Smart Review
รีวิวกล้อง vivo X100 Ultra ที่สุดของความเทพระดับ Ultra ในปีนี้ ด้วยกล้อง Periscope 200MP และกล้องหลัก 1″ รุ่นที่ 2 !
ได้มาลองแล้ว vivo X100 Ultra เรือธงรุ่นอัปเกรดที่จัดเต็มที่สุดของ vivo ในตอนนี้ เพราะให้เทคโนโลยีกล้องระดับสูงสุดทั้ง กล้องหลักเซ็นเซอร์ 1″ ตัวใหม่ หรือกล้อง Periscope ความละเอียด 200MP นอกจากนี้สเปคภายในก็ยังให้ชิป Snapdragon 8 Gen 3, แบตเตอรี่ 5500mAh เรียกว่าสมกับชื่อ Ultra อย่างแท้จริงเลยล่ะครับ และหลังจากที่เราได้ลองถือใช้งานมากกว่าสัปดาห์ วันนี้ขอมารีวิวเรื่องกล้องให้ชมกันสักหน่อยว่าที่ว่า Ultra นี่ขนาดไหนกันนะ!
แต่…ก่อนอื่นต้องแจ้งก่อนว่าเครื่อง vivo X100 Ultra ที่เรารีวิวให้ชมนี้เป็นเครื่องนอกนะครับ เพราะรุ่นนี้ยังไม่มีแผนเปิดตัวนอกประเทศจีน เราเพียงแต่จะมารีวิวให้เห็นถึงเทคโนโลยีของกล้องเท่านั้นเนาะ อะ…ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลย!
สเปคกล้อง vivo X100 Ultra
ก่อนอื่นเรามาเช็กสเปคกล้องของ vivo X100 Ultra กันก่อนเนาะ รุ่นนี้ยังให้กล้องหลังมา 3 ตัวเท่าเดิม แต่มีการอัปเกรดกล้องใหม่ทั้งหมด และที่บอกว่าให้มาสุดมากก็เพราะสเปคเขาให้มาแบบนี้เลย
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-900 ขนาด 1″) f/1.75 กันสั่นระดับ Gimbal
- 50MP กล้อง Ultra Wide (เซ็นเซอร์ LYT-600 ขนาด 1/2″) f/2.0
- 200MP กล้อง Periscope 3.7x (เซ็นเซอร์ ISOCELL HP9 ขนาด 1/1.4″) f/2.67, OIS
เป็นยังไงครับ อ่านสเปคกล้องทั้ง 3 ตัวแล้วรู้เลยใช่ไหมล่ะ ว่าโหดจริง เพราะนอกจากความละเอียดจะเยอะมากแล้ว ขนาดเซ็นเซอร์ของกล้องทั้ง 3 ตัวยังใหญ่มากเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพเลย Ultra ของจริงแหละ!
ยังพัฒนาร่วมกับ ZEISS อยู่ แถมมีระบบ BlueImage ด้วย!
vivo X100 Ultra รุ่นนี้ยังคงเป็นพาร์ทเนอร์กับ ZEISS เหมือนเคย ทำให้ที่ตัวเลนส์จะใช้เป็นเลนส์ ZEISS APO ระดับสูง รวมถึงเคลือบเลนส์ ZEISS T* เพื่อลดแสงสะท้อนอีกด้วย ส่วนซอฟต์แวร์ก็มี Style มาให้เลือก 3 แบบเหมือนเดิมคือ Vivid, Texture และ ZEISS ครับ
นอกจากนี้ vivo X100 Ultra ยังได้อัปเกรดชิปประมวลผลภาพใหม่เป็น vivo V3+ ที่ทำงานร่วมกับระบบกล้อง BlueImage ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำให้การประมวลผลภาพรวมถึงวิดีโอยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกด้วย
UI ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย พร้อมเอกลักษณ์ใหม่
UI กล้องของ vivo X100 Ultra ยังคงทำได้ดีเหมือนตอน X100 และ X100 Pro คือเราสามารถแตะที่ไอคอนตัวเลข 1x/2x/3.7x/10x เพื่อซูมได้ง่าย และในแต่ละช่วงก็ยังสามารถแตะเพื่อเพิ่มการซูมเข้าไปได้อีก อย่างเช่นกดที่ 3.7x ก็จะเขยิบไปที่ 5.9x ให้ แถมยังบอกตัวเลขเป็นทางยาวโฟกัส (85mm > 135mm) ทำให้เราเลือกระยะที่จะถ่ายได้ง่ายขึ้น ใช้งานมือเดียวได้สะดวก ไม่ต้องใช้ 2 นิ้วถ่างออก หรือเลื่อนแถบตัวเลข เวลาใช้งานเร็ว ๆ กดแบบนี้สะดวกกว่ามากครับ
แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะรอบนี้ vivo เพิ่มฟีเจอร์ Humanistic Street Snap Camera เข้ามาอีก ซึ่งเมื่อเราเลื่อนหน้าจอขึ้นในแอปกล้อง หน้าตา UI จะถูกเปลี่ยนไปทั้งหมด ได้อารมณ์เหมือนกล้องฟิล์ม มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้เหมือนม้วนฟิล์ม เลือกเปลี่ยนเลนส์ได้ พร้อมปรับแต่งไอคอนของปุ่มชัตเตอร์ให้เป็นแบบที่ตัวเองชอบได้ด้วย
กล้อง Periscope 200MP อัปเกรดครั้งใหญ่ของการซูม!
สเปคกล้องที่อัปเกรดแบบจริงจังที่สุดของ vivo X100 Ultra ก็คงหนีไม่พ้นกล้อง Periscope ที่รอบนี้เพิ่มความละเอียดจาก 50MP ของ X100 Pro มาเป็น 200MP เลยครับ และอย่างที่บอกไปว่าไม่ใช่แค่เพิ่มความละเอียดอย่างเดียวเพราะ ขนาดเซ็นเซอร์ก็ใหญ่ขึ้นเป็น 1/1.4″ (ของ X100 Pro 1/2″) ซึ่งขนาดระดับนี้คือใหญ่ที่สุดในบรรดากล้อง Periscope บนสมาร์ทโฟนตอนนี้แล้วก็ว่าได้
แต่ก็มีจุดที่ X100 Ultra ลดทอนลงมาจากตอน X100 Pro อยู่นิดหน่อยคือทางยาวโฟกัสหรือระยะของภาพนั้นจะใกล้กว่าครับ เพราะรุ่นนี้จะได้ช่วงซูมแบบ Optical จริง ๆ คือ 85มม. หรือเทียบเท่า 3.7x ซึ่งถ้าเทียบกับ X100 Pro ที่ได้ 100มม.หรือ 4.3x ก็ถือว่าระยะ Optical ใกล้กว่านิดหน่อย แต่…(อีกสักที) การที่ระยะใกล้ขึ้นมาหน่อย เราว่าใช้งานได้ง่ายขึ้นและอุดช่องว่างในช่วงซูมระยะใกล้-ไกลได้อย่างดีเลย เพราะระยะ 85มม. นั้นเพียงพอที่จะซูมเข้าไปหวังผลได้อย่างคมชัด และก็ลดการใช้กล้องหลักในการซูมระยะ 3x ปลาย ๆ ได้ด้วย อย่างตอน X100 Pro จะใช้กล้องหลักในระยะตั้งแต่ 1x – 4.2x และเขยิบมาใช้กล้อง Periscope ที่ระยะ 4.3x ช่วง 3x ปลาย ๆ เราอาจจะเจอความคมชัดที่ลดลงไปตามข้อจำกัดได้ แต่พอมาเป็น X100 Ultra ก็ได้คุณภาพที่ดีเพราะระยะ 3.7x นั้นจะได้ระยะ Optical จริง ๆ มาแล้วนั่นเองครับ
ซึ่งผลลัพธ์ของกล้อง Periscope 3.7x ที่ความละเอียด 200MP นี้ก็ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมอย่างที่บอกไปจริง ๆ เพราะทั้งมิติของภาพที่เซ็นเซอร์ใหญ่ไม่แพ้กล้องหลักบางรุ่น ทำให้ละลายฉากหลังได้สวยมีมิติมาก แถมความละเอียดที่เยอะระดับ 200MP ก็ยังให้เราได้ซูมแบบ In-Sensor หรือ Hybrid เข้าไปได้ไกลระดับ 10x – 20x ได้แบบคิดว่าเป็นระยะ Optical จริง ๆ เลยด้วย
และโหมดกล้องที่สร้างความประทับใจให้เรามาก ๆ ตอน X100 Pro อย่าง Super Macro รอบนี้ X100 Ultra ก็ยังใช้งานได้เหมือนกัน และดีขึ้นด้วย เพราะได้เซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นอย่างที่บอก ให้เราได้เข้าใกล้วัตถุในระยะซูม 3.7x/7.4x/10x หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ ซึ่งในโหมดนี้จะมีซอฟต์แวร์ช่วยละลายฉากหลังเพิ่มเติมให้คล้าย Portrait mode ด้วย แต่เอาเข้าจริงไม่ต้องเปิดเลยเพราะด้วยขนาดเซ็นเซอร์ระดับนี้ละลายหลังได้สวยมากพออยู่แล้วล่ะครับ อะ…ไม่เชื่อดูตัวอย่างด้านล่างนี่สิ
Portrait ครบระยะพร้อม ZEISS Portrait lens package ใหม่!
ส่วนในโหมด Portrait หรือการถ่ายภาพบุคคล vivo X100 Ultra ก็ยังมี ZEISS Portrait lens package มาให้เลือกเหมือนเดิม ซึ่งจะมีระยะให้ใช้งานได้มากถึง 5 ระยะคือ 24มม. > 35มม. > 50มม. > 85มม. > 100มม.และในแต่ละระยะก็จะฟิลเตอร์พร้อม ZEISS Portrait Style ติดมาด้วยเหมือนเดิม
แต่ที่พิเศษกว่าตอน X100 Pro ก็คือ X100 Ultra จะมาพร้อม Style ใหม่มาเป็น Human Portrait ที่ระยะ 85มม. หรือภาพ Portrait แบบขาว-ดำเพิ่มมาอีกหนึ่งด้วยครับ ช่วยให้เราได้เก็บภาพลุคเท่ ๆ ในโทนสีและแสงสวย ๆ ได้มากกว่าที่เคย
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากกล้องของ vivo X100 Ultra ก็ยังชวนทึ่งเหมือนเดิม ทั้งการละลายฉากหลังที่เนียนตา การเพิ่มเอฟเฟกต์โบเก้สวย ๆ หรือโทนสีตามสไตล์ ZEISS และที่ขาดไม่ได้ความสวยเนียนใสของใบหน้าที่จบหลังกล้องได้ทันทีแบบที่ไม่ต้องแต่งเพิ่มใด ๆ สาว ๆ ถูกใจแน่นอน!
ฟิลเตอร์ขาว-ดำเก็บแสงดี งามจัด!
เห็นในโหมด Portrait มีขาว-ดำสไตล์ไปแล้ว เราก็เลยลองกดมาดูในโหมด Photo ปกติดูบ้าง ก็เจอฟิลเตอร์ชื่อ Xiao Quan (มีตั้งแต่ X100 Pro แล้ว) ซึ่งให้โทนขาว-ดำที่นุ่มลึกเอามาก ๆ และลองใช้งานจริงก็ติดใจ จนคิดว่านี่ก็เป็นอีกจุดขายของรุ่นนี้เหมือนกันครับ สีสวย มิติงามจัด ๆ เลยล่ะ!
กล้องตัวอื่น ๆ ก็ดีงามทั้งหมด
ไม่ใช่แค่กล้อง Periscope 200MP นี้จะมาแย่งซีนและเอาความดีงามของ vivo X100 Ultra ไปซะทั้งหมดหรอกนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่ารุ่นนี้ได้อัปเกรดทั้งกล้องหลักและกล้อง Ultra Wide มาเป็นชุดใหม่ด้วยเช่นกัน และพอมาบวกรวมกับซอฟต์แวร์ที่ปรับจูนได้เข้าก๊านเข้ากันของ BlueImage ก็ทำให้เราถ่ายภาพออกมาได้สวยทุกระยะอย่างแท้จริงเลย พิสูจน์จากตัวอย่างภาพด้านล่างนี้เลยครับ
ยังมีโหมดน่าสนใจอีกเพียบ
นอกจากโหมดหลัก ๆ ที่เราใช้กันแล้ว vivo X100 Ultra ยังมีโหมดที่น่าสนใจมาอีกเพียบทั้งโหมด Stage ที่เอาไว้ถ่ายเวทีหรือคอนเสิร์ตโดยเฉพาะ โหมด Astro ที่เอาไว้ถ่ายดวงดาว, โหมด Underwater ใช้ถ่ายภาพใต้น้ หรือ 3D Camera ที่เอาไว้ถ่ายภาพ 3 มิติเพื่อเอาไปดูกับอุปกรณ์แนว VR เป็นต้น เรียกว่าใส่มาเต็มแบบที่เลือกใช้กันสนุกเลยล่ะครับ
สเปคด้านอื่นก็ให้มาเต็ม
อย่างที่บอกไปว่า vivo X100 Ultra นั้นให้สเปคมาแบบจัดเต็ม ไม่ใช่แค่กล้อง เพราะมาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูง 2K+ ที่มีความสว่างสูงสุดถึง 3000nits, ชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 3, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5500mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 80W อีก
หรือจะเป็นดีไซน์ที่เพิ่มความเหลี่ยมของกรอบเครื่องเข้ามาให้จับได้ถนัดมากขึ้น วงแหวนกล้องขนาดใหญ่ และสี Titanium ที่ดูหรูหราขึ้นไปอีก
สรุปหลังลองใช้งาน vivo X100 Ultra
สรุปหลังลองใช้งาน vivo X100 Ultra มาตลอดสัปดาห์ของเรา บอกเลยว่ารู้สึกประทับใจมาก โดยเฉพาะเรื่องกล้องที่ให้ฮาร์ดแวร์กล้องมาระดับสูงสุดในตลาดตอนนี้ ทั้งกล้องหลัก 1″ คุณภาพเยี่ยม หรือกล้อง Periscope 200MP ที่ช่วยให้การซูมนั้นสนุกขึ้นมากทั้งระยะใกล้และไกล ระบบกล้องที่ไว้ใจได้ว่าถ่ายออกมาแล้วจะสวยแบบไม่ต้องสงสัยในทุกโหมดทุกสถานการณ์ อีกทั้งดีไซน์ตัวเครื่องสเปคที่ให้มาก็ไม่ต้องกังวลเลย สมกับชื่อ Ultra ตามท้ายมาก ๆ เลยล่ะรุ่นนี้
*ย้ำอีกครั้ง vivo X100 Ultra เครื่องที่รีวิวนี้เป็นเครื่องนอก ตอนนี้ยังไม่มีแผนเข้าไทยนะครับ*
ใช้ vivo X100 Pro ควรเปลี่ยนไหม ?
อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามว่าแล้วรุ่นนี้มันควรค่าแก่การอัปเกรดจาก vivo X100 Pro เครื่องศูนย์ไทยแค่ไหน ? จากคนที่เคยใช้ X100 Pro มาก่อน ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมารุ่นนี้ก็ได้ เราคิดว่าประสิทธิภาพกล้องยังทัดเทียมกันอยู่ จะมีช่วงซูมใกล้และโหมดบางอย่างที่ Ultra ได้เปรียบกว่านิดหน่อย แต่ Ultra ถ้าจะเล่นก็ต้องหิ้วเอา ซึ่งเราว่ายังไม่คุ้มขนาดนั้น ไว้รอถึงตอน X200 Pro หรือ X200 Ultra เครื่องศูนย์ไปเลยน่าจะเป็นการอัปเกรดที่คุ้มค่ากว่าครับ