News
เจาะลึก 4 คุณสมบัติหลัก! สุดยอดแท็บเล็ตระดับพรีเมียมแบบไหน ที่มืออาชีพในทุกแวดวงต้องมี!
กลายเป็นดีไวซ์ที่มีคุณสมบัติ และฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุมไม่แพ้ดีไวซ์อื่นๆ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในช่วงนี้แบบขีดสุด สำหรับ “แท็บเล็ต” ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างแล้วแต่ความต้องการ ตอบโจทย์ได้ในทุกๆ การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น การทำงาน, เรียนออนไลน์, ท่องโลกอินเทอร์เน็ต, สนุกไปกับความบันเทิงในรูปแบบสตรีมมิ่ง หรือใช้เล่นเกมก็ยังได้ เรียกได้ว่าเข้ามามีบทบาทในชีวิตของใครหลายๆ คน ไม่แพ้โทรศัพท์มือถือเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันหลายแบรนด์หันมาให้ความสนใจ และลงแข่งขันในตลาดแท็บเล็ตด้วยเช่นกัน ทำให้แท็บเล็ตแต่ละรุ่นในตลาดมีความแตกต่างกันอยู่มาก ทั้งเรื่องของดีไซน์ ขนาดรูปทรง ฟังก์ชันพิเศษ และความเหมาะสมในการใช้งานด้านต่างๆ ดังนั้นเราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 4 คุณสมบัติหลักที่ต้องมองหาเวลาเลือกแท็บเล็ตเพื่อการทำงานที่ต้องการความเป็นโปรเฟสชั่นแนล ไปดูกันดีกว่าว่าแท็บเล็ตระดับพรีเมียมสำหรับมืออาชีพที่ตัวจริงในทุกวงการควรมี ควรใช้ ต้องมีคุณสมบัติหลักอะไรบ้าง (ดูรีวิวที่นี่)
หน้าจอใหญ่ ให้รายละเอียดชัด และต้องช่วยถนอมสายตาด้วย
ปกติแล้วแท็บเล็ตจะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 8-10 นิ้ว โดยประมาณ แต่หากอยากได้ความสะดวกในการทำงานต่างๆ แนะนำให้เลือกหน้าจอขนาด 12.6 นิ้วที่มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ยิ่งสูงยิ่งดี และหากสูงถึง 90% ก็จะดีสุดๆ เพราะขนาดหน้าจอที่ใหญ่ จะทำให้สะดวกต่อการพิมพ์งาน แก้ไขงาน ยิ่งเป็นหน้าจอแบบ OLED FullView รองรับอัตราส่วนคอนทราสต์ได้มาก และมีช่วงสี DCI-P3 ที่กว้างก็ยิ่งดี จะช่วยตรวจงานได้ละเอียดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะที่ต้องใส่ใจต่อดีเทลแค่ไหนก็เอาอยู่ และด้วยหน้าจอที่ใหญ่ ให้ภาพและสีที่คมชัด จะช่วยยกระดับการดูหนัง ดูซีรีส์ได้ดีราวกับใช้งานแล็ปท็อปอยู่เลยทีเดียว นอกจากนี้การเพ่งสายตานานๆ บนจออาจทำให้เกิดอาการปวดท้ายทอย ปวดบริเวณขมับ เวียนหัว และอาจลามไปถึงขั้นคลื่นไส้ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งของอาการบ่งบอกว่ากล้ามเนื้อตาของคุณกำลังรับภาระหนักเกินไป ดังนั้นจอแท็บเล็ตในปัจจุบันควรมีเทคโนโลยีที่ช่วยลดแสงสีฟ้าจากหน้าจอ ปรับแสงสว่างและ ความคมชัดของหน้าจอให้รู้สึกสบายตา และควรได้รับการการันตีคุณภาพจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ อย่างเช่น มาตรฐานการรับประกัน TÜV Rheinland Certified เป็นต้น
ระบบเสียงสเตอริโอรอบทิศทาง สร้างมิติใหม่ในการทำงานและความบันเทิงไปพร้อมกัน
Work From Anywhere ที่ต้องประชุมงานตลอดเวลา ถ้าระบบเสียงมีปัญหาจะทำให้ดูไม่จืดแน่นอน หรือดูหนัง ฟังเพลงผ่านแท็บเล็ตอยู่ดีๆ เสียงดันแตกซ่าเสียอย่างงั้น พาลให้หงุดหงิดกันเปล่าๆ ดังนั้นเพื่อการประชุมงาน และรับฟังข่าวสารอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้แบบไม่มีสะดุด แท็บเล็ตที่มืออาชีพควรจะเลือกซื้อต้องมีระบบเสียงที่มีคุณภาพ กระจายเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านลำโพงมากกว่า 4 ตัว ช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับเสียงรอบทิศทาง อย่าง HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch ที่มีลำโพงสูงสุดถึง 8 ลำโพง ให้เสียงดังกังวาน 360 องศา และมีความถี่ที่กว้างขึ้น ทำให้รับชมสิ่งต่างๆ ด้วยภาพและเสียงที่ดูมีชีวิตชีวาได้ดีกว่าที่เคย พร้อมการันตีคุณภาพเสียงคมชัดด้วยระบบเสียงจากแบรนด์ดังระดับโลก harman/kardon แถมมีไมโครโฟน 4 ชุดในตัว รองรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะสนทนา บันทึกวิดีโอ หรือบันทึกเสียงก็ทำได้ดีอีกด้วย
ครบเครื่องด้วยฟังก์ชันสุดจี๊ด รองรับไลฟ์สไตล์ที่ต้อง Work From Anywhere
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องสแตนด์บายทำงานทุกที่ และทุกเวลาด้วยแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพกพาอุปกรณ์ไอทีที่เข้ามาทำให้ชีวิตการทำงานของคุณง่ายขึ้น แน่นอนว่าแท็บเล็ตตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ได้ ยิ่งสำหรับมือโปรด้วยแล้วต้องเป็นแท็บเล็ตรุ่นท็อปที่สามารถทำงานได้ มากกว่าโทรศัพท์ และฟังก์ชันการทำงานของแท็บเล็ตเกือบเทียบเท่าแล็ปท็อปเลยยิ่งดี ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์เอกสาร การแก้ไขไฟล์งาน การใช้ทำงานนำเสนอ หรือการตัดต่อสื่อวิดีโอต่างๆ ก็ทำได้ดั่งใจ นอกจากจะช่วยให้ทำงานได้อย่างสะดวกในทุกที่ทุกเวลาแล้ว ยังเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานตามบริบทต่างๆ ไปด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันในแท็บเล็ตนั้นมีฟังก์ชัน หรือฟีเจอร์ต่างๆ ที่สามารถใช้ในการทำงานเหมือนกับการทำงานบนคอมพิวเตอร์ได้ หัวเว่ยเองเล็งเห็นถึงโอกาสดังกล่าวในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นไอซีทีระดับโลก จึงออกแบบให้ HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch มีฟีเจอร์ HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop ซึ่งมีด้วยกัน 3 โหมดคือ Mirror Mode โหมดนี้จะตั้งค่าให้แท็บเล็ตเป็นเสมือนเงาสะท้อนที่สามารถควบคุมคำสั่งต่างๆ บนแล็ปท็อปผ่านเครื่องแท็บเล็ตได้เลย ไม่ว่าจะขีดเขียนอะไรไปบนแท็บเล็ต สิ่งเหล่านั้นจะไปปรากฏยังหน้าแล็ปท็อปทันที เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับสายงานออกแบบที่ไม่ควรมองข้าม ขณะที่ Extend Mode ให้แท็บเล็ตเป็นอีกหนึ่งหน้าจอที่ถูกขยายการใช้งานมาจากแล็ปท็อป กลายเป็นหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันขนาดการแสดงผลก็ชัดเจนขึ้นตามไปด้วย สามารถเช็คงาน หรือแก้ไขงานในอีกหนึ่งหน้าจอไปพร้อมกัน ตอบสนองการทำงานที่หลากหลายได้อย่างรวดเร็ว ส่วน Collaborate Mode โหมดที่เข้ามาทำให้การเชื่อมต่อข้อมูล รูปภาพ วิดีโอ เพลง และไฟล์เอกสาร ระหว่างแท็บเล็ตและแล็ปท็อปเป็นเรื่องที่ง่ายดายกว่าเดิม ราบรื่นไม่มีสะดุดเพราะเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วย HUAWEI Share นอกจากนี้เทคโนโลยี HUAWEI Share ยังช่วยให้โยนไฟล์งานไปมาระหว่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนได้ด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับ HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch คือ ฟีเจอร์ Multi-Window ที่สามารถใช้งานหน้าต่างได้สูงสุดถึง 4 แอปฯ 4 หน้าจอในเวลาเดียวกัน และเก็บหน้าต่างลอยในแท็บเมนูด้านข้างได้มากสุด 10 หน้าต่าง เช่นเดียวกันกับฟีเจอร์ App-Multiplierที่เข้ามาช่วยให้การท่องแอปฯ ของคุณเป็นเรื่องสนุกยิ่งขึ้น เพราะสามารถเปิดแอปฯ แบบสองหน้าต่างได้พร้อมกัน โดยแอปฯ ที่รองรับการใช้งานประกอบไปด้วย Pantip, Lazada, JD Central, Line TV, SE-ED, BBTV CH7, Joox Music, WeChat, Bugaboo.TV, Rabbit Rewards, The 1 และ 3BB เป็นต้น มองหา และดาวน์โหลดมาเล่นกันได้ผ่าน HUAWEI AppGallery แหล่วงรวมแอปพลิเคชันเพื่อความสนุกสนานและมีประโยชน์ในทุกประเภท
ใช้งานได้อเนกประสงค์อย่างต่อเนื่อง มาพร้อมปากกา และสมาร์ทคีย์บอร์ด
เพื่อให้เอนจอยต่อการใช้งานได้ตลอดทั้งวันอย่างไม่ขาดช่วง แบตเตอรี่ของแท็บเล็ตเองต้องมีความจุอยู่พอสมควร ซึ่งขนาดควรมากกว่า 7000 mAh และด้วยชีวิตที่เร่งรีบกับความสะดวกและรวดเร็วใน เวลาที่จำกัดเหลือเกินของผู้คนในปัจจุบัน เวลาที่ใช้ในการชาร์จต่อครั้งเพื่อให้แบตเตอรี่เต็มก็ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมงครึ่งเช่นกัน ขณะที่หลายคนทำงานหลายดีไวซ์ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นสมาร์ทดีไวซ์ลูกผสมอย่างแท็บเล็ต ที่สามารถชาร์จรีเวิร์สแบบไร้สายให้กับสมาร์ทโฟน และดีไวซ์อื่นๆ ได้ ก็จะได้รับความนิยมค่อนข้างสูงมากกว่าแท็บเล็ตธรรมดาทั่วไป ส่วนอุปกรณ์เสริมอย่างปากกานั้นต้องใช้งานง่าย จับสะดวก และได้มาตรฐานสำหรับงานวาดเขียน จดบันทึก และการแก้ไขงานบนเอกสาร รองรับแรงกดได้ในระดับสูง สามารถจดจำการเขียนแบบเอียง ช่วยขยายขอบเขตความสามารถในการสร้างสรรค์งานต่างๆ ได้อย่างสวยงามเหมือนใช้ดินสอทั่วไป
ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มีอยู่ใน HUAWEI M-Pencil (2nd generation) ที่นอกจากโดดเด่นในแง่ของดีไซน์ที่มีการปรับให้เอื้อต่อการใช้งานแล้ว ฟังก์ชันยังจัดเต็ม อัปเกรดแบบขีดสุด เช่น ฟีเจอร์ใหม่แกะกล่อง Free Script ที่เปลี่ยนลายมือที่วาดด้วยปากกา ให้กลายเป็นตัวอักษรโดยรองรับภาษาไทย อังกฤษ และจีน ทั้งยังสามารถใช้กับแอปฯ แชทสุดฮิตอย่าง Line หรือ Facebook Messenger (รองรับภาษาไทย เมื่อตั้งค่าภาษาในตัวเครื่องเป็นภาษาไทย) ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ เติมความสนุก จากการพิมพ์แชทธรรมดาๆ เป็นการเขียนตอบแทน อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Double-tap ที่สามารถสลับการใช้งานอุปกรณ์ปัจจุบันกับอุปกรณ์ก่อนหน้า อุปกรณ์ปัจจุบันกับยางลบ หรือสลับเปลี่ยนชุดสีได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้นิ้วเคาะตรงหัวปากกาที่จับสองครั้ง จะวาดเขียนหรือจดโน้ตก็เพลิดเพลินได้เต็มพิกัด และยิ่งใช้งานคู่กับสมาร์ทคีย์บอร์ดที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย มีการเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธ และมีระยะการกดที่เสมือนกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์พีซีทั่วไป นั่นคือ 1.3 มิลลิเมตร ก็ยิ่งสะดวกสบาย สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานที่ต่อยอดมาจาก Work From Anywhere ช่วยให้คุณสามารถทํางานแบบไฮบริดได้อย่างราบรื่น
HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch พร้อมแล้วสำหรับการขยายขีดความสามารถในการทำงานให้มีความเป็นมืออาชีพยิ่งกว่าที่เคยผ่านหน้าจอ OLED FullView Display ขนาด 12.6 นิ้ว ความละเอียด 2K สัมผัสกับสุนทรียะของเสียงในหลายรูปแบบด้วยลำโพงสูงสุดถึง 8 ตัว มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 10,050 mAh ใช้งานได้ต่อเนื่องในการรับชมวิดีโอโหมดออฟไลน์ได้นานถึง 14 ชั่วโมง และกลไลการทำงานที่สะดวกต่อการใช้งานยิ่งขึ้น ทั้งฟังก์ชันที่อัปเดต รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop, Multi-Window และ App-Multiplier ในราคาเพียง 28,990 บาทเท่านั้น!
ย้ำกันอีกสักรอบก่อนหมดช่วงโปรโมชันสำหรับพรีออเดอร์ HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch มีเฉพาะสี Matte Grey รับทันทีของสมนาคุณ มีตั้งแต่ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard, HUAWEI M-Pencil, HUAWEI Cloud, HUAWEI VDO, WPS VIP และ FilmoraGo VIP มูลค่ารวม 11,517 บาท ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2564 ถึง 17 มิถุนายน 2564 เมื่อซื้อผ่าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น จับจองก่อนใครได้ที่ https://bit.ly/2TigJUz