รีวิว vivo Y33s สมาร์ตโฟนกล้องคมชัด ดีไซน์สวย บางเบา และอัดแน่นด้วยพลังจากชิปเซ็ต Helio G80

รีวิว vivo Y33s สมาร์ตโฟนรุ่นกลางที่ทรงประสิทธิภาพด้วยความจาก CPU MediaTek Helio G80 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz ทั้งยังจัดเต็มด้วยหน้าจอ Halo FullView Display ใหญ่ถึง 6.58 นิ้ว รับชมได้เต็มตาจุใจ และกล้องหลังตัวเทพคมชัดสูง 50MP

สรุปสเปค vivo Y33s

• ขนาดรอบตัวเครื่อง : 164.26 × 76.08 × 8.0 มม.
• น้ำหนัก : 182 กรัม
• หน้าจอแสดงผล Halo Fullview Display ชนิด LCD ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2408 x 1080 พิกเซล) และมีสัดส่วนพื้นที่หน้าจอ 90.6% และ Color Gamut 96% NTSC
• หน่วยประมวลผล : MediaTek Helio G80 Octa Core ความเร็วสูงสุด 2.0GHz
• RAM : 8GB (+ 4GB Extended)
• ROM : 128B รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
• กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
  • เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • เลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร
• กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
• ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
• รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 18W Fast Charge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• ตัวเครื่อง vivo Y33s พร้อมติดฟิล์มกันรอย
• อะแดปเตอร์ 18W
• สาย USB Type-C
• อุปกรณ์เปิดถาดซิม
• เคสใส
• หูฟังแบบ 3.5 มม.
• คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

ดีไซน์สุดพรีเมี่ยมเกินราคา

สัมผัสแรกที่ได้จับ vivo Y33s ต้องคิดว่ารุ่นนี้ไม่น่าใช่รุ่นราคาประหยัดแน่เพราะให้สัมผัสที่ดีเกินราคามากๆ ครับ โดยสีฟ้า Midday Dream ที่เราได้มามีการเคลือบผิวแบบ AG ที่จะออกคล้ายกับกระจกผิวด้าน พร้อมเคลือบคริสตัลเหลว ช่วยให้เกิดรอยนิ้วมือได้ยากมากๆ

เมื่อลองจับใช้งานดูจะรู้สึกเหมือนมีกลิตเตอร์เบาๆ ที่ฝาหลังอีกด้วย

ทั้งนี้เมื่อ vivo Y33s ได้สะท้อนกับแสงภายนอกจะมีการเล่นแสงสีอย่างงามๆ มีการไล่ระดับสีฟ้าและสีส้มอ่อนเหมือนช่วงกลางวันที่ฟ้าโปร่ง

หน้าจอขนาดใหญ่ 6.58 นิ้ว

vivo Y33s ได้จัดหน้าจอมาให้แบบเต็มถึงขนาด 6.58 นิ้ว พร้อมความคมชัดระดับ Full HD+ อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 90.6% จะเล่นเกมหรือดูวิดีโอก็ทำได้อย่างเต็มที่ มุมมองกว้างชัดเจนครับ แถมยังได้สีสันที่สวยสดด้วยค่าขอบเขตสี 96% NTSC

โดยหน้าจอรุ่นนี้ยังมาแบบขอบจอโค้ง 2.5D เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

เหนือหน้าจอแสดงผลส่วนบนจะมีลำโพงสำหรับสนทนาและกล้องหน้าในหยดน้ำความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

ทางขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง พร้อมปุ่ม Power ที่ใช้งานการสแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่องได้สบายๆ

ด้านล่างของเครื่องจะมีทั้งช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก

ขณะที่ด้านบนจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM 2 ช่อง และ MicroSD Card อีก 1 ช่อง รวมทั้งหมด 3 Slot ครับ

และที่กล้องหลังจะมีกล้อง 3 เลนส์ โดยจัดเรียงในรูปแบบ Dual Tone Step ที่ที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ vivo โดยแถบล่างจะมีไฟแฟลช LED มาให้ 1 ดวง

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฏิบัติการ

vivo Y33s แกะกล่องมาพร้อมระบบ Android 11 ที่ใช้ UI เป็น Funtouch OS 11.1 ที่มีความเสถียรในการใช้งานและประสิทธิภาพที่ได้เต็มที่แน่นอนครับ

ปกป้องดวงตาด้วยตัวช่วยกรองแสงสีฟ้า

ใครที่จ้องหน้าจอนานๆ อาจต้องใช้ฟีเจอร์นี้ช่วยครับ โดยจะเป็นการปรับสีหน้าจอให้มีความอุ่นมากขึ้นหรือการตัดแสงสีฟ้าออกไปนั่นเอง อยากได้แบบโทนอุ่นระดับไหนก็สามารถปรับได้ตามความชอบเลยครับ

หรือใครจะใช้งานเป็นธีมมืดก็ได้เหมือนกันครับ โดยสีสันยังเหมือนเดิม แต่แสงสีฟ้ายังคงอยู่เหมือนเดิมนะ

ระบบความปลอดภัย

เพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการปลดล็อกหน้าจอ สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็จัดให้มาอยู่ที่ด้านข้างตัวเครื่องที่เดียวกับปุ่ม Power เลยครับ เวลาหยิบเครื่องมาจะใช้งานก็จะไปตรงกับตัวเซ็นเซอร์และปลดล็อกให้ทันที

ขณะเดียวกัน Face Wake หรือการสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วและเสถียรไม่แพ้กันครับ

ผู้ช่วยเพิ่มความสบาย Jovi Home

Jovi Home จะเป็นผู้ช่วยให้เราใช้งานสมาร์ตโฟนง่ายขึ้นและรวดเร็วกว่าเดิม โดยเราสามารถปรับแต่งให้หน้านี้เพิ่มทางลัดเข้าแอปได้โดยไม่จำเป็นต้องหา, สามารถเพิ่มข้อมูลสภาพอากาศ หรือข้อมูลกีฬาต่างๆ ได้ครบถ้วน รวมไปถึงข้อมูลทั่วไปอย่างระยะเวลาการใช้งานหน้าจอ, แจ้งเตือนการดื่มน้ำ, ออกกำลังกาย และอื่นๆ ให้ลองใช้งานเพียบครับ

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

หน่วยประมวลผลที่ใช้มาขับเคลื่อน vivo Y33s ก็ได้ MediaTek Helio G80 Octa Core ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกมหรือใช้งานหนักๆ อยู่แล้วด้วยความที่เป็น Helio G Series ทั้งยังมี RAM มาให้ถึง 8GB พร้อมด้วยฟีเจอร์ Extended RAM 2.0 ที่เปลี่ยนพื้นที่จัดเก็บเป็น RAM ให้อีก 4GB รวมทั้งหมด 12GB ใช้งานแบบไม่มีสะดุดและสลับแอปได้ไวขึ้นด้วยครับ

เทคโนโลยี HyperEngine Game

เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการจัดการหน่วยประมวลผล, GPU, และ RAM เพื่อให้เล่นเกมได้นานมากขึ้นและยังคงประสิทธิภาพไม่ให้ตกครับ

เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมด้วย Ultra Game Mode

สำหรับฟีเจอร์นี้จะเป็นการเพิ่มความสามารถระหว่างการเล่นเกมให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มระบบสั่น 4D Game Vibration สำหรับเกมที่รองรับ, Picture-in-Picture ของเกมเพื่อให้เราสามารถใช้งานแอปแชทอื่นๆ แบบหน้าลอยได้สบายๆ ไม่จำเป็นต้องออกจากจอเกมมาพิมพ์ให้เสียเวลาโหลดเข้าไปใหม่, ปิดกั้นการแจ้งเตือนระหว่างเล่นเกม และ Esports Mode ที่จะเพิ่มความเสถียรของเครือข่าย พร้อมด้วยเอฟเฟ็กต์ที่แสดงผลได้ดีขึ้นด้วยครับ

ทดสอบการเล่นเกม

ROV

สำหรับเกม ROV เราสามารถเปิดภาพ HD ในระดับสูงสุด พร้อมการแสดงผลระดับสูง แต่ยังไม่สามารถเปิดเฟรมเรทระดับสูงได้ครับ เราได้ทดสอบไปประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ 3 เกม ระหว่างที่เล่นก็ไม่มีอาการกระตุกใดๆ หน้าจอกดได้ติดนิ้ว และเฟรมเรทก็วิ่งนิ่ง 30fps ตลอดทุกเกมครับ

• 

• 

• 

• 

• 

Call of Duty: Mobile

หรือถ้าเป็นเกมที่กราฟิกสูงขึ้นมาหน่อยอย่าง COD ก็เล่นสบายๆ ไม่เจออาการหน่วง ส่วนกราฟิกปรับได้ระดับกลางและเฟรมเรทสูงครับ

• 

• 

• 

• 

• 

Pokémon Unite

หรือใครที่อยากเล่นเกมใหม่มาแรงอย่าง Pokémon Unite ก็เล่นได้สบายหายห่วงครับ จะตอนโจมตี ช่วงชุลมุน ช่วงโยนบอลลงห่วง หรือช่วงเอฟเฟ็กต์เยอะๆ ก็สามารถแสดงผลได้ไหลลื่น

เล่นเกมได้ไหลลื่นขั้นสุดด้วย Multi-Turbo 5.0

นอกจากฟีเจอร์ HyperEngine Game และ Ultra Game Mode แล้ว ก็ยังจัดเต็มให้เป็นสมาร์ตโฟนเกมมิ่งราคาประหยัดได้ด้วย Multi-Turbo 5.0 ที่จะปรับแต่งให้ CPU และระบบปฏิบัติการทำงานเต็มกำลัง ที่สำคัญการเล่นเกมเป็นระยะเวลานานๆ ตัวเครื่องจะไม่ร้อนจนเกินไปเพราะมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวถึง 4 อย่าง ได้แก่ แผ่น Graphite, ฟอยล์ทองแดงการนำความร้อนสูง,เจลนำความร้อน และระบบจัดการระบายความร้อนอย่างอัจฉริยะ

แบตเตอรี่ทรงพลัง 5000mAh มาพร้อมการชาร์จไว 18W

ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มาขนาดนี้ ปกติแล้วจะใช้งานทั่วไปได้เต็มวันต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง เช่น การเล่น Facebook, ดู YouTube และใช้แอปแชทตามปกติ ทั้งนี้ ยังรองรับชาร์จเร็ว 18W ซึ่งจากที่ลองชาร์จแล้วจาก 25% ถึง 100% ใช้เวลาไปประมาณ 90 นาที

และด้วยความจุที่ให้ความจุแบตเตอรี่มาเยอะมากๆ ก็ยังเปลี่ยนตัวเองเป็นแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) เพื่อชาร์จเครื่องอื่นแบบ Reverse charging ได้ด้วย ซึ่งต้องใช้สาย USB Type-C to Type-C เพิ่มครับ

กล้องถ่ายรูป

ความสามารถกล้อง 50MP ของ vivo Y33s จัดว่าไม่ธรรมดา เพราะให้ฟีเจอร์ต่างๆ มาครบถ้วน พร้อมลูกเล่นที่ให้ใช้งานกันเยอะมากๆ จะมีอะไรบ้างมาลองดูกันเลย !!

คมชัดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล

กล้องหลักของ vivo Y33s มีความละเอียดสูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล ด้วยเซ็นเซอร์ JN1SQ03 โดยจะมีโหมดเพื่อให้ถ่ายได้ที่ความคมชัดสูงสุดเพื่อสามารถนำไปใช้งานต่อหรือเพื่อให้เห็นรายละเอียดเล็กๆ ในภาพได้มากขึ้นผ่านการซูม

แต่ถ้าเน้นถ่ายปกติก็จะได้ AI ที่แยกแยะหมวดหมู่ของวัตถุเข้ามาช่วยเรื่องสีสันและแสงเงาต่างๆ ให้มีมิติมากขึ้น โดยภาพที่ได้จะออกมาที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งจะเป็นการรวม 4 พิกเซล เป็น 1 พิกเซล (4-in-1 Binning) นั่นเอง โดยเรายังใช้งานฟีเจอร์ Super HDR เพื่อให้ถ่ายภาพย้อนแสงได้ ใครที่ชอบถ่ายภาพบรรยากาศช่วงเย็นๆ หรือช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดิน ก็จะได้ฟีเจอร์นี้มาช่วยให้ภาพทั้งภาพมีความคมชัดพร้อมเพิ่มความสว่างในที่แสงน้อยตามความเหมาะสมครับ

• 

• 

• 

• 

• 

• 

• 

Portrait Bokeh สวยเนียนตาตามสไตล์ vivo

ในเรื่องการถ่าย Portrait บอกเลยว่า vivo ไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้วครับ ซึ่งในรุ่นนี้ก็ทำออกมาได้ดีเพราะได้เลนส์ Bokeh เข้ามาช่วย การเบลอฉากหลังจะได้ความมีมิติที่ไล่ระดับได้สวยงามไม่หลอกตา แถมยังได้ความบิวตี้บนใบหน้ามาเสริมให้สวยขึ้นไปอีก

• 

• 

• 

• 

• 

• 

ทั้งนี้ ก็ยังมีฟีเจอร์ Eye Autofocus เพื่อให้ AI ช่วยโฟกัสที่ดวงตาของบุคคล เพื่อให้ภาพคมชัดขึ้น ไม่เกิดภาพเบลอจนเสียบรรยากาศ

หรือใครจะเพิ่มลูกเล่นให้ภาพถ่ายก็ยังมีเอฟเฟ็กต์แสงบุคคลให้เลือก 5 แบบ ได้แก่ ไฟสตูดิโอ, ไฟสเตอริโอ, ลูปไลท์, แสงรุ้ง และภาพพื้นหลังขาว-ดำ

• 

• 

• 

• 

• 

Super Night Mode ถ่ายภาพกลางคืนได้คมชัด

ถ้าใครชอบถ่ายภาพตอนกลางคืน vivo Y33s ก็มี Super Night Mode มาให้ใช้งานกันครับ โดยภาพที่ได้ถือว่าทำได้ดีมากสำหรับสมาร์ตโฟนราคาเรทเดียวกัน แสงมีความสว่างขึ้นพร้อมเพิ่มความคมชัดให้วัตถุ, Noise เกิดค่อนข้างน้อย และเงาทำได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับโหมดปกติ

• 

• 

• 

• 

• 

• 

โดยลูกเล่นของ Super Night Mode ก็ยังมีฟิลเตอร์ Stylish Night Filters ให้ถ่ายอีก 4 แบบ ได้แก่ ดำและทอง, น้ำแข็งสีฟ้า, ส้มเขียว และไซเบอร์พังก์

• 

• 

• 

• 

Super Macro ถ่ายวัตถุใกล้สุด 4 ซม.

เลนส์ที่ 3 ที่มีก็คือเลนส์ Super Macro ที่ให้ถ่ายภาพระยะใกล้ๆ ได้ชัดเจนขึ้น โดยมีระยะใกล้สุดถึง 4 เซนติเมตร

• 

• 

• 

• 

• 

กล้องหน้าพร้อม Face Beauty และลูกเล่น Multi-Style

สำหรับสายเซลฟี่คงต้องหลงรัก vivo Y33s ที่มีการปรับแต่งใบหน้าสวยงามเป็นธรรมชาติด้วย Face Beauty ได้ถึง 100 ระดับ พร้อมรองรับโหมด Bokeh เบลอฉากหลังเพื่อให้เราดูโดดเด่นขึ้นมาได้ทันที

• 

• 

• 

• 

• 

Multi-Style Portrait

ฟีเจอร์นี้จะเป็นโหมดถ่ายภาพบุคคลที่จะเพิ่มสไตล์คล้ายฟิลเตอร์เข้ามา 2 แบบ ได้แก่ สดชื่น และภาพยนตร์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบบก็ช่วยเปลี่ยนอารมณ์ให้ภาพมีความแตกต่างกันอย่างสวยงาม

• 

• 

• 

• 

• 

เซลฟี่ที่แสงน้อยไม่ต้องกลัวเพราะมี Super Night Selfie

หากใครที่อยากได้ภาพเซลฟี่ในตอนกลางคืนก็ไม่ต้องกลัวไปครับ เพราะมีฟีเจอร์การเติมแสงเข้ามาช่วย โดยแสงที่ได้จะมีความเป็นธรรมชาติและเป็นโทนอุ่นๆ ทำให้ภาพที่ได้มีความสวยงามมากขึ้นและไม่ดูโดดจนเกินไป

• 

• 

• 

ถ่ายวิดีโอได้นิ่งด้วยโหมดกันสั่น EIS แบบอัตโนมัติ

ในการถ่ายวิดีโอ vivo Y33s ก็รองรับระบบกันสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EIS) ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องกดเปิดเพราะระบบจะทำให้อัตโนมัติเมื่อมีการเคลื่อนไหว

สรุปการใช้งาน

สำหรับ vivo Y33s ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นประหยัดที่ใช้งานได้คุ้มค่ามากๆ กับสเปคที่ให้มาครับ ตั้งแต่หน้าจอใหญ่ถึง 6.58 นิ้ว ใช้งานได้เต็มตามากๆ โดยเฉพาะตอนดูวิดีโอและเล่นเกม รวมถึง CPU Helio G80 ที่เล่นเกมทั่วไปได้สบายๆ แถมเวลาเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่ร้อนจนเกินไปด้วยครับ และที่สำคัญ กล้องหลังที่ให้มาถึง 50 ล้านพิกเซล ที่เป็นหนึ่งในรุ่นที่ให้ความละเอียดมากที่สุดในเรทราคาเดียวกันด้วย และยังมีฟีเจอร์ให้ใช้หลากหลาย

ราคาและวันวางจำหน่าย

สำหรับ vivo Y33s วางจำหน่ายในราคาเพียง 7,999 บาท โดยสามารถหาซื้อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป