Featured
รีวิว vivo X70 Pro 5G และ X70 5G อีกขั้นของสมาร์ตโฟนเรือธงกล้องเทพด้วยเลนส์ ZEISS T* Coating และฟีเจอร์กล้องที่ครบเครื่องกว่าที่เคย!
รีวิว vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวไปสด ๆ ร้อนๆ รอบนี้ยังคงมาพร้อมสโลแกน Photography Redefined. ที่จะเปลี่ยนนิยามการถ่ายภาพอีกครั้งด้วยการจับมือกับ ZEISS อัปเกรดทั้งฮาร์ดแวร์ให้ลงตัวมากขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่คนชื่นชอบการถ่ายภาพจะหลงรักไม่ยากเลยจริง ๆ
นอกจากนี้ยังมีสเปคที่จัดเต็มขึ้นด้วยชิปเซ็ต Dimensity 1200-vivo 5G ระดับท็อป หน้าจอ 120Hz ระบบชาร์จไว 44W และอีกเพียบ การใช้งานของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามได้จากรีวิวนี้เลยครับ
สรุปสเปค vivo X70 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.10 x 75.39 x 7.55 มม.
- น้ำหนัก : 181 กรัม (Cosmic Black) 182 กรัม (Aurora Dawn)
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.56″ ความละเอียด FHD+ refresh rate120Hz
- CPU : Dimensity 1200-vivo 5G (6nm) Octa-core 3GHz
- GPU : Mali-G77 MC9
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB
- แบตเตอรี่ : 4400mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 44W vivo Flashcharge
- กล้องหน้า : 32MP f/2.45
- กล้องหลัก : 3 ตัว
- กล้องหลัก 40MP f/1.89
- กล้อง Super Wide Angle 12MP f/2.2
- กล้อง Tele 2x 12MP f/1.98
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย FunTouchOS 12
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
สรุปสเปค vivo X70 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 158.30 x 73.21 x 7.99 มม.
- น้ำหนัก : 183 กรัม (Cosmic Black) 184 กรัม (Aurora Dawn)
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.56″ ความละเอียด FHD+ refresh rate120Hz
- CPU : Dimensity 1200-vivo 5G (6nm) Octa-core 3GHz
- GPU : Mali-G77 MC9
- RAM : 12GB
- ROM : 256GB
- แบตเตอรี่ : 4450mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 44W vivo Flashcharge
- กล้องหน้า : 32MP f/2.45
- กล้องหลัก : 4 ตัว
- กล้องหลัก 50MP f/1.75
- กล้อง Super Wide Angle 12MP f/2.2
- กล้อง Tele (2x) 12MP f/1.98
- กล้อง Periscope (5x) 8MP f/3.4
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย FunTouchOS 12
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C
แกะกล่องกันก่อน
ก่อนจะไปเข้าเรื่องเรามาดูแพ็กเกจของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G กันก่อนว่าให้อะไรมาบ้างเนาะ ทั้งคู่มาพร้อมกล่องขนาดใหญ่ที่ด้านหน้ามีชื่อรุ่นด้านหน้าชัดเจน พร้อมโลโก้ ZEISS ตัวกล่องจะใช้เป็นสีกรมท่าพร้อมความระยิบระยับด้วย
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับตัวเครื่องที่อยู่ในซองอย่างเรียบร้อย พร้อมสโลแกน Photography Redefined. อีกเช่นเคยครับ และภายในก็จะเป็นอุปกรณ์เสริมทั้งหมดของรุ่นนี้ที่ให้มาครบพร้อมใช้งานมาก ๆ ประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง vivo X70 5G | X70 Pro 5G
- เคสซิลิโคนใส
- สายชาร์จ USB type-C to type-A
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว 44W
- หูฟังแจ็ค 3.5 มม. พร้อม Dongle แปลงเป็น type-C
- เอกสารคู่มือ
- เข็มจิ้มถาดซิม
ดีไซน์เหนือระดับ
ได้เวลาเริ่มรีวิวกันแล้วครับ เราขอเริ่มที่เรื่องดีไซน์กันก่อนเลย vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมเหนือระดับด้วยฝาหลังแบบ Fluorite AG ที่ให้รูปลักษณ์ที่สวยงามและมีความระยิบระยับเมื่อมีการกระทบกับแสงด้วย
นอกจากเรื่องรูปลักษณ์ที่สวยงาม ผิวสัมผัสของฝาหลังยังเป็นแบบผิวทรายที่ให้ความรู้สึกที่ดีเวลาจับถือ ไม่ลื่นหรือว่าหนืดมือจนเกินไป ได้ฟิลแบบผิวด้านที่มีลวดลายเล็ก ๆ ให้จับถือแล้วมีอะไรมากขึ้นไปอีก แถมไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือด้วยนะ
ดีไซน์กล้องรอบนี้ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นแบบ Cloud Valley ที่วางกล้องไว้เด่น ๆ ที่มุมซ้ายไม่เหมือนใคร พร้อมข้อมูลของเลนส์กล้องที่ให้ความรู้สึกถึงกล้องโปรที่มักจะมีรายละเอียดแบบนี้ระบุอยู่ และที่ขาดไม่ได้เลยคือโลโก้ ZEISS T* ที่เป็นการยืนยันว่ากล้องของทั้ง 2 รุ่นนี้ได้รับมาตรฐานจาก ZEISS มาแล้วด้วย
สีสันที่หรูหรา
ส่วนเรื่องสีสัน vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G มีให้เลือกด้วยกัน 2 สีคือ Cosmic Black และ Aurora Dawn เป็น 2 สีที่ถูกออกแบบมาได้หรูหราสมกับเรือธง แบ่งโทนชัดเจนคือสีดำสุดคลาสสิคและสีหลากหลายที่ผ่านเทคโนโลยีมามากมาย
vivo บอกว่าสีดำ Cosmic Black นั้นสื่อถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาลและดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ส่องแสงระยิบระยับทำให้รู้สึกถึงพลังอันแท้จริงของธรรมชาติและชีวิต
ส่วนสี Aurora Dawn จะเปรียบเหมือนแสงออโรร่าบนท้องฟ้าในช่วงรุ่งอรุณ ความวางดงามที่แม้ช่วงเวลาจะสั้นแต่ก็มีความหมายอย่างลึกซึ้ง
หน้าจอ AMOLED ที่ลื่นไหลระดับ 120Hz
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G นั้นใช้หน้าจอ AMOLED ทั้งคู่ใช้ดีไซน์แบบ Punch Hole Display ที่มีรูกล้องหน้าอยู่ตรงกลางด้านบน แต่รูปแบบจะต่างกันนิดหน่อยคือ vivo X70 Pro 5G จะใช้จอโค้ง ในขณะที่ vivo X70 5G จะใช้จอแบบแบนครับ
ในเรื่องการแสดงผลทั้งคู่ก็ทำได้ดีมากทั้งในเรื่องความสวยสดของสีสันที่ได้จากความละเอียดระดับ FHD+ หรือจะเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วและลื่นไหลด้วย refresh rate 120Hz อีกต่างหาก ทั้งคู่ตอบสนองได้ยอดเยี่ยมเหมือนกัน ความต่างจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องความโค้งที่ดูพรีเมี่ยมหรือจะเป็นจอแบบแบนที่เต็มตาต่างกันคนละแบบนั่นเองครับ
ความบางเฉียบที่ต้องถูกใจ
ส่วนเรื่องความบาง vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ก็ยังออกแบบมาได้ถูกใจแฟน ๆ เพราะมาพร้อมความบางเพียง 7.99 มม. และ 7.55 มม. ส่วนน้ำหนักก็เบาใช้ได้เลย 183 กรัมและ 182 กรัมตามลำดับครับ ถือว่าเป็นเรือธงที่มีขนาดและน้ำหนักดีไม่น้อยเลยล่ะครับ
ความนูนของตัวกล้องที่ยื่นออกมาจากตัวเครื่องนั้นทำได้กำลังดี ไม่นูนเกินไปจนน่าเกลียดออกจะสวยและลงตัวเลยด้วยซ้ำ
ตำแหน่งที่ลงตัว
ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมี IR Infrared มาให้ด้วยนะ ตรงนี้สามารถใช้งานตัวเครื่องเป็นรีโมทสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้หลากหลายเลย และแน่นอนรุ่นนี้เน้นเรื่องกล้องมาขนาดนี้ด้านบนจะมีคำว่า Professional Photography ระบุไว้เด่น ๆ อีกด้วยครับ
ปุ่มกดของตัวเครื่องจะวางไว้ที่มุมขวาของตัวเครื่องทั้งหมด มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเป็นแถบยาว ส่วนปุ่ม Power รอบนี้ปรับรูปแบบเป็นการเพิ่มลวดลายเส้นสลักลงไปหนึ่งเส้นแทนที่ Texture แบบเดิม ๆ แล้วครับ
ด้านล่างจะมีการตัดมุมให้เหลี่ยมนิด ๆ มีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB type-C ไมโครโฟนสำหรับสนทนา ลำโพงหลักของตัวเครื่อง ซึ่งทั้ง vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ยังคงมาพร้อมลำโพงเพียงตัวเดียวแบบ mono ไม่ใช่แบบ Stereo ใช้งานคู่กับลำโพงสนทนาด้านบนอยู่ครับ
ส่วนถาดซิมรุ่นนี้ก็เป็นแบบ Dual-SIM รองรับแบบ nano-SIM ทั้งคู่ครับ ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ภายนอกได้เหมือนเดิม
มีทั้งสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ
ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ให้มาครบทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือแบบ Optical ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว หรือจะเป็นระบบสแกนใบหน้าที่ไวไม่แพ้กัน
โดยรวมในเรื่องของดีไซน์ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีสมกับความเป็น X Series ด้วยฝาหลังที่ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ Fluorite AG ที่มีอะไรมากกว่าแบบเดิม ๆ สีสันก็มีให้เลือก 2 สีเด่น ๆ Cosmic Black และ Aurora Dawn ขนาดตัวเครื่องที่พกพาได้ง่ายแต่ก็ยังให้ความแน่นหนาและหรูหราในแบบที่ควรจะเป็น หน้าจอที่สวยสดมีทั้งแบบจอโค้งและจอแบนให้เลือกอีก
กล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS จนเหนือไปอีกขั้น
มาเข้าเรื่องไฮไลท์กับกล้องของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G กันเลยดีกว่า รอบนี้ vivo ยังร่วมมือกับ ZEISS อีกเช่นเคย ซึ่งเลนส์กล้องทั้งหมดของทั้ง 2 รุ่นนี้ได้รับการรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐานของการเคลือบ ZEISS T* ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ค่าสีที่แม่นยำ และสวยงามยิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับสเปคกล้องของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G จะแตกต่างกันนิดหน่อย โดยรุ่น Pro จะได้กล้องหลังมา 4 ตัวในขณะที่รุ่นปกติมีกล้องมาให้ 3 ตัว มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
สเปคกล้อง vivo X70 Pro 5G
- 50MP กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX766V ขนาด 1/1.56″, f/1.75, OIS
- 12MP กล้อง Super Wide angle (มุมกว้าง 116º) พร้อม macro ระยะ 2.5 ซม., f/2.2
- 12MP กล้อง Tele (Optical Zoom 2x) เซ็นเซอร์ Sony IMX663, f/2.0
- 8MP กล้อง Periscope (Optical Zoom 5x), f/3.4, OIS
สเปคกล้อง vivo X70 5G
- 40MP กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX766V, f/1.89
- 12MP กล้อง Super Wide angle (มุมกว้าง 116º) พร้อม macro ระยะ 2.5 ซม., f/2.2
- 12MP กล้อง Tele (Optical Zoom 2x) เซ็นเซอร์ Sony IMX663, f/2.0
ถ้าดูจากสเปคคร่าว ๆ แบบนี้ก็มีความใกล้เคียงกันอยู่พอสมควรสำหรับกล้องของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ต่างกันจริง ๆ คือกล้องหลักที่รุ่น Pro จะมีความละเอียดมากกว่าเป็น 50MP และมีกล้อง Periscope ที่สามารถซูมได้มากสูงสุด 60x เข้ามา นอกนั้นตัว Ultra Wide และ Tele 2x ก็ใช้ชุดเดียวกันเลยด้วย
เปรียบเทียบภาพจาก vivo X70 Pro 5G vs vivo X70 5G สักหน่อย
ไหน ๆ ก็มีสเปคที่ใกล้เคียงกันแล้ว เราเลยหยิบไปทดสอบเทียบกันหน่อยซึ่งในหลาย ๆ สถานการณ์ภาพที่ออกมาก็สวยคมชัดไม่แพ้กันเลย จะมีจุดที่รุ่น Pro ทำได้ดีกว่าก็คือเรื่องของการซูมเพราะมีกล้อง Periscope มาเพิ่มระยะในการซูมได้สูงสุดถึง 60x ในขณะที่ vivo X70 5G จะสามารถซูมได้สูงสุด 20x ครับ
ภาพซ้าย vivo X70 Pro 5G : ภาพขวา vivo X70 5G
Portrait ที่มีลูกเล่นของเลนส์ ZEISS มากกว่าเดิม
ในรีวิวนี้เราจะขอเน้นไปที่การใช้งานของ vivo X70 Pro 5G ไปเลยละกัน เพราะอย่างที่เห็นจากการเปรียบเทียบว่าคุณภาพนั้นออกมาใกล้เคียงกันแต่บนรุ่น Pro จะครบกว่า และโหมดแรกที่เราจะพูดถึงก็คือ Portrait นั่นเอง รอบนี้จะมี Portrait Style จาก ZEISS มาให้เลือกมากกว่าเดิมเพิ่มมาอีก 3 รวมกับ ZEISS Biotar เดิมเป็น 4 รูปแบบดังนี้
- ZEISS Biotar
- ZEISS Sonnar
- ZEISS Planar
- ZEISS Distagon
ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีความโดดเด่นของ Bokeh ที่ได้แตกต่างกันไปอย่าง ZEISS Biotar เดิมจะเปลี่ยน Bokeh ด้านหลังให้โค้งคล้ายวงรี ZEISS Sonnar ละลายฉากหลังแบบละมุนขึ้น ZEISS Planar ที่ให้ Bokeh แบบ Classic สไตล์ ZEISS หรือจะเป็น ZEISS Distagon ที่จะเป็น Bokeh ทรงเหลี่ยมที่ชวนฝันมากขึ้น
ZEISS Planar ZEISS Distagon
แน่นอนว่าการเพิ่มสไตล์ใหม่นี้เข้ามาก็ช่วยให้เราถ่ายภาพ Portrait ได้สนุกขึ้นอีกด้วย ใครที่ชื่นชอบสไตล์ Portrait แบบสวยเด่นเหมือนกล้องโปรบนรุ่นที่แล้ว มาบนรุ่นนี้จะยิ่งหลงรักเข้าไปใหญ่ เพราะนอกจากตัวแบบจะได้ความสวยเนียนขึ้นมาแล้ว การละลายฉากหลังยังสวยและโดดเด่นตามฉบับของ ZEISS อีกด้วยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ZEISS Portrait Style ของ vivo X70 Pro 5G
หรือถ้าอยากได้เป็นสไตล์อื่นบน vivo X70 Pro 5G ก็ยังมีให้เลือกอีก 5 แบบ ทั้ง Natural, Vintage, French impressions, Flash Portrait และ Party ซึ่งแต่ละสไตล์ก็สามารถความสนุกในการถ่าย Portrait ได้อีกเยอะเช่นกัน และที่เราชอบไม่แพ้ลูกเล่นพวกนี้ก็คือระยะของภาพที่บน vivo X70 Pro 5G นั้นมีให้เราเลือกถึง 3 ระยะคือ 1x, 2x, 5x (บน vivo X70 5G ใช้ได้ 2 ระยะ 1x และ 2x) ซึ่งช่วยให้มิติของภาพนั้นสมจริงขึ้น เลือกใช้งานได้มากกว่าแค่ 1 ระยะในสมาร์ตโฟนทั่วไป
Natural Vintage French Impression Flash Portrait Party
Ultra-Sensing Gimbal Camera กันสั่นขั้นเทพ
กล้องหลักของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G มาพร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX766V ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะพร้อมความไวแสงที่โดดเด่น บวกกับความนิ่งของระบบกันสั่น Gimbal Stabilization 3.0 ของ vivo ที่จะมาช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอนั้นนิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก จะใช้ถ่ายภาพกลางคืนก็ดีขึ้น หรือจะเป็นวิดีโอก็นิ่งขึ้นอีกเยอะเลยล่ะครับ
มี AI Scene Optimization ปรับทุกภาพให้สวย
นอกจากเรื่อง Portrait ที่เรายอมรับว่าทำได้ดีอันดับต้น ๆ บนสมาร์ตโฟนตอนนี้แล้ว ในโหมดการถ่ายทั่วไป vivo X70 Pro 5G ก็ยังมีฟีเจอร์ AI Scene Optimization ที่จะมาจัดการภาพธรรมดา ๆ ให้สวยขึ้นไปอีกอาทิ ภาพท้องฟ้าก็จะสีสดใสขึ้น อาหารสวยสดน่ากิน หรือภาพดอกไม้ที่ดูเด่นขึ้นมา ทั้งหมดนี้เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเพียงแค่แตะเปิดคำว่า AI ด้านบนแล้วก็ถ่ายได้เลย ผลลัพธ์ที่ได้ถูกใจแน่นอนครับ
กล้อง Super Wide Angle กว้างกำลังดีและใช้เป็น macro ได้ด้วย
กล้อง Super Wide Angle ของ vivo X70 Pro 5G นั้นให้มุมมองกว้างมากที่ 116º กว้างกำลังดีมุมภาพก็ไม่ผิดเพี้ยนในการเก็บภาพวิวหรือภาพคนในสถานที่ที่จำกัด รายละเอียดของภาพก็ทำได้ดีด้วยความละเอียด 12MP ครับสีสันที่ได้ก็มีความใกล้เคียงกับกล้องหลักด้วย ใครที่ชอบภาพมุมกว้างแบบที่ขอบของภาพไม่บิดเบี้ยวน่าจะถูกใจรุ่นนี้ไม่น้อยครับ
และทีเด็ดกว่านั้นก็คือตัวกล้องเองยังมีระบบ Autofocus ที่สามารถใช้งานเป็นกล้อง macro ได้ด้วย ทำให้เราได้ถ่ายภาพในระยะใกล้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งซอฟต์แวร์ก็จะมี Auto macro ที่เมื่อเราเอากล้องไปส่องวัตถุอะไรใกล้ ๆ ตัวระบบจะสลับมาใช้กล้อง Super Wide Angle ทันที หรือถ้าไม่อยากใช้แบบอัตโนมัติเราก็ยังเลือกปิดได้ด้วยครับ
ซูมดีทุกระยะไปได้ไกลสุด 60x
ส่วนเรื่องการซูม vivo X70 Pro 5G ก็จัดเต็มด้วยกล้องซูม 2 ระยะคือ 2x และ 5x แบบ Optical ซึ่งใช้งานได้ดีและเป็นระยะที่เรามักจะใช้กันจริง ๆ ในชีวิตประจำวันด้วย อย่าง 2x นี้นอกจากจะใช้ใน Portrait บ่อยแล้วในการถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปซูมเข้าไปอีกนิดก็จะได้ระยะที่สวยกว่า หรือ 5x ที่อยากซูมให้ใกล้ขึ้นไปอีกก็ยังทำได้โดยที่ไม่เสียรายละเอียดเลย ในส่วนของระบบซูม Digital ก็ได้ไปที่ระดับ 60x เลยซูมไปเก็บรายละเอียดบางอย่างที่เข้าไม่ถึงได้เลยล่ะครับ
Real-Time Extreme Night Vision กลางคืนสมจริงแบบเรียลไทม์
ในภาพกลางคืนของ vivo X70 Pro 5G นั้นจะเก่งขึ้นด้วยการประมวลผลแบบเรียลไทม์ หมายความว่าภาพที่เราเห็นบนหน้าจอตอนก่อนกดถ่ายกับภาพที่เราถ่ายได้จะออกมาสวยแบบนั้นเลย เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานใหม่ของการถ่ายภาพกลางคืนเลยก็ว่าได้ แถมมีเอฟเฟกต์ Night Style ให้เลือกอีก 7 แบบสร้างสรรค์ภาพกลางคืนได้อย่างเพลิดเพลินด้วย และเหนือสิ่งอื่นใดการเคลือบ ZEISS T* ที่ช่วยลดการเกิด Ghosting หรือแสงสะท้อนจากดวงไฟในภาพได้ด้วย ทำให้เรามั่นใจได้ว่าภาพกลางคืนที่ได้จะเป็นภาพที่ไร้จุดไฟมากวนแน่นอนครับ
VIS Ultra Stable Video กันสั่นเทพแบบ 5 แกน
มาพูดถึงเรื่องวิดีโอกันต่อ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G นั้นมีระบบกันสั่นเทพ ๆ อย่าง Gimbal Stabilization 3.0 ที่บอกว่าเข้ามาช่วยให้การถ่ายวิดีโอนั้นนิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก แถม 2 รุ่นนี้ยังมีระบบ Ultra Stable Video ที่ช่วยป้องกันการสั่นไหวของวิดีโอแบบ 5 แกนที่จะช่วยให้เราถ่ายวิดีโอได้อย่างมั่นคง หมดกังวลเรื่องวิดีโอที่สั่นจนเวียนหัวได้เลยครับ
Super Night Video วิดีโอกลางคืนที่ยอดเยี่ยมกว่าที่ผ่านมา
นอกจากฮาร์ดแวร์กันสั่นนี้จะช่วยให้เราได้ภาพที่นิ่งขึ้นแล้ว ยังเข้ามาช่วยให้เราถ่ายวิดีโอในตอนกลางคืนเก่งกว่าเดิมอีก ด้วยอัลกอริธึมขั้นสูงและพลัง AI ที่เข้ามาจัดการวิดีโอกลางคืนให้สว่างชัดเจนขึ้นแม้ในสภาพกลางคืนที่มืดแค่ไหนก็ตามครับ
Pro Cinematic Video วิดีโอหน้าชัด-หลังเบลอระดับมืออาชีพ
vivo X70 Pro 5G ยังมีฟีเจอร์ Pro Cinematic Video ที่ให้เราสามารถถ่ายวิดีโอในอัตราส่วน 2.35:1 สร้างมุมมองให้กว้างประหนึ่งดูภาพยนตร์ พร้อมกันนี้ยังสามารถใส่เอฟเฟกต์ละลายฉากหลังได้แบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มลูกเล่นในการถ่ายวิดีโอให้น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกได้ด้วย
กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวย ไม่ธรรมดา
กล้องหลังว่าจัดเต็มมาก ๆ แล้ว กล้องหน้าก็ไม่น้อยหน้า vivo X70 Pro 5G ให้ความละเอียดมาที่ 32MP วางตำแหน่งกล้องหน้าไว้ตรงกลางเหมาะกับการเซลฟี่อย่างมากด้วย เพราะสายตาจะโฟกัสได้ถูกจุดทำให้ภาพออกมาดูดี มีฟีเจอร์ AI Beauty รวมถึง Portrait มาให้ใช้ด้วย คุณภาพของไฟล์ก็สวยถูกใจเรามาก ๆ เลยล่ะครับ
โดยรวมในเรื่องกล้องที่เป็นจุดเด่นของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ในรอบนี้ก็ถือว่าอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนอยู่หลายจุดเลยทั้งฮาร์ดแวร์ที่เทพขึ้น ซอฟต์แวร์ที่มีลูกเล่นของ ZEISS มาให้อีก 3 แบบ เพิ่มลูกเล่นการถ่ายภาพ Portrait ให้หลากหลายมากขึ้น กล้องทั้งหมดก็ใช้งานได้จริงทั้ง Super Wide, Wide, Tele หรือกระทั่ง macro ก็ยังเก่ง การเคลือบเลนส์ ZEISS T* มาก็ช่วยลดแสงแฟลร์ของภาพกลางคืนได้มาก ใครที่ชอบการถ่ายภาพและโทนที่เป็นเอกลักษณ์ของ ZEISS บอกเลยว่า 2 รุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังครับ
ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ FunTouchOS 12
มาเข้าเรื่องซอฟต์แวร์การใช้งานกันต่อครับ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ใช้ FunTouch 12 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ครอบทับอยู่บน Android 11 มีหน้าตา UI ที่ออกโทนสนุกสดใส ใช้งานได้ไม่ยากครับ มีลูกเล่นการปรับแต่งที่หลากหลายเลยด้วยครับ
อย่างในหน้า Homescreen รอบนี้ก็มีลูกเล่น Widget แบบใหม่เข้ามาให้เราจัดหน้าได้หลากหลายกว่าเดิม การเข้าถึงก็ง่ายขึ้นเลื่อนหน้า App Drawer ขึ้นมาจะมีตัวเลือกของ Widget ให้ปัดหน้าไปดูด้วย และพร้อมวางลงไปที่หน้าหลักทันที Widget แบบใหม่ที่ให้มาตอนนี้ยังมีไม่เยอะมาก หลัก ๆ จะเป็นพวก Weather (สภาพอากาศ), อัลบั้มรูป, เครื่องเล่นเพลง (ผ่าน Spotify), iManager (เคลียร์ Cache เครื่อง) และ Stickers เท่านั้นครับ นอกนั้นจะเป็นรูปแบบ Widget แบบทั่วไปของ Android เลย
ส่วนการปรับแต่งอื่น ๆ อย่าง Dynamic effects ก็ยังมีให้เลือกอยู่ในนี้เราจะสามารถเลือกปรับแต่งได้หลายอย่างเลย อาทิ Amnient Light effect เวลามีแจ้งเตือนให้แสดงไฟที่ขอบจอ, ความเร็ว Transition ของอนิเมชั่นในการเปิดแอป, อนิเมชั่นการปลดล็อคหน้าจอ, อนิเมชั่นการชาร์จ และอีกเพียบ เรียกว่าใครชอบปรับแต่งให้เป็นสไตล์ตัวเองถูกใจแน่นอนครับ
ระบบสั่นที่นุ่มนวลขึ้น แต่ยังไม่ทรงพลัง
ตอนรุ่น vivo X60 Pro เราเคยบ่นไปว่าระบบสั่นหรือ Haptic ของตัวเครื่องนั้นไม่นุ่มนวลเอาซะเลย มารอบนี้ vivo ปรับปรุงระบบสั่นมาให้ดีขึ้น มีความนุ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่…ก็ยังแอบคิดว่ามันเบาไปหน่อย คือนุ่มแล้วแต่ยังไม่ถึงใจเท่าไหร่ครับ ถ้าได้ความหนักแน่นมาอีกหน่อยจะดีมากเลย
ประสิทธิภาพระดับแนวหน้า
เรื่องต่อไปที่จะพูดถึงขอเป็นเรื่องประสิทธิภาพของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G กันบ้าง ทั้งคู่ใช้ชิปเซ็ตเดียวกันคือ Dimensity 1200-vivo แบบ 6nm ความเร็ว 3.0GHz ประสิทธิภาพก็สูงระดับเรือธงเลยล่ะครับ เท่าที่ลองใช้งานมารู้สึกถึงความรวดเร็วในการประมวลผลอยู่ ไม่เจอความอืดหรือช้าเลย ส่วนคะแนนที่เราทดสอบได้ก็ออกมาสูงมาก AnTuTu Benchmark ได้ไปที่ 600,000 ปลาย ๆ ทั้งคู่เลย
ส่วนคะแนน CPU ของแอป GeekBench 5.0 ก็ออกมาสูงไม่แพ้กันบน vivo X70 5G ได้ Single-Core 871 คะแนน Multi-Core 2919 ในขณะที่ vivo X70 Pro 5G ได้ Single-Core 874 และ Multi-Core 2802 คะแนนครับ
เล่นเกมกันเลยดีกว่า
ไหน ๆ ก็ทดสอบเรื่องประสิทธิภาพกันแล้ว ถึงคราวมาลงสนามจริงด้วยการเล่นเกมกันดีกว่า ทั้งคู่ใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกันเลย จะมีจุดแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นคือแรมที่ vivo X70 5G ได้มา 8GB ในขณะที่ vivo X70 Pro 5G ได้มา 12GB ในเรื่องการทดสอบเราใช้ vivo X70 Pro 5G เป็นหลักเนาะ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมไม่ต่างกันมากครับ ซึ่งเกมที่เราจะใช้ทดสอบในรอบนี้มี 3 เกมใหญ่ ๆ คือ Call of Duty, Pokemon UNITE และ Genshin Impact ครับ
เล่น Call of Duty บน vivo X70 Pro 5G
เริ่มกันที่เกมยิงกันก่อนเลย vivo X70 Pro 5G สามารถปรับกราฟิกได้ที่ Very High ร่วมกับเฟรมเรตระดับ Max เรียกว่าสูงสุดแล้วในตอนนี้ครับ ภาพกราฟิกในเกมออกมาสวยมากบนหน้าจอ AMOLED ของรุ่นนี้ การตอบสนองของหน้าจอก็ทำได้ดีเลย ส่วนเฟรมเรตก็ไม่มีตกครับเล่นได้อย่างลื่น ๆ แม้จะเล่นติดต่อกันหลายเกมก็ยังไหว
เล่น Pokemon UNITE บน vivo X70 Pro 5G
ถัดมาเราต่อกันที่เกม MOBA ใหม่อย่าง Pokemon UNITE เกมนี้เราก็ยังปรับกราฟิกและเฟรมเรตได้สูงสุดเช่นเคย (Highest + High) ตัวเฟรมเรตที่โชว์ในเกมก็นิ่งเอามาก ๆ จะอยู่ที่ 58 – 59fps ตลอดทั้งเกม แม้จะมีจังหวะที่ปล่อยสกิลยิงท่ากันอย่างนัว ๆ เลยก็ตามครับ
เล่น Genshin Impact บน vivo X70 Pro 5G
ปิดท้ายที่ Genshin Impact เราก็ยังสามารถปรับระดับกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดพร้อมเปิด 60fps ได้ด้วย เราสามารถเล่นได้ลื่น ๆ เลย ในเรื่องความร้อนก็ต้องยอมรับว่ามีให้เห็นบ้างถ้าเล่นแบบต่อเนื่องจริง แต่เรารู้สึกว่าสามารถจัดการความร้อนได้ดีเลย ไม่ถึงกับร้อนมากและจังหวะที่เฟรมดรอปในเกมก็มีให้เห็นน้อยด้วย
สำหรับเรื่องประสิทธิภาพของ vivo X70 Pro 5G ต้องบอกเลยว่าสอบผ่านมาก ๆ ด้วยชิปเซ็ต Dimensity 1200-vivo ที่เป็นระดับเรือธงอยู่แล้ว ใช้งานได้ลื่นไหลไปหมด ในการเล่นเกมที่ปรับกราฟิกสูงสุดทุกเกมก็รันได้อย่างสบาย ใครที่เป็นสายเกมด้วยก็หายห่วงได้เลย รุ่นนี้ปรับสุดได้ทุกเกมเหมือนกัน!
แบตเตอรี่ที่อัปเกรดขึ้น
แบตเตอรี่ของ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G นั้นได้รับการอัปเกรดขึ้นมาเป็น 4450mAh และ 4400mAh ตามลำดับ ถือว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปเลยล่ะครับ เท่าที่เราลองทดสอบกับ vivo X70 Pro 5G มาเปิด 5G เต็มรูปแบบพร้อมกับเล่นแบบจริงจัง ถ่ายรูปต่อเนื่องเป็นหลักร้อยรูป ก็ยังสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน อันนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมาก ๆ เพราะสมาร์ตโฟนที่เน้นเรื่องการถ่ายภาพขนาดนี้ ถ้าแบตฯไม่พอใช้ถ่ายรูปก็คงยังไงอยู่ล่ะเนอะ
ชาร์จไว 44W แล้วเร็วขึ้นไปอีก
ส่วนเรื่องระบบชาร์จไวก็อัปเกรดขึ้นมาด้วยความเร็ว 44W (จากเดิม 33W) ช่วยให้เราชาร์จได้เร็วขึ้นอีกหน่อย เล่นมาเต็มที่ก็กลับมาชาร์จใช้เวลาไม่นานกับแบตเตอรี่ระดับ 4450mAh นี้ครับ
ราคาเปิดตัวและโปรโมชั่น
vivo X70 Series 5G เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย โดยมีราคาดังนี้ครับ
- vivo X70 5G (8GB + 128GB) ราคา 21,999 บาท
- vivo X70 Pro 5G (12GB + 256GB) ราคา 27,999 บาท
เริ่มเปิดจองแล้ววันนี้! รับของแถมเป็น vivo TWS 2e, VIP Card, X Series Premium Gift มูลค่ารวมกว่า 12,000 บาท
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ตโฟนเพื่อการถ่ายภาพที่ลงตัวขึ้นไปอีกขั้น”
สรุปแล้ว vivo X70 Series 5G ทั้ง vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G ก็ถือว่าเป็นสองเรือธงรุ่นใหม่จากทาง vivo ที่ออกมาตอบโจทย์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ตโฟนที่ครบเครื่องและลงตัวมากขึ้น เพิ่มทั้งลูกเล่นและฮาร์ดแวร์เข้ามาจนทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพได้เยอะขึ้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Portrait Style จาก ZEISS ใหม่ เลนส์ ZEISS T* ที่ช่วยเรื่องการรับแสงได้ดี ความเก่งกาจของ AI ที่ฉลาดและช่วยให้ภาพสวยในทุกมิติ หรือจะเป็นฮาร์ดแวร์ที่มีเลนส์มาครบช่วงมาก ๆ และไม่ใช่ว่าเน้นเรื่องกล้องอย่างเดียวแล้วอย่างอื่นจะไม่เก่งเพราะ vivo X70 Series 5G นั้นจัดสเปคระดับเรือธงทั้งชิปเซ็ต Dimensity 1200-vivo หน้าจอ AMOLED 120Hz แบตเตอรี่ความจุใหญ่และชาร์จไว 44W เรียบกว่าสเปคก็ยังครบเครื่องในทุกการใช้งาน รวม ๆ แล้วใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ครบ ๆ แล้วยังเน้นถ่ายภาพเป็นพิเศษ vivo X70 Pro 5G และ vivo X70 5G นี่เหมาะอย่างยิ่งเลยล่ะครับ
จุดเด่น
- กล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS อัปเกรดขึ้นมาอีกขั้น
- หน้าจอ AMOLED 120Hz ลื่นปรื๊ด สีสันสวยงามมาก
- สเปคเร็วแรงตอบโจทย์
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ดีแม้จะถ่ายรูปหนัก ๆ
- รองรับระบบชาร์จไว 44W
จุดสังเกต
- ลำโพงยังเป็นแบบ mono