Connect with us

Featured

รีวิว vivo V40 Series 5G สมาร์ตโฟน ZEISS Portrait So Pro ได้กล้องถ่ายมืออาชีพขั้นสูงจาก ZEISS ทุกเลนส์ ดีไซน์บางสุด พร้อมขุมพลังระดับท็อป

Published

on

รีวิว vivo V40 Series 5G สมาร์ตโฟน ZEISS Portrait So Pro พอร์ตเทรตขั้นเทพ พลังกล้อง ZEISS All Main Camera ทุกเลนส์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ที่มีการอัปเกรดใหม่หมดจด คมชัด 50MP เพิ่มฟีเจอร์จาก ZEISS แบบให้เราได้รับประสบการณ์การใช้งานมืออาชีพมากขึ้นและหลายระยะมากว่าเดิม ที่สำคัญดีไซน์ยังมีบางเบา สวยงามมีสไตล์ พร้อมด้วยชิปเซ็ตที่ทรงพลัง หน้าจอใหญ่ 6.67″ 120Hz สว่างสุด 4500 นิต และได้แบตเตอรี่ใหญ่ 5500mAh แบบ BlueVolt ชาร์จไว 80W FlashCharge

สรุปสเปค vivo V40 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 164.16 × 74.93 × 7.58 มม.
  • น้ำหนัก : 190 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) รองรับ Refersh Rate 120Hz อัตราส่วน 20:9 สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 93%, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, 100% DCI-P3 Color Gamut, Contrast Ratio 8000000:1 และความสว่างสูงสุด 4500 นิต
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 7 Gen 3 Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.63GHz
  • GPU : Adreno 720
  • RAM : 12GB LPDDR4X
  • ROM : 256GB/512GB UFS 2.2
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์จาก ZEISS ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.88 เซ็นเซอร์ GNJ ขนาด 1/1.56″ รองรับกันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
    • เลนส์ Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ JN1 ขนาด 1/2.76″ และโฟกัสอัตโนมัติ
  • กล้องหน้า ZEISS มุมกว้าง 92 องศา ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0
  • ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย Funtouch OS 14
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5500mAh แบบ BlueVolt รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

สรุปสเปค vivo V40 Pro 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 164.16 × 74.93 × 7.58 มม.
  • น้ำหนัก : 192 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) รองรับ Refersh Rate 120Hz อัตราส่วน 20:9 สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 93%, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, 100% DCI-P3 Color Gamut, Contrast Ratio 8000000:1 และความสว่างสูงสุด 4500 นิต
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 9200+ Octa-core ความเร็วสูงสุด 3.35GHz
  • GPU : Immortalis-G715
  • RAM : 12GB LPDDR5X
  • ROM : 512GB UFS 3.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์จาก ZEISS ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.88 เซ็นเซอร์ Sony IMX921 ขนาด 1/1.56″ รองรับกันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
    • เลนส์ Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ JN1 ขนาด 1/2.76″ และโฟกัสอัตโนมัติ
    • เลนส์ Telephoto Portrait 2x ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.85 เซ็นเซอร์ Sony IMX816 ขนาด 1/2.93″ รองรับกันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
  • กล้องหน้า ZEISS มุมกว้าง 92 องศา ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0
  • ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย Funtouch OS 14
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5500mAh แบบ BlueVolt รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

แกะกล่อง vivo V40 Series 5G

มาเริ่มแกะกล่องกันก่อนเลยดีกว่าครับ โดยตัวกล่องจะเป็นสีดำสวยงามคมเข้ม พร้อมด้วยชื่อรุ่น V40 หรือ V40 Pro และมีไฟแฟลช Aura Light Portrait สีรุ้งล้อมรอบเอาไว้อย่างสวยงาม โดยอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องของทั้ง 2 รุ่นก็เหมือนกันเลยครับ แต่จะแตกต่างกันในบางจุด ตามนี้เลย

เปิดกล่องมาจะเจอตัวเครื่องเลยทันที ไม่ว่าจะเป็น vivo V40 5G หรือ vivo V40 Pro 5G

ถัดมาอีกชั้นจะเป็นคู่มือการใช้งานเบื้องต้น พร้อมด้วยเคสแบบซิลิโคนที่มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยรุ่นสีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) จะได้เคสสีม่วง ขณะที่สีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) จะเป็นเคสสีดำ และสีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) จะได้เป็นแบบใสเพื่อโชว์สีตัวเครื่องที่มีความโดดเด่นครับ

ส่วนชั้นล่างสุดจะเป็นอะแดปเตอร์ชาร์จไว 80W FlashCharge เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น พร้อมด้วยสาย USB-A to USB-C และมีเข็มเปิดถาดซิมมาให้ครับ

ดีไซน์ปรับโฉมใหม่ด้วย Gemini Ring พร้อมความบางขั้นสุด

ต่อกันด้วยดีไซน์ของ vivo V40 Series 5G บอกเลยว่ารอบนี้ vivo ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะความสวยงามด้านดีไซน์ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีทั้ง 2 รุ่น มีความทันสมัย โดยเฉพาะโมดูลกล้องหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่เป็นทรงวงรีแนวตั้งในชื่อ Gemini Ring ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมมาตรอันงดงามและมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนบนจะเป็นที่อยู่ของเลนส์หลักและ Ultra Wide Angle โดยจะมีสัญลักษณ์ ZEISS อยู่ทางขวา ขณะที่ส่วนล่างของโมดูลกล้องจะมีไฟ Aura Light Portrait มาให้เหมือนกัน แต่ความแตกต่างของ 2 รุ่นนี้คือ vivo V40 5G จะมีไฟ Aura Light Portrait อยู่ด้านบน คู่กับเซ็นเซอร์วัดแสงด้านล่าง และ vivo V40 Pro 5G จะมีเลนส์ Telephoto Portrait มาให้ และไฟ Aura Light Portrait อยู่ด้านล่างสุดครับ

สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างในรุ่นนี้คือความบางตัวเครื่องที่บางเพียง 7.58 มม. เท่านั้น ซึ่งทำได้ดีขั้นสุดกับรุ่นที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5500mAh ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 192 กรัม ไม่ได้เบาหรือหนักมากเกินไป

สีสันของ vivo V40 Series 5G รอบนี้เรามีให้ชมกันครบ 3 สีจัดเต็ม ตั้งแต่สีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver), สีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) และสีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) ซึ่งแต่ละสีก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน โดยในรุ่น Pro จะมีเพียงสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) เท่านั้นครับ

เริ่มกันด้วยสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) จะให้ความรู้สึกและดีไซน์ต่างๆ ที่ทั้ง 2 รุ่นเหมือนกันเป๊ะๆ คือฝาหลังจะเป็นกระจกผิวด้าน มีความเรียบและสัมผัสที่นุ่มนวล แต่ดูทันสมัยและพรีเมียม ทั้งยังมีการเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือ และกระบวนการผลิตด้วยกระจก AG เพิ่มความสวยงามเข้ามาด้วย

ส่วนสีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) ผิวสัมผัสสีนี้มีความนุ่มนวล เป็นกระจกผิวด้าน ป้องกันการติดรอยนิ้วมือเวลาจับถือได้ ทั้งยังเห็นรายละเอียดของฝาหลังที่มีกลิตเตอร์ผสมเข้าไปเพิ่มความสวยงามและมีมิติมากขึ้นคล้ายท้องฟ้าเวลากลางคืนยามปกคลุมด้วยหมอกดาว เพิ่มความน่าค้นหาและความน่าหลงไหลเหนือกาลเวลา

และสีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) จะมีความสดใสและดูแตกต่างจากสีอื่นในตระกูลนี้ทั้งหมด ซึ่งสี Sunglow Peach จะมีความเป็นประกายระยิบระยับแบบกลิตเตอร์ ดั่งแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในยามเช้า โดยมีวัสดุกระจกที่เป็นผิวมันเงา และเมื่อสะท้อนกับแสงในมุมต่างๆ ก็จะเห็นคลื่นแบบ 3 มิติเคลื่อนไหวอยู่ด้วย ทำให้ดูมีชีวิตมากขึ้นจริงๆ ครับ

นอกจากนี้ ความบางของตัวเครื่อง vivo V40 5G ก็อยู่ที่ 7.58 มม. เท่ากันกับ vivo V40 Pro 5G แต่เรื่องน้ำหนักก็แอบเบากว่าเล็กน้อยอยู่ที่ 190 กรัม ส่วนรุ่น Pro อยู่ที่ 192 กรัม ซึ่งการจับถือจริงก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างครับ

ทนน้ำ-ทนฝุ่น มาตรฐาน IP68

vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นนี้ให้มาตรฐานการทนน้ำ-ทนฝุ่นแบบ IP68 ด้วย ซึ่งไม่ได้ป้องกันแค่ละอองน้ำแล้ว เพราะสามารถป้องกันน้ำได้ลึกสุดถึง 1.5 เมตร นานสุด 30 นาทีเลยทีเดียว แต่ก็ขอเตือนไว้ว่า IP68 มีไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเท่านั้น ไมแนะนำให้นำลงสระน้ำไปเล่นแบบจริงจังครับ

หน้าจอเหนือระดับแบบ 3D Curved และสว่างสุด 4500 นิต

มาต่อกันที่เรื่องหน้าจอของทั้งคู่ บอกเลยว่าทำได้ในระดับเรือธงจริงๆ โดย 2 รุ่นนี้ใช้เป็นหน้าจอโค้ง 3D Curved เป็นพาเนล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว แบบ 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมในการใช้งาน รวมถึงการรับชมวิดีโอที่ทำได้เต็มตามากจริงๆ และยังใช้งานได้เต็มอรรถรสด้วยพื้นที่สัดส่วนหน้าจอถึง 93% สีสันบนหน้าจอจัดเต็มแบบ 1.07 พันล้านสี รองรับ HDR10+, 100% DCI-P3 Color Gamut และ Contrast Ratio มากถึง 8000000:1 เลยครับ

vivo V40 Series 5G ใช้งานหน้าจอได้ไหลลื่นด้วย Refresh Rate สูงสุด 120Hz ทำให้เวลาสัมผัสหน้าจอเมื่อใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมเป็นไปได้แบบไหลลื่นและตอบสนองทันที

และที่ถูกอัปเกรดขึ้นมาแบบขั้นสุดจริงๆ เลยคือความสว่างหน้าจอสูงสุดถึง 4500 นิต ช่วยให้เราใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบายๆ เห็นหน้าจอได้ชัด ไม่ต้องคอยหลบในเงาแล้วครับ

พาชมรอบเครื่อง

พามาดูรอบๆ เครื่องกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง บอกก่อนเลยว่าทั้ง 2 รุ่นนี้เหมือนกันเกือบ 100% เลยล่ะครับ ที่หน้าจอส่วนบนจะได้กล้องหน้าแบบ Punch Hole 50MP จาก ZEISS และมีลำโพงมาให้ด้วย ซึ่งใช้สำหรับการสนทนาและความบันเทิงครบแบบสเตอริโอคู่

ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 2 ช่อง แบบพลิกหน้า-หลังมาให้ครับ ตามด้วยไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพง

ฝั่งขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ทั่วไป เพราะการสแกนลายนิ้วมือจะใช้บนหน้าจอครับ

ทางด้านขอบบนตัวเครื่องเป็นมีไมโครโฟนคู่ สำหรับตัดเสียงรบกวน และมีข้อความตรงขอบว่า “PROFESSIONAL PORTRAIT” ครับ

และท้ายสุดที่ด้านหลังจะมีโมดูลกล้องหลังทรงรีตามที่เราบอกไปตอนต้น โดย vivo V40 Pro 5G จะได้กล้องหลังจาก ZEISS ด้วยกัน 3 เลนส์ ในขณะที่ vivo V40 5G จะมีกล้องหลังจาก ZEISS 2 เลนส์ โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีไฟ Aura Light Portrait เหมือนกันครับ

vivo V40 5G

vivo V40 Pro 5G

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฏิบัติการ Android 14

vivo V40 Series 5G แกะกล่องมาพร้อม Android 14 ครอบทับด้วย Funtouch OS 14 มีฟีเจอร์ใหม่ๆ โดยเฉพาะความเสถียรในการใช้งานของซอฟต์แวร์ที่ปรับปรุงได้ดีขึ้น

ลำโพงคู่ครั้งแรกของ vivo V Series

หนึ่งในไฮไลท์ของ vivo V40 Series 5G คือการเข้ามาของเทคโนโลยีลำโพงสเตอริโอคู่เป็นครั้งแรกด้วย หลังจากที่เป็นลำโพงเดี่ยวมานานครับ เชื่อว่าฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่แฟนๆ vivo V Series กำลังรอคอยกันแน่นอน ช่วยให้ใช้งานเต็มอรรถรสมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับชมวิดีโอหรือการเล่นเกมที่ได้ประโยชน์จากลำโพงคู่นี้

ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบ

vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นยังคงมีระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้ใช้งานกันเหมือนเดิม ตั้งแต่การสแกนลายนิ้วมือที่ทำได้ปลอดภัยและเสถียร รวมถึงการสแกนใบหน้าที่ทำได้รวดเร็วเหมือนเดิม

ใช้แสงไฟ Aura Light เป็น Dynamic Lighting

ฟีเจอร์ Dynamic Lighting จะเป็นการใช้ประโยชน์จากไฟ Aura Light ที่ด้านหลังเครื่องเป็นไฟแจ้งเตือนได้ เช่น สายโทรเข้า ข้อความ การนับถอยหลังตอนถ่ายภาพ หรือระหว่างการฟังเพลงผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ เป็นต้น โดยจะมีรูปแบบการแสดงผลของไฟทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ ไดนามิค จัวหวะ และอ่อนโยน

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

vivo V40 Series 5G พร้อมชิประดับท็อปขนาด 4nm ทั้งหมด

ในซีรีส์นี้จัดหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพระดับสูงเลยครับ ขอเริ่มด้วย vivo V40 5G ที่ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Snapdragon 7 Gen 3 Octa-core ความเร็ว Clock สูงสุดที่ 2.63GHz ทั้งยังมีการผลิตที่เล็กเพียง 4nm เท่านั้น ประหยัดพลังงานและประสิทธิภาพระดับสูง

ส่วนรุ่นพี่ vivo V40 Pro 5G ใช้ชิปตัวท็อปจาก MediaTek อย่าง Dimensity 9200+ แบบ Octa-core ความเร็ว Clock สูงสุดถึง 3.35GHz ผ่านแกนประมวลผล Cortex-X3 ซึ่งจะมีขนาดของชิปที่เล็กเพียง 4nm เช่นกันครับ

รองรับ Extended RAM เพิ่ม RAM ได้อีก 12GB เปิดแอปได้มากกว่า 40 แอปพร้อมกัน !

ทั้ง 2 รุ่นนี้จัดฟีเจอร์ Extended RAM มาให้เหมือนกัน โดย RAM จริงจะให้มาแล้วที่ 12GB เท่ากัน และสามารเพิ่มได้อีก 12GB รวมเป็น 24GB ทำให้เราสามารถเปิดแอปต่างๆ พร้อมการทำงานในพื้นหลังได้มากกว่า 40 แอปพลิเคชั่นโดยไม่ต้องโหลดใหม่เวลาเปิดใช้งานต่อครับ

ผลการทดสอบบน AnTuTu v10 และ Geekbench 6 ของ vivo V40 Pro 5G

  • ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.2.9 ได้มาที่ 1,578,457 คะแนน
  • ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 1,562 คะแนน และ Multi-Core ที่ 4,742 คะแนน

ผลการทดสอบบน AnTuTu v10 และ Geekbench 6 ของ vivo V40 5G

  • ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.2.9 ได้มาที่ 821,744 คะแนน
  • ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 1,179 คะแนน และ Multi-Core ที่ 3,190 คะแนน

ทดสอบการเล่นเกม

ด้วยชิปเซ็ตทั้ง 2 รุ่นที่ให้ประสิทธิภาพขั้นสูงมาให้แล้ว เราได้ทดสอบการเล่นเกมหลักๆ 3 เกมด้วยกัน คือ ROV, PUBG Mobile และ Asphalt Legends Unite ซึ่งทั้ง 3 เกมเราสามารถเปิดกราฟิกได้สูงสุดเหมือนกันทั้งหมด เฟรมเรทการเล่นของแต่ละเกมก็นิ่งมากจริงๆ แทบไม่ดรอปหรือเจอการกระตุกเลยครับ และที่ชอบมากๆ อย่างที่บอกไปข้างต้นลำโพงสเตอริโอคู่ที่ช่วยให้เราได้ประสบการณ์การเล่นที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเกม PUBG Mobile ที่ฟังเสียงทิศทางศัตรูได้ดีและชัดเจนมากขึ้นจริงๆ ครับ

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5500mAh ผ่านเทคโนโลยี BlueVolt

vivo V40 Series 5G ทั้งคู่ใช้แบตเตอรี่บนเทคโนโลยี BlueVolt ความจุ 5500mAh เท่ากัน ที่ตัวแบตมีความหนาแน่นมากขึ้น แต่มาในขนาดไม่ต่างจากเดิมเลย ที่สำคัญยังช่วยในเรื่องอายุของการใช้งานที่ยาวนานกว่าเดิม

ทั้งยังรองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge ที่สามารถชาร์จได้รวดเร็วมากๆ โดยเราลองชาร์จจากประมาณ 15% ไปถึง 83% ในเวลาประมาณ 35 นาที และเต็ม 100% ในเวลารวมแค่ 42 นาทีเท่านั้น

อัปเกรดกล้องขั้นสุดด้วย ZEISS All Main Camera ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

มาถึงสิ่งที่หลายคนรอคอยกันแล้วครับ อย่างเรื่องกล้องทรงพลังแบบ ZEISS All Main Camera ที่เป็นกล้องจาก ZEISS ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังทุกเลนส์ พร้อมชูโรงด้วย ZEISS Portrait So Pro “พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน” ซึ่งสเปคกล้องของ vivo V40 5G จะได้ 2 เลนส์ และ vivo V40 Pro 5G จะมี 3 เลนส์ โดยเราสรุปมาให้อีกรอบสั้นๆ ตามนี้ครับ

กล้อง vivo V40 5G

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.88 เซ็นเซอร์ GNJ 1/1.56″ กันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
  • เลนส์ Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา 50MP, f/2.0 และโฟกัสอัตโนมัติ
  • กล้องหน้ามุมกว้าง 92 องศา 50MP, f/2.0

กล้อง vivo V40 Pro 5G

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.88 เซ็นเซอร์ Sony IMX921 1/1.56″ กันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
  • เลนส์ Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา 50MP, f/2.0 และโฟกัสอัตโนมัติ
  • เลนส์ Telephoto Portrait 2x 50MP, f/1.85 เซ็นเซอร์ IMX816 1/2.93″ กันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
  • กล้องหน้ามุมกว้าง 92 องศา 50MP, f/2.0

กล้องหลักถ่ายสวยคมชัด จบหลังกล้อง ไม่ต้องแต่งเพิ่ม

ในโหมดการใช้งานหลักของ vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นสามารถถ่ายภาพทั่วไปได้สวยงามมาก เก็บรายละเอียดของแสง เงา และรายละเอียดของวัตถุต่างๆ ได้คมชัด ภาพไม่ได้สว่างจนฟุ้งเกินไปเพราะยังให้ความคอนทราสต์เล็กๆ ด้วยครับ ที่สำคัญ เรื่องของความสดใสของภาพยังคงมีอยู่เช่นเดิม รวมไปถึงการถ่ายภาพกลางคืนของทั้ง 2 รุ่นยังถ่ายภาพได้ชัดเจน มีการลด Noise ลงแม้ในที่แสงน้อยมากๆ เสริมรายละเอียดของวัตถุให้สว่างและชัดมากขึ้นด้วยครับ ซึ่งหลักๆ เราจะเน้นไปที่การใช้งานในรุ่นน้อง vivo V40 5G กัน แต่ก็จะมีภาพถ่ายของ vivo V40 Pro 5G มาให้ชมคละๆ กันไปด้วยครับ

ZEISS Portrait So Pro ถ่ายไกลแค่ไหนก็เกิดด้วย ZEISS Multifocal Portrait

บอกเลยว่าฟีเจอร์เด็ดหลักๆ ของตระกูลนี้คือการเข้ามาของฟีเจอร์ ZEISS Multifocal Portrait เพื่อการถ่ายภาพบุคคลที่รวมทุกระยะโฟกัสระดับมืออาชีพแบบเลือกให้อัตโนมัติไว้ให้เลยครับ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะเป็นการจับคู่ระยะการถ่ายและ ZEISS Style Portrait ได้อย่างลงตัวสุดๆ แบบที่เราไม่ต้องปรับเองเลย ดังนี้

  • ระยะ 24 mm Landscape Portrait + ZEISS Distagon Style Bokeh เพื่อเน้นการถ่ายภาพแนวท่องเที่ยวหรือเชิงสร้างสรรค์
  • ระยะ 35 mm Street Portrait + ZEISS B-Speed Style Bokeh เน้นการถ่ายภาพบุคคลและภาพบรรยากาศ
  • ระยะ 50 mm Classic Portrait + ZEISS Biotar Style Bokeh เพื่อใช้ถ่ายภาพบุคคลครึ่งตัว
  • ระยะ 85 mm Figure Portrait + ZEISS Sonnar Style Bokeh (มีเฉพาะ V40 Pro 5G) ในการถ่ายภาพบุคคลช่วงหน้าอกขึ้นไป
  • ระยะ 100 mm Close-up Portrait + ZEISS Planar Style Bokeh (มีเฉพาะ V40 Pro 5G) เพื่อเน้นใบหน้าและการสื่ออารมณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ใน vivo V40 Series 5G ยังมาพร้อมกับ ZEISS Style Portrait ที่ให้เราได้เลือกรูปแบบการละลายฉากหลังได้เองตามใจชอบรวมทั้งหมด 7 ตามความต้องการเลย ดังนี้

  • ZEISS Biotar Style Bokeh
  • ZEISS B-Speed Style Bokeh
  • ZEISS Sonnar Style Bokeh
  • ZEISS Planar Style Bokeh
  • ZEISS Distagon Style Bokeh
  • ZEISS Cine-flare Portrait
  • ZEISS Cinematic Style Bokeh

ซึ่งสไตล์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้คือ ZEISS B-Speed Style Bokeh ที่ให้เราได้สัมผัสถึงความแปลกใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเลนส์ภาพยนตร์ของ ZEISS ที่จะเป็นโบเก้รูปทรงสามเหลี่ยมทรงมนเมื่อปรับรูรับแสงให้กว้างสุดหรือละลายฉากหลังได้เยอะเลยครับ

AI Aura Light Portrait ในที่แสงน้อยก็เกิดได้

vivo V40 Series 5G ยังคงมาพร้อมกับไฟออร่า AI Aura Light Portrait ที่เน้นการใช้งานด้วย AI ที่มีทั้งโทนร้อนและโทนเย็น ขึ้นอยู่กับสภาวะแสงต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ใบหน้ายังคงเป็นธรรมชาติและเป็นแสงที่เหมาะกับสีผิวต่างๆ ที่สำคัญยังมีการปรับปรุงให้สว่างขึ้นถึง 33%

ลบคนและสิ่งที่ไม่ต้องการได้ง่ายเพียงไม่กี่คลิกด้วย AI Erase

นอกจากจะถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้สวยแล้ว เวลาที่เราถ่ายติดคนอื่นก็สามารถลบได้ง่ายๆ ด้วย AI ผ่านฟีเจอร์ AI Erase หรือ AI ช่วยลบ ที่ให้เราเลือกภาพที่ต้องการลบคน กดแก้ไข เลือกวงกลมอัจฉริยะที่ให้วงรอบๆ คนที่ต้องการลบ จากนั้น AI ก็จะตรวจจับคนให้อัตโนมัติ และก็ลบพร้อมแต่งเติมให้เนียนตาเลยครับ

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Erase (ขวา)

Ultra Wide Angle กว้าง 119 องศา เก็บรายละเอียดได้ครบ

พามาดูกันในเลนส์ Ultra Wide Angle กันบ้างครับ โดยทั้ง 2 รุ่นให้มุมกว้าง 119 องศา ซึ่งเป็นมุมมองที่กว้างพอสมควร ช่วยให้เห็นองค์ประกอบที่เราต้องการได้ครบ สีสัน แสง เงาและความคมชัดทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ รวมถึงโทนก็ไม่ต่างจากเลนส์หลักเลยครับ

เซลฟี่มุมกว้างเก็บทุกรอยยิ้มที่พิเศษ

สำหรับสายเซลฟี่ก็ยังคงถ่ายได้สวยๆ เป็นธรรมชาติ ผิวเนียนและสกินโทนธรรมชาติ เป็นกล้องมุมกว้างสูงสุดที่ 92 องศา เพื่อให้เห็นวิวต่างๆ ด้านหลังได้กว้างขึ้นด้วย ทั้งนี้ในการถ่ายเซลฟี่ถ้าเป็นแนวตั้งจะถูกปรับให้เป็น 1x อัตโนมัติ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นแนวนอนก็จะถูกปรับระยะเป็น 0.8x อัตโนมัติ

สรุปการใช้งาน vivo V40 Series 5G

สรุปเลยว่า vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นนับเป็น V Series ที่กล้องเทพมากที่สุดแล้วครับ ด้วยกล้องจาก ZEISS All Main Camera ทุกเลนส์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมความละเอียดสูงทั้งหมด 50MP ให้เราทุกคนได้ใช้งานกล้องแบบมืออาชีพแค่ปลายนิ้ว ที่สำคัญฟีเจอร์ต่างๆ ที่ vivo ให้มาในรุ่นนี้ก็จัดเต็ม ตั้งแต่ ZEISS Multifocal Portrait ช่วยให้ถ่ายได้หลายระยะ รวมถึง ZEISS Style Portrait ที่เพิ่ม ZEISS B-Speed Style Bokeh เข้ามาใหม่ และยังได้แสงไฟ AI Aura Light Portrait ให้พร้อมถ่ายในที่แสงน้อยได้อย่างสวยงาม

นอกจากนี้ให้สเปคแบบจัดเต็มทั้ง 2 รุ่นเลย ด้วยหน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว คมชัด 1.5K แบบ 120Hz เหมือนกัน รวมถึงชิปภายในเร็วแรงจริงๆ ใช้งานทั่วไป ประมวลผลต่างๆ และเล่นเกมไหลลื่น ที่สำคัญก็ยังได้แบตเตอรี่ 5500mAh แบบ BlueVolt รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge ที่มีความจุเยอะแต่ตัวเครื่องยังคงบางเพียง 7.58 มม. เท่านั้น เสริมความสวยงามและความถนัดในการใช้งานมากขึ้นด้วยครับ

ราคาและวันวางจำหน่าย vivo V40 Series 5G

vivo V40 Series 5G มาด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G โดยราคาแต่ละรุ่นในแต่ละความจุ มีดังนี้

  • vivo V40 5G (12/256GB) : 15,999 บาท
  • vivo V40 5G (12/512GB) : 17,999 บาท
  • vivo V40 Pro 5G (12/512GB) : 24,999 บาท

ผู้ที่สั่งซื้อจะได้รับฟรี ! E-VIP รับประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ใน 2 ปีแรก (มูลค่า 8,999 บาท) และ Premium Gift Box (มูลค่า 1,500 บาท)

และใครที่ซื้อรุ่น vivo V40 Pro 5G จะได้รับเพิ่ม ! หูฟัง vivo TWS 3e (มูลค่า 1,799 บาท)

Advertisement
Funtouch OS 15 All new features you need to know Funtouch OS 15 All new features you need to know
Android News8 ชั่วโมง ago

Funtouch OS 15 มีอะไรใหม่ ระบบปฏิบัติการอัปเกรดใหม่จาก vivo บน Android 15

ในยุคสมัยที่ผู้คนพึ่...

IT News23 ชั่วโมง ago

AIS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567

AIS รายงานผลประกอบกา...

IT News1 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 26 ต.ค. – 1 พ.ย. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond
News1 วัน ago

กุญแจแห่งความสำเร็จ! เมื่อผู้บริหาร JUBILEE DIAMOND เลือก HUAWEI MatePad Pro 12.2 ตัวช่วยทำงานที่ครบครัน พร้อมมอบสิทธิพิเศษเครื่องประดับเพชรแท้ JUBILEE DIAMOND

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ย...

News1 วัน ago

AIS eSports ปิดฉากทัวร์นาเมนต์อีสปอร์ต ระดับมัธยมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในไทย ปีที่ 4

AIS eSports ปิดฉากทั...

Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming
Android News1 วัน ago

Infinix เปิดตัว HOT 50 Pro+ เกมมิ่งสมาร์ทโฟน 6,499 บาท

Infinix เปิดตัว HOT ...

Apple News1 วัน ago

ลือต่อ !! ชิปโมเด็ม 5G และ Wi-Fi บน iPhone รุ่นปี 2025 จะเป็นชิปแยก 2 ตัว

ไม่นานนี้มีข้อมูลจาก...

Samsung Galaxy Immersive Gardena Samsung Galaxy Immersive Gardena
News1 วัน ago

ครั้งแรก! ของการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยจากซัมซุง SAMSUNG GALAXY IMMERSIVE GARDENA ในงานดอกไม้ประจำปี ที่เซ็นทรัลชิดลม วันนี้-15 พ.ย. 67

ซัมซุง ร่วมเฉลิมฉลอง...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก