Featured
รีวิว Vivo S1 ดีไซน์สวย จอใหญ่เต็มตา 6.38 นิ้ว AI Triple Camera กล้องหลัง 3 ตัว สแกนนิ้วบนหน้าจอ
Vivo S1 สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมดีไซน์ฝาหลังไล่เฉดสีสวยงาม หน้าจอแสดงผล 6.38 นิ้ว Halo FullView Display สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ และมีกล้องหลัง 3 ตัว ถ่ายรูปมุมกว้างพิเศษได้ด้วยกล้อง Super Wide-Angle
สรุปข้อมูลและสเปค Vivo S1
- ราคาเปิดตัว 8,999 บาท (กรกฎาคม 2019)
- ขนาดตัวเครื่อง 159.53 × 75.23 × 8.13 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 179 กรัม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.38 นิ้ว Super AMOLED FHD+ (ความละเอียด 1080 × 2340 พิกเซล)
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 (Android 9 Pie)
- ชิพเซ็ต MediaTek MT6768 Helio P65
- แรม 6GB ความจุตัวเครื่อง 128GB ใส่เมมเพิ่มได้ด้วย microSD Card
- กล้องหลัง 3 เลนส์ : เลนส์หลัก 16 + 8 + 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- Wi-Fi, Bluetooth, microUSB, GPS
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้า
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วยตัวเครื่อง Vivo S1, คู่มือการใช้งาน, สาย USB, หัวชาร์จแบตเตอรี่, หูฟัง, เข็มจิ้มถาดใส่ซิม และเคส
ด้านการดีไซน์ของ Vivo S1 มาพร้อมกับสีสันตัวเครื่องแบบใหม่ที่มีชื่อสีว่า Skyline Blue ซึ่งเป็นสีเดียวกับที่ใช้ในบทความรีวิวนี้ โดยเป็นการไล่เฉดสีของโทนสีฟ้าอ่อน และอีกหนึ่งสีคือ Diamond Black สีดำหรู สุดคลาสิก
การเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์อย่างหนึ่งของ Vivo S1 คือการจัดวางตำแหน่งโลโก้ให้อยู่ในแนวตั้งและอยู่ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ แตกต่างไปจากเดิมที่จะอยู่บริเวณตรงกลางของตัวเครื่อง
Vivo S1 เป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกออกมาแบบเพื่อให้การพกพาไปใช้งานนั้นเหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่มีความสวยงาม เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์
เลนส์กล้องด้านหลังมีทั้งหมด 3 ตัว ความละเอียด 16 + 8 + 2 ล้านพิกเซล จัดเรียงในแนวตั้ง พร้อมแฟลช LED และกรอบเลนส์นูนขึ้นมาเหนือฝาหลังเล็กน้อย
ขนาดหน้าจอของ Vivo S1 อยู่ที่ 6.38 นิ้ว ขยายพื้นที่ด้านหน้าให้เต็มไปด้วยหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display เป็นการดีไซน์หน้าจอให้มีรอยบากทรงหยดน้ำขนาดเล็ก และดูสวยงามมากขึ้น
ชนิดหน้าจอรุ่นนี้เป็นแผง Super AMOLED ซึ่งให้ภาพที่มีสีสันสดใสสวยงาม ความคมชัดระดับ FHD+ ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดูหนัง ดูคลิปบน YouTube และเล่นเกมได้ภาพที่สวย เล่นสนุกมากขึ้น
บริเวณรอยบากรูปหยดน้ำจะมีเลนส์กล้องหน้าขนาด 32 ล้านพิกเซล ในขณะที่เซ็นเซอร์ต่างๆ และช่องลำโพงสำหรับเสียงโทรศัพท์จะซ่อนอยู่ที่ขอบตัวเครื่อง หากไม่สังเกตดีๆ อาจจะมองไม่เห็น ทำให้ด้านหน้าดูสะอาดตามากขึ้น
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟนหลักของเครื่อง, ถัดมาตรงกลางเป็นพอร์ต microUSB และช่องลำโพง
ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power
ขอบด้านซ้ายมีถาดใส่ซิม และปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน Google Assistant
สำหรับถาดใส่ซิมเป็นแบบ 3 Slot รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง และใส่เมมได้ด้วย microSD Card
ซอฟต์แวร์และประสิทธิภาพการทำงาน
Vivo S1 รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 (บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie) แอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องจะถูกจัดเรียงไว้ในหน้าจอโฮมทั้งหมด โดยแถบบาร์ด้านบนเมื่อลากลงมาจะเป็นในส่วนของ Notifications แสดงรายการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะที่การลากจากขอบล่างหน้าจอขึ้นมาจะเป็นในส่วนของ Quick Settings สำหรับการเลือกเปิด/ปิดหรือปรับค่าต่างๆ
ตัวเครื่องรุ่นนี้รองรับเครือข่าย 4G และเปิดใช้งาน VoLTE ได้ ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลเสียงหรือการโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงขณะคุยกันมีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันการโทรได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ รองรับ Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ตเชื่อมต่อ microUSB (รองรับ OTG ด้วย) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมภายนอกตัวอื่นๆ ได้
Vivo S1 ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดปุ่มนำทางบนหน้าจอแบบเดิม ให้เปลี่ยนไปใช้ท่าทางการนำทางได้ ซึ่งจะทำให้มุมมองบนหน้าจอไม่ถูกปุ่มเมนูมาบดบัง โดยมีรูปแบบท่าทางการใช้งานดังนี้
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มด้านซ้าย เพื่อแสดงแผงเมนูศูนย์ควบคุม
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มตรงกลาง เพื่อกลับไปยังหน้าโฮม (เหมือนปุ่มโฮม)
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มด้านขวา เพื่อกลับไปยังหน้าจอก่อนหน้าตามลำดับ (เหมือนปุ่ม Back)
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มตรงกลางแล้วค้างนิ้วเอาไว้บนหน้าจอ เพื่อเข้าสู่หน้าจอ App Switcher แสดงรายการแอปที่เปิดใช้งานอยู่เบื้องหลังทั้งหมด
สำหรับหน้าจอของ Vivo S1 มีขนาด 6.38 นิ้ว อัตราส่วนจอแสดงผลที่กว้าง ทำให้เห็นภาพที่ใหญ่ชิดขอบ เห็นได้เต็มตามากขึ้น ทั้งการดูหนังและเล่นเกม
Vivo S1 มี AI เข้ามาช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เริ่มจากแอปแกลเลอรี่ที่สามารถระบุประเภทภาพถ่ายแล้วแยกเป็นหมวดหมู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคล ภาพเซลฟี่ ทิวทัศน์ อาหาร หรือแบ่งตามตำแหน่ง GPS เป็นต้น
แอปรูปภาพยังใช้ประโยชน์จากการจดจำใบหน้าด้วย AI ในการนำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า ความทรงจำ (Memories) เพื่อนำภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นๆ มาทำเป็นคลิปวิดีโอน่ารักๆ บันทึกถึงความทรงจำจากการถ่ายภาพในแต่ละช่วงเวลา เช่น ไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่ง ก็รวมเป็นคลิปเดียวกันได้ เป็นต้น
Jovi ผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น โดยข้อมูลที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานจะถูกรวบรวมแสดงไว้ที่ Jovi Smart Scene เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกดูทุกอย่างในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนสภาพอากาศ ตารางนัดหมาย ผลการแข่งขันกีฬา และนับก้าวเดิน เป็นต้น
Vivo S1 สามารถเรียกใช้งาน Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google ซึ่งปัจจุบันรองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย สามารถสั่งการได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะสั่งให้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ เปิดเครื่องเล่นเพลง ส่งข้อความ เปิดแอปต่างๆ หรือเรียกใช้งาน GPS นำทาง เป็นต้น
ด้านความปลอดภัยในการยืนยันตัวตน Vivo S1 ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งจากการทดสอบใช้งานก็ถือว่าทำงานได้รวดเร็วดี
ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ในการปลดล็อคหน้าจอที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น เพียงยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาก็สามารถปลดล็อคเข้าใช้งานได้ทันที เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นหากเราไม่สามารถปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือได้ เช่น สวมถุงมือ หรือนิ้วมือเปียกเลอะ เป็นต้น
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Vivo S1 ใช้ชิพประมวลผล MediaTek MT6768 Helio P65 ที่มีกระบวนการผลิตขนาด 12 นาโนเมตร โดยซีพียู Octa-core และแรม 6GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 146,250 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Vivo S1 ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,857 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 6,068 คะแนน
Ultra Game Mode ฟีเจอร์ที่ช่วยเตรียมความพร้อมทั้งตัวซีพียูและจีพียูสำหรับการเล่นเกม และปิดกั้นการรบกวนในขณะที่กำลังเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นการตัดเสียงรบกวนจากสายโทรเข้าหรือข้อความที่เข้ามา เพื่อให้การเล่นเกมมีความลื่นไหล ไม่สะดุด
ทุกครั้งที่เปิดเข้าเล่นเกม Multi-Turbo จะทำงานอัตโนมัติโดยทำการเตรียมซีพียูและหน่วยความจำเครื่องให้พร้อมสำหรับการเล่นเกม ซึ่งฟีเจอร์นี้ได้รับการปรับปรุงจาก Dual-Turbo
Ultra Game Mode นั้นเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญมากๆ ในการดึงประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องให้ทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ ไม่ถูกรบกวนขณะเล่นเกม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆ สำหรับเกมเมอร์
Vivo S1 รองรับการเกม ROV โหมดภาพ HD และแม้ว่าจะรองรับการเล่นที่ 30fps แต่ก็สามารถเล่นได้แบบนิ่งๆ เฟรมเรตไม่ตกเลยตลอดการเล่น โดยจะวิ่งระหว่าง 29-30fps ตลอดการเล่น และมุมมองของภาพเกมก็จะได้มุมที่กว้างมากขึ้นด้วยเพราะสัดส่วนหน้าจอที่ยาว
เข้าร่วมทีมไฟต์เฟรมเรตก็ยังนิ่งไม่ตก โดยวิ่งระหว่าง 29-30fps ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวจัดการเกมของ Vivo ที่ช่วยให้การเล่นเกมนั้นลื่นขึ้นมากจริงๆ
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก สามารถเล่นได้ปกติในโหมดสมดุล
สำหรับแบตเตอรี่ 4500mAh ถือว่าให้มาเยอะมากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาเดียวกัน จากการทดสอบใช้งานทั่วไป สามารถอยู่ได้ยาวนานทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดกล้องถ่ายรูปนับร้อยรูป เล่นโซเชียล และเล่นเกมเกือบชั่วโมง
กล้องถ่ายรูป
Vivo S1 มาพร้อม AI Triple Camera กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล, กล้อง 8 ล้านพิกเซล Super Wide-Angle และ 2 ล้านพิกเซล Depth Camera พร้อมโหมดถ่ายสวยด้วย Face Beauty ที่ช่วยให้ใบหน้ามีความสวยเนียน ปรับใบหน้าให้ออกมาดูสวยเป็นธรรมชาติด้วย
ถ่ายภาพ Portrait
นอกจาการใช้ Portrait Mode แล้วยังมีโหมดเปิดรูรับแสงที่สามารถปรับค่ารูรับแสง (f) ได้ทั้งขณะถ่ายและหลังจากถ่ายได้ด้วย อยากให้จุดไหนชัดหรืออยากให้ฉากหลังเบลอมาก เบลอน้อย ก็ปรับเองได้เลย
การถ่ายภาพ Portrait ด้วย Vivo S1 เป็นการใช้ทั้งฮาร์ดแวร์คือตัวกล้องหลัก + Depth Camera และซอฟต์แวร์กล้องทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นว่าภาพที่ได้มีการละลายฉากหลังได้ค่อนข้างเนียนมากๆ แทบจะใกล้เคียงกับการถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนราคาแพงๆ
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีฟีเจอร์ AI Portrait Lighting ซึ่งเป็นการเพิ่มแสงไฟเข้ามาปรับแต่งภาพถ่าย Portrait ให้ออกมาสวยงามในรูปแบบแสงต่างๆ ได้เหมือนกับการจัดแสงไฟในห้องสตูดิโอ
กล้องหลัก 16 ล้าน ถ่ายสวยและคมชัด
สำหรับกล้องหลักของ Vivo S1 มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.78 เก็บรายละเอียดของภาพได้คมชัด และระบบโฟกัสทำงานได้ค่อนข้างรวดเร็ว แตะหน้าจอเพื่อเลือกโฟกัสได้ง่าย
Super Wide-Angle Camera
สำหรับ Super Wide-Angle Camera เป็นการถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษด้วยกล้อง 8 ล้านพิกเซลที่ให้มุมกว้างมากๆ สามารถเก็บภาพบุคคล และภาพวิวทิวทัศน์ได้กว้างขึ้น ได้มุมมองของภาพคล้ายกับการถ่ายด้วยกล้องแอคชั่น
กล้องหน้า 32 ล้าน AI Face Beauty
กล้องหน้าของ Vivo S1 มีความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล พร้อมด้วย AI Face Beauty ที่สามารถปรับแต่งรูปภาพได้อัตโนมัติ เพื่อให้รูปหน้าออกมาสวยงามที่สุดโดยที่ยังเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน ไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งให้ยุ่งยาก
กล้องหน้ายังสามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายโดยการทำเอฟเฟ็กต์โบเก้ได้ด้วย ซึ่งภาพถ่ายจากกล้องหน้าด้วยโหมดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ตัดขอบแล้วทำการเบลอฉากหลังได้เนียนสวยงาม
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.38 นิ้ว และความคมชัดระดับ FullHD+ เห็นภาพได้เต็มตา และเป็นหน้าจอ Super AMOLED สีสันสดใสสวยงาม
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 (Android 9 Pie) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้
- ชิพเซ็ต MTK Helio P65 และแรม 6GB ใช้งานได้ลื่นไหล เล่นเกมกราฟิกสวยๆ ได้
- กล้องหลัง 3 ตัว ถ่ายภาพมุมกว้างได้ด้วยกล้อง Wide-Angle และระบบโฟกัสทำงานได้รวดเร็ว
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล f/2.0 คมชัดและถ่ายสวยด้วย AI Beauty
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ใช้งานได้ทั้งวัน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ยังใช้พอร์ตแบบ microUSB
Vivo S1 ราคา 8,999 บาท โดยเริ่มเปิดให้ Pre – Order ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม – 31 กรกฎาคม 2562 ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สั่งจองผ่านช่องทางออนไลน์ Lazada ได้ที่ลิงก์นี้ https://bit.ly/2SoqsUM
ลูกค้าที่ทำการจอง Vivo S1 ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขาและร้านตัวแทนจำหน่าย รับสิทธิ์ได้เครื่องก่อนใครพร้อมทั้งได้ S series box Set และกระเป๋าเป้สะพาย