Featured
รีวิว Vivo V11 อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี AI สแกนนิ้วบนหน้าจอ และดีไซน์อย่างลงตัว
Vivo V11 สุดยอดสมาร์ทโฟนระดับกลางที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจาก Vivo ด้วยระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ และมีระบบ AI ช่วยให้การใช้งานง่ายยิ่งขึ้น รวมไปถึงกล้องที่มีความฉลาดที่จะทำให้การถ่ายภาพทุกสถานการณ์นั้นง่ายกว่าที่เคย
Vivo V11 เป็นรุ่นใหม่ที่สานต่อความสำเร็จจากรุ่น V9 ซึ่งในตอนนี้จะมีความโดดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลและกล้องหน้าที่ถ่ายสวยทุกช็อต พอมาในรุ่นใหม่นี้ได้มีการพัฒนาไปอีกขั้น ตัวกล้องมีความฉลาดด้วยการทำงานของ AI และเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เคยมีเฉพาะในรุ่นไฮเอนด์ ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงฟีเจอร์เหล่านั้นได้ง่ายมากขึ้น
สรุปข้อมูลและสเปค Vivo V11
- ราคาเปิดตัว 13,999 บาท (กันยายน 2018)
- ขนาดตัวเครื่อง 157.91 x 75.08 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 156 กรัม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.41 นิ้ว FullHD+ Super AMOLED (ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล)
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 4.5 (Android 8.1 Oreo)
- ชิพเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660AIE Octa-core
- แรม 6GB ความจุตัวเครื่อง 128GB ใส่เมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB
- กล้องหลังเลนส์คู่ : เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel (หน่วยรับภาพ 24 ล้านพิกเซล) รูรับแสง f/1.8 เสริมด้วยอีกเลนส์ 5 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz)
- Bluetooth 5.0, microUSB
- GPS, GLONASS, Beidou
- แบตเตอรี่ 3400mAh รองรับชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- ปลดล็อคใบหน้าและมีอินฟราเรด
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วยตัวเครื่อง Vivo V11, หูฟัง, คู่มือการใช้งาน, สาย USB, หัวชาร์จแบตเตอรี่ เข็มจิ้ม SIM และเคสโทรศัพท์
ดีไซน์ภายนอกของ Vivo V11 มาพร้อมกับฝาหลังเป็นแบบ 3D โค้งเว้าเข้าหากรอบตัวเครื่อง ซึ่งการดีไซน์แบบนี้นอกจากจะได้มิติรูปทรงที่ดูสวยงามแล้ว เวลาจับใช้งานยังรู้สึกกระชับมือ เพราะว่าตัวเครื่องจะสอดรับกับอุ้งมือของคนเราพอดี
ความรู้สึกเมื่อลองจับใช้งานพบว่าตัวเครื่องมีความเพรียวบาง น้ำหนักเบามากๆ และการประกอบตัวเครื่องมีความแน่นหนา ไม่มีเสียงก็อกแก๊ก ให้ความรู้สึกแข็งแรง และให้มุมมองหรูหราเมื่อแสงไฟสะท้อน
สีตัวเครื่องในรีวิวนี้มีชื่อว่า Nebula ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความสว่างของดวงดาวที่ส่องประกายในท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้เกิดเฉดสีฟ้าและม่วงสีม่วงของเนบิวลา
ความพิเศษของ Vivo V11 คือการฝังตัวเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้กระจกหน้าจอ (In-Display Fingerfrint ID) และมาพร้อมกับการดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ที่เรียกว่า Halo FullView Display ที่มีรอยบากคล้ายรูปหยดน้ำ โดยจอแสดงผลมีอัตราส่วน 19.5:9 ซึ่งเป็นมุมมองที่กว้างมากๆ บนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน
รุ่นนี้มีหน้าจอที่สวยมากเพราะเป็นแผง Super AMOLED ซึ่งเป็นหน้าจอที่มีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงมาก และมีความคมชัดระดับ FullHD+ ทำให้เฉดสีที่เห็นบนหน้าจอมีความสดใสสวยงาม ครอบด้วยกระจกกันรอยขอบโค้งมน 2.5D
ขนาดหน้าจอของ V11 อยู่ที่ 6.41 นิ้ว ถือว่าใหญ่มากๆ เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องที่ยังสามารถจับใช้งานถนัดในมือเดียว เนื่องจากมีการขยายพื้นที่ด้านหน้าให้เต็มไปด้วยหน้าจอแสดงผล จะสังเกตเห็นว่าขอบหน้าจอทางด้านซ้ายและขวามีความบางมาก
มาดูที่บริเวณรอยบากรูปหยดน้ำจะมีเลนส์กล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่างๆ โดยช่องลำโพงสำหรับเสียงโทรศัพท์จะอยู่ที่ขอบตัวเครื่อง หากไม่สังเกตดีๆ อาจจะมองไม่เห็น เรียกว่าเป็นการดีไซน์ที่ทำให้ด้านหน้าดูสะอาดตามากขึ้น
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟนหลักของเครื่อง, ถัดมาตรงกลางเป็นพอร์ต microUSB และช่องลำโพง
ขอบด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม Power
ชอบด้านซ้ายมีถาดใส่ซิมแบบ 3 slot รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง และใส่เมมได้สูงสุด 256GB
ด้านหลังตัวเครื่องมีเลนส์กล้องคู่แนวตั้ง กรอบเลนส์นูนขึ้นมาเหนือฝาหลังเล็กน้อย และมีไฟแฟลช LED
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Vivo V11 รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 4.5 บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้มีการปรับปรุงอินเตอร์เฟซให้มีความง่ายในการใช้งาน ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI พร้อมเฉดสีไอคอนและเมนูต่างๆ ที่ดูเรียบง่ายกว่าเดิมด้วย
Vivo V11 รองรับเครือข่าย 4G ทั้ง 2 ซิมการ์ด และเปิดใช้งาน VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ดด้วย ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลเสียงหรือการโทรด้วยความเร็วสูงผ่านสัญญาณ 4G ที่ให้คุณภาพเสียงขณะคุยกันมีความคมชัดมากขึ้น สามารถใช้เน็ตไปพร้อมๆ กันการโทรได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และพอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0 (On-The-Go) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมภายนอกตัวอื่นๆ และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปุ่มนำทางบนหน้าจอสามารถเปลี่ยนไปใช้ท่าทางการนำทางได้ ซึ่งจะทำให้มุมมองบนหน้าจอไม่ถูกปุ่มเมนูมาบดบัง ได้หน้าจอ FullView จริงๆ โดยมีรูปแบบท่าทางการใช้งานดังนี้
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มด้านซ้าย เพื่อแสดงแผงเมนูศูนย์ควบคุม
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มตรงกลาง เพื่อกลับไปยังหน้าโฮม (เหมือนปุ่มโฮม)
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มด้านขวา เพื่อกลับไปยังหน้าจอก่อนหน้าตามลำดับ (เหมือนปุ่ม Back)
- ลากจากขอบด้านล่างขึ้นจากตำแหน่งปุ่มตรงกลางแล้วค้างนิ้วเอาไว้บนหน้าจอ เพื่อเข้าสู่หน้าจอ App Switcher แสดงรายการแอพที่เปิดใช้งานอยู่เบื้องหลังทั้งหมด
- ปาดนิ้วไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อสลับไปยังแอพที่เปิดใช้งานก่อนหน้า
อัตราส่วนหน้าจอที่กว้างมากถึง 19.5:9 จะได้มุมมองที่กว้างมากขึ้น เวลาดูคอนเทนท์บนหน้าจอเว็บไซต์ก็ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ หรือดูวิดีโอที่ได้เห็นมุมมองได้แบบเต็มตามากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็จะเห็นศัตรูรอบๆ ขอบจอได้ก่อนสมาร์ทโฟนทั่วไปด้วย
อย่างที่บอกไปแล้วว่าในรุ่นนี้มี AI เข้ามาช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เริ่มจากแอพแกลเลอรี่ที่สามารถระบุประเภทภาพถ่ายแล้วแยกเป็นหมวดหมู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคล ภาพเซลฟี่ ทิวทัศน์ อาหาร หรือแบ่งตามตำแหน่ง GPS เป็นต้น
Jovi ผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น โดยข้อมูลที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานจะถูกรวบรวมแสดงไว้ที่ Jovi Smart Scene เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกดูทุกอย่างในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนสภาพอากาศ ตารางนัดหมาย ผลการแข่งขันกีฬา และนับก้าวเดิน เป็นต้น
Vivo V11 สามารถใช้งาน Google Lens ได้แล้ว เพียงเปิดกล้องแล้วส่องไปยังวัตถุที่ต้องการหาข้อมูล ระบบจะทำการสแกนและแสดงข้อมูลต่างๆ ทันที โดยไม่ต้องเข้าไปในหน้า Google Search ให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว
Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google ซึ่งปัจจุบันรองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย ก็สามารถสั่งการได้ง่ายๆ บน Vivo V11 ไม่ว่าจะสั่งให้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ เปิดเครื่องเล่นเพลง ส่งข้อความ เปิดแอพต่างๆ หรือเรียกใช้งาน GPS นำทาง เป็นต้น
Vivo Funmoji สร้างตัวอิโมจิตามการขยับใบหน้าของเรา เพิ่มความสนุกมากยิ่งขึ้นในการส่งสติกเกอร์อิโมจิหากัน ซึ่งจะเป็นการบันทึกเป็นไฟล์วิดีโอสั้นๆ 10 วินาที ใส่เสียงได้ด้วย โดยตอนนี้จะรองรับการใช้งานร่วมกับแอพข้อความ
AI Game Mode ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยเตรียมความพร้อมทั้งตัวซีพียูและจีพียูสำหรับการเล่นเกม และปิดกั้นการรบกวนในขณะที่กำลังเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นการตัดเสียงรบกวนจากสายโทรเข้าหรือข้อความที่เข้ามา เพื่อให้การเล่นเกมมีความลื่นไหล ไม่สะดุด
V11 ใช้ชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 660 AIE Octa-core ที่รองรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย และมีแรมขนาด 6GB โดยผลการทดสอบ AnTuTu เป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 128,246 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,449 คะแนน และ Multi-Core ทำได้ 5,512 คะแนน
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก สามารถเล่นได้ลื่นไหลในโหมดภาพความละเอียดสูง
รองรับการเล่นเกม ROV ในโหมดเฟรมเรตสูง วิ่งอยู่ที่ 57-60 fps ตลอดการเล่น ได้ภาพนิ่งๆ ไม่กระตุก และมุมมองของภาพเกมก็จะได้มุมที่กว้างมากขึ้นด้วยเพราะสัดส่วนหน้าจอที่ยาว แต่อย่าลืมว่าการเล่นเกมในโหมดนี้จะค่อนข้างเปลืองแบต และเครื่องจะร้อนเร็วกว่าโหมดเฟรมเรตปกติ
หากต้องการใช้คีย์บอร์ดเพื่อแชทในเกม ระบบจะทำการย่อขนาดคีย์บอร์ดให้เล็กลง ทำให้ไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญของการเล่นเกม ไม่ปิดบังหน้าจอเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ
ฟีเจอร์ด้านความปลอดที่เพิ่มมาใหม่และดูล้ำที่สุดในตอนนี้ คือระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanning) โดยตำแหน่งการวางนิ้วจะมีไอคอนไฟกราฟิกแสดงขึ้นมาให้เห็นเมื่อระบบต้องการให้ใช้งานการสแกนนิ้วมือ และเมื่อแตะสแกนนิ้วมือก็จะมีเอฟเฟ็กต์ไฟเคลื่อนไหวสวยงามด้วย ซึ่งจากการใช้งานพบว่าทำงานได้รวดเร็วดี โดยการบันทึกลายนิ้วมืออาจจะต้องกดนิ้วมือหนักนิดนึง แต่พอแตะสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อค แค่วางนิ้วลงบนหน้าจอเบาๆ ก็ปลดล็อคได้แล้ว
อีกหนึ่งความปลอดภัยในการยืนยันตัวตนคือระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าที่ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น เพราะมีแสงอินฟาเรดเข้ามาช่วยตราวจจับใบหน้า ซึ่งนอกจากจะได้ความรวดเร็วในการปลดล็อคแล้ว ยังปลดล็อคได้ในสภาพแสงน้อยหรือในที่มืดได้ด้วย
สำหรับแบตเตอรี่ 3400mAh ใช้งานทั่วไปได้ยาวนานเกือบทั้งวัน ถ่ายรูป เล่นโซเชียลได้สบายๆ แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ ติดต่อกันก็จะอยู่ได้ราวๆ ครึ่งวัน ซึ่งในรุ่น Vivo V11 มีระบบชาร์จไฟแบบ Dual-Engine Fast Charging ที่ทำให้ชาร์จแบตได้ไวมากขึ้น ไม่ต้องรอนาน และมีความปลอดภัยสูงสุด
จากการทดสอบชาร์จเริ่มชาร์จ 35% และได้แบตเพิ่มขึ้นเป็น 88% ภายในระยะเวลา 43 นาที ถือว่าชาร์จไวมาก ซึ่งตัวอะแดปเตอร์ที่ให้มานั้นรองรับกำลังชาร์จไฟสูงสุด 18W หรือ 9V/2A โดยที่หน้าจอก็จะขึ้นข้อความและสัญลักษณ์แสดงการชาร์จไวแบบ Dual-Engine Fast Charging ด้วย
กล้องถ่ายรูป
Vivo V11 มีกล้องด้านหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel (หน่วยรับภาพ 24 ล้านพิกเซล) รูรับแสงกว้าง f/1.8 โดยมีขนาดพิกเซลใหญ่ถึง 1.28μm และอีกเลนส์ขนาด 5 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพออกมาได้สวยและเก็บรายละเอียดได้ดีมากขึ้น
กล้องคู่มีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลง่ายมากขึ้นด้วยโหมด AI จัดองค์ประกอบภาพบุคคล (AI Portrait Framing) เมื่อกล้องตรวจจับแล้วพบว่ามีคนอยู่ในรูป ระบบจะให้หันกล้องไปตามทิศทางบนหน้าจอเพื่อให้ตำแหน่งของภาพออกมาดีที่สุด ซึ่งเป็นการช่วยให้เราสามารถจัดองค์ประกอบของภาพได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องคิดนานว่าจะหันกล้องอย่างไร
ภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ของ V11 ต้องบอกเลยว่ารายละเอียดของภาพมีความคมชัดมากๆ สังเกตได้จากเส้นเผมที่เห็นเป็นเส้นๆ
การทำเอฟเฟ็กต์โบเก้ในการถ่าย Portrait ก็ทำออกมาได้ดีมาก ตัดขอบแบบได้คม และละลายฉากหลังได้เนียน ทำให้ตัวแบบที่ต้องการโฟกัสมีความโดดเด่นขึ้นมา
สำหรับภาพถ่าย Portrait ยังสามารถปรับรูรับแสงเพื่อละลายฉากหลังได้ทั้งก่อนถ่ายและหลังถ่าย อยากได้เบลอมากหรือเบลอน้อยก็ปรับค่าได้ตามใจชอบ
การถ่ายย้อนแสงถือเป็นปัญหาหนึ่งของกล้องสมาร์ทโฟน ซึ่งทาง Vivo ก็เพิ่มฟีเจอร์ที่เรียกว่า AI Backlight HDR
เพื่อเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือการถ่ายน้อยแสงด้วยเทคโนโลยีถ่ายภาพ 6 เฟรมรวมกันให้เป็นภาพเดียว ซึ่งภาพที่ได้จะเห็นรายละเอียดของภาพครบถ้วน พื้นที่มืดก็จะสว่างขึ้นมา ในขณะเดียวกันถ้าพื้นที่ที่แสงจ้าก็ปรับลดแสงลง และหน้าก็ไม่ดำด้วย
AI Low Light HDR เป็นอีกฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพกลางคืน ใช้เทคนิคเดียวกับ HDR คือถ่ายภาพหลายเฟรมในแสงที่ต่างกันแล้วรวมเป็นภาพเดียว ช่วยให้ทั้งภาพมีความสวยงาม โดยเฉพาะการถ่ายภาพแสงไฟในช่วงเวลากลางคืน
โหมด AI ประมวลสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ (AI Scene Recognition) ฟีเจอร์ตรวจจับวัตถุหรือสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ เพื่อแยกแยะประเภทของภาพที่กำลังถ่ายพร้อมกับปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพนั้นๆ ด้วย เช่น เมื่อส่องกล้องไปที่อาหาร ก็จะขึ้นไอคอนอาหาร หรือกำลังจะถ่ายดอกไม้ ก็มีไอคอนดอกไม้ขึ้นมา เป็นต้น
ซึ่งภาพถ่ายที่ใช้ AI เข้ามาช่วยถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้ใช้งานที่ตั้งค่ากล้องไม่เป็นก็สามารถถ่ายภาพออกมาสวยได้ โดยที่ไม่ต้องตั้งค่าใดๆ เลย ทำให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
มาถึงกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ที่มีโหมด AI ใบหน้าสวย (AI Face Beauty) เพื่อตรวจจับใบหน้าแล้วทำการปรับโครงหน้าให้อัตโนมัติ
ซึ่งในโหมดนี้เรายังสามาารถเลือกปรับได้เองด้วยฟีเจอร์ 3D Face Shaping ไม่ว่าจะเป็นการปรับรูปจมูกให้เรียวโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม ดวงตาดูโตเป็นธรรมชาติ โครงหน้าเรียวได้รูป เพื่อให้ภาพเซลฟี่ออกมาสมบูรณ์และสวยเป็นธรรมชาติตามที่เราต้องการ
ภาพเซลฟี่ปกติก็สามารถถ่ายสวยอยู่แล้ว เมื่อปรับแต่งด้วย 3D Face Shaping และเลือกใช้ Portrait Mode ในการทำเอฟเฟ็กต์โบเก้ด้วย จะได้ภาพที่สวยและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
AI Selfie Lighting เป็นการเพิ่มลูกเล่นด้านแสงไฟเข้ามาทำให้ภาพถ่ายเซลฟี่มีความแตกต่างคล้ายกับการจัดไฟในห้องสตูดิโอ ได้แก่ แสงธรรมชาติ, ไฟสตูดิโอ, ไฟสเตอริโอ, ลูปไลท์, แสงรุ้ง และภาพพื้นหลังแบบขาวดำ เป็นต้น
สรุปจุดเด่น
- Vivo V11 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงาม ไล่เฉดสีฝาหลังหลังและกรอบตัวเครื่อง อีกทั้งฝาหลังเป็นแบบ 3D ที่โค้งมน ทำให้จับถนัดมือ
- หน้าจอแสดงผล Super AMOLED สีสันสวยงาม และอัตราส่วนหน้าจอที่กว้างมาก จอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดูหนัง คลิปบน YouTube และเล่นเกมได้สนุกยิ่งขึ้น
- ชิพประมวลผล Snapdragon 660AIE Octa-core กับแรม 6GB ความจุตัวเครื่อง 128GB ใส่เมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB พร้อมเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้ทำงานได้อย่างลื่นไหล สลับแอพไปมาได้ไว และเล่นได้ลื่นๆ
- กล้องฉลาด ระบบโฟกัสทำงานได้รวดเร็วดี ถ่ายง่ายด้วย AI และทำเอฟเฟ็กต์โบเก้ละลายฉากหนังได้เนียน
- ถาดใส่ซิมแบบ 3 slot ทำให้ใช้งานได้ 2 ซิมพร้อมกับใส่เมมได้ด้วย
- แบตเตอรี่ 3400mAh ใช้งานได้เกือบทั้งวัน และชาร์จไว Dual-Engine Fast Charging กำลังไฟสูงสุด 18W
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ยังเป็นพอร์ต microUSB
นอกจาก Vivo V11 แล้ว ยังรุ่นน้อง Vivo V11i มีระบบสแกนลายนิ้วมือเหมือนกัน แต่อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง และมาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ ฝาหลังมีดีไซน์แบบ 3D Curve น้ำหนักตัวเครื่องค่อนข้างเบา สเปคตัวเครื่องก็ตามนี้เลย
- ขนาดตัวเครื่อง 155.97 x 75.63 x 8.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 163.7 กรัม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.3 นิ้ว LTPS FullHD+ (ความละเอียด 1080 x 2280 พิกเซล)
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 4.5 (Android 8.1 Oreo)
- ชิพเซ็ต MTK Helio P60
- แรม 4GB ความจุตัวเครื่อง 128GB ใส่เมมเพิ่มได้สูงสุด 256GB
- กล้องหลังเลนส์คู่ 16 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0 เสริมด้วยอีกเลนส์ 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- แบตเตอรี่ 3315mAh รองรับชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging
สำหรับราคาของ Vivo V11 อยู่ที่ 13,999 บาท และ Vivo V11i ราคา 9,999 บาท โดยมีให้เลือกถึง 2 สีด้วยกันได้แก่ Nebula และ Starry Night สามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 8 – 15 กันยายน 2561 ที่ร้าน Vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่าย ได้รับของแถมดังนี้
- Vivo Privilege Card (เพิ่มรับประกันเครื่อง 24 เดือน, รับประกันเปลี่ยนหน้าจอไม่จำกัดจำนวน 1 ปี)
- Vivo V Series Executive Gift Box
- Special Gift (ของแถมมีจำนวนจำกัด)