Featured
รีวิว vivo X60 Pro 5G สู่นิยามใหม่ของการถ่ายภาพ ด้วยการร่วมมือที่แข็งแกร่งของ vivo และ ZEISS
vivo X60 Pro 5G สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ที่มาเปลี่ยนนิยามการถ่ายภาพด้วยสโลแกน “Photography Redefined” รุ่นนี้เขาพัฒนาร่วมกับ ZEISS เลยด้วยนะ ภาพสวยถูกใจแน่นอน นอกจากนี้สเปคภายในยังจัดเต็มระดับเรือธง ไม่ว่าจะเป็นจอ AMOLED 120Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 870 รองรับ 5G อีก !
การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร สเปคเครื่องเร็วแรงถูกใจไหม ถ่ายภาพสมกับนิยามใหม่จริงหรือไม่ วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net รีวิวให้ชมกันครับ
สรุปสเปค vivo X60 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 158.58 x 73.24 x 7.69 มม.
- น้ำหนัก : 179 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED โค้งขนาด 6.56″ ความละเอียด FHD+ refresh rate120Hz
- CPU : Snapdragon 870 (7nm) Octa-core 3.2GHz
- GPU : Adreno 650
- RAM : 12GB
- ROM : 256GB
- แบตเตอรี่ : 4200mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว vivo FlashCharge 33W
- กล้องหน้า : 32MP f/2.45
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- กล้องหลัก 48MP f/1.48
- กล้อง Super Wide Angle 13MP f/2.2
- กล้อง Tele 2x 13MP f/2.46
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย FunTouchOS 11.1
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
เรือธง 5G ดีไซน์เพรียวบาง
อย่างแรกที่ขอพูดถึงก่อนเลยก็คือความบางและเบาของตัวเครื่องครับ vivo X60 Pro 5G มาพร้อมความบางเฉียบเพียง 7.69 มม. และเบาเพียง 179 กรัมเท่านั้น เป็นหนึ่งในเรือธง 5G ที่มีขนาดและน้ำหนักเบามาก ๆ ใครที่อยากได้มือถือตัวท็อปแล้วยังได้ความบางเบาแบบนี้ ถูกใจแน่นอนครับ
ดีไซน์ตัวเครื่องจะมีความโค้งมนแบบ 3D ทั้งหน้า-หลังโค้งเข้าหากันได้เป็นอย่างดี รับกับอุ้งมือเวลาเราจับถืออยู่บนมือก็จะให้ความรู้สึกทีบางเอามาก ๆ แต่ยังให้ความกระชับกำลังดีไม่บางจนจะหลุดมือเอาง่าย ๆ ครับ
ฝาหลังแบบ New Dual-Tone Step
ฝาหลังก็เป็นอีกสิ่งที่เราชอบในดีไซน์ของ vivo X60 Pro 5G มาก ๆ มีการออกแบบสไตล์ “New Dual-Tone Step” ผสานการไล่เฉดสีแบบสองโทนเข้าด้วยกันอย่างสวยงาม ผิวสัมผัสยังเป็นแบบด้านที่ให้เราสัมผัสได้อย่างเนียนมือมีความละเอียดอ่อนของวัสดุและไม่เก็บรอยนิ้วมือ
สีที่เราได้มาเป็นสีฟ้า Shimmer Blue ตรงนี้ vivo บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก ดอกไม้ฤดูร้อน สัมผัสถึงความหวังอันเป็นนิรันดร์ของพระอาทิตย์ขึ้น ด้วยเฉดสีฟ้าไล่ไปจนถึงม่วงอ่อนให้กลิ่นอายเหมือนมองผ่านทะเลหมอกยามเช้ายังไงยังงั้น
บวกเข้ากับองค์ประกอบของกล้องด้านหลังที่มีการจัดเรียงในระนาบเดียวกันอย่างเรียบง่าย เหมือนทุกสิ่งของฝาหลังมีเลเยอร์ซ้อนทับกันได้อย่างลงตัว ได้ทั้งความเรียบง่ายและสม่ำเสมอ ให้ความรู้สึกที่สง่างามและมั่นใจเลยครับ
หน้าจอ Ultra O Screen
พลิกกลับมาดูด้านหน้ากันบ้าง vivo X60 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอ Ultra O Screen ขนาด 6.56” นำเสนอประสบการณ์ได้อย่างน่าทึ่งด้วยการวางกล้องหน้าไว้ตรงกลาง ย้ายจากมุมซ้ายมือเข้ามา ตรงนี้เราชอบมาก เพราะทุกอย่างจะดูสมมาตรไปหมด เวลาเราดูคอนเทนต์หรือใช้งานรูกล้องหน้าก็จะไม่กวนสายตาด้วย แถมขนาดก็เล็กเพียง 3.96 มม. เท่านั้นเอง
ตัวหน้าจอเป็นจอ AMOLED ที่มีความโค้งแบบ 3D ตรงนี้เราก็ยิ่งชอบเข้าไปอีก เพราะได้ทั้งความพรีเมี่ยมในรูปลักษณ์และยังตอบสนองการใช้งานรูปแบบ Gesture ได้เป็นอย่างดี เวลาเราจะเลื่อนหน้าจอจากมุมเข้ามาก็สมูทไปหมด แถมยังได้จอ refresh rate 120Hz อีก ทุกอย่างลื่นสมบูรณ์ไปหมดครับ
ในเรื่องการแสดงผลความละเอียดระดับ FHD+ ก็ถือว่าทำได้ดีมากบนขนาดหน้าจอระดับนี้ครับ ความคมชัดสูงด้วยจอแบบ AMOLED การแสดงสีสันสวยสดและแม่นยำ ชอบความขาวของหน้าจอที่ไม่อมเหลืองจนเกินไป ใช้งานโซเชี่ยลหรือดูวิดีโอความละเอียดสูงรับรองว่าฟินครับ
บอดี้หรูหรา วางตำแหน่งดี
รอบ ๆ เครื่องยังคงออกแบบมาในโทนโค้งมน แต่ด้านบน-ล่างจะตัดเหลี่ยมเพื่อเพิ่มลูกเล่น และยังมี Chocker อยู่ด้านบนพร้อมสลักคำว่า Professional Photography สื่อให้รู้ถึงเรื่องกล้องและมีความประณีตซับซ้อนในรายละเอียดเข้าไปอีก
ปุ่มกดถูกวางไว้ที่มุมขวาของตัวเครื่องทั้งหมด แยกเป็น 2 ปุ่มคือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ที่มีการเพิ่ม Texture ให้แยกแยะปุ่มได้ง่าย วางตำแหน่งได้พอดีไม่ต้องเอื้อมไปกดให้ลำบากครับ
ด้านล่างจะมีการทำมุมเว้าลงไปอีกหน่อยมีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB type-C ไมโครโฟนสำหรับสนทนา ลำโพงหลักของตัวเครื่อง แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ให้ลำโพงมาเพียงตัวเดียวแบบ mono ไม่ใช่แบบ Stereo ใช้งานคู่กับลำโพงสนทนาด้านบนได้ครับ
ส่วนถาดซิมของรุ่นนี้จะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องนี่แหละ เป็นถาดซิมแบบ Dual-SIM แต่ไม่รองรับ micro-SD เพิ่มเติมครับ
ระบบรักษาความปลอดภัยครบ
ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย vivo X60 Pro 5G มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่ทำงานได้รวดเร็วมาก เรียกว่าแตะปุ๊บก็สแกนติดปั๊บเลย หรือจะใช้งานระบบสแกนใบหน้ารุ่นนี้ก็มีให้เลือกเหมือนกัน ทำงานได้สะดวกทั้งคู่
การร่วมมือที่แข็งแกร่งครั้งแรกของ Vivo และ ZEISS
มาเข้าสู่ไฮไลท์ของเราเลยดีกว่า vivo X60 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวทรงพลังที่รอบนี้ vivo ร่วมพัฒนากับ ZEISS ซะด้วย นำคุณภาพของเลนส์ ZEISS มาสู่สมาร์ตโฟน เพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายภาพให้ยอดเยี่ยมมากขึ้น โดยสเปคกล้องหลัง 3 ตัวของ vivo X60 Pro 5G มีดังนี้ครับ
- กล้องหลัก 48MP f/1.48 เซ็นเซอร์ Sony IMX589
- กล้อง Super Wide Angle 13MP f/2.2 มุมกว้าง 120º
- กล้อง Tele 13MP f/2.46 Optical Zoom 2x
Portrait ที่เหนือชั้นกว่าเดิมด้วย ZEISS Biotar
ซึ่งการร่วมมือกับ ZEISS ในครั้งนี้จะได้ ZEISS Biotar Portrait Style มาเพิ่มความโดดเด่นของการถ่ายภายในโหมด Portrait ด้วยการสร้าง Bokeh และ Facula ให้ฉากหลังละลายได้สวยสมจริงเหมือนกล้องโปรแถมยังได้เอฟเฟกต์ของ Bokeh ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ZEISS Biotar ได้อีกด้วยครับ
วิธีการเปิดใช้เลือกไปที่ โหมด Portrait > Picture Style > ZEISS Biotar
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ZEISS Biotar Portrait Style ของ vivo X60 Pro 5G
นอกจากนี้ลูกเล่นอื่น ๆ ของโหมด Portrait ใน vivo X60 Pro 5G ก็ยอดเยี่ยมมาก ๆ เพราะเราสามารถเลือก Picture Style อื่น ๆ เพิ่มเติมได้อาทิ สไตล์ Vintage, French Impression หรือ Flash Portrait รูปแบบ Bokeh ที่เลือกปรับได้อีก 4 อย่าง อยากได้ Bokeh รูปหัวใจ รูปดาว รูปผีเสื้อ หรือรูปดอกไม้ก็เลือกปรับเอาได้ตามใจในตัวเลือกเพิ่มเติมครับ
ระยะการถ่ายภาพ Portrait ของ vivo X60 Pro 5G ก็ยอดเยี่ยมครับมีให้เลือก 1x หรือ 2x จะถ่ายเต็มตัวหรือครึ่งตัวก็กดได้เลย แถม 2 ระยะนี้ยังใช้เลนส์แยกกันด้วย ถ้าเราถ่ายแบบเต็มตัวก็ใช้เลนส์หลัก 48MP หรือถ้าอยากได้ระยะครึ่งตัวก็สลับไปเลนส์ Tele ทำให้คุณภาพนั้นคมชัดในแบบที่ควรจะเป็น บวกกับเอฟเฟกต์มากมายก็ยิ่งทำให้ถ่ายภาพ Portrait ได้สนุกขึ้นไปอีกครับ
มีกันสั่นเทพ Gimbal Stabilization 2.0
กล้องหลักของ vivo X60 Pro 5G มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่นที่อัปเกรดขึ้นมาอีกเป็น Gimbal Stabilization 2.0 ที่จะช่วยป้องกันการสั่นไหวแบบ 4 แกน และกล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX589 f/1.48 ช่วยให้เราถ่ายภาพทั้งกลางวันและกลางคืนได้แบบไม่สั่นไหว
มี AI Scene Optimize ถ่ายอะไรรู้หมด
ในโหมดการถ่ายภาพปกติ กล้องของ vivo X60 Pro 5G ก็ฉลาดเพราะมี AI Scene Optimize คอยจัดการให้ ไม่ว่าเราจะถ่ายอะไร AI ก็จะคอยจัดการให้หมด จะถ่ายอาหารก็จะปรับภาพให้สีสวยสดดูน่ากิน ถ่ายวิวท้องฟ้าก็สีใสเคลียร์ หรือจะถ่ายดอกไม้ก็ดึงให้ภาพดูเด่นได้
Pro Sports mode ใช้ความเก่งของกล้องกันสั่น
มีกล้องกันสั่นเทพ ๆ แบบนี้แล้วก็เหมาะกับการนำมาถ่ายภาพแนวกีฬาจริงไหมล่ะครับ vivo X60 Pro 5G มีโหมด Pro Sports mode ที่ทำงานร่วมกับ Object Autofocus และ EFB Autofocus ให้เราถ่ายภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมด้วย Kids Snapshot ช่วยให้ถ่ายภาพเด็ก ๆ ได้อย่างง่ายดายแม้จะขยับไปเร็วแค่ไหนก็ตาม
เลนส์ Super Wide Angle กว้างจริงใช้เป็น macro ได้ด้วย
ส่วนเลนส์ Super Wide Angle ก็มีมุมกว้างถึง 120º ช่วยเก็บภาพวิวได้เป็นอย่างดี ความละเอียดระดับ 13MP คุณภาพนี่หายห่วงครับ แถมตัวเลนส์นี้ยังสามารถใช้เป็นเลนส์ macro ได้ด้วย ตัวเดียวได้ถึง 2 จะถ่ายกว้างก็ได้หรือจะเข้าใกล้ก็ใกล้ถึงใจเลยล่ะครับ
Tele 2x ก็เพียงพอ แต่ถ้าได้มากกว่านี้อีกหน่อยคงจะดี
ส่วนเลนส์ Tele vivo X60 Pro 5G นั้นได้ระยะ Optical Zoom 2x ที่สามารถซูมได้สูงสุดถึง 20x ถือว่ากำลังดีในการใช้งานทั่วไป เพียงพอต่อการใช้งานหรือจะประยุกต์ใช้ในโหมด 2x ของ Portrait ก็คือเยี่ยมเลย แต่ถ้ายังจำกันได้ในปีที่แล้ว Vivo X50 Pro นั้นมีเลนส์ Periscope ที่ซูมได้ 5x ติดมาให้ด้วย การที่รุ่นนี้ตัดออกไปก็น่าเสียดายไปหน่อย เพราะในระยะซูมที่ไกลออกไปอีกนิดระดับ 5x – 7x ถ้ามีมาด้วยก็คงจะดี
Superb Night Camera 2.0 กลางคืนที่ยอดเยี่ยม
vivo X60 Pro 5G นำเสนอประสบการณ์ถ่ายกลางคืนที่ยอดเยี่ยมด้วย Superb Night Camera 2.0 ช่วยให้เราสร้างเฉดสีในยามกลางคืนได้หลากหลายเพียงแค่แตะชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว ใช้งานได้ทุกเลนส์ จะถ่ายมุมกว้าง มุมปกติหรือซูมเข้าไปหน่อยก็ยังคมชัด การประมวลผลภาพก็ทำได้รวดเร็ว แถมมีเอฟเฟกต์ Night Style ให้เลือกอีก 7 แบบสร้างสรรค์ภาพกลางคืนได้อย่างเพลิดเพลินเลยล่ะ
Black & Gold Blue Ice
Green Orange Cyberpunk
Dark Red Blue Orange
มีโหมด Long-Exposure ลากไฟได้ด้วยนะ
นอกจากโหมดกลางคืนแล้ว vivo X60 Pro 5G ยังมีโหมด Long Exposure ที่สามารถถ่ายเส้นแสงแบบง่าย ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการปรับค่ากล้องเลยด้วย เพียงแค่เลือกใช้งานว่าอยากถ่ายแนวไหน จะเป็นการลากไฟสวย ๆ ถ่ายน้ำตกให้เป็นเส้นสาย หรือผู้คนที่สัญจรไปมาแบบเร็ว ๆ ในโหมดนี้ทำให้ได้หมดแถมง่ายมากด้วย แต่บอกนิดหนึ่งว่าโหมดนี้ควรใช้งานกับขาตั้งกล้องหน่อยเนาะ
Cinematic Master ถ่ายวิดีโอแบบภาพยนตร์
ในเรื่องวิดีโอ vivo X60 Pro 5G นั้นก็โดดเด่นไม่แพ้กัน อย่างเรื่องวิดีโอกันสั่นที่บอกไปตอนต้นว่าทำได้ดีมาก ก็ยังมี Cinema Mode ที่ช่วยให้เราถ่ายวิดีโอในอัตราส่วน 2.35:1 สร้างมุมมองให้กว้างประหนึ่งดูภาพยนตร์ รวมถึงยังมีไมโครโฟน 3 ตัวที่เก็บเสียงได้อย่างชาญฉลาดแม้จะซูมเข้าไปก็ยังคมชัดอีกด้วย
กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวย ไม่ธรรมดา
กล้องหลังว่าจัดเต็มมาก ๆ แล้ว กล้องหน้า vivo ก็ไม่ทิ้งแน่นอนครับ ให้ความละเอียดมาที่ 32MP วางตำแหน่งกล้องหน้าไว้ตรงกลางเหมาะกับการเซลฟี่อย่างมากด้วย เพราะสายตาจะโฟกัสได้ถูกจุดทำให้ภาพออกมาดูดี มีฟีเจอร์ AI Beauty รวมถึง Portrait มาให้ใช้ด้วย คุณภาพของไฟล์ก็สวยถูกใจเรามาก ๆ เลยล่ะครับ
FunTouchOS 11.1 หน้าตาดูดีการปรับแต่งหลากหลาย
มาเข้าเรื่องซอฟต์แวร์และการใช้งานกันบ้าง vivo X60 Pro 5G มาพร้อม FunTouchOS 11.1 ที่ครอบทับบน Android 11 อีกที หน้าตา UI ดูดีมาก ให้อารมณ์ที่สดใสและมีลูกเล่นการปรับแต่งที่หลากหลายเลยทีเดียว
อย่างเช่น Dynamic Effects ที่ให้เราเลือกปรับรูปแบบของเอฟเฟกต์ในเครื่องได้มากมาย ตั้งแต่ไฟ Ambient Light เวลาฟังเพลงให้ขอบจอติดขึ้นมาเป็นเอฟเฟกต์สวย ๆ อนิเมชั่นการสแกนลายนิ้วมือ อนิเมชั่นตอนชาร์จ รวมถึงอนิเมชั่นในการเปิด-ปิดหน้าจอก็มีให้เลือกด้วย
หน้า Always On Display ยังคงมีมาให้เลือกใช้งานด้วย และเราสามารถเลือกรูปแบบของนาฬิกาเวลาโชว์ในหน้านี้ได้อีกเพียบเลยด้วยครับ
รูปแบบการใช้งานแบบ Gesture Navigation ก็มีให้เลือกปรับ อย่างที่เคยเกริ่นไว้ตอนหน้าจอว่าพอเป็นจอโค้งนี่เวลาใช้งานร่วมกับการควบคุมแบบ Gesture นั้นจะเหมาะมาก ๆ เพราะเวลาเราจะย้อนกลับก็ใช้การปาดจากมุมจอเข้ามา พอเป็นจอโค้งแบบนี้มันให้การสัมผัสที่ดีกว่าจอแบน ๆ มากครับ ลื่นไหลไปหมด
ชมมาเยอะแล้ว ก็ขอติบ้างละกันกับเรื่องของระบบ Haptic หรือการสั่นในการใช้งาน บน vivo X60 Pro 5G นั้นให้ระบบสั่นที่ไม่นุ่มเท่าที่ควร เวลาใช้งานพิมพ์คีย์บอร์ดหรือใช้งาน Gesture ที่มีการสั่นจะรู้สึกว่ามันแอบแข็งไปนิด เวลาพิมพ์เร็ว ๆ นี่ชัดเจนมาก จะมีเสียงแบบ หงึด ๆ ขึ้นมาเลย
รองรับ 5G ใช้งานได้เร็วถึงใจ
ชื่อรุ่นระบุไว้ชัดเจนแบบนี้ แน่นอนว่า vivo X60 Pro 5G นั้นรองรับ 5G มาตั้งแต่แกะกล่อง เปิดเครื่องมาใส่ซิมก็ใช้งานได้ทันที และด้วยความเร็วระดับ 5G ก็ช่วยให้เราใช้งานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น จะเล่นโซเชี่ยล โหลดแอป หรือเล่นเกมออนไลน์ ก็ไม่ติดขัดเลยครับ เร็วถึงใจ !
ประสิทธิภาพจัดเต็ม ใช้งานไม่มีสะดุด
มาต่อกันในเรื่องประสิทธิภาพ vivo X60 Pro 5G นั้นมาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 870 ระดับเรือธง ใช้งานได้อย่างลื่นไหลในทุกแอป แถมยังมีฟีเจอร์ Extended RAM หรือเทคโนโลยีในการเพิ่ม RAM ด้วยการจัดสรรพื้นที่ ROM เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้รุ่นนี้มี RAM สูงสุด 12GB + 3GB กันเลย มั่นใจได้ว่าจะใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
คะแนนทดสอบเป็นอย่างไร ?
และเพื่อให้เห็นภาพคร่าว ๆ จากสเปคของ vivo X60 Pro 5G เราได้ทำการทดสอบจากแอปยอดนิยมอย่าง AnTuTu Benchmark และ GeekBench 5 มาให้แล้ว ผลคะแนนก็ออกมาสูงมากจริง ๆ ดังนี้
- AnTuTu Benchmark = 711336 คะแนน
- GeekBench 5.0 = Single-Core 1027 คะแนน Multi-Core 3416 คะแนน
เล่นเกมกันเลยดีกว่า
ไหน ๆ ก็ทดสอบคะแนนมาขนาดนี้แล้ว มาลงสนามจริงด้วยการเล่นเกมกันหน่อยดีกว่า เกมที่เราจะใช้ทดสอบ vivo X60 Pro 5G คือ Genshin Impact, Call of Duty Mobile และ Invictus: Lost Soul ครับ ซึ่งตัวเครื่องจะมีระบบ Ultra Game Mode มาให้ด้วยช่วยจัดการประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้เข้ากับเกมมากที่สุด ทำให้เฟรมเรตนิ่งมากขึ้น เครือข่ายเสถียร รวมถึงจัดการกับการแจ้งเตือนไม่ให้มากวนเวลาเราเล่นเกมด้วยครับ
เล่น Genshin Impact บน vivo X60 Pro 5G
เริ่มที่ Genshin Impact เกมมหาโหดกันก่อน vivo X60 Pro 5G นั้นใช้ชิปเซ็ตระดับเรือธงแบบนี้ก็ต้องปรับค่าได้สูงสุดทั้งหมดอยู่แล้ว เราก็เลยจัดเต็มเปิดทุกอย่างอยู่ในระดับสูงสุดพร้อมเปิด 60fps ด้วยเลย ผลที่ออกมาก็ยอดเยี่ยมครับ ทำเฟรมเรตได้เป็นอย่างดี ลื่นไหล กราฟิกสวยงามมากบนหน้าจอขนาด 6.56” นี้ ส่วนเรื่องความร้อนอันนี้มีอยู่แล้วครับด้วยตัวเกมที่ใช้ทรัพยากรโหด ๆ แบบนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนจนเล่นไม่ได้ล่ะ
เล่น Call of Duty Mobile บน vivo X60 Pro 5G
ต่อมากับเกมยิงสุดฮิต Call of Duty เราสามารถปรับกราฟิกและเฟรมเรตในเกมได้ที่ระดับสูงสุดทั้งคู่ (Very High + Max) รวมถึงเอฟเฟกต์อื่น ๆ ที่เกมมีให้เราเลือกก็เปิดได้ทั้งหมด เท่าที่ลองเล่นมาจริง ๆ ก็บอกเลยว่าเฟรมเรตนิ่งมาก ๆ การตอบสนองของ Touch Sampling rate 240Hz นั้นช่วยให้เราเล่นได้อย่างสมูท แตะยิงเป็นยิง รวดเร็วทันใจมาก
เล่น Invictus : Lost Soul บน vivo X60 Pro 5G
และปิดท้ายกับเกมต่อสู่กราฟิกสวยอย่าง Invictus เกมนี้ก็ใช้ทรัพยากรเครื่องพอสมควรเพราะกราฟิกอลังการมาก แน่นอนว่าเราปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตเป็นสูงที่สุดเท่าที่จะปรับได้ และเล่นจริง ๆ ก็ไม่หวั่นครับ ทำเฟรมเรตได้นิ่งมาก แม้เอฟเฟกต์จะอลังการขนาดไหนก็ตาม ใครที่ชอบเกมกราฟิกสวย ๆ แบบนี้ เล่นบน vivo X60 Pro 5G ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
โดยรวมในเรื่องการเล่นเกมก็ต้องชมเลยว่าทำได้ดีมาก 3 เกมที่เราใช้ทดสอบบน vivo X60 Pro 5G ต้องบอกเลยว่าปราบเซียนมาเยอะ แต่บนรุ่นนี้ไม่มีปัญหาเลย เล่นได้อย่างลื่นไหล ตอบสนองได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีจุดที่ยังไม่สุดเท่าไหร่ก็คงเป็นเรื่องลำโพงที่ให้มาแบบ Mono ทำให้เสียงนั้นไม่กระจายออกมารอบทิศทางเท่าที่ควร ถ้าเป็นลำโพงคู่ Stereo คงจะได้อรรถรสกว่านี้มากครับ
แบตเตอรี่ 4200mAh ใช้งานได้ดี ไม่ต้องกังวล
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ vivo X60 Pro 5G ได้ความจุมาที่ 4200mAh ถือว่าเยอะกำลังดีในการใช้งานครับ เท่าที่ลองใช้งานมาถือว่าใช้ได้ดีเลย เอาอยู่ตลอดทั้งวันในการใช้งานทั่วไป หรือจะถ่ายรูปแบบหนัก ๆ บ้างก็ไม่ใช่ปัญหาต้องกังวลครับ
มีชาร์จไว 33W FlashCharge 2.0
และหากต้องชาร์จแบตฯจริง ๆ vivo X60 Pro 5G ก็ไม่ทำให้ต้องรอนาน เพราะรุ่นนี้มาพร้อมระบบชาร์จไว 33W vivo FlashCharge 2.0 ที่ช่วยให้เราชาร์จแบตฯกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แป๊บเดียวก็ใช้งานได้ต่อแล้วล่ะครับ
สรุปแล้ว “ถ้าคุณรักการถ่ายภาพนี่คือมือถือที่คุณคู่ควร”
vivo X60 Pro 5G ก็ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่เน้นในเรื่องการถ่ายภาพอย่างแท้จริงครับ พลังของ ZEISS นั้นช่วยยกระดับให้การถ่ายภาพนั้นสนุกยิ่งขึ้น ทั้ง Portrait ที่เหนือชั้น ระบบกันสั่นที่ยอดเยี่ยมใช้ได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ สเปคที่ครบเครื่องทั้ง Snapdragon 870 ความจุเยอะ 12GB + 256GB ใช้งานได้อย่างจุใจ หน้าจอที่สวยงาม บอดี้งานประกอบที่เพรียวบาง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรือธงที่สมบูรณ์มาก ๆ ส่วนจุดสังเกตของรุ่นนี้ก็มีอยู่บ้างอย่างเรื่องระบบ Haptic ที่ไม่นุ่มนวลเท่าไหร่ ลำโพงที่ยังเป็นแบบ Mono แต่ถ้ามองข้าม 2 จุดนี้ไปได้ vivo X60 Pro 5G ก็เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงอีกรุ่นที่เราเชียร์เลยล่ะครับ ยิ่งถ้าชอบถ่ายภาพ Portrait ด้วยแล้ว ไม่อยากให้พลาดเลยล่ะ !
ราคาเปิดตัว
vivo X60 Pro 5G เปิดราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยที่ 24,999 บาท วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 11 มิถุนายนเป็นต้นไป รับของแถมเป็น VIP Card และหูฟัง vivo Wireless Sport Lite ครับผม
จุดเด่น
- กล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ถ่ายสนุกมาก
- หน้าจอ AMOLED 6.56” 120Hz สวยลื่นไหล
- บอดี้งานประกอบดี เพรียวบางน่าพกพา
- สเปคเร็วแรง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- รองรับชาร์จไว 33W vivo FlashCharge 2.0
จุดสังเกต
- ระบบ Haptic ไม่นุ่มนวลเท่าไหร่
- ลำโพงเป็นแบบ Mono