Connect with us

Featured

รีวิว Xiaomi 12T | 12T Pro เปลี่ยนทุกโมเมนต์ให้ทรงพลังด้วยกล้องคมชัดสูงสุด 200MP พร้อมชิปเซ็ตระดับเรือธง

Published

on

ห่างหายกับเรือธงของ Xiaomi ไปไม่นาน วันนี้ทางแบรนด์กลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่ด้วย Xiaomi 12T Series ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro สมาร์ทโฟน “Make moments mega” ชูโรงด้วยกล้องความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล พร้อมกับชิปเซ็ตระดับเรือธงที่ใช้งานได้ไหลลื่นทั้งคู่แน่นอน

สรุปสเปค Xiaomi 12T

  • ขนาดตัวเครื่อง : 163.1 x 75.9 x 8.6 มม.
  • น้ำหนัก : 202 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K+ (2712 × 1220 พิกเซล), อัตราส่วน 20:9, 446 ppi รองรับ Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 480Hz, Contrast ratio: 50000000:1, HDR10+ และความสว่างสูงสุด 900 นิต
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 8100-Ultra Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.85GHz
  • GPU : ARM Mali-G610 MC6
  • RAM : 8GB LPDDR5
  • ROM : 256GB UFS 3.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 และรองรับระบบกันสั่น OIS
    • เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
    • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.24
  • ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13
  • ลำโพงคู่แบบ Dolby Atmos
  • รองรับ 5G SA/NSA
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ชาร์จ 120W HyperCharge

สรุปสเปค Xiaomi 12T Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง : 163.1 x 75.9 x 8.6 มม.
  • น้ำหนัก : 205 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K+ (2712 × 1220 พิกเซล), อัตราส่วน 20:9, 446 ppi รองรับ Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 480Hz, Contrast ratio: 50000000:1, HDR10+, Dolby Vision และความสว่างสูงสุด 900 นิต
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 8+ Gen 1 Octa-core ความเร็วสูงสุด 3.2GHz
  • RAM : 12GB LPDDR5
  • ROM : 256GB UFS 3.1
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.69 เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HP1 และรองรับระบบกันสั่น OIS
    • เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
    • เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.24
  • ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13
  • ลำโพงคู่แบบ Dolby Atmos พร้อม SOUND BY Harman Kardon
  • รองรับ 5G SA/NSA
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ชาร์จ 120W HyperCharge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

อุปกรณ์ภายในกล่อง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro

ในตัวกล่องของทั้ง 2 รุ่นใน Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro จะมีความคล้ายกันมากๆ ในภาพรวมครับ แต่จะมีความแตกต่างกันในชื่อรุ่นที่ระบุบริเวณด้านล่างและข้างกล่อง รวมถึงที่มุมซ้ายของ Xiaomi 12T จะระบุเป็น “108MP ULTRA-CLEAR CAMERA” ส่วน Xiaomi 12T Pro จะระบุไว้เป็น “200MP ULTIMATE CAMERA”

ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องจะให้มาครบถ้วนเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องที่ติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้วทั้งคู่ อะแดปเตอร์ 120W HyperCharge ที่ให้มาเหมือนกัน, สาย USB Type-C, เคสใส, อุปกรณ์เปิดถาดซิม, คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันสินค้า

ดีไซน์เหนือระดับทุกการใช้งาน

ดีไซน์ของ Xiaomi 12T Series ทั้ง 2 รุ่นมีความคล้ายในทุกมุมมองด้วยฝาหลังผิวด้านที่ป้องกันรอยนิ้วมือและคราบมันจากการจับถือได้เป็นอย่างดี ทั้งยังให้ความรู้สึกการสัมผัสที่มีความพรีเมียมสมกับเป็นรุ่นระดับเรือธง

Xiaomi 12T Pro (ซ้าย) / Xiaomi 12T (ขวา)

ทั้งนี้ ขนาดของทั้ง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro ก็ให้มาเหมือนกันด้วยขนาด 163.1 x 75.9 x 8.6 มม. แต่น้ำหนักจะต่างกันเล็กน้อย โดยรุ่น Xiaomi 12T จะอยู่ที่ 202 กรัม ส่วน Xiaomi 12T Pro จะหนักกว่าเล็กน้อยที่ 205 กรัม ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากกล้องหลัง 200MP ครับ

โดยตัวเลือกสีของทั้ง 2 รุ่นก็เหมือนกันอีก มีทั้งหมด 3 สีได้แก่ สีดำ, เงิน และฟ้า ซึ่งสีที่เราได้มาจะเป็นสีดำคมเข้มทั้ง 2 รุ่นเลยครับ

หน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED DotDisplay ใช้งานได้สดใสเต็มตา

ในเรื่องของหน้าจอแสดงผล Xiaomi 12T Series ของทั้ง 2 รุ่นให้มาเหมือนกัน ใช้ชื่อเรียกว่า CrystalRes AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9 ทั้งยังมีค่า Contrast r Ratio : 50000000:1 แบบ Adaptive True Display เพื่อให้ความเกิดความสมจริงยิ่งขึ้นด้วย สามารถเปิดแสงสว่างได้สูงสุด 900 นิต รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ และแสดงผลสีถึง 68 พันล้านสี

อย่างไรก็ตาม Xiaomi 12T Pro จะรองรับการแสดงผลที่รองรับ Dolby Vision รวมถึง Adaptive HDR เข้ามาด้วย ทำให้ AI สามารถปรับแต่งการทำงานของหน้าจอได้อัตโนมัติอีกด้วย

ส่วนใครที่เป็นสายเกมที่ต้องการความไหลลื่นของหน้าจอ Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro มาพร้อมเทคโนโลยี AdaptiveSync Refresh Rate ที่สามารถปรับค่ารีเฟรชได้อัตโนมัติ ระหว่าง 30Hz/60Hz/90Hz/120Hz ตามเนื้อหาที่แสดงบนหน้าจอ อย่างเล่นโซเชียลทั่วไปอาจอยู่ที่ 30Hz ถ้าดูวิดีโอจะขึ้นมาที่ 60Hz หรือถ้าเล่นเกมที่รองรับอาจไปถึง 120Hz เองเลยครับ รวมถึงการรองรับค่า Touch Sampling Rate 480Hz ที่ช่วยให้เวลาสัมผัสหน้าจอทำได้ติดนิ้วและตอบสนองได้ไวสมเป็นเกมเมอร์แน่นอน

พาชมรอบเครื่อง

มาลองดูรอบเครื่องกันครับ โดยทั้ง 2 รุ่นจัดตำแหน่งเหมือนกันทั้งหมดครับ เริ่มด้วยเหนือหน้าจอจะมีกล้องหน้าแบบ DotDisplay ความละเอียด 20 ล้านพิกเซลมาให้ ซึ่งจะมีขนาดที่เล็กมากๆ รู้สึกไม่บดบังหรือรบกวนเวลาดูวิดีโอหรือเล่นเกมมากเกินไปครับ ทั้งยังมีลำโพงสนทนามาให้ที่ด้านบน

ที่ด้านขวาตัวเครื่องจะมีทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power มาให้

ที่ด้านล่างตัวเครื่องมีทั้งช่องใส่ซิมการ์ด NanoSIM 2 ช่องแบบพลิกหน้า-หลังครับ ถัดไปเป็นพอร์ต USB Type-C, ไมโครโฟนตัวที่ 1 และลำโพงตัวที่ 1

ขณะที่ด้านบนจะมีลำโพงตัวที่ 2 ที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ด้วย ซึ่งในรุ่น Pro จะมีการปรับแต่งเสียงจาก Harman Kardon ที่มีสัญลักษณ์บอกไว้ชัดเจนครับ ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 2 และเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Blaster)

Xiaomi 12T Pro
Xiaomi 12T

สุดท้ายที่ด้านหลังจะมีกล้องหลัง 3 เลนส์ โดยทั้งคู่จะมีเลนส์หลักอยู่ด้านบนสุดแบบเด่นๆ ครับ ซึ่งในรุ่น Pro จะมีความนูนออกมาเล็กน้อยจากการที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีสัญลักษณ์ความละเอียดบอกด้วย ได้แก่ 200MP (ใน Xiaomi 12T Pro) และ 108MP (ใน Xiaomi 12T) ครับ ส่วนอีก 2 เลนส์ทั้ง Ultra-Wide และ Macro จะอยู่ถัดลงมาตามลำดับ และทั้ง 2 รุ่นก็ให้ไฟแฟลช Dual LED มาให้ที่ฝั่งขวาล่างด้วยครับ

Xiaomi 12T Pro
Xiaomi 12T

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฏิบัติการ

Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro ทั้ง 2 รุ่นแกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13 เหมือนกันทั้งคู่ครับ เรื่องการใช้งาน ความเสถียร และความปลอดภัยให้มาทั้งหมด ใช้งานได้ไหลลื่น และฟีเจอร์ที่ให้ใช้งานในชีวิตประจำวันก็ให้มาครบถ้วนครับ

มาพร้อม 5G Dual-Mode ใช้งานได้ไหลลื่น

เรือธง Xiaomi 12T Series รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode ที่ใช้งานได้ทั้งแบบ SA (5G ล้วน) และ NSA (ใช้ 4G เข้ามาช่วยการทำงานของ 5G) ซึ่งการใช้งานแบบ Dual-Mode จะช่วยให้ 5G ทำงานได้เสถียรมากขึ้นและไม่เหวี่ยงสัญญาณสลับไปมาให้เปลืองแบตเตอรี่ด้วยครับ

ใช้งาน Always-on Display (AOD) พร้อมปรับแต่งได้หลากหลาย

ด้วยความที่ใช้หน้าจอ AMOLED ก็ทำให้ Xiaomi 12T Series ใช้ฟีเจอร์นี้ได้เช่นเดิมครับ โดยการปรับแต่งก็ยังทำให้เยอะมากๆ ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้งานเลย ไม่ว่าจะเป็นแบบลายเซ็นต์, นาฬิกาแบบอนาล็อก, นาฬิกาดิจิทัล, พื้นหลัง และภาพลานตา

ทั้งนี้ หากใครที่เลือกใช้ AOD แบบดิจิทอลที่เน้นตัวอักษรก็สามารถปรับสีสันต่างๆ และตำแหน่งของสถานะได้ด้วยตามใจชอบครับ

Adaptive Reading Mode ใน Xiaomi 12T Pro ลดแสงสีฟ้าช่วยให้ใช้งานได้สบายตาขึ้น


หน้าจอแสดงผลของ Xiaomi 12T Pro มาพร้อมกับเทคโนโลยี Adaptive Reading Mode ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาบนหน้าจอได้อัตโนมัติเพื่อให้เราใช้งานได้นานขึ้นโดยไม่ล้าดวงตาครับ ทั้งนี้ ก็ยังเปิดโหมดการอ่านได้อีก 2 แบบ ได้แก่ แบบคลาสสิคที่จะตัดแสงสีฟ้าลงและปรับความเข้มได้ และอีกแบบจะเป็นกระดาษที่จะเปลี่ยนหน้าจอเป็นสีโทนอุ่นพร้อมเพิ่มผิวพื้นหลังให้ดูสากๆ คล้ายกับกระดาษจริงๆ ครับ

ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบถ้วน

ทั้ง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro รองรับการใช้งานสแกนลายนิ้วมือที่อยู่บนหน้าจอ จากการที่ได้ใช้งานสามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพเลยครับ ตรวจจับได้รวดเร็ว ยังไม่เจอข้อผิดพลาดอะไร และพื้นที่การสแกนก็ค่อนข้างใหญ่เลยครับ แม้ว่าจะโดนไม่เต็ม แต่การตรวจจับก็ปลดล็อกให้เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ การสแกนใบหน้าก็ยังมีมาให้เหมือนเดิมเผื่อเอาไว้ในตอนที่มือไม่ว่างครับ ซึ่งก็ปลดล็อกได้รวดเร็วไม่แพ้กัน

ลำโพงคู่ Dolby Atmos พร้อม SOUND BY Harman Kardon ใน Xiaomi 12T Pro

Xiaomi 12T Series ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมลำโพงคู่มาตรฐาน Dolby Atmos เหมือนกันครับ เพิ่มมิติของระบบเสียงด้านความบันเทิงได้จัดเต็มมากๆ เสียงก็ได้ความกระหึ่มสุดๆ ทั้งนี้ ความพิเศษในรุ่น Xiaomi 12T Pro ยังมีการปรับจูนเสียงจาก Harman Kardon อีกด้วย

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ขุมพลังระดับท็อปทั้ง 2 รุ่น

มาถึงเรื่องของประสิทธิภาพที่ใช้กับทั้ง 2 รุ่นในซีรี่ย์กันบ้างครับ เริ่มด้วย Xiaomi 12T Pro ที่จัดชิปเซ็ตเรือธงตัวแรงสุดในฝั่ง Android อย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 Octa-Core มาให้ โดยชิปตัวนี้ใช้การผลิตขนาดเล็กเพียง 4 นาโนเมตร ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องความแรงแบบสุดๆ แล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้นด้วย

ขณะที่ฝั่งของ Xiaomi 12T ใช้หน่วยประมวลผล Dimensity 8100-Ultra Octa-Core ที่ก็มีความแรงไม่แพ้กันเลยครับ ซึ่งชิปตัวนี้ก็เป็นชิประดับเรือธงของทาง MediaTek เช่นกัน พร้อมใช้การผลิตขนาดเล็ก 5 นาโนเมตรเท่านั้น

เพิ่ม RAM เสมือนได้อีก 3GB

ทั้ง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เพิ่ม RAM เสมือนได้อีก 3GB เท่ากันทั้ง 2 รุ่นครับ ทำให้การเปิดแอปต่างๆ และการทำงานพื้นหลังทำได้มากขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิมครับ

ผลคะแนนการทดสอบ Xiaomi 12T Pro ด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu ได้มาที่ 1,082,589 คะแนน

ผลคะแนนการทดสอบ Xiaomi 12T ด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu ได้มาที่ 827,687 คะแนน

Xiaomi 12T Pro (ซ้าย) / Xiaomi 12T (ขวา)

ทดสอบการเล่นเกม (Xiaomi 12T Series ปรับภาพและเล่นได้เหมือนกัน)

Dead By Daylight Mobile

ขอเริ่มด้วยกันด้วยเกม Dead By Daylight Mobile กันก่อนเลยครับ โดยการปรับภาพเปิดได้สูงสุดทุกอย่างเลยครับ โดยการเล่นในเกมจริงทำได้ยอดเยี่ยมเลยครับ การหมุนหน้าจอไปมาทำได้ติดนิ้วมากๆ ไม่เจออาการกระตุกใดๆ และยิ่งเห็นได้ชัดตอนปั่นเครื่องที่ต้องกดสกิลเช็ดก็ทำได้ตรงแบบเรียลไทม์เลย

ROV

ต่อมาเป็นเกม ROV สามารถเปิดภาพได้สูงสุดทั้งหมดเช่นกันครับ โดยเราเล่นในโหมด 5 VS 5 ก็ทำได้ลื่นๆ เฟรมเรทวิ่งได้นิ่งมากอยู่ที่ 61fps ตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม แม้ว่าจะปล่อยสกิลกันเยอะๆ เฟรมเรทก็ไม่ดรอปเลยครับ

Genshin Impact

เกมที่ 3 จะเป็นเกมกราฟิกสูงๆ อย่าง Genshin Impact ที่เปิดภาพสูงพร้อมเฟรมเรท 60fps ได้ด้วย และก็เล่นได้แบบไหลลื่น ไม่มีสะดุดเลย

PUBG Mobile

และสุดท้ายในแนว FPS กันบบ้าง โดย PUBG Mobile เปิดภาพได้แบบ Ultra-HD และเฟรมเรท Ultra โดยเราลองเล่นโหมด 100 คนตามปกติก็ทำได้เต็มประสิทธิภาพครับ การกดยิงหรือการเคลื่อนที่ทำได้เรียลไทม์ ไม่ต่างจากเกม Dead By Daylight Mobile เลยครับ

ระบายความร้อนได้ดีขึ้นด้วย Vapor Chamber ขนาดใหญ่ (เฉพาะ Xiaomi 12T Pro)

ในรุ่น Xiaomi 12T Pro มาพร้อมกับระบบรนะบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่ตัวแผ่นมีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 65% ทำให้ชิ้นส่วนภายในถูกระบายความร้อนได้ดีขึ้นและไวกว่าเดิมครับ โดยจุดนี้เองทำให้ตัวชิป Snapdragon 8+ Gen 1 ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดวัน และไม่ได้ลดความเร็ว Clock ลงไปครับ และจากที่เราทดสอบการเล่นเกมไปจริงๆ แม้ตัวเครื่องจะร้อน (ตามปกติ) แต่เมื่อหยุดเล่นสักไม่เกิน 5 นาที ความร้อนก็กลับมาอยู่ในอุณหภูมิปกติแล้วครับ

แบตอึด 5000mAh พร้อมชาร์จเร็วอัจฉริยะ 120W HyperCharge

ทั้ง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro ให้แบตเตอรี่มาเหมือนกันที่ 5000mAh ถ้าใครที่ใช้งานทั่วไป ไม่ได้เล่นเกมหรือใช้กล้องหนักๆ สามารถใช้งานครบวันอยู่แล้ว ซึ่งใช้งานหน้าจอได้สูงสุดถึง 13.5 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่เรื่องแบตก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ทั้ง 2 รุ่นนี้ให้มาเหมือนกันอย่าง 120W HyperCharge เลยครับ

จากการที่เราทดสอบชาร์จ Xiaomi 12T Pro ผ่านหัวชาร์จ 120W HyperCharge จาก 8% ไปถึง 100% ใช้เวลาไปเพียง 35 นาทีเท่านั้นครับ แต่อาจจะเร็วกว่านี้อีกครับ เพราะเรามีการดาวน์โหลดแอปในพื้นหลังไปด้วยระหว่างชาร์จ

กล้องคุณภาพขั้นสุด คมชัดระดับ 200MP

มาปิดท้ายกันด้วยไฮไลท์เด็ดที่ขาดไปไม่ได้เลยคือกล้องหลังของ Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro ที่มีความแตกต่างกันในกล้องเลนส์หลักครับ ซึ่งใน Xiaomi 12T จะมาพร้อมกล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นไหว OIS พร้อมด้วยเลนส์ Ultra-Wide Angle 8 ล้านพิกเซล และ Macro อีก 2 ล้านพิกเซลครับ

ส่วนตัวรุ่นพี่อย่าง Xiaomi 12T Pro จัดกล้องหลังคมชัดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล ที่เป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความคมชัดที่สุดในตอนนี้ครับ โดยการใช้งานยังคงได้ประสบการณ์ใช้งานได้ยอดเยี่ยมด้วยการทำงานอย่างลงตัวของทั้ง AI, ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ช่วยให้ถ่ายภาพได้ในระดับมืออาชีพ ทั้งยังมีฟีเจอร์ Xiaomi ProCut ที่ช่วยให้สร้างสรรค์ภาพได้แบบเต็มที่ด้วยกล้อง 200 ล้านพิกเซล ขณะที่อีก 2 เลนส์จะเหมือนกับทาง Xiaomi 12T ครับ

AI HDR ถ่ายสวยคมชัดทั้ง 2 รุ่น

ในช่วงต้นเราจะถ่ายภาพจากเลนส์หลักของทั้ง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro มาให้ชมกันเลยครับ โดยทั้ง 2 รุ่นให้ภาพที่มีความคมชัดแทบไม่ต่างกันเลยครับ รวมถึงความสว่างของภาพที่ได้ Auto HDR มาปรับให้ความสว่างเท่ากันทั้งภาพ แต่ยังคงปรับสีสันของภาพที่ได้ AI เข้ามาปรับแต่งช่วยอีกชั้นหนึ่ง ทำให้เวลาเราถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ ก็สามารถจบได้หลังกล้องเลยครับ

Xiaomi 12T (ซ้าย) / Xiaomi 12T Pro (ขวา)

Make moments mega ด้วยกล้อง Ultra HD 200MP

หลังจากนี้เราจะเน้นไปที่กล้องของ Xiaomi 12T Pro ที่เป็นความแปลกใหม่ของสมาร์ทโฟนที่ให้ความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล ซึ่งหลายคนน่าจะยังไม่เคยลองกันครับ โดยตัวเซ็นเซอร์จะใช้เป็น ISOCELL HM6 ที่ผสานพิกเซลขนาดใหญ่ 2.56μm และรองรับเทคโนโลยี 16-in-1 Binning Pixel ที่ถ่ายภาพโหมดปกติได้อยู่ที่ 12.5 ล้านพิกเซล ช่วยให้ผลลัพธ์ของภาพมีความคมชัด แถมได้ความสว่างของภาพที่ดีมากโดยเฉพาะกับในจุดมืดๆ ครับ

ส่วนใครอยากถ่ายภาพ 200 ล้านพิกเซล ก็สามารถใช้งานได้ในโหมด Ultra HD ที่ปรับได้ทั้งแบบ 1x ที่เป็นสัดส่วนภาพแบบปกติ และสามารถซูมภาพได้ในระยะไกลได้มากๆ โดยที่ภาพยังคงคมชัดเหมือนเดิมอยู่ครับ ถือว่ากล้อง 200 ล้านพิกเซล ได้ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ยอดเยี่ยมมากๆ

ที่สำคัญยังมาพร้อมโหมดซูม 2x ที่เป็นการซูมแบบ In-Sensor ที่ยังคงความละเอียดขั้นสูงได้อยู่ครับ

และหากเราถ่ายในโหมด Ultra HD 200MP ก็จะสามารถใช้งานฟีเจอร์ Xiaomi ProCut ที่ปรากฏเมื่เราดูภาพต่างๆ ในอัลบั้มภาพครับ เมื่อกดไปแล้ว AI จะครอปภาพในสัดส่วนต่างๆ เพื่อเปลี่ยนมุมมองในภาพได้อยากหลากหลาย ทั้งแบบ 1:1, 4:3 และ 16:9 ครับ

Ultra-Wide Angle มุมกว้าง 120 องศากำลังพอดี

ทั้ง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro ให้เลนส์ Ultra-Wide Angle มาเท่ากันที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 120 องศา ซึ่งเป็นมุมมองที่กว้างแต่ไม่กว้างเกินไปครับ องค์ประกอบของวัตถุยังคงไม่โค้งหรือผิดเพี้ยนไปครับ ขณะที่สีสันของภาพจะเน้นไปที่เรื่องความสมจริงมากๆ ไม่ได้ปรับแต่งอะไรเยอะครับ ส่วนเรื่องความคมชัดก็ยังยอดเยี่ยมมมากๆ อยู่นะ

โหมด Portrait เบลอได้เนียน สว่างสดใส

ในการถ่ายภาพบุคคล Xiaomi 12T Pro ได้ผลลัพธ์ออกมาแบบน่าประทับใจมากๆ ครับ ใบหน้าบุคคลมีความสว่างมากขึ้นแม้ถ่ายในที่แสงน้อยก็ตามครับ และยิ่งหากถ่ายในที่แสงปกติก็ยิ่งได้ความสดใสขึ้นไปอีก รวมถึงการตัดขอบฉากหลังก็ทำได้เนียนตา โดยเฉพาะบริเวณเส้นผมที่ยังคงเบลอได้อย่างสวยงาม ไม่ได้มีเว้าแหว่งครับ ทั้งนี้ ในการถ่ายในรุ่น Xiaomi 12T Pro เราจะได้มุมมองภาพแบบ 2x แบบ In-Sensor ซึ่งจะมุมระยะของการถ่าย Portrait ที่ทำได้ดีเลย

นอกจากนี้ในโหมด Portrait ก็ยังมีเอฟเฟ็กแสงที่มีให้เล่นเยอะเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบนีออน, แฟนธ่อม, คิดถึง, รุ้ง, เสื่อมสลาย, บีม, ปนเป, สีแดง และดินแดนแห่งความฝัน

เปลี่ยนความมืดให้สว่างและคมชัดขึ้นด้วย Night Mode

ถือว่าพร้อมให้ถ่ายคมชัดสวยงามทุกเวลาจริงๆ ครับสำหรับ Xiaomi 12T Pro (รวมถึง Xiaomi 12T ด้วย) ที่สามารถถ่ายโหมดกลางคืนได้อย่างสวยงาม ซึ่งในสถานการณ์ที่มืดและมีแสงตามตึกอยู่ปกติใช้เวลาประมวลผลเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้นครับ แต่ภาพที่ได้มีความสวยงาม คมชัด สีสันตรงกับที่ตาเห็น ทั้งนี้ จุดที่ช่วยได้มากๆ จะเป็นระบบกันสั่นไหว OIS ที่ทำให้ภาพไม่สั่นเวลาถือถ่ายครับ

ถ่าย Macro ได้ใกล้สุด 4 ซม.

เลนส์นี้ไม่ต้องบอกอะไรเยอะครับ เป็นเลนส์ที่ช่วยให้ถ่ายภาพในระยะที่ใกล้มากๆ ได้ โดยทำได้สูงสุด 4 ซม. ซึ่งสีสันต่างๆ ยังคงทำได้จัดจ้านพอสมควรจากการที่ยังรองรับ AI เพื่อปรับแต่งได้อยู่

สายเซลฟี่ถูกใจแน่นอนด้วยกล้องหน้า 20MP

ในส่วนของกล้องหน้า ทั้ง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro ก็จัดมาให้ถ่ายอย่างสวยงามเลยครับ สามารถปรับแต่งบิวตี้ความเนียนของใบหน้าได้ถึง 100 ระดับ ซึ่งยังปรับแต่งได้ธรรมชาติอยู่ครับ ไม่ได้แต่งจนเกินเบอร์ไปจนเข้มครับ

วิดีโอถ่ายได้สูงสุดถึง 8K

ในด้านของการถ่ายวิดีโอ Xiaomi 12T Pro จัดมาให้คมชัดสูงสุด 8K ที่ 24fps ครับ เรื่องความคมชัดที่ทำได้สูงสุดอยู่แล้วครับ แต่จะยังไม่รองรับ HDR ในโหมดถ่าย 8K อย่างไรก็ตาม หากมาอยู่ที่ 4K ที่ 30fps ลงไป จะรองรับการใช้งาน HDR ตามปกติเลยครับ ขณะที่ Xiaomi 12T จะรองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ 4K ที่ 30fps ครับ

สรุปการใช้งาน Xiaomi 12T Series

โดยสรุปแล้ว Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อปที่ครบเครื่องมากๆ ตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ที่สัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมตั้งแต่ครั้งแรก ขณะที่หน้าจอก็จัดเต็มแบบ CrystalRes AMOLED DotDisplay รองรับ Adaptive Refresh Rate 120Hz อีกด้วย รวมไปถึงขุมพลังระดับเรือธงทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Snapdragon 8+ Gen 1 (ใน Xiaomi 12T Pro) และ Dimensity 8100-Ultra (ใน Xiaomi 12T) ที่การใช้งานจริงแทบไม่ต่างกันเลยครับ ทั้งยังมีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge และในเรื่องกล้องก็ถ่ายได้สวงามตามสไตลืของ Xiaomi ได้ AI ที่มีความฉลาดมากๆ ถ่ายได้ฉลาดทุกเลนส์และทุกโหมดที่ได้ลองใช้ครับ

อย่างไรก็ตาม ก็มีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นจุดสังเกตุครับ ด้วยการที่ยังไม่รองรับการใส่ MicroSD Card เพิ่มเติม

ราคาและวันวางจำหน่าย

ท้ายที่สุดในเรื่องราคา Xiaomi 12T (8+256GB) อยู่ที่ 17,990 บาท และรุ่น Xiaomi 12T Pro (12+256GB) อยู่ที่ 25,990 บาท โดยเริ่มพรีออเดอร์ 8 – 21 ตุลาคม 2565 พร้อมรับฟรี !! Xiaomi Watch S1 Active มูลค่า 5,490 บาท (สำหรับลูกค้า 1,500 ท่านแรกที่พรีออเดอร์และซื้อสินค้า Xiaomi 12T Series ไม่ว่ารุ่นใด จนกว่าของแถมจะหมด)

IT News11 ชั่วโมง ago

ทรู คอร์ปอเรชั่น นำดาต้าปีใหม่วิเคราะห์เทรนด์จัดเต็มสัญญาณ 5G ให้ลูกค้า “ยิ้มทั่วไทย” ฉลองเคานต์ดาวน์ส่งความสุขสู่ปีมะเส็ง

ทรู คอร์ปอเรชั่นเพิ่...

IT News11 ชั่วโมง ago

เปิดตัวแคมเปญ ‘VERTU Yacht Sailing Experience’ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เมื่อเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟน VERTU และนาฬิกาอัจฉริยะ VERTU METAWATCH พร้อมกัน

‘VERTU’ (เวอร์ทู) ลั...

Best Smartphone 12000 for 2025 Best Smartphone 12000 for 2025
Buying Guides1 วัน ago

10 มือถือราคาไม่เกิน 12,000 บาท ตัวจบ ครบทุกฟีเจอร์ ใช้ยาว ปี 2025

กำลังมองหามือถือใหม่...

Android News2 วัน ago

OPPO จับมือ Maison Kitsuné สร้างสรรค์ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับ OPPO Find X8 Series

OPPO แบรนด์สมาร์ตโฟน...

IT News2 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 14 – 20 ธ.ค. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

IT News2 วัน ago

สรุป 6 จุดเด่นที่ทำให้คุณต้องเลือก HUAWEI MatePad 12 X นวัตกรรมแท็บเล็ตใช้งานได้ดั่งกับพีซี ที่มาพร้อมโปรเด็ดลดสูงสุดถึง 2,000 บาท กับ Shopee

HUAWEI MatePad 12 X ...

ข่าวประชาสัมพันธ์2 วัน ago

กรี๊ดสนั่น! ทรู เสิร์ฟความฟินขั้นสุดส่งท้ายปี ดึง “โฟร์ท ณัฐวรรธน์” สาดรอยยิ้ม และความสุขมาแจกแบบจัดเต็ม ในงาน “Truedtac5G ยิ้มทั่วไทย ยิ้มทั่วโซเชียล กับโฟ้ดๆ”

ทรู ขอส่งต่อพลังบวกแ...

IT News2 วัน ago

AIS ยึดหัวหาดทะเลอ่าวไทยครอบคลุม ลึก สูง กว้าง ไกล ยืนหนึ่งตัวจริงภาตตะวันออก

AIS ปักหมุดผู้น...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก