เราอยู่ในยุคที่ AI นั้นมีอยู่ทุกที่ ดังนั้นบริษัทเทคโนโลยีที่ไม่พูดถึง AI นั้นหาได้ยาก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำอย่างเช่น OpenAI และ Google ก็จะทำให้ Apple นั้นจะถูกมองว่าเป็นผู้ที่อยู่ตามหลัง
แม้ว่า AI จะอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ในหลาย ๆ ด้านก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับคนทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนที่สามารถเข้าถึงเว็บสามารถเข้าถึงได้ แต่จำนวนผู้ที่ใช้บริการเช่น ChatGPT ยังค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดที่มีสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์
ด้วยเหตุนี้ WWDC ในเดือนมิถุนายนปีนี้จะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับ Apple สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 18 ในการนำ AI มาสู่คนทั่วไปได้อย่างแท้จริง
หากใครที่ติดตาม Apple มาเป็นเวลานาน ก็จะเห็นข่าวว่าบริษัทมักจะถูกมองว่าล้าหลังในบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ อย่างก่อนที่จะเปิดตัว Apple Watch จนสามารถครองตลาดสมาร์ทวอทช์ได้ Apple ก็ถูกมองว่าใช้เวลาเปิดตัวนานเกินไป ในขณะที่ลำโพงอัจฉริยะอย่าง HomePod ก็ใช้เวลาในการเปิดตัวนานเช่นกัน และรวมไปถึง HomePod mini หรือแม้แต่ VR และ AR ก็มีมานานหลายปีก่อนที่ Vision Pro จะเปิดตัว
แม้ว่า HomePod และ Vision Pro จะครองตลาดไม่ได้เหมือนกับ Apple Watch แต่ดูเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการเปิดตัวช้ากว่าคู่แข่ง เพราะว่าลำโพงและชุดหูฟังอัจฉริยะสร้างขึ้นเพื่อการสาธิตเทคโนโลยีสุดเจ๋ง แต่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน
WWDC ในปีนี้จึงกลายเป็นความคาดหวังของ Apple ที่จะได้เห็นความสามารถด้าน AI สุดล้ำบ้าง เพราะทั้ง OpenAI เองซึ่งมีการประกาศเปิดตัว GPT-4o และ Google I/O ก็ได้มีการแชร์ฟีเจอร์ AI ที่หลากหลาย รวมไปถึง Copilot+ PC ของ Microsoft
ข้อได้เปรียบด้าน AI อันเป็นเอกลักษณ์ของ Apple
บริษัทอื่นๆ ได้แสดงให้เห็นการสาธิตที่น่าทึ่งอย่างแท้จริงว่าเทคโนโลยี AI ของตนเองสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างไร แต่ Apple มีระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์และความรู้ความชำนาญในการออกแบบเพื่อสร้างเหตุการณ์การใช้งาน AI ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในวงกว้าง
ดังนั้นเราอาจไม่ได้รู้สึกว้าวมากมายในระหว่างงาน WWDC แต่ก็พอคาดหวังว่า Apple จะแสดงฟีเจอร์มากมายที่มีประโยชน์ในทางปฏิบัติและมุ่งเป้าไปที่คนจำนวนมากและทำให้ใช้งานได้จริง
อย่างที่เห็นว่า Apple เปิดตัว iPhone และ iPad ทำให้ผู้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้มากขึ้น ด้วยการลดความซับซ้อนและมอบ UI และระบบอินพุตที่ใช้งานง่าย บริษัทได้ช่วยสร้างประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ซึ่งกำหนดชีวิตของผู้คนหลายพันล้านคนในปัจจุบัน โดยศักยภาพเดียวกันนี้ก็จะเกิดขึ้นกับ AI เช่นกัน
iOS 18 จะนำเครื่องมือ AI ไปสู่ผู้ใช้จำนวนนับไม่ถ้วน และอาจได้เห็นการทำงานด้วย AI ที่ไม่ซับซ้อนแต่ใช้งานได้จริงสำหรับทุกคน เช่น สร้างอิโมจิใหม่เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ โค้ดแอปได้เร็วและราบรื่นกว่าที่เคย หรือจะเป็นการรับสรุปเนื้อหาเว็บใน Safari และมีข้อความเสียงที่ค้นหาได้ รวมไปถึงรับการฝึกสอนด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น เป็นต้น
ด้วยการมุ่งเน้นไปที่เครื่องมือ AI ที่ช่วยเหลือผู้ใช้ตามความต้องการในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง และใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ Apple สามารถนำฟีเจอร์ AI ไปสู่ความนิยมกระแสหลักได้ โดยหากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ใน iOS 18 หลายอย่างทำงานด้วย AI แต่ว่าผู้ใช้งานอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังใช้ AI อยู่
เหลือเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อนที่ Apple จะเปิดเผยฟีเจอร์ AI ทั้งหมดที่กำลังทำงานอยู่บน iOS 18 และแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์อื่น ๆ ดังนั้นก็มารอลุ้นไปพร้อม ๆ กันว่าจะได้เห็นอะไรจากเวอร์ชั่นใหม่นี้บ้าง
ที่มา : 9to5mac