Featured
เครือข่ายที่ดีแค่เร็วไม่พอ..ต้องตอบสนองเร็วที่สุด มาทำความรู้จักค่า “Latency” และ “Throughput” กัน
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนสูงขึ้นมากเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลงสตรีมมิ่ง เล่นเกม หรือเล่นโซเชียลต่างๆ รู้หรือไม่ว่าเครือข่ายที่ดีแค่เร็วไม่พอครับ แต่การตอบสนองที่เร็วที่สุดก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน สำหรับใครอาจจะสงสัยว่าค่าตอบสนองคืออะไร สำคัญอย่างไร วันนี้จะมาเล่าถึงประโยชน์ของค่าตอบสนองให้ได้ทราบกันครับ
ความเร็วของอินเทอร์เน็ตแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย คือ “Latency” และ “Throughput” ทั้ง 2 คำนี้อาจจะฟังดูแล้วไม่คุ้นหูมากเท่าไหร่ แต่เป็นสิ่งที่เราใช้กันอยู่ทุกวันครับ เดี๋ยวอ่านจบแล้วจะเข้าใจได้อย่างง่ายๆ เลย ไปทำความรู้จัก 2 คำนี้ให้มากขึ้นกว่านี้กันเลยดีกว่า
Latency คืออะไร?
Latency จะเป็นตัววัดความเร็วจากการใช้เวลารับส่งข้อมูล ซึ่งเป็นค่าการตอบสนองในการ รับ-ส่ง สัญญาณ โดยตรง ความเร็วนี้จะต่ำกว่าหรือเท่ากับความเร็วของแสง โดยคำนวณจากระยะเวลาที่เริ่มส่งไป แล้วเซิร์ฟเวอร์ตอบกลับมาหาผู้ใช้งานตามจริง โดยสามารถใช้เครื่องมือ Speed Test ซึ่งจะทำให้ได้ค่า “Latency” หรือที่เรียกกันคุ้นหูในการทำ Speed Test กันบ่อยๆ ว่า “Ping” นั่นเองครับ ในการตรวจวัดค่าเวลาที่ใช้ในการส่งข้อมูลจากเครื่องของเราไปยัง Server/Host รวมถึงเวลาที่ตอบกลับ โดยที่ค่า Ping น้อยมากเท่าไหรยิ่งดีครับ เพราะแสดงให้เห็นว่า Server ส่งข้อมูลกลับมาหาเราได้เร็ว ใช้เวลาน้อยมากในการติดต่อสื่อสารกันแต่ละครั้ง มีหน่วยเป็น ms. (milli-second/ 1:1,000 วินาที)
Throughput คืออะไร?
Throughput หมายถึงปริมาณข้อมูลที่สามารถรับและส่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง นึกภาพง่ายๆ เวลาเทสต์สปีดอินเทอร์เน็ตครับ หลายๆ คนน่าจะเคยเทสต์กัน ซึ่งในการเทสต์ 1 ครั้ง ก็คือช่วงระยะเวลาหนึ่ง เราจะได้ค่าทั้งดาวน์โหลดและอัปโหลด ค่านี้ก็คือ Throughput นั่นเอง ซึ่งการเทสต์สปีดปกติเราจะใช้หน่วยเป็น Mbps เป็นมาตรฐานกันครับ (Megabit per second หรือ เมกะบิตต่อวินาที)
ทดสอบค่า Latency และ Throughput
หลังจากที่ได้ทราบกันแล้วว่าทั้ง Latency และ Throughput คืออะไรมาดูการทดสอบกันครับ จากภาพนี้ทดสอบด้วยแอพ Speedtest.net กับเครือข่าย AIS 4G จะเห็นได้ว่า ความเร็ว “Throughput” ที่ได้ Download คือ 288.55 Mb/s และ Upload คือ 33.24 Mb/s และ “Latency” คือ 18ms ค่า Latency น้อยมากเท่าไหร่ การตอบสนองก็ยิ่งดีครับ (ลิงก์ตัวอย่างผลทดสอบ http://www.speedtest.net/my-result/a/2611620413)
Latency และ Throughput อะไรมีความสำคัญมากกว่ากัน?
เมื่อต้องลำดับความสำคัญจะพบว่าค่า Latency จะมีความสำคัญกว่าค่า Throughput ครับ เหตุใดจึงสำคัญกว่า เป็นเพราะว่าค่า Latency จะส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งานโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้งานประเภทเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน VDO Call, Games หรือ VOIP เป็นต้น ซึ่งค่า Latency ยิ่งต่ำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน เพราะจะทำให้การใช้งานไม่เกิดการกระตุก ยกตัวอย่างง่ายๆ ใกล้ๆ ตัวที่ใช้งานในชีวิตประจำวันกัน เช่น การเล่นเกม คอเกมจะทราบดีกว่าถ้าค่าปิงยิ่งต่ำก็จะทำให้การเล่นเกมไม่ “แลค” ภาพเสียงตรง ไม่สะดุดเล่นได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เล่นเกมมันยิ่งขึ้น, การใช้งาน YouTube เล่นได้ต่อเนื่องไม่ต้องติดบัฟ ไม่ต้องรอนาน, หรือจะเป็นการประมูลออนไลน์ ซึ่งจะต้องแข่งขันกันบิดเพียงเสี้ยววินาทีก็มีความสำคัญ
สรุปส่งท้าย
พอจะเห็นภาพกันบ้างแล้วใช่มั้ยครับว่าค่า Latency และ Throughput คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร อย่างที่บอกกันไปแล้วว่าเครือข่ายที่ดีไม่ใช่เพียงแค่เร็วเท่านั้นครับ ต้องตอบสนองเร็วที่สุดด้วย ซึ่งตอนนี้เครือข่ายมือถือในบ้านเราอย่าง AIS ที่ทดสอบให้ดูในครั้งนี้ตัวผมเองได้ทราบข้อมูลมาว่า ได้พัฒนาเครือข่ายให้ได้ค่า Latency ที่ดี เพื่อการใช้งานทุกเรื่องออนไลน์เร็วที่สุด แรงที่สุด และตอบสนองได้เร็วที่สุด จึงได้ทดสอบและนำมาฝากกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตกันบ่อยๆ แต่ยังไม่ทราบว่าทั้ง 2 คำนี้คืออะไร เอาไว้โอกาสหน้ามีเรื่องไหนที่สนใจจะเอามาฝากกันใหม่ครับ