค่นั้นจบนะ ยังมีลูกเล่นในการสั่งงานอื่น ๆ อีก เช่นถ้าเราแตะ 1 ครั้ง (ไม่ได้กด) แล้วเลื่อนที่ปุ่มจะเป็นการซูมเข้า-ออก หรือถ้าแตะ 2 ครั้งก็จะเป็นการเลือกโหมดในการเลื่อนสั่งงาน โดยจะแบ่งเป็นปรับรูรับแสงในโหมด Portrait, เลือก Photographic Style, ปรับความสว่าง เป็นต้น
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ iPhone 16 Pro Max ก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนแบบมองแว้บแรกแล้วรู้เลย ยังมีกล้องหลังวงกลม 3 ตัวเรียงแบบสามเหลี่ยม กรอบเครื่องไทเทเนียมหรู ๆ หน้าจอแบนพร้อม Dynamic Island เด่น ๆ เหมือนเดิม จุดที่ทำให้สังเกตได้คงจะเป็นที่ปุ่ม Camera Control กับสีสันใหม่อย่าง Desert Titanium หรือไทเทเนียมทะเลทรายนี่แหละ ถ้าเป็นสีอื่นจะไม่ได้รู้สึกถึงความต่างชัดเจน
กล้อง iPhone 16 Pro Max
มาดูที่กล้องกันบ้าง iPhone 16 Pro Max มีการอัปเกรดกล้องใหม่อีกครั้ง ให้เข้ากับการที่เพิ่ม Camera Control เข้ามาล่ะเนอะ โดยจะมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้เลย
- 48MP กล้องหลัก Fusion f/1.78, Sensor-Shift OIS
- 48MP กล้องหลัก Ultra Wide f/2.2
- 12MP กล้อง Tele 5x f/2.8
- 12MP กล้องหน้า TrueDepth f/1.9
อย่างที่เห็นจากสเปคด้านบนครับ iPhone 16 Pro Max จะมีการอัปเกรดกล้อง Ultra Wide มาเป็น 48MP ทำให้ได้คุณภาพที่ดีขึ้นทั้งในแสงปกติและแสงน้อย ช่วยให้ได้คุณภาพใกล้เคียงกับกล้องหลักมากขึ้น นอกนั้นยังเหมือนเดิมทั้งหมด แต่ด้วยความที่ชิปเซ็ตที่ใช้เป็นตัวใหม่ ชิปประมวลผลภาพภายใน (ISP) ก็เป็นตัวใหม่ด้วย ซึ่ง Apple ก็เคลมว่าสามารถเก็บถ่ายภาพได้เร็วขึ้นอีกนั่นเอง
ส่วนคุณภาพภาพนิ่งจาก iPhone 16 Pro Max เท่าที่ลองคร่าว ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่างไปจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน ยังคงมาตรฐานของกล้องรุ่นท็อปสุดของไอโฟนอยู่ แต่ Ultra Wide ก็แอบเก็บแสงได้ดีขึ้นแบบน่าประทับใจเหมือนกัน
เรื่องวิดีโอ Apple นำเสนอใหญ่ว่า iPhone 16 Pro Max นั้นสามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K/120fps ได้แล้ว ซึ่งคุณภาพก็จัดเต็มสมกับเป็นไอโฟนล่ะครับ แถมรอบนี้หลังถ่ายมาแล้วเรายังมาปรับเฟรมทีหลังได้ด้วย อย่าง 120fps นี่มาดึงช้าก็จะได้เป็น Slow-motion สวย ๆ เนียนตาเลยล่ะ
สเปค iPhone 16 Pro Max
ปิดท้ายที่สเปค iPhone 16 Pro Max อัปเกรดชิปเซ็ตใหม่เป็น A18 Pro เคลมว่ามีประสิทธิภาพ CPU แรงขึ้น 15% GPU แรงขึ้น 20% และ Ray Tracing ที่เร็วขึ้นอีก 2 เท่า จนทำให้ Apple เคลมว่านี่คือชิปมือถือที่แรงที่สุด ณ ตอนนี้เลยล่ะครับ
ระบบปฏิบัติการ iOS 18
สำหรับระบบปฏิบัติการ iPhone 16 Pro Max ก็มาพร้อม iOS 18 ตั้งแต่แกะกล่องเลย ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ปล่อยให้เครื่องรุ่นก่อนได้อัปเดตไปนั่นเอง มีลูกเล่นการปรับแต่งหน้าจอหลักมากมาย แต่น่าเสียดายที่ Apple Intelligence ยังไม่มีติดมาในเวอร์ชั่นนี้ เพราะฟีเจอร์ AI ของ Apple จะมาใน iOS 18.1 (อัปเดตจะมาในเดือนตุลาคม)
เอาล่ะ…ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงพรีวิวหลังแกะกล่องของ iPhone 16 Pro Max สี Desert Titanium เท่านั้นเนาะ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องไปลองก่อนจะเป็นรีวิวฉบับเต็ม ทั้งคุณภาพกล้องในหลาย ๆ สถานการณ์ ประสิทธิภาพของชิปเซ็ต การใช้งานแบตเตอรี่ หรือลูกเล่นอื่น ๆ ของ iOS 18 ด้วย เอาไว้ไปใช้งานเต็มอิ่มก่อนแล้วจะมารีวิวเต็ม ๆ ให้ติดตามกันอีกทีเนาะ ไม่นานเกินรอแน่นอน ไว้พบกันใหม่ในบทความรีวิวครับผม แต่…ก่อนจากกันไปเราก็มีสรุปราคาของ iPhone 16 Pro กับ iPhone 16 Pro Max มาฝากกันสักหน่อยที่ด้านล่างนี้เลย!