vivo Y35 สมาร์ทโฟนขนาดเหมาะมือ ดีไซน์สุดบางเพียง 6.78 มม. มาพร้อมกล้องถ่ายรูปความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ใช้งานได้ทั้ง 3G และ 4G
สรุปสเปค vivo Y35
- ราคาเปิดตัว 7,990 บาท (ธันวาคม 2558)
- ขนาดตัวเครื่อง 143.3 x 71 x 6.78 มม.
- น้ำหนัก 153 กรัม
- 2 ซิมการ์ด (Micro SIM + Nano SIM)
- หน้าจอแสดงผล 5 นิ้ว IPS HD 720p
- รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 2.1 (Android 5.0 Lollipop)
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410
- ซีพียู Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53
- จีพียู Adreno 306
- แรม 2 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 16 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านเครือข่าย 3G/4G LTE, WiFi, Bluetooth 4.0
- รองรับระบบ GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ 2,300 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
แกะกล่อง vivo Y35
vivo Y35 มาในกล่องสีขาว เรียบ ๆ ภายในกล่องจัดจำหน่ายจะมีตัวเครื่อง vivo Y35 พร้อมแบตเตอรี่ในตัว ซึ่งตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้เรียบร้อยแล้ว, อะแดปเตอร์กับสาย micro USB, หูฟังขนาดมาตรฐาน, เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิม และคู่มือการใช้งาน
ดีไซน์ ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
vivo Y35 อาจจะเรียกได้ว่ามันคือ Y37 ที่ลดขนาดลงมา และปรับสเปคลงเล็กน้อย โดยวัสดุหลักของตัวเครื่องทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ ให้ความรู้สึกถึงงานประกอบที่แน่นหนาเวลาจับใช้งาน อีกทั้งยังมีความบางเพียง 6.78 มม. ทำให้ดูเพรียม จับถนัดมือมากยิ่งขึ้น
หน้าจอของ vivo Y35 มีขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720p เป็นแผงหน้าจอ IPS LCD ให้สัดส่วนหน้าจอมาประมาณ 67.7% ของตัวเครื่อง ถือว่าน้อยไปหน่อย ซึ่งก็หมายความว่าขอบจอค่อนข้างหนา หากบางลงกว่านี้ตัวเครื่องก็สามารถลดขนาดลงได้ด้วย ในขณะที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันหันไปดีไซน์ให้ขอบจอนั้นบางลงเรื่อย ๆ
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงเสียงสนทนา และเซ็นเซอร์วัดแสง
ด้านล่างหน้าจอมีปุ่มนำทางแบบสัมผัส 3 ปุ่ม เริ่มจากซ้าย ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ (ปุ่มไม่มีไฟส่องสว่าง)
ขอบด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และช่องใส่ microSD card
ขอบด้านล่างมีพอร์ตเชื่อมต่อขนาด micro USB และไมโครโฟน
ขอบขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power
ขอบซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิม ขนาด micro SIM กับ nano SIM
รุ่นที่ใช้ในรีวิวนี้เป็นตัวเครื่องสีทอง ตัดกับสีขาวบริเวณส่วนบนและส่วนล่าง ซึ่งฝาหลังไม่สามารถแกะเปิดได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 2,300mAh
เลนส์กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED
ลำโพงจะอยู่บริเวณส่วนล่างของด้านหลังตัวเครื่อง มีลำโพงตัวเดียว
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
vivo Y35 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ครอบด้วย Funtouch OS 2.1 ที่มีหน้าตาการปรับแต่งตามสไตล์ของ vivo ไม่แตกต่างไปจากรุ่นอื่น ๆ เข้าสู่หน้าจอหลักโดยการปัดขึ้น ซึ่งในหน้าล็อกสกรีนยังสามารถปรับแต่งตามสไตล์ของตัวเอง และแสดงรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ
เมื่อลากแถบด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ และเมื่อลากแถบด้านล่างขึ้นมาจะเป็นในส่วนของ Control Panel ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถปิดการทำงานของแอพพลิเคชั่นได้ด้วย
ไอคอนแอพและวิดเจ็ตต่าง ๆ จะถูกจัดเรียงไว้ในหน้าโฮมทั้งหมด สามารถแตะลากปรับตำแหน่งการจัดวางหรือลบออกจากหน้าโฮมก็ได้ รวมถึงการเปลี่ยนเอฟเฟ็กต์การเลื่อนหน้าจอ และซ่อนแอพพลิเคชั่นด้วยการล็อครหัสเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ฟังก์ชั่นการจับภาพหน้าจอสำหรับมือใหม่ที่เริ่มใช้งานสมาร์ทโฟนจาก vivo อาจจะไม่คุ้น ซึ่งสามารถทำได้โดยกดปุ่มปิด/เปิดเครื่องพร้อมกับปุ่มปุ่มโฮม ใช้จังหวะการกดพร้อมกันแล้วปล่อย ไม่ต้องกดค้างไว้นานนะครับ
หรือถ้าอยากจับภาพหน้าจอแบบพิเศษก็สามารถเรียกใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้ ซึ่งสามารถจับภาพหน้าจอแบบยาว, บันทึกวิดีโอหน้าจอ, เลือกจับภาพเฉพาะส่วนแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า และเลือกส่วนที่ต้องการจับภาพเป็นรูปร่างขำ ๆ ด้วยการวาดแบบอิสระ
ฟังก์ชั่นการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟังก์ชั่นการเรียกใช้งานขณะหน้าจอปิดอยู่ รวมถึงการสั่งงานโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ ซึ่งฟังก์ชั่นเหล่านี้ได้เข้ามาอยู่บนสมาร์ทโฟน Android แทบจะทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นราคาประหยัด ระดับกลาง หรือเรือธง
- Smart wake เป็นการแตะแล้ววาดนิ้วลงบนหน้าจอขณะหน้าจอปิดอยู่เพื่อสั่งงานหรือเรียกใช้งาแอพพลิเคชั่นตามที่ได้กำหนดค่าเอาไว้ เช่น วาดตัวอักษร C เพื่อเรียกใช้งานการโทร, แตะแล้วลากลงเพื่อเปิดใช้งานแอพกล้อง เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังสามารถกำหนดท่าทางการเรียกใช้งานอื่น ๆ ได้ด้วย
- การใช้งานโดยไม่สัมผัส ได้แก่ ปัดฝามือเหนือหน้าจอเพื่อดูสถานะของมือถือ เช่น เวลาบนหน้าจอ หรือปัดฝามือเหนือหน้าจอเพื่อปลดล็อคหน้าจอก็ได้
- หน้าจอสว่างอัจฉริยะ เป็นการเปิดหน้าจอใช้งานโดยอัตโนมัติผ่านการสั่งงาน ได้แก่ เมื่อหยิบออกจากกระเป๋า, แตะหน้าจอ 2 ครั้งขณะหน้าจอปิดอยู่ และหน้าจอจะไม่ดับเมื่อมองหน้าจออยู่
- การโทรอัจฉริยะ ได้แก่ การเข้าไปดูรายชื่อโทรศัพท์แล้วยกมือถือแนบหูเพื่อโทรออกได้ทันที หรือเมื่อมีสายเข้าก็ยกแนบหูเพื่อรับสายได้ทันที เป็นต้น
- การเขย่าเพื่อเปิดแฟลชด้านหลังเป็นไฟฉาย เมื่อหน้าจอเปิดอยู่ในหน้าล็อคสกรีน หรืออยู่ในโหมดสแตนด์บาย แต่ถ้าหน้าจอปิดอยู่จะไม่สามารถเขย่าเพื่อเปิดไฟฉายได้
- การซูมโดยการใช้นิ้วหนึ่งแตะค้างไว้บนรูปภาพแล้วเอียงมือถือเพื่อซูม
- การเตือนอัจฉริยะ เป็นการสั่นเตือนหากมีรายการแจ้งสายที่ไม่ได้รับหรือข้อความเตือนค้างอยู่เมื่อหยับมือถือขึ้นมา
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
vivo Y35 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 410 Quad-core ซึ่งทั้งตัวระบบปฏิบัติการและซีพียูต่างก็เป็น 64-bit ทำให้การทำงานทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ กับแรม 2GB และจีพียู Adreno 306
ผลการทดสอบ AnTuTu V6.0 ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม หน่วยประมวลผลหรือซีพียู และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ผลที่ได้จะออกมารูปแบบของคะแนน ยิ่งคะแนนสูงยิ่งดี โดย vivo Y35 ทำคะแนนรวมได้ 23,237 คะแนน
ทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ vivo Y35 ทำคะแนน Single-Core ได้ 500 และ Multi-Core ทำได้ 1,492 คะแนน
กล้องถ่ายรูป
vivo Y35 มีกล้องถ่ายรูปด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุด 4160 x 3120 พิกเซล (ประมาณ 12.97 ล้านพิกเซล) อัตราส่วนภาพ 4:3 รองรับการแตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัส และการโฟักัสภาพถือว่าทำได้เร็วดีสำหรับภาพที่วัตถุหยุดนิ่ง แต่ถ้าวัตถุเคลื่อนไหวจะได้ภาพไม่ค่อยชัด เช่น ภาพดอกไม้หรือใบไม้กำลังขยับ เป็นต้น
โหมดถ่ายภาพที่มากับแอพกล้อง ได้แก่ โหมดออโต้, ใบหน้าสวย, HDR, พานอรามา, กลางคืน, PPT (สำหรับถ่ายภาพเอกสาร กระดานดำ ไวท์บอร์ด เมื่อถ่ายเสร็จจะตัดขอบและทำให้ตรงอัตโนมัติ), ลายน้ำ และเด็ก
พาโนรามา
แอพกล้องรองรับการแบฝ่ามือเพื่อสั่งให้ชัตเตอร์, มีระบบตรวจจับเพศชายหญิง และรองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD 1080p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
กล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุดในอัตราส่วน 4:3 และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 720p
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
สรุปจุดเด่น
- ตัวเครื่องดีไซน์สวยงาม งานประกอบดูพรีเมียมแน่นหนา และมีหน้าจอแสดงผลขนาด 5 นิ้ว ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป
- รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 2.1 (Android 5.0 Lollipop)
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 410 ซีพียู Quad-core 1.2 GHz กับแรม 2 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 16 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 128GB ซึ่งตรงเองถือว่าดีมาก ๆ ที่ vivo มีช่องใส่ microSD card แยกออกมาจากช่องใส่ซิม ในขณะที่สมาร์ทโฟน 2 ซิมส่วนใหญ่ต้องเลือกว่าจะใส่ซิม 2 หรือ microSD card
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านเครือข่าย 3G/4G LTE, WiFi, Bluetooth 4.0
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- แบตเตอรี่ 2,300 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้ และความจุถือว่าน้อยหากเทียบฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย
- ปุ่มนำทาง 3 ปุ่มล่างหน้าจอไม่มีไฟส่องสว่าง
ขอบคุณ vivo Service (Thailand) Co.,Ltd.